Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

ปีๆนึง มีคนที่ขยันอ่านหนังสือมากๆ เตรียมตัวดีๆ แล้วสอบไม่ติดแพทย์เยอะมั้ยอ่ะคะ

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
ตามหัวข้อกระทู้เลยค่ะ คือแค่อยากรู้

แสดงความคิดเห็น

>

6 ความคิดเห็น

เยอะเลย 18 พ.ย. 58 เวลา 15:31 น. 1

เยอะมากเลย แต่ก็ไม่แปลกสำหรับคณะแพทย์ ที่มีแต่เด็กเก่ง เด็กเทพที่ลงสนามแข่งแย่งชิงที่นั่งเรียนกันเอง พวกนี้ไม่ต้องห่วงเขาขยันเตรียมตัวเต็มที่อยู่แล้ว ตัวอย่างในกสพท.คนสมัครปีนึงหลายหมื่นคน แต่หมอเขารับทั้งม.รัฐ+เอกชนแค่พันนิดๆเอง โดนคัดออกเป็นหมื่น ส่วนมากที่สมัครจะเลือกหมอทั้งนั้น ผลสอบออกมาก็กลุ่มพวกนี้หละที่มีโอกาสติดมากที่สุด
ส่วนกลุ่มหัวกลางๆที่อยากเรียนหมอ กลุ่มนี้ส่วนมาก็ขยันเตรียมตัวมาดีนะ แต่มันเหมือนแพ้ทางกันมาแต่แรกแล้ว พวกเก่งจริงๆ(ไม่รวมที่เก่งกำมะลอ)ข้อสอบจะง่ายหรือยากเขาทำได้อยู่แล้ว คะแนนสอบมากกว่าก็ต้องติดไปก่อนอยู่ดี หรือรับตรงที่อื่นก็ดูออกนะเช่นmdxขอนแก่นที่ผ่านมา หรือเดี๋ยวรับตรงหมอจุฬาทหารอากาศที่รอผลแกท แพท+วิชาความถนัดแพทย์อยู่ พอผลออก ก็แนวเดียวกับmdxอีกนั่นแหละว้าว

0
กัลย์ 18 พ.ย. 58 เวลา 17:32 น. 2

แต่ละปี มีเด็กเก่งนิดหน่อย เก่งปานกลาง และเก่งมาก(ประหม่า) สอบไม่ติด กสพท.เยอะมาก

ดูอารมณ์ลุ้น ก่อนประกาศผล กสพท.ปีที่แล้ว ปี58
http://www.dek-d.com/board/view/3455505/

ลองดูอารมณ์คนที่ติดแพทย์-ทันตะ กสพท.ปีที่แล้ว ปี 58
http://www.dek-d.com/board/view/3456462/

ลองดูอารมณ์คนที่ เกือบติดแพทย์-ทันตะ กสพท.ปีที่แล้ว ปี 58
http://www.dek-d.com/board/view/3456626/

เยี่ยมเยี่ยมเยี่ยม

4
Jibsy 19 พ.ย. 58 เวลา 14:28 น. 2-2

แล้วถ้าเป็นมหาลัยท็อปสามล่ะคะ หมายถึงศิริราช จุฬา รามา อยากรู้ว่าต้องเก่งแบบสุดๆเท่านั้นรึเปล่าถึงจะติด หรือว่าถ้าหัวปานกลางแต่ขยันมากจะมีสิทธิ์ติดบ้างมั้ย

0
กัลย์ 19 พ.ย. 58 เวลา 15:42 น. 2-3

ท็อปสาม หมายถึง จุฬา ศิริราช รามา พวกที่ติดก็ส่วนมากเก่งๆกันทั้งนั้น

ถ้าเก่งปานกลางแต่ขยันมาก จะมีสิทธิ์ลุ้นติดสถาบันที่คะแนนรองๆลงไป
ส่วนมากจะเป็นสถาบันต่างจังหวัด ถึงจะมีโอกาส(พูดเรื่องจริง ไม่ได้ดูถูก)

เยี่ยมเยี่ยมเยี่ยม

0
พี่เราเอง 19 พ.ย. 58 เวลา 16:40 น. 2-4

จริงนะสมัยพี่เราเรียนเตรียมอยู่ห้องคละอยู่หัวแถวของห้อง ยังหลุดเลยติดแค่มศว มีหัวกะทิห้องคละบางคนที่รอดไปติดท๊อป3ได้แต่น้อยมากๆ ส่วนมากที่ติดท๊อป3จะเป็นเด็กกิฟเลข กิฟวิทย์ คิง3ห้อง ควีน3ห้อง เกือบหมด ซึ่งเด็กเตรียมห้องคละถ้าเทียบหัวก็พอๆกับ เด็กเก่งรร.ดังมากๆ พวกสวนใหญ่ สาธิตทุมวัน สตรีวิทยา พวกนี้ยังไม่อยากหวังท๊อป3กันเลย ก็แค่ลุ้นๆกันมากกว่า ขอแค่ติดตั้งแต่วชิระลงมา จนถึง วพม.ได้เป็นพอใจแล้ว...ข้อมูลของพี่กัลย์ถูกต้องเลยนะคะ

0
Shell 19 พ.ย. 58 เวลา 07:29 น. 3

กลับกันนะ มีคนที่สอบติดแบบไม่ได้เตรียมตัวไปเลยก็มีเช่นพวกที่บ้านบังคับให้ไปสอบ ก็ไปสอบให้ที่บ้านหน่อย แต่ให้ทำแบบไม่เดา ดันติดอีก ทุกวันนี้ซวยหนักเลยเพราะต้องเรียนที่ตัวเองไม่ชอบเช่นในรามา ลองไปถามดูได้ตัวเป็นๆอยู่ในนั้น ตลกจัง

2
mo..mo 19 พ.ย. 58 เวลา 09:16 น. 3-1

จริงหงะ รุ่นพี่ที่รร. (ไม่ดังมาก) ปีที่แล้ว ประเภทเด็กท้ายห้องที่ไปลองสอบ กสพท.แบบไม่ได้เตรียมตัวไปเลย พ่อแม่บังคับป่าวไม่แน่ใจ แต่พี่เขาบอกขอลองซักครั้งนึงให้รู้รสชาติ ก็ไปทำแบบเดาๆหลายคน ไม่เห็นมีใครสอบติดแม้คนเดียว ทุกวันนี้ซวยเหมือนกัน ต้องไปเรียนคณะที่เด็กเก่งๆไม่มีใครเขาสนใจเรียน แต่เธอบอกว่ามีคนสอบติดรามาก็อยากเชื่อนะ เพราะอาจมี1ในหมื่นก็เป็นได้ที่โชคดีเป็นบ้าเลย...เพราะว่า รามาเป็น1ในท็อป3 ที่เด็กเก่งๆตัวเป็นๆเขาเลือกแย่งกันเชียวนา

0
Shell 19 พ.ย. 58 เวลา 09:47 น. 3-2

จริง ไม่ได้หลอก คนนี้ติดรับตรงวิศวะจุฬาแล้ว จะเอานั่นล่ะเพราะกะมาสายนี้แต่เล็ก แต่โดนบังคับให้ไปสอบ เห็นว่าจะบ้าหลายที ไม่รู้จะเรียนจบไหม แต่น่าจะจบได้ล่ะ ขึ้นปี5ละ

0
กัลย์ 19 พ.ย. 58 เวลา 15:32 น. 4

ขอเล่าเรื่องจริงเรื่องหนึ่ง เรื่องนี้เกิดขึ้นนานหลายปี เกือบ 10 ปีมาแล้ว พ่อแม่รับราชการเป็นอาจารย์โรงเรียนรัฐ พ่อเป็นเจ้าของสำนักติว และเป็นอาจารย์สอนชีวะโรงเรียนกวดวิชาของตัวเองด้วย อยู่แถวบางนา ลูกชายตอนนั้นเรียนอยู่สาธิต มศว ประสานมิตร และเป็นพี่ติวเตอร์ วิชาเลขของสำนักติวของพ่อด้วย เรียกว่าเป็นติวเตอร์เลขตั้งแต่เด็ก

พ่อเห็นว่าลูกชายเก่งเลข มีโอกาสสอบติดหมอแน่นอน จึงอยากให้ลูกชายสอบหมอ ขอร้อง ปะเหลาะ เอาใจ พูดหว่านล้อมด้วยเหตุด้วยผลว่า เรียนหมอดีอย่างไร ลูกก็ไม่ตกลง ลูกบอกไม่ชอบ ลูกชอบวิศวะ พ่อยังไม่ยอมแพ้ พ่อก็แอบให้ญาติ ลุง ป้า น้า อา ช่วยพูดเกลี้ยกล่อมอย่างไร เพื่อชื่อเสียงวงศ์ตระกูล ก็ไม่ได้ผล ปรากฏว่า ลูกติดวิศวะคอมฯจุฬาฯ

พอจบวิศวะคอมฯ แล้วไปทำงานบริษัทเอกชน 2-3 ปี มีประสบการณ์การทำงานแล้ว ตอนหลังลูกได้คุยบ่นกับพ่อว่า รู้อย่างนี้เรียนหมอดีกว่า เพื่อนๆส่วนใหญ่ไปรับราชการเป็นหมอหมดแล้ว พ่อบอกว่า คิดได้ตอนนี้ก็สายไปเสียแล้ว(ความจริงยังไม่สายหรอก เพราะมีหลายคนจบวิศวะแล้วก็ยังสอบหมอก็มี) พ่อบอกว่า แล้วตอนนั้นทำไมไม่ทำตามคะแนะนำที่ดีๆ ทำไมถึงต่อต้าน

ความคิดส่วนตัวเห็นว่า ลูกผู้ชายวัยรุ่นส่วนมาก ชอบมีความคิดเป็นอิสระของตนเอง จะไม่ค่อยยอมรับความคิดของพ่อแม่ ชอบต่อต้าน ถ้าพ่อแม่บอกว่าอยากให้ลูกเรียนวิศวะ ตัวลูกก็จะบอกว่า อยากเรียนหมอ คือพยายามทำตรงกันข้าม แต่เมื่อผ่านการเป็นวัยรุ่นแล้ว ไปทำงานแล้ว ก็จะมีประสบการณ์ชีวิตมากยิ่งขึ้น การตัดสินใจอะไร จะสุขุมขึ้น มีเหตุมีผลมากยิ่งขึ้น

สรุปคือ ไม่ค่อยเชื่อว่า มีคนที่สอบติดแพทย์ แบบพ่อแม่บังคับให้ไปสอบ โดยไม่ได้เตรียมตัวสอบไปเลย ไม่น่าจะเป็นไปได้ คือสงสัยว่า ใจไม่ชอบแล้วสมัครไปได้อย่างไร มันน่าจะเป็นเหมือนเคสข้างบนมากกว่า

เยี่ยมเยี่ยมเยี่ยม

4
นศพ.ลั่ลล้า 24 พ.ย. 58 เวลา 02:44 น. 4-1

โลกเเคบไปละคุณ ครับ ที่รามา ศิริราช ปีๆนึงเนี่ยมี รวมกันเกิน30 คนอีก ข้อสอบ7วิชามันก็ไม่ได้ยาก เลขก็ง่าย ฟิสิกส์ยิ่งเเล้วใหญ่ ชีวะ เคมีกลางๆ อังกฤษ โอเค ชอบคือเเยกพวกอ่อนๆออกไปได้ คนที่อยากเรียน อักษร นั่งยิ้มอยู่ใน top3 หลายคนนะ ถ้าไม่เคยสัมผัส ลองเเวะมาสิครับ
อ่อ สังคมยากนะ5555

0
กัลย์ 24 พ.ย. 58 เวลา 18:16 น. 4-2

หนูเป็นเด็กเก่งมาก เราเทียบไม่ติดหรอก ตอนนี้หนูยังไม่มีหัวโขน แต่อีกไม่กี่ปี ก็มีหัวโขน

เราเป็นประชาชนชาวบ้านธรรมดา ไม่เคยเรียนหมอ และไม่มีปัญญาเรียนหมอ
เพราะหัวไม่ดีถึงหมอ สมัยเด็กทางบ้านยากจน ไม่มีปัญญาเรียนแม้แต่ในระบบปกติตั้งแต่ ป.5 ต้องทำงานตั้งแต่จบ ป.4 ได้เรียนต่อเมื่ออายุ 15 แล้ว ทำงานไปด้วย เรียนไปด้วยมาตลอด ส่งเงินให้ทางบ้านตลอดตั้งแต่เด็ก อยากเรียนต้องใช้เงินตัวเองเรียนเอง พิธีปริญญาก็ไม่ได้รับ ต้องรับใบปริญญาจาก จนท.หน่วยงานมหาลัย เพราะไม่มีเงินค่าใช้จ่ายเข้าร่วมพิธีรับปริญญา

สมัยก่อนเราเคยมีหัวโขน ทำงานเพื่อประชาชนและสังคมมาตลอด
เคยดูแล แนะนำให้ลูก หลานสอบติดหมอ ตั้งแต่ปี 52 และปัจจุบันจบหมอ ไปทำงานรับราชการแล้ว จึงมีประสบการณ์มากพอ อยากคิดช่วยเหลือสังคม ไม่หวังผลตอบแทน เพราะคิดว่า หากลูก หลานติดหมอแล้ว เลิกติดตามข่าวเกี่ยวกับการสอบหมอ ความรู้เกี่ยวกับการสอบหมอที่สะสมมาหลายปี ก็จะสูญหายไปกับอายุเรา ปัจจุบันถอดหัวโขนคืนหลวงไปหมดนานหลายปีแล้ว ระหว่างมีหัวโขน ก็ไม่เคยยึดติดหัวโขนเลย

หนูเป็นนักศึกษาแพทย์ มีอนาคตที่ดีแน่นอนแล้ว อีกหน่อย ก็มีหัวโขน ขอให้อย่ายึดติดหัวโขนมากเลย และอย่าไปสนใจลุงแก่ๆ มากเลย อีกไม่กี่ปีลุงก็ไปจากโลกนี้แล้ว ก่อนจะไปขอให้ทำประโยชน์ให้สังคมดีกว่า

เยี่ยมเยี่ยมเยี่ยม

0
กัลย์ 24 พ.ย. 58 เวลา 18:56 น. 4-3

มีความรู้ ถามได้ ตอบได้
-เกี่ยวกับกฎหมาย
-ระบบราชการงานศาลยุติธรรม
-เกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์
-ข้อมูลเกี่ยวกับการสอบหมอ

เยี่ยมเยี่ยมเยี่ยม

0
กัลย์ 25 พ.ย. 58 เวลา 07:21 น. 4-4

นักศึกษาแพทย์ รามา ปี 3
เด็กเก่งมาก จะมีอีโก้สูงมาก

เยี่ยมเยี่ยมเยี่ยม

0
กัลย์ 26 พ.ย. 58 เวลา 08:42 น. 5

นักศึกษาแพทย์ชาย รามา ปี 3 สืบหาได้ไม่ยากว่า คือใคร
เล่นในเน็ต อย่าเปิดเผยตัวตนที่แท้จริง อันตรายมากกับอนาคตหมอ
ถ้าไม่แสดงตัวเป็น นศพ.สถาบันดังๆ คนจะไม่ยอมรับหรือ?
คนอื่นจะยอมรับเราหรือไม่ อยู่ที่ข้อความที่เราเขียนดีหรือไม่ เป็นประโยชน์หรือไม่
จะให้คนอื่นยอมรับเรา เราต้องทำตัวต่ำกว่าเขา ถ่อมตัวต่ำกว่าเขา อย่าทำตัวเหนือเขา
เคยเห็นมามาก เด็กเก่งมาก ทำงานร่วมกับคนอื่นๆลำบาก

เยี่ยมเยี่ยมเยี่ยม

0
สงสัย 27 พ.ย. 58 เวลา 12:46 น. 6

ผมขอแสดงความคิดเห็นนะครับ ในกรณีตัวอย่างของผู้จบวิศวะคอมจุฬาข้างต้น นั้น ผมคิดว่าเขาเสียดายน่าจะมีสาเหตุมาจากการไปพบเห็นเพื่อนๆที่ทำงานเป็นหมอแล้วจึงเกิดการเปรียบเทียบมากกว่านะครับ นั่นคืออาจจะ ไม่ได้ชอบการเป็นหมอแต่อยากจะมีอยากได้ในสิ่งที่ผู้เป็นแพทย์มี เช่น ตำแหน่ง ความก้าวหน้า เงินเดือน การยอมรับในสังคม มากกว่านะครับ และส่วนหนึ่งก็อาจจะรู้สึกยังไม่พอใจกับงานที่ทำอยู่หรือไม่ค่อยประสบผลสำเร็จในงานของตนเท่าที่ควร มากกว่านะครับ

1
กัลย์ 27 พ.ย. 58 เวลา 15:13 น. 6-1

มันก็มีส่วนถูกบ้างเป็นบางส่วน

ส่วนตัวชอบเคสตัวอย่างจริงๆ เท่าที่มีประสบการณ์จากการสอบถามพ่อแม่ของเด็กหลายๆคน พ่อแม่หลายคนกับลูกผู้ชายชอบทะเลาะกันเรื่อง เลือกคณะเรียน ลูกผู้ชายจะไม่ชอบให้พ่อแม่มาก้าวก่ายเรื่องเรียนของเขา แต่พ่อแม่ก็ถือว่าตัวเองมีประสบการณ์ชีวิตมากกว่า รู้ว่าอะไรดีกว่า ยิ่งพ่อแม่รับราชการอยู่ในวงการศึกษาทั้งคู่ ย่อมมีข้อมูลมากกว่าเด็ก แต่ลักษณะนิสัยเด็กวัยรุ่นชอบต่อต้านพ่อแม่ ชอบมีความเห็นตรงกันข้ามกับพ่อแม่ แต่ถ้าพ่อแม่คนไหนได้สอบถามพ่อแม่คนอื่นๆ ที่เคยมีปัญหานี้ ก็จะรู้หลัก จับจุดได้เอง

ที่บอกว่าถูกบางส่วนนั้น ก็เพราะตอนเป็นวัยรุ่น ข้อมูลมีน้อย ใจเด็กตั้งธงต่อต้านพ่อแม่ เอาชนะพ่อแม่อย่างเดียว ไม่ฟังเหตุผลอะไรเลย ถ้าฟังเหตุผลแล้วค่อยไปค้นคว้าหาข้อมูล โดยอาจจะสอบถามรุ่นพี่ที่เป็นแพทย เป็นวิศวะ แล้วเอาข้อมูลมาเปรียบเทียบ ก็จะรู้เอง ไม่ใช่ต่อต้านทันที ลูกผู้ชายวัยรุ่นพอบอกไปแล้ว ก็ต้องเลยตามเลย จะไม่ยอมเปลี่ยนอะไรอีก

พอไปทำงานแล้ว ไปเจอประสบการณ์จริง ที่ไม่ได้เป็นตามที่ตัวเองคิด งานหนัก เงินเดือนไม่ได้สูง อยากได้เงินเดือนสูงก็ต้องยอมลำบากไปทำงานต่างประเทศที่สิงคโปร์ เพื่อได้เงินเดือนสูง แต่ค่าครองชีพแพง ค่าใช้จ่ายทุกอย่างแพง หักแล้วเหลือเงินไม่เท่าไหร่ ตอนหลังพบปะ เจอเพื่อนๆ ต่างก็พูดคุยความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน ความสำเร็จตัวเอง ก็เริ่มรับรู้ข้อมูลเพิ่มมากขึ้น ตอนหลังก็เริ่มยอมรับ ในทำนองเชื่อพ่อตอนนั้นก็ดีแล้ว

เยี่ยมเยี่ยมเยี่ยม

0