ความสวยที่ได้มาจากความทรมานของสัตว์ที่ไม่รู้ว่าตัวเองผิดอะไร
ตั้งกระทู้ใหม่
เจ้าของกระทู้รู้ว่าทุกคนอยากสวย แต่มันดีแล้วหรือที่ความสวยของเราต้องได้มาจากความเจ็บปวดของน้องกระต่าย น้องหมา น้องลิง และอีกมากมาย ไม่เว้นแม้กระทั่งหอยทาก
เราเลือกได้ว่าจะสนับสนุนแบนด์ที่ทำร้ายพวกเค้าหรือไม่ เพราะในปัจจุบันเทคโนโลยีก้าวหน้า
มากพอไม่จำเป็นต้องใช้พวกเค้าในการทดลองแล้ว แต่ที่เรื่องแบบนี้ไม่หายไปจากโลกนี้ซักทีก็เพราะ ประเทศจีนที่เป็นตลาดใหญ่ของโลกมีกฎหมายให้เครื่องสำอางทุกชนิดต้องผ่านการทดลองในสัตว์ก่อน จึงจะสามารถนำขายเข้าในประเทศเค้าได้
อธิบายมาถึงจุดนี้คงไม่ต้องให้เล่าต่อว่าเพราะอะไรเรื่องโหดร้ายป่าเถื่อนแบบนี้จึ งไม่หมดไปจากโลกนี้ซักที เพราะ เงิน คำเดียว
แต่เราในฐานะผู้บริโภคเราเลือกได้ว่าจะใช้เครื่องสำอางเพื่อให้ได้ความสวยที่ได้มาเพราะความทรมานหรือไม่ แค่เรามองหา สัญลักษณ์ แบบนี้หลังขวดเราก็จะได้ใช้เครื่องสำอางที่ไม่ใช้สัตว์ทดลองแล้ว ^^
แต่มีอีกแบนด์ที่เจ้าของกระทู้แนะนำ เป็นแบนของคนไทย ไม่ใช้สัตว์ทดลอง นั่นก็คือ
ออเรนทอลปริ้นเซสนั่นเอง ซึ่งปัจจุบันนี้เจ้าของกระทู้ก็กำลังใช้อยู่ เป็นแบนที่ราคาไม่แพงมาก
เด็กม.ปลายอย่างเจ้าของกระทู้ มีปัญญาซื้อใช้ ไม่ลำบากพ่อแม่นัก ไม่สิถูกกว่าตัวเดิมที่ใช้อีก
เจ้าของกระทู้เริ่มใช้ไม่นานเดี๋ยวจะมารีวิวให้อ่าน
7 ความคิดเห็น
สวัสดีค่ะ เจ้าของกระทู้
เห็นกระทู้ของคุณแล้วนะคะ อ่านแล้วก็รู้สึกได้ว่าคุณตั้งกระทู้สาเหตุเพราะมีความรู้สึกกดดันทางอารมณ์จากสิ่งใดสิ่งหนึ่งอย่างรุนแรง เห็นได้จากการใช้คำ จากประเด็น จากภาพที่คุณโพสจ์ค่ะ (ตรงนี้ดิฉันอาจจะรู้สึกหรือคิดไปเองก็เป็นได้ค่ะ)
หากไม่ใช่แบบนั้นต้องขออภัยด้วยนะคะ แต่...หากใช่อยากแนะนำให้คุณหายใจเข้าออกลึกๆยาวๆค่ะ คุณพยายามทำให้ได้สักครึ่งชั่วโมงเป็นอย่างน้อยนะคะ ลมหายใจนั้นจะช่วยให้ลดความกดดันความเครียดได้เป็นอย่างดีค่ะ
วิธีนี้นะเป็นยาวิเศษจากธรรมชาติเพื่อการผ่อนปรนความทุกข์ทรมานซึ่งเกิดจากจิตใจ จิตสำนึกได้เป็นอย่างดี ไม่เป็นพิษภัย และไม่เกิดอาการผลข้างเคียงที่เป็นพิษด้วย อยากแนะนำคุณค่ะ
จากที่อ่านคำบอกเล่าซึ่งบอกถึงความสับสนกดดันของคุณนี้ บอกได้ว่าอยากแนะนำให้คุณศึกษาธรรมะให้มากขึ้นค่ะ ธรรมะ ซึ่งแท้จริงพระพุทธเจ้าตรัสว่านั้น ธรรมะคือธรรมชาตินะคะ อยากให้คุณรู้ลึกซึ้งค่ะ อยากให้คุณรู้ถึงแก่นแห่งคำสั่งสอน เพราะแก่นของศาสนาจะทำให้คุณเข้าใจเป็นสุขและสงบได้ค่ะ
เจ้าของกระทู้คะ การผลิตหรือผลผลิตซึ่งจะนำมาใช้ในชีวิตประจำวันนะหากไม่มีการทดลองนะ...คุณรู้ไหมคะว่าจะเกิดอะไรขึ้น...เกิดเป็นอาการแพ้ในรูปแบบต่างๆในบางคนค่ะ...และอาการแพ้ต่างๆดังกล่าวนี้เกิดเป็นความรู้สึกทุกข์ทรมานแสนสาหัสมากมาย สำหรับหลายๆคนบนโลกนี้ค่ะ
ยกตัวอย่าง เช่น บางคนแพ้ยา ทั้งที่ต้องการเยียวยาเพื่อรักษาโรคแต่ก็มีอันต้องตายอย่างทรมานเพราะอาการแพ้ยาค่ะ นั้นเกิดขึ้นมากมายในอดีตกาล มาวันนี้ผลของการทดลองได้ทำให้เหตุนี้ดีขึ้น คุณรู้เรื่องนี้ไหมคะ
การทดลองเป็นระบบที่เกิดจากคนที่มีสติปัญญาแล้วในขั้นหนึ่งค่ะ การทดลองทำให้คน หรือมนุษยชาติมีอายุยืนยาวหรือยาวนานขึ้นได้ ลดทอนความเจ็บปวดทุกข์ทรมานของคนได้บ้าง การทดลองเป็นผลงานของธรรมชาติของสมองที่สามารถเกิดขึ้นได้ค่ะ แบบนี้ต้องขอบคุณธรรมชาตินะคะ
ในธรรมชาตินี้นะคะเจ้าของกระทู้คุณรู้หรือเปล่าว่า...ทุกอย่างในธรรมชาตินั้นเลื่อมลํ้า ไล่เลียง คู่และเคียงกันค่ะ (คุณเข้าใจไหมคะ) หากจะยกตัวอย่างนะ คือในธรรมชาตินี้ ระบบของธรรมชาติเป็นคล้าย...ปลาเล็กกินปลาใหญ่เป็นอาหาร (ผิดๆค่ะ กลับเข้ามาแก้ไขค่ะ ขออภัยค่ะ รัวๆเร็วๆสิ พิมพ์กลับหล่ะ แก้ไขนะคะ ปลาเล็กกินปลาใหญ่ได้ก็ต่อเมื่อปลาใหญ่ต้องตายและเน่าเปื่อยสินะ555)
ที่ถูกต้องคือ ปลาใหญ่ต้องกินปลาเล็กเป็นอาหาร นั้นก็เพื่อความอยู่รอดนะคะ คุณรู้เรื่องนี้ซึ่งเป็นธรรมชาติที่ศักดิ์สิทธ์ ซึ่งเป็นธรรมชาติที่ถูกสร้างขึ้นมาในรูปแบบ ในธรรมชาตินี้ทุกอย่างต้องพึงพาอาศัยกันและกันค่ะ นี่คือธรรมชาติ นี้คือธรรมะที่คุณต้องศรัทธาค่ะ
หากจะเปรียบการทดลองคือ เพื่อการที่จะอยู่รอดของคนที่มีสติปัญญา...แน่นอนต้องมีการพัฒนาและทดลองก็เป็นส่วนหนึ่งของขบวนการนี้ค่ะ...คุณอาจจะไม่เข้าใจก็เป็นได้เมื่อคุณอ่านตรงนี้แล้ว หากคุณไม่เข้าใจต้องขออภัยด้วยค่ะ
ในกระทู้นี้คุณได้นำธรรมชาติ ธรรมะ และความอยาก คือกิเลส และเงิน หรือความอยากสวยอยากงามมาปะปนกันวุ่นวายไปหมดนะคะนี่ จึงดูและรู้สึกว่าคุณกดดัน และไม่มีระเบียบของขบวนการคิด คุณไม่สามารถแยกแยะได้ เห็นๆเป็นอาการของคุณค่ะ
แม้ธรรมะคือธรรมชาติ...คือความจริงที่เป็นสิ่งเดียวกันและต้องเป็นแบบนั้นก็จริง และแม้กิเลสจะเป็นเช่นธรรมชาติเช่นกัน(นี้ก็คือความจริงที่ศักดิ์สิทธิ์นะ)...
...แต่ในนี้เราต้องแยกแยะสองอย่างนี้ให้ชัดเจนถึงเหตุและผล และตรรกะความของความหมายของทั้งสองเหตุนี้จะต้องเห็นให้ชัดเจนด้วยค่ะ มาวันนี้เรา(หรือหลายๆคน)ได้เจริญและความคิดอ่านได้พีฒนาได้เดินทางมาถึงระดับหนึ่งแล้วค่ะ (จนเกิดเป็นการเรียน การทดลองได้นั้นสาเหตุนั้นก็มาจากความรุดหน้าของการพัฒนาโดยธรรมชาติสมองของคนค่ะ คุณจะเข้าใจหรือเปล่านะตรงนี้ หากไม่เข้าใจต้องขออภัยด้วยค่ะ)
อ่านกระทู้แล้วเห็นๆความสับสน ทุกข์ทรมาน เดือดดาล ของคุณชัดเจน จึงอยากเข้ามาเม้นต์เพื่อเป็นกำลังใจค่ะ
การศึกษาธรรม(กฎแห่งธรรมชาติ)ให้มากๆคุณจะเห็นทั้งหมดนี้ได้อย่างเป็นระเบียบและชัดเจนโดยที่คุณจะไม่ทรมานอีกต่อไปค่ะ ขอเป็นกำลังใจให้คุณค่ะ
สู้สู้นะคะ ตั้งใจ ตั้งใจ จดจ่อ ฝึกๆทำใจให้สงบๆให้ได้ก่อนอื่นใด และเดินหน้าด้วยการศึกษาธรรมในขั้นแรกเริ่มเลยคุณได้เข้าใจระบบของธรรมชาติอย่างเป็นสุขค่ะ
ขอเป็นกำลังใจให้คุณค่ะ
ความคิดเห็นที่ 1 ไม่ผิดหรอกค่ะ ที่คุณจะคิดแบบนั้น ทุกคนบนโลกนี้คิดต่างได้เสมอ
ยอมรับว่าธรรมชาติของโลกนี้คือปลาเล็กกินปลาใหญ่ มันคือความจริง
ที่เราทุกคนต้องยอมรับ แต่เราที่อ้างตัวว่าเป็นสัตว์ประเสริฐ เรามีมันสมอง
มีความเป็นอยู่ที่ดีมากกว่าพวกเขา เรามีสิทธิเลือกได้ ว่าเราจะทำร้ายพวก
เขาต่อหรือไม่ ความคิดเห็นที่1 ฉันเข้าใจในสิ่งที่คุณพูด แต่นี่แค่เครื่องสำอาง
เราเลือกได้ว่าจะใช้ตัวไหนเพราะปัจจุบันเทคโนโลยีก้าวหน้ามากพอที่จะไม่
ต้องทรมานพวกเขาอีกต่อไปเเล้ว ถ้าเป็นยารักษาโรคยอมรับได้ ถ้ากินก็เพื่อ
มีชีวิตต่อไป เพื่อต่อชีวิต สิ่งที่คุณพูดมันก็ถูกในมุมของคุณ แต่มุมของฉัน
เราทรมานพวกเขามามากพอแล้ว ถ้าคุณบอกว่าคุณศึกษาธรรมะมาจริงๆ
คุณพอจะมีจิตเมตตา เลือกใช้เครื่องสำอางที่ไม่ทดลองในสัตว์หรือไม่?
ฉันตัดสินไม่ได้ ว่าคนที่ถูกคือคุณหรือฉัน แต่นี่คือสิ่งที่ฉันตระหนักมาตลอด
โชคดีเพียงใดที่เกิดมาเป็นสัตว์ประเสิรฐ เลือกได้ว่าจะทำอะไรบ้าง
สวัสดีค่ะ เจ้าของกระทู้
ดีใจที่คุณกลับเข้ามาตอบรับค่ะ เข้าใจทุกถ้อยคำที่คุณส่งผ่านมานี้ค่ะ เข้าใจนะคะ
เราเป็นสัตว์ประเสริฐ แท้จริงจริงเข้าใจว่าคำคำนี้ถูกนิยามขึ้นมาเพียงให้ดูดีเมื่อนานมาแล้วค่ะ คำว่าประเสริฐในที่นี้คือการที่มนุษยชาติอุปโลกและจิตนาการคำและตี(แปล ความหมายให้มนุษยชาติเข้าใจว่าเราๆนั้นสูงส่งกว่าสัตว์ชนิดอื่นๆสาเหตุเพราะเรามีสมองซึ่งสามารถพัฒนาได้เท่านั้นเองค่ะ ในความเป็นจริงคำ คำนี้มาวันนี้เราๆเห็นแล้วว่า คำว่าสัตว์ประเสริฐของมนุษยชาตินั้น อาจจะเป็นเพียงคำนิยามนะคะ
หลายสิ่งหลายอย่าง หลายๆเหตุการณ์ที่มนุษยชาติได้สร้างขึ้นมา กระทำ ผลิตขึ้นมา แม้เราจะเรียกว่าความเจริญจากมันสมองและจากความที่เราเข้าใจว่าเราประเสริฐนี้
หากคุณจะสามารถมองทะลุให้ได้ถึงเบื้องหลัง(หรือแก่นแท้หรือจุดประสงค์ที่แท้จริง)ของจุดมุ่งหมายนะคะ คุณจะเห็นความจริงว่า แท้จริงเราอาจจะไม่ดีไปกว่าสัตว์ชนิดอื่นๆในโลกนี้เลย หรือาจจะยํ่าแย่กว่าด้วยซํ้าไป คุณลองๆระลึกดูนะคะ ลองดูค่ะ คุณอาจจะเห็นได้เองว่า...แท้จริงวาระ และระบบการดำรงไปของมนุษยชาติที่เกิดและเป็นหรือถูกสร้างให้เป็นอยู่นี้นั้นประเสริฐเลิศเลอจริงหรือ?...
มนุษยชาติผู้ที่หลงตัวเองว่าประประเสริฐในโลกนี้ทำได้เพียงเท่านี้เองน่ะหรือ?
สงครามเกิดขึ้นได้อย่างไรในวันนี้ เด็กๆ ผู้ไร้เดียงสา ผู้ชราทั้งหลายถูกเข่นฆ่าด้วยเหตุนี้? เมื่อเราเจริญมาได้เพียงนี้สงครามเกิดขึ้นได้อย่างไร? สัพสิ่งทั้งหลายทั้งปวงซึ่งเกินความจำเป็นที่ล้นโลก เกิดเป็นมลพิษปกคลุมทั้งโลกซึ่งเกิดจากแหล่งผลิตเกิดขึ้นได้อย่างไรในวันนี้?
การถลุงป่าเขาลำเนาไพร ถล่มเทือกเขา ภูเขาลูกแล้วลูกเล่าเพื่อนำมาเล่นแร่แปรธาตุซึ่งจะได้มาเพื่อวัตถุดิบเพื่อการผลิตสิ่งที่มีอยู่แล้วและเกิดการล้นโลกชนิดไม่เคยอิ่มไม่เคยเต็มเกิดขึ้นได้อย่างไร?
(นี้นะคะเกิดเป็นเหตุการณ์อยากได้อยากมี อยากเป็นทุกข์ทรมานทุกถ้วนหน้าเห็นๆค่ะ นี่นะผลงานของสัตว์ประเสริฐที่พึงกระทำต่อกันและกัน ดิฉันเห็นว่าไม่ใช่แล้วหล่ะค่ะ)
ระบบสื่อสารชนิดต่างๆที่ถูกผลิตจากปีต่อปี จากรุ่นต่อรุ่นนั้นเพราะอะไร? เพราะคุณภาพของรุ่นเมื่อปีที่ผ่านมานั้นมันแย่จริงเหรอ? ทั้งที่เมื่อปีที่ผ่านมาก็บอกว่ารุ่นนั้นๆเยี่ยมที่สุดนี่นะ มาปีนี้หรือปีต่อไปบอกว่ารุ่นนี้ดีกว่าเอ้า ทั้งที่ผู้ผลิตนะเป็นบริษัทเดียวกันแท้ๆ ทั้งหมดนี้เพราะอะไร?
คนเจริญแล้วสามารถกลืนนํ้าลายตัวเองที่ถ่มออกมาอยู่รํ่าไปเพื่ออะไรกัน? ธุระกิจมากมายที่มีเกิดขึ้น หรือถูกสร้างขึ้นเพียงเพื่อตักตวงผลประโยชน์จากผู้ที่อ่อนแอกว่า จนโลกนี้ติดการเสพติดความที่ต้องยอมให้ถูกหลอกลวงซึ่งนอกเหนือความจำเป็นเพียงเพื่อมีชีวิตอยู่ไปตามๆกัน เกิดเป็แฟชั่น เกิดเป็นวัฒนธรรมดังเช่นที่เราๆเห็นนี้ค่ะ
ระบบที่เราๆเสพกันอยู่นี้หลายๆระบบให้คุณมากกว่าให้โทษจริงหรือ? ชีวิตคนเรามีใครอยู่ได้150ปี? ไม่มีนะ แต่หลายชีวิตในวันนี้หมดไปวันๆเพียงเพื่อวิ่งตามคำโฆษณาชวนเชื่อเพื่อเสพสิ่งที่หลายๆคนหลอกลวงกันและกัน และติดสิ่งที่เขาทั้งหลายไม่จำเป็นเลยในชีวิต คุณเคยเห็นเหตุการณ์เช่นนี้ไหมคะ?
นี้ความจริงที่ถูกสร้างขึ้นมาจากเราๆ(สัตว์)ที่หลอกลวงตัวเองว่าประเสริฐหรือคะ? ดิฉันเข้าใจมานานหรือตั้งแต่สมองเริ่มแอคทิฟแล้วค่ะว่านี้ไม่ใช่และยิ่งพิจารณา ยิ่งจับตาดู ยิ่งได้เห็นและได้รู้ เข้าใจความจริงมาถึงวันนี้ค่ะ
คือเข้าใจว่าคำว่าสัตว์ประเสริฐนั้นเพียงเป็นคำนิยามที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อความรู้สึกดีๆในครั้งหนึ่งของมนุษยชาติในอดีตกาลเท่านั้นค่ะ
มาวันนี้เห็นแล้วว่าไม่ใช่ หากเราเป็นสัตว์ประเสริฐจริงนะคะเรามีสมองที่พัฒนาได้หลายสิ่งหลายอย่างไม่ยํ่าแย่แบบนี้ อย่างแน่นอนค่ะ
การทดลองในวันนี้ กระต่าย หนู หรือแม้แต่ลิงนะคะ (หรือแม้สัตว์หลายๆชนิดที่แตกต่างกันไป) เขาทั้งหลายเพราะพันธุ์ขึ้นมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะค่ะ เพราะฉนั้นดิฉันเข้าใจว่าทำให้เกิดขึ้นได้เพื่อความปลอดภัยของคนโดยการคร่าชีวิตสัตว์เหล่านี้ดิฉันเห็นว่ามีความจำเป็นค่ะ
ดิฉันเข้าใจว่านั้นเป็นบาปค่ะแต่ดิฉันยอมรับว่าการที่ต้องเกิดมาบนโลกนี้นั้นมีกรรมเป็นเหตุอยู่แล้วค่ะ เพราะเหตุนี้ดิฉันจึงยึดธรรมะเป็นปัจจัยเพื่อเยียวยาจิตสำนึกของตนเมื่อความรู้สึกผิด(ที่ต้องมาเกิดเป็นคนไงคะ ดิฉันเจอทางตันค่ะ มีทางเดียวที่เหลืออยู่คือต้องเชื่อและศรัทธาปรัชญาแห่งธรรมชาติเพื่อความสงบกับครั้งหนึ่งในชีวิตที่พึงจะมีได้ นี้บอกความจริงนะคะ)
ในความจริงถูกจาลึกไว้ว่า คนเรานะมีกรรมเป็นแดนเกิด ต้องมาเข่นฆ่าเพื่อทดแทนกันไม่สิ้นสุด การที่สัตว์หลายชนิดถูกทดลองนั้นอาจจะเป็นกรรมที่เขาทั้งหลายต้องชดใช้ก็ได้ค่ะ (ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นตราบใดที่โลกนี้จะหมุนเวียนต่อไปคนคงต้องมีการทดลองต่อไปอย่างเลี่ยงไม่ได้ค่ะ) คือดิฉันจำนนและยอมรับนะคะ...
ในทุกๆวัน ผู้คนฆ่าฟันกัน ทำสงคราม เอารัดเอาเปรียบ รังแก หลอกลวง ทำร้าย ซึ่งกันและกันเจ็บปวดทุกข์ทรมานทุกถ้วนหน้า ด้วยวิธีต่างๆนานา ทุกวี่ทุกวันนั้นก็ไม่ต่างจากการทดลองสัตว์แต่อย่างใด เพราะฉนั้นดิฉันเข้าใจว่า บนโลกนี้ ทั้งหมดนี้ ตราบใดที่ระบบวัฎสงสารแห่งนี้ยังคงหมุนเวียนอยู่เช่นนี้ ทุกอย่างที่นี่ดูจะเป็นธรรมชาติค่ะ
เพียงแต่คนหรือสัตว์แต่ละตัวนั้นจะถูกกระทำรุนแรงเพียงไรหรือดับดิ้นและสิ้นใจไปเมื่อไรเท่านั้นเองค่ะ นี้คือความจริง นี้คือกฎของภพนี้และบนโลกนี้ นี้คือธรรมชาติของที่นี่ค่ะ ดิฉันเข้าใจแบบนั้นค่ะ
พระพุทธเจ้าท่านรู้เรื่องนี้ได้อย่างไรนะ มหัศจรรย์แท้ ท่านจึงสอนไว้ว่า ต้องหาวิธีดับสลายให้ได้นั้นเป็นหนทางที่ประเสริฐที่สุดและแท้จริง นี้ต่างหากคือความหมายของคำว่าประเสริฐอย่างแท้จริง ดิฉันเชื่อและศรัทธาคำสั่งสอนนั้นค่ะ
ยาวๆๆเลย ข้างบนนั้นดิฉันบอกถึงความเห็นที่แตกต่างในนิยามของคำว่าสัตว์ประเสริฐค่ะ
มาถึงตรงนี้...
..."ถ้าคุณบอกว่าคุณศึกษาธรรมะมาจริงๆ คุณพอจะมีจิตเมตตา เลือกใช้เครื่องสำอางที่ไม่ทดลองในสัตว์หรือไม่?"
ดิฉันมีโรคประจำตัวซึ่งเป็นคนที่มีภูมิแพ้ๆหนักๆมากค่ะ ภูมิแพ้หลายอย่างด้วย เช่น เครื่องสำอาง สบู่ แชมพู ครีมนวดผม ครีมโลชั่นที่ใช้ในส่วนต่างๆของร่างกาย หรือแม้อาหารบางชนิดก็มีอาการแพ้
หรือแม้แต่ยาบางตัวด้วย เมื่อดิฉันต้องเข้ารับการรักษาโรคหรือหากมีการผ่าตัด ยาหลายตัวนั้นดิฉันมีอาการแพ้ แพ้หนักมากเป็นอัตรายมากนะ (เป็นปัญหามากๆที่แพทย์ประจำตัวต้องใส่ใจมากๆเป็นพิเศษและตลอดเวลา หรือดิฉันต้องดูแลตัวเองไม่ให้ได้ป่วยบ่อยๆ)เพราะเหตุนี้ดิฉันจึงต้องใช้ ผลิตภัณฑ์จากการทดลอง หรือผ่านการทดลองค่ะ
หากเหตุเหล่านี้ไม่เกิดขึ้นกับตัวเองดิฉันคงไม่รู้ได้ นี้เป็นประสบการณ์จริงจึงสามารถเข้าใจได้ค่ะ มีนะคะผู้ที่เสียชีวิตจากอาการแพ้นั้นมีเยอะมากในจำนวนผู้ตายทั่วโลก เพราะอ่านๆและได้ผ่านประสบการณ์ด้วยตัวเองมาจึงสามารถบอกได้ค่ะ
รู้ที่จิตใจได้เป็นอย่างดีอีกด้วยค่ะนี้เป็นบาปเกิดมาก็มีบาปดิฉันมีส่วนร่วมการทำบาปผ่านการใช้ผลิตผลเหล่านี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ค่ะ(จึงชอบแผ่เมตตาให้เหล่าสัตว์โลกผู้มีกรรมเป็นแดนเกิดทั้งหลายเป็นกิจวัตรค่ะ คงทำได้เพียงเท่านี้) และดิฉันไม่อายที่จะแบ่งปันกับคุณนี้ค่ะ
มาวันนี้โรคภูมิแพ้มีเปรอร์เซ็นร์มากขึ้นเรื่อยๆอีกด้วยค่ะ และส่วนมากต้องใช้ยาหรือผลผลิตจากการผ่านการทดลองจึงจะดีและปลอดภัยที่สุดนะ
"ฉันตัดสินไม่ได้ ว่าคนที่ถูกคือคุณหรือฉัน แต่นี่คือสิ่งที่ฉันตระหนักมาตลอด"....55555 ดิฉันเข้าใจว่า การที่จะแลกเปลี่ยนความคิดเห็นซึ่งมีความแตกต่างนี้มิได้มีจุดประสงค์ให้รู้ว่า ใครผิดหรือถูกนะคะ เพราะความถูกต้องมันมีอยู่แล้วในตัวของมันเองบนโลกนี้ ไม่ว่าคุณหรือดิฉันจะเห็นเข้าใจได้หรือไม่นั้นซึ่งเป็นเพียงเป็นความเห็นของเราๆเท่านั้นเองค่ะ แต่ความถูกต้องนั้นอีกเรื่องนะคะ ในที่นี้ หรือคุณว่าไงคะ
ความเห็น มุมมอง ความเข้าใจที่แตกต่างนี้หล่ะซึ่งเป็นตัวแปรทำให้ผู้คน กระทำ คิด เป็น อยู่ และเชื่อ และศรัทธาต่างกัน และนั้นที่ทำให้เราเป็นเราซึ่งแตกต่างกันไปด้วยนะคะ และนี่คือธรรมชาติที่แท้จริง และนี้ก็ไม่มีใครที่จะสามารถตัดสินได้ว่าใครถูกหรือใครผิดค่ะ ตราบใดที่การกระทำนั้นๆไม่สร้างความเดือดร้อนให้ตนเองหรือคนในสังคม
ดิฉันดีใจที่คุณตั้งกระทู้สาระนี้ขึ้นมาค่ะ และก็ยอมรับความเข้าใจ มุมมอง และความเชื่อในรูปแบบของคุณด้วยค่ะ
ซึ่งแน่นอนดิฉันเห็นว่าเรามีมุมมองและเข้าใจต่างกันอย่างเห็นได้ชัดเจน ก็หวังว่าคุณจะสามารถยอมรับมุมมองของดิฉันได้เช่นกันค่ะ
ดีใจและขอบคุณทึ่คุณกรุณาเข้ามาแลกเปลี่ยนค่ะ (เป็นเม้นต์ที่ยาวๆมากๆ ต้องขออภัยด้วยค่ะ)
คุณ White Frangipani
เราสองคนก็เหมือนเส้นขนาน เลือกเดินเลือกทำต่าง คิดต่างกัน ขอบคุณที่เรื่องราวของฉัน
ผ่านเข้าไปหาคุณ แล้วคุณยกมือทักทายฉัน ยิ้มให้ ให้ความเคารพ มุมมองของฉัน เป้าหมายของฉันก็คือ ให้ข้อมูลแก่บางคนที่เขาพอจะมีทัศนคติเหมือนกัน เขาจะทำไ่ม่ทำก็เรื่องของเขา
ขอบคุณที่ทำให้กระทู้นี้ไม่เป็นกระทู้ร้าง ไม่มีใครคิดเห็น ไม่มีใครสนใจ อย่างที่คิดไว้ แต่ที่ไนได้ยาวพืดจนอ่านแทบไม่ไหว -_- ก็นะ ฉันก็ได้ทำอย่างที่คิดแล้ว ขอบคุณที่ชเงอมาทักทาย
สุดท้ายก็ต้องเดินทางใครทางมัน แต่ถ้าเกิดเปลี่ยนใจ สงสารพวกเค้าขึ้นมาเหมือนฉัน ที่นั่งร้องไห้ ครั้งแรกที่รู้เรื่องราวของพวกเขาล่ะก็ คุยกันได้ ชีวิตเราเราเลือกได้ว่าจะทำแบบไหน
บาย แยก
สวัสดีค่ะอีกครั้งค่ะเจ้าของกระทู้
"เราสองคนก็เหมือนเส้นขนาน"...คุณรู้สึกเช่นนั้นหรือคะ ส่วนดิฉันไม่รู้สึกเช่่นนั้นค่ะ ดิฉันไม่เคยมีความรู้สึกว่าจะต้องเป็นเส้นขนานต่อสิ่งใดหรือใครๆค่ะ ความคิดที่มีความแตกต่างเป็นแก่นสารนั้นเป็นความจริงที่ดิฉันจำนนและยอมรับค่ะ แต่ไม่ใช่เส้นขนานนะคะสำหรับความเข้าใจของดิฉัน
"เลือกเดินเลือกทำต่าง คิดต่างกัน"...เหตุนี้เป็นธรรมชาติอยู่แล้ว โอเคค่ะ
"ขอบคุณที่เรื่องราวของฉัน ผ่านเข้าไปหาคุณ"...บอกไปแล้วก่อนหน้านี้ว่าขอบคุณ คุณเช่นกันค่ะ คงไม่เฉพาะดิฉันที่มีโอกาสเห็นกระทู้ของคุณนี้ค่ะ การตั้งกระทู้ที่มีสาระนั้นเป็นเรื่องที่ดีที่ดีที่เกิดขึ้นได้ค่ะ แม้ว่าเนื้อหาสาระนั้นๆจะแตกต่างก็ตามที ดิฉันเข้าใจแบบนั้นค่ะ
"แล้วคุณยกมือทักทายฉัน ยิ้มให้ ให้ความเคารพ มุมมองของฉัน"...ด้วยความยินดีและเต็มใจค่ะ เพราะเหตุนี้ดิฉันจึงสละเวลาเข้ามาพิมพ์ตอบคุณยาวๆนี้ไงคะ หวังว่าคุณจะรับรู้ได้ว่าทั้งหมดนี้คือความใส่ใจจากดิฉันค่ะ
เป้าหมายของฉันก็คือ ให้ข้อมูลแก่บางคนที่เขาพอจะมีทัศนคติเหมือนกัน เขาจะทำไ่ม่ทำก็เรื่องของเขา"...ดิฉันเห็นว่าคุณมีจุดมุ่งหมายที่มุ่งมั้นและที่ถูกวิธีด้วยค่ะ คือการส่งผ่านจากใจคุณ โดยหวังผลประโยชน์เพียงเพื่อความหวังดีที่จะเกิดขึ้น ซึ่งใคร...ที่เขาจะเห็นเข้าใจในรูปแบบไหนนั้นก็ขึ้นอยู่ที่ฐานรับ(ภูมิ)ของตัวของเขาทั้งหลายเองค่ะ เป็นสิ่งดีๆที่เกิดขึ้นได้จากคุณค่ะ
"ขอบคุณที่ทำให้กระทู้นี้ไม่เป็นกระทู้ร้าง ไม่มีใครคิดเห็น ไม่มีใครสนใจ อย่างที่คิดไว้ แต่ที่ไนได้ยาวพืดจนอ่านแทบไม่ไหว -_-"...ตรงนี้คุณสับสนหรือเปล่าคะ คุณขอบคุณหรือเม้นต์ยาวๆของดิฉันทำให้รู้สึกสึกแย่กันแน่นะ ขอแนะนำให้คุณฝึกฝน-ฝึกอดทนอ่านหนังสือเยอะๆค่ะ คุณได้มีภูมิต้านทานที่จะแกร่งในการที่จะต้องอ่านในบางโอกาสค่ะ
"ก็นะ ฉันก็ได้ทำอย่างที่คิดแล้ว ขอบคุณที่ชเงอมาทักทาย"..ยินดีกับคุณด้วยค่ะ และอยากให้คุณรู้ว่าดิฉันเข้ามาในกระทู้นี้อย่างเต็มตัวพร้อมด้วยหัวใจ สติ ปัญญาที่อาจจะน้อยนิดที่ดิฉันมีอยู่นี้ พลังที่จะเข้ามาช่วยตอบเพื่อแลกเปลี่ยนแบ่งปันกับคุณนี้ค่ะ อยากให้คุณรู้ว่านี้ไม่ใช่เพียงการชเง้อมองนะคะ คุณไม่เห็นเม้นต์ยาวๆที่ดิฉันพิมพ์ด้วยความตั้งใจก่อนหน้านี้จริงหรือคะนี่
"สุดท้ายก็ต้องเดินทางใครทางมัน แต่ถ้าเกิดเปลี่ยนใจ สงสารพวกเค้าขึ้นมาเหมือนฉัน"...การที่ต้องเดินทางของใครของเขานั้นเป็นเรื่องที่เราหลีกเลี่ยงไม่ได้อยู่แล้วค่ะ ดิฉันจึงทำในช่วงเวลาที่พบเจอใครๆให้ดีที่สุดเพื่อเสพคุณค่าของการพบเจอในทุกครั้งไงคะ
แต่ที่คุณบอกว่าสงสารพวกเค้า...นี้คือคุณสงสารสัตว์ทดลองทั้งหลายนะคะ เราคงทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าการทำความเข้าใจและยอมรับค่ะ เท่านั้นที่เราจะทุกข์น้อยลงเพราะความสงสารค่ะ มีทางเดียวนะคะ
"ที่นั่งร้องไห้ ครั้งแรกที่รู้เรื่องราวของพวกเขาล่ะก็ คุยกันได้ ชีวิตเราเราเลือกได้ว่าจะทำแบบไหน"...หวังอย่างยิ่งว่า ความทุกข์ทรมรมานที่คุณพบเจออยู่นี้จะลดน้อยลงไปตามวาระและเวลานะคะ คุณต้องทำความเข้าใจให้ได้นะคะว่า ในความเป็นจริงเราๆยังไม่สามารถที่บงการชีวิตของเราได้ในบางครั้ง หลายอย่างคุณต้องปล่อยวาง หรือปล่อยไปตามวาระที่ต้องเป็นค่ะ
เช่นสัตว์ทดลองเหล่านี้ก็เช่นกันนะคะ ตรงกันข้าม หากไม่มีการทดลองไม่มีการพัฒนาทุกอย่างนะคะเคยยํ่าแย่มามากกว่านี้ในอดีตกลาค่ะ
"บาย แยก"...โอเคค่ะ มีพบต้องมีจากลา เป็นเรื่องธรรมชาติ ธรรมดาค่ะ แต่ก็หวังอย่างยิ่งว่าเราจะพบเจอกันได้อีกตราบชีวิตนี้ไม่สิ้นนะคะ
ขออวยพรให้คุณเป็นสุขและโชคดีกับสิ่งที่คุณได้ตั้งใจกระทำและบรรลุผลแล้วนี้เทอญ
สุดท้ายคุณจะตอบกลับหรือไม่นั้น แล้วแต่คุณจะรู้สึกค่ะ ^___^
ขอบคุณอีกครั้งสำหรับกระทู้นี้ค่ะ
ไม่ใช่เรื่องว่ามันถูกหรือผิดนะครับ แต่ผมรู้สึกว่าใจความสำคัญที่ต้องการสื่อคือโฆษณาเครื่องสำอางมากกว่า
ความถูกผิดมันเป็นเรื่องส่วนบุคคล และไม่ว่ามันจะถูกจะผิดก็ตาม ไม่มีใครไปตัดสินใจอะไรได้
คุณเคยได้ยินข่าวแอฟริกาขาดน้ำไหม? คุณคิดว่าหากประเทศไทยงดเล่นสงกรานต์จะทำให้ที่นั่นมีน้ำขึ้นมารึเปล่า?
คุณกินเนื้อไหม? รู้ไหมว่ากว่าจะมาเป็นเนื้อนั้นได้ต้องแลกมาด้วยความตายของสัตว์กี่หมื่นกี่แสนตัว?
ข้ามเรื่องเครื่องสำอางไป
จริงๆเรื่องนี้เป็นเรื่องซีเรียสนะครับ ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับมนุษย์ที่ไม่มีการทดลองเนี่ยเป็นอะไรที่ไม่ปลอดภัยมาก คุณคิดว่าถ้าหากผลิตภัณฑ์ใดๆที่สร้างขึ้นมาโดยไม่ผ่านการทดลองใช้ถูกนำมาจำหน่ายแล้วจะเกิดอะไรขึ้นต่อผู้บริโภค ถ้ามีคนแพ้ล่ะ? ถ้าสัตว์เลี้ยงแพ้ล่ะ? ถ้ามีผลกระทบในด้านอื่นๆต่อร่างกายล่ะ? คุณจะรู้ได้อย่างไรถ้าไม่มีการทดลอง
หรือจะบอกว่าเทคโนโลยีปัจจุบันไม่จำเป็นต้องทดลองก็ได้ ใช้ไปได้เลย? คนพูดแบบนี้ไม่มีทางเป็นนักวิทยาศาสตร์หรอกนะครับ แล้วคุณมั่นใจพอที่จะรับความเสี่ยงจากผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้มาจากนักวิทยาศาสตร์จริงๆเหรอ?
โอเค ถ้าคุณมั่นใจ นั่นก็คือการยอมรับความเสี่ยงของคุณ แต่ขอความกรุณาอย่าเชิญชวนคนอื่นด้วยเหตุผลที่ว่า "นี่คือความดี" "นี่คือความถูกต้อง" "นี่คือสิ่งที่สมควรทำ"
ความเห็นส่วนตัวของผมคือ เครื่องสำอางควรผ่านการทดลองกับสิ่งมีชีวิต เพื่อความปลอดภัยในชีวิตของผู้ใช้
เห็นแล้วจะร้องไห้ T^T
เราก็เข้าใจนะว่าถ้าไม่ทดลองมันจะอันตราย แต่สมัยนี้น่าจะพัฒนาแล้วนิ ทำไมยังใช้สัตว์อยู่อ่ะ
ถูกอย่างที่คุณข้างบนพูดค่ะ
ว่ามนุษย์เป็นสัตว์ประเสิร์ฐแค่ความรู้ค่ะ
แต่ถ้าจะเป็นสัตว์ประเสิร์ฐจริงจริง
จะต้องมีความเมตตา
มีความคิดที่เป็นผู้ใหญ่จริงๆ
อยากจะให้คิดถึงความรู้สึกของเค้าซักนิด
มนุษย์ทำอะไรได้หลายๆอย่าง
มีเครื่องอำนวยความสะดวกตั้งเยอะ
เวลาร้อนก็มีแอร์
แต่สัตว์มีแค่โคลน
เราทำร้ายเค้ามามากแล้ว
มันควรจะถึงเวลาที่เราควรจะเมตตาเค้าได้แล้วนะ
บางคน(เน้นนะว่าบางคน) รักสัตว์
คอยปกป้องดูแลสัตว์เหมือนกับเค้าเป็นมนุษย์เหมือนกัน
ถูกมองว่าโลกสวย แอ๊บ
ทั้งๆที่เป็นสิ่งที่ดีแล้วแท้ๆ
สุดท้ายนี้ถ้าหากว่าความคิดของเรา
ขัดแย้งกับใครก็ขอโทษด้วยนะคะ
แต่เราแค่แสดงความคิดเห็น
และมุมมองของเราเองค่ะ
ผิดถูกยังไงก็ขอความปราณีด้วยละกันนะคะ
ปล.ในเว็บเด็กดี หมวดนี้สุภาพมาสุดแล้วค่ะ ชอบมาก ^^
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?