Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

10 สุดยอดเทคโนโลยี ที่จะเปลี่ยนชีวิตให้ดีขึ้น

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
1.รถพลังงานเชื้อเพลิง
   

   

    แนวความคิดเรื่องการนำเซลล์เชื้อเพลิงมาใช้กับรถยนต์มีมานานแล้ว เพราะมีคุณสมบัติมากกว่ารถที่ใช้พลังงานไฟฟ้าหรือไฮโดรคาร์บอน แต่บริษัทผลิตรถหลายรายเพิ่งวางแผน ที่จะผลิตรถพลังงานเซลล์เชื้อเพลิง โดยเป็นที่คาดการณ์ว่ารถรุ่นดังกล่าวจะมีราคาอยู่ที่ 70,000เหรียญสหรัฐ(ประมาณ 22ล้านบาท) และราคาอาจลดลงเมื่อมีผู้ผลิตมากขึ้นในช่วง 2-3ปีข้างหน้า ซึ่งปกติแล้วรถพลังงานไฟฟ้าต้องอาศัยการชาร์จจากแหล่งพลังงานภายนอก แต่เซลล์เชื้อเพลิง จะสร้างพลังงานขึ้นมาเองด้วยการใช้ไฮโดรเจนหรือก๊าซธรรมชาติ แล้วนำไปเก็บไว้ที่แบตเตอรรี่ และจะถูกดึงมาใช้ในการขับเคลื่อนรถนั่นเอง

    ไม่เพียงเท่านี้ รถพลังงานเชื้อเพลิงสามารถวิ่งได้ไกลถึง 650 กิโลเมตรต่อก๊าซไฮโดรเจนหนึ่งถัง อีกทั้งยังใช้เวลาในการเติมก๊าซดังกล่าวให้เต็มถังเพียง 3 นาทีเท่านั้น ข้อดีอีกอย่างคือ ก๊าซไฮโดรเจนเป็นพลังงานบริสุทธิ์ที่ปล่อยแต่น้ำออกมา ซึ่งงเป็นการลดมลภาวะทางอากาศได้ดีเลยที่เดียว

2.หุ่นยนต์ยุคใหม่กับพัฒนาการที่ทำงานได้หลากหลายมากขึ้น

     




    เนื่องจากปัจจุบันมีการใช้หุ่นยนต์ขนาดใหญ่ทำงานในอุตสาหกรรมต่างๆมากขึ้น ซึ่งไม่มีความปลอดภัยต่อคนงานเท่าที่ควร จึงต้องถูกแยกไปทำงานในพื้นท่ปลอดภัย อย่างไรก็ดีความก้าวหน้าของเทคโนโลยีใหม่ๆ สำหรับหุ่นยนต์ ช่วยให้การทำงานกับคนเป็นจริงเรื่อยๆ เพราะมีเซ็นเซอร์ที่ถูกพัฒนาให้หุ่นยนต์เข้าใจสิ่งแวดล้อมมากขึ้น บวกกับบอดี้ของหุ่นยนต์ที่ออกแบบมาให้คล้ายกับ โครงสร้างทางพันธุกรรมของมนุษย์ จึงทำให้เป็นหุ่นยนต์ทีมีความยืดหยุ่นสูงและสามารถสั่งงานระยะไกลได้ด้วยเทคโนโลยี Cloud-Computing โดยหุ่นยนต์รุ่นใหม่ๆ จะทำงานได้หลากหลายมากขึ้นและไม่ได้อยู่แค่โรงงานใหญ่ๆเท่านั้น เช่น การใช้หุ่นยนต์ในการทำเกษตรเพื่อเก็บเกี่ยวพืชผล และป้องกันศัตรูพืช 
   
    ด้านแนวคิดของการสร้างหุ่นยนต์ก็เพื่อให้ทำงานที่อันตรายแทนมนุษย์และสามารถทำงานได้ตลอด 24 ชั่วโมงกับค่าแรงที่ถูกกว่า แต่ในความเป็นจริงแล้ว หุ่นยนต์สร้างขึ้นมาเพื่ออำนวยความสะดวกและทำงานร่วมกับมนุษย์ ไม่ว่าจะถูกพัฒนาให้ฉลาดแค่ไหนก็ตาม เพราะต้องอยู่ภ่ยยใต้การควบคุมของมนุษย์นั่นเอง

3.พลาสติกคงรูปที่รีไซเคิลได้

   

    พลาสติกแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ พลาสติกคืนรูปได้ ที่สามารถใช้ความร้อนปรับเปลี่ยนรูปทรงและนำไปรีไซเคิลได้ ส่วนพลาสติกคงรูป จะใช้ความร้อนเพื่อขึ้นรูปได้เพียงครั้งเดียวและรีไซเคิลไม่ได้ แม้ว่าจะถูกความร้อนสูงก็ตาม เนื่องจากการที่พลาสติกคงรูปได้รับความนิยมในการนำไปผลิตอุปกรณ์ต่าง ๆ มากกว่า ไม่ว่าจะเป็น โทรศัพท์มือถือ แผงวงจรไฟฟ้า รวมถึงการผลิตยานอวกาศ แต่เมื่อเสื่อมอายุใช้งาน ก็กลายเป็นขยะจำนวนมหาศาล เพราะไม่สามารถรีไซเคิลได้ แนวคิดเรื่องการสร้างพลาสติกคงรูปที่รีไซเคิลได้จึงเป็นเรื่องสำคัญมาก
   
    อย่างไรก็ตาม มีงานวิจัยที่ตีพิมพ์ลงวารสาร Science เมื่อปี 2014 รายงานเกี่ยวกับการค้นพบพลาสติกคงรูปแบบใหม่ที่รีไซเคิลได้ แต่ยังคงความแข็งแรงเหมือนเดิม ซึ่งเรียกว่า Polyhexahydrotriazine หรือ PHTs โดยสามารถใช้กรดชนิดพิเศษเพื่อหลอมละลายได้และนำไปสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ได้เรื่อย ๆ และเป็นที่คาดการณ์ว่าพลาสติกแบบใหม่จะเข้ามาแทนแบบเก่าภายใน 5 ปี และจะถูกใช้ผลิตเป็นสิ่งของแพร่หลายมากขึ้นในปี 2025 ด้วย


4.เทคนิคการตัดต่อพันธุกรรมที่มีความแม่นยำสูง




    เทคนิคตัดต่อพันธุกรรมแบบใหม่นี้จะช่วยให้มนุษย์แก้ไขรหัสพันธุกรรมของพืชชนิดต่าง ๆ ได้โดยตรง เช่น ปรับให้พืชมีโภชนาการมากขึ้นหรือทนต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศได้ดี ซึ่งปัจจุบันมีการใช้แบคทีเรียที่มีชื่อว่า Agrobacterium Tumefaciens อย่างแพร่หลาย เพื่อส่งต่อดีเอ็นเอไปยังจีโนมที่ต้องการ แต่ก็ยังเป็นที่กังวลใจของคนทั่วไป ขณะเดียวกันก็มีเทคนิคใหม่ที่ถูกพัฒนาขึ้นมากมาย ทั้ง ZFNs, TALENS และ CRISPR-Cas9 ที่แต่ละแบบมีความแม่นยำมากกว่าเดิม โดยเฉพาะตัวล่าสุดอย่าง CRISPR-Cas9 ที่ใช้โมเลกุลอาร์เอ็นเอเพื่อกำหนดดีเอ็นเอที่ต้องการ ไม่เพียงเท่านี้ ยังใช้เทคนิคดังกล่าวเพื่อป้องกันการกลายพันธุ์ของยีนอีกด้วย รวมไปถึงยังมีความก้าวหน้าของการยับยั้งอาร์เอ็นเอ (RNAi) ที่สามารถต่อต้านไวรัสกับเชื้อราได้ และช่วยป้องกันศัตรูพืช รวมถึงลดปริมาณของสารเคมีที่ใช้ฆ่าศัตรูพืชด้วย

อย่างไรก็ตาม เทคนิคใหม่ ๆ เหล่านี้จะส่งผลดีต่อเกษตรกรรายย่อยในประเทศกำลังพัฒนา เพราะจะช่วยให้ได้ผลผลิตกับประหยัดต้นทุนด้านต่าง ๆ มากขึ้น เช่น พื้นที่ใช้สอย น้ำ และปุ๋ย เป็นต้น ซึ่งส่งผลให้เกษตรกรมีรายได้มากขึ้นกว่าเดิม 

5.สร้างผลิตภัณฑ์ต่างๆ ด้วยการพิมพ์ 3 มิติแบบใหม่


    เทคโนโลยีแบบใหม่ของการพิมพ์ 3 มิติ จะใช้ส่วนประกอบอย่างแป้งและของเหลวที่เกี่ยวข้องเป็นหลัก ร่วมกับแม่แบบดิจิตอล ทำให้ผลิตภัณฑ์จากการพิมพ์ 3 มิติ เข้าถึงและเหมาะกับความต้องการของลูกค้ามากกว่าการผลิตของจำนวนมากแบบเก่า เพราะเป็นการผลิตตามออร์เดอร์นั่นเอง อีกทั้งยังถูกใช้ในด้านการแพทย์ด้วย เช่น ผลิตอุปกรณ์จัดฟันที่พอดีกับปากลูกค้า พิมพ์เซลล์และสร้างเนื้อเยื่อที่จำเป็นด้วย

          ทั้งนี้ในอนาคต การพิมพ์ 3 มิติ จะได้รับการพัฒนาต่อยอดให้เป็นแบบ 4 มิติ เพื่อใช้ในการสร้างผลิตภัณฑ์ที่สามารถปรับตัวเองให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็น เสื้อผ้า รองเท้า และผลิตภัณฑ์ด้านสุขภาพ เป็นต้น

6.ปัญญาประดิษฐ์ความรู้ได้ด้วยตนเอง




    ปัญญาประดิษฐ์เป็นคำที่ใช้เรียกระบบคอมพิวเตอร์ที่สามารถทำงานได้เช่นเดียวกับมนุษย์ และเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์มีความก้าวไหนไปมาก เห็นได้ชัดจากสมาร์ทโฟนที่จำเสียงคนพูดได้ หรือการใช้เทคโนโลยีจดจำใบหน้าเพื่อตรวจคนเข้าสนามบิน ส่วนรถขับเคลื่อนด้วยตัวเองและโดรนที่บินได้อัตโนมัติยังอยู่ในช่วงทดสอบอยู่ ซึ่งในอนาคต รถดังกล่าวจะช่วยลดอุบัติเหตุบนท้องถนนได้

          นอกจากนี้หลายคนยังกังวลว่าเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ที่เรียนรู้ได้ดัวยตัวเองจะเข้ามาทำงานแทนที่มนุษย์ ซึ่งจะทำให้คนตกงานเป็นจำนวนมากด้วย

7.การผลิตสินค้ากระจายส่วน

 


    ปกติแล้ว การผลิตสินค้าส่วนใหญ่จะนำเอาวัตถุดิบต่าง ๆ ไปผลิตที่โรงงานขนาดใหญ่ ก่อนที่จะส่งต่อให้ลูกค้า แต่การผลิตแบบใหม่ ไม่จำเป็นต้องใช้เนื้อที่มาก เพราะเป็นการกระจายวัตถุดิบที่จำเป็นเพื่อผลิตสินค้าไปที่โรงงานท้องถิ่นที่ใกล้ลูกค้าที่สุด ซึ่งนอกจากจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตแล้ว ยังช่วยลดปัญหาด้านการขนส่งด้วย

          แต่การผลิตสินค้าลักษณะนี้อาจเป็นปัญหาในอนาคตได้เช่นกัน เพราะจะไปกระทบกับแรงงานโดยตรงในแง่ของขั้นตอนการผลิต แถมเป็นเรื่องยากที่จะควบคุมการผลิตสินค้าจำพวกเครื่องมือแพทย์และอาวุธผิดกฎหมายอีกต่างหาก

8.โดรนที่สามารถหลบหลีกสิ่งกีดขวางได้เอง
 
   

    ปัจจุบันโดรนหรืออากาศยานไร้คนขับ เป็นที่นิยมมาก ทั้งใช้ในงานทหาร การถ่ายหนัง และใช้งานด้านการเกษตร แต่โดรนก็ยังอาศัยการควบคุมของมนุษย์อยู่ โดยเทคโนโลยีใหม่ของโดรน ถูกพัฒนาให้มีความหลากหลายมากขึ้นและบินเองได้ ซึ่งโดรนแบบใหม่สามารถเรียนรู้สิ่งแวดล้อมรอบตัวได้ เพื่อหลบสิ่งกีดขวางนั่นเอง


          ทั้งนี้โดรนแบบใหม่จะใช้การเลียนแบบพฤติกรรมของสัตว์ต่าง ๆ ในธรรมชาติ เช่น นก ปลา และแมลง เพราะสัตว์เหล่านี้มีการตอบสนองต่อสัตว์ประเภทเดียวกันได้อย่างทันท่วงที ซึ่งจะทำให้โดรนเลี่ยงการชนกันเองได้ เพื่อนำมาใช้กับงานที่เสี่ยงอันตรายแทนมนุษย์
9.ชิปคอมพิวเตอร์เลียนแบบการทำงานของสมองคนได้ 




    เนื่องจากการทำงานของระบบคอมพิวเตอร์ในปัจจุบันจะทำงานเป็นเส้นตรงในการย้ายไฟล์และข้อมูลต่าง ๆ จากชิปประมวลผลและหน่วยความจำด้วยความเร็วสูง ขณะที่สมองมีความซับซ้อน เพราะมีการทำงานที่เชื่อมโยงกันเป็นเครือข่ายกับฐานตรรกะและความจำที่หลากหลายกว่าคอมพิวเตอร์อย่างเห็นได้ชัด 

          โดยชิปคอมพิวเตอร์รุ่นใหม่ที่มาพร้อมกับความสามารถเลียนแบบสมองมนุษย์นี้ จะมีประสิทธิภาพในการประมวลข้อมูลจำนวนมากได้รวดเร็ว และเรียนรู้เกี่ยวกับเครื่องจักรได้ดีขึ้น ซึ่งในปี 2014 ที่ผ่านมา บริษัท IBM ได้เปิดตัวชิปเลียนแบบสมองมนุษย์เป็นที่เรียบร้อย ผลปรากฏว่าชิปรุ่นใหม่ทำงานได้ดีกว่าชิปแบบเก่ามาก แถมยังใช้พลังงานน้อยกว่าด้วย

10.จีโนมดิจิตอลในแฟลชไดรฟ์

    การถอดจีโนมครั้งแรกของมนุษย์มีจำนวนดีเอ็นเอถึง 3.2 พันล้านคู่เบส ซึ่งใช้ต้นทุนหลายล้านเหรียญและใช้เวลาหลายปี แต่ในปัจจุบัน คุณสามารถถอดจีโนมได้ด้วยตัวเองและมีค่าใช้จ่ายน้อยลงมาก แถมยังเก็บข้อมูลจีโนมไว้ในแฟลชไดร์ฟและแชร์ผ่านอินเทอร์เน็ตเพื่อรับการวิเคราะห์ได้ทันที

          การเข้ามาของข้อมูลจีโนมดิจิตอลจะช่วยให้แพทย์วินิจฉัยอาการของโรคต่าง ๆ ได้แม่นยำมากขึ้น เช่น โรคหัวใจและโรคมะเร็ง เป็นต้น ซึ่งเป็นการพัฒนาวิธีการรักษาให้ตรงและเหมาะสมกับคนไข้อีกด้วย

เห็นได้ชัดว่าเทคโนโลยีแต่ละชนิดมีความสำคัญและมีประโยชน์ต่อมนุษย์ในด้านต่าง ๆ เป็นอย่างมาก ซึ่งหากเทคโนโลยีเหล่านี้พัฒนาไปได้เรื่อย ๆ ก็ยิ่งจะช่วยให้คนใช้ชีวิตได้สะดวกสบายมากขึ้นไปด้วย

ที่มา 
http://men.kapook.com/view114075.html

แสดงความคิดเห็น

>