Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

เล่าประสบการณ์ปี 1 เทอม 1 คณะอักษรศาสตร์ จุฬาฯ ฉบับคนเคยเรียนสายวิทย์มาก่อน

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
>กระทู้นี้เป็นการเล่าประสบการณ์ล้วนๆ โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน<

สวัสดีครับ วันนี้ผมจะมาเล่าประสบการณ์ปี 1 เทอม 1 ในคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คณะในฝันของหลาย ๆ คนที่ชอบเรียนภาษา (ในความเป็นจริงคณะนี้ไม่ได้เรียนแค่ภาษาอย่างเดียวนะ!) ประสบการณ์ที่เกือบจะเป็นโศกนาฏกรรม (Tragedy) ที่เริ่มต้นด้วยความยิ่งใหญ่ของตัวละครหลัก และจบลงด้วยความหายนะ(ในห้องสอบ) T.T แต่ก็ยังแฝงไปด้วยเรื่องตลกโปกฮา และเคล้าน้ำตา

ย้อนกลับไปตอน ม.6 ตอนนั้นผมยังเครียดว่าจะมีที่เรียนไหม จะได้เรียนที่ไหน แต่ส่วนตัวคิดว่าตนเองในตอนนั้นชิลมาก ชิลกว่าเพื่อนคนอื่น ๆ ในห้องที่อ่านหนังสือ ทำโจทย์ และกวดวิชาหนักมาก ผมนี่อ่านเดือนนึงก่อนสอบ และไม่เคยเรียนกวดวิชาช่วงม.5-ม.6(เพราะขี้เกียจ และอยากช่วยทางบ้านประหยัดเงิน) ด้วยความที่เป็นเด็กดี ไปโรงเรียนเกือบทุกวันช่วงม.6 ทำการบ้านที่อาจารย์สั่งเพื่อรักษาเกรดไว้ยื่นแอด ผมจะขาดก็แค่ช่วงที่จำเป็นจริง ๆ ไม่ว่าจะป่วย หรือก่อนหลังไปสอบตรงที่สนามอยู่ไกล (ไปสอบ 2 ที่ คือ MDX มข และ 7 วิชาสามัญที่ระยองวิทย์) ผมเรียนสายวิทย์มา ชอบเคมีและชีวะ แต่กลับรู้สึกว่าตนเองไม่มีความสุขกับคณิต และฟิสิกส์สักเท่าไหร่ และมีอยู่อีกวิชาหนึ่งที่ผมรู้สึกว่าทำได้ดี นั้นคือ "ภาษาอังกฤษ" นั้นก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ผมหันมาเรียนคณะสายศิลป์

ในส่วนของวิชาที่ผมสอบ ผมสอบGAT PAT1, 2, 5, 7(เยอรมัน) 7วิชาสามัญ(คณิต, อังกฤษ, ไทย, สังคม, ชีววิทยา) รับตรงที่ผมยื่นไปก็มีโควต้า 28 จังหวัด ม.ศิลปากร คณะศึกษาศาสตร์ เอกภาษาอังกฤษ (ตัดสินใจไม่ไปสอบสัมภาษณ์) คณะวิทยาศาสตร์(กศ.บ) สาขาชีววิทยา มศว(อันนี้สอบไม่ติด) รับตรงคณะครุศาสตร์ มัธยมศิลป์ จุฬาฯ (ไม่ติด และตอนนี้ก็ยังคงรู้สึกไม่เสียใจที่ไม่ติด) แต่ในท้ายที่สุดแล้ว ก็แอดได้คณะอักษรศาสตร์ สาขาอักษรศาสตร์ พื้นฐานวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย! โมเมนต์นั้นแบบ ดีใจมาก น้ำตาปริ่ม โทรหาทุกคนที่รู้จัก (เวลาผมรู้สึกท้อตอนเรียนที่อักษรฯ ผมมักจะระลึกถึงโมเมนต์นี้ มันทำให้ผมมีกำลังใจในการลุกขึ้นสู้ต่อไป)

พอเข้ามาก็รู้สึกได้ถึงความอบอุ่น ความเป็นกันเองของชาวอักษรศาสตร์ คณะที่คนอื่นมองว่าไฮโซบ้าง ลูกคุณหนูบ้าง แต่ในความจริงมันก็มีทั้งคนที่รวยมาก ยันคนที่ขอทุนเรียนนะ แต่ทุกคนก็เป็นเพื่อนกันได้ ไม่เคยเอาฐานะเข้าข่มกัน สังคมที่คณะนี้ดีมาก ดีที่สุดเท่าที่ผมเคยสัมผัสมา กิจกรรมดี ๆ ก็มีเยอะ และไม่บังคับทำ คณะนี้เป็นคณะหนึ่งในจุฬาที่ไม่มีระบบSOTUS ไม่มีห้องเชียร์ มีเสรีภาพไม่แพ้คณะรัฐศาสตร์ เป็นคณะที่มีความหลากหลายทั้งในเรื่องบ้านเกิด เพศ และอายุ เราเคารพในความแตกของความเป็นมนุษย์ เพราะคณะอักษรศาสตร์สอนให้เข้าใจมนุษย์ 

มาดูวิชาเรียนในปี 1 เทอม 1 กันดีกว่า ในภาพรวมจะมีวิชาบังคับคณะเป็นส่วนใหญ่ (6 วิชา)
ที่เหลือ คือ วิชาที่เอาไว้เข้าเอก(ภาษาที่3 หรือวิชาที่เอาไว้เข้าเอกศิลปะการละครหรือภูมิศาสตร์) วิชาบังคับคณะจะเป็นวิชาจากทุก ๆ สาขาของคณะ มีจุดประสงค์เพื่อให้นิสิตรู้รอบ(รอบจริงๆ)และเป็นพื้นฐานที่ดี ก่อนจะไปเจาะลึกตอนเข้าเอกไปแล้ว

เริ่มด้วยวิชาอารยธรรมตะวันออก (East Civ) จากภาคประวัติศาสตร์ เป็นวิชาที่ไม่ได้เรียนแค่ประวัติศาสตร์ แต่ยังรวมถึงความเจริญทางด้านวิถีชีวิต เศษรฐกิจ การเมืองการปกครอง ศิลปะ ความคิดความเชื่อ เอาเป็นว่าเรียนทุกอย่างตั้งแต่มนุษย์เริ่มลงหลักปักฐาน และตั้งเป็นชุมชนในดินแดนทางตะวันออก วิชานี้แบ่งออกเป็น 4 พาร์ทนั้นก็คือ อินเดีย จีน ญี่ปุ่น และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เก็บคณะแนนโดยการสอบ 100% โหดมาก อ่านกันหนัก ๆ เลยทีเดียว ข้อสอบครอบจักรวาล มีทั้งปรนัย เติมคำ ตอบคำถามแบบสั้น และแบบยาว วิชานี้ไม่มีงาน ไม่มีเช็คชื่อ เรียนในห้องบรรยายรวม(เด็กคณะอักษรเรียกว่าห้องบรรทมรวม) เป็นห้องใหญ่ที่จุเด็กได้ทั้งคณะ

ต่อมาคือวิชาการค้นคว้า และการเขียนรายงาน(Res/repo writing) จากภาคบรรณรักษศาสตร์ ที่ชาวอักษรเรียกกันติดปากว่า"เรโป" วิชานี้ถือได้ว่ามีประโยชน์กับการเรียนในมหาวิทยาลัยมาก สอนตั้งแต่การใช้ห้องสมุด การสืบค้นทรัพยากรณ์สาระนิเทศ แหล่งข้อมูล ฐานข้อมูลต่าง ๆ จนกระทั้งสอนการทำรายงาน (ไม่ได้ทำจริง ๆ) การเขียนบรรณานุกรม การบันทึกข้อความ บลาๆๆ อาจารย์ค่อนข้างเข้มงวดและละเอียด ตั้งแต่เรื่องหัวข้อรายงาน การใช้ฟ้อนท์ การย่อยหน้า การเคาะเว้นวรรค การใช้ตัวหนา ตัวเอน การเรียงลำดับตัวอักษร การเขียนเลขหน้าที่ถูกต้อง เอาเป็นว่าต้องใช้ความละเอียดลออมากกับวิชานี้ ข้อสอบกลางภาคส่วนใหญ่จะอยู่ในหนังสือ ในห้องเรียน และในการปฐมนิเทศการใช้ห้องสมุด ปลายภาคจะเป็น take home exam และการทำรายงานในห้องสอบ(มีเนื้อหาให้ ให้หาที่ผิด แล้วมีที่เว้นว่างให้เขียนเสริมลงไป) ได้ยินมารุ่นต่อไปวิชานี้จะต้องเรียนคอมด้วย และเพิ่มจาก 2 หน่วยกิตเป็น 3 หน่วยกิต 

ตามมาด้วยวิชาการใช้ภาษาไทย (Use Thai Lang) ของภาคภาษาไทย เป็นวิชาที่ต้องพึ่งบุญเก่า เพราะวิชานี้สอนเร็วมาก ส่วนใหญ่จะสวนเนื้อหาสองชั่วโมง ทำแบบฝึกหัด 1 ชั่วโมง ชั่วโมงต่อไปสอบ วน ๆ อยู่อย่างงี้ บางเรื่องก็แบบเก็บคะแนนเลย อย่างการอ่านออกเสียงจับใจความ บางเรื่องพอเรียนเสร็จแล้วก็สอบเลยอย่างการเขียนย่อหน้า ถ้าคนที่ได้ภาษาไทยอยู่แล้วจะทำวิชานี้ได้ดี ถ้าคนที่ไม่ได้ก็ต้องแอคทีฟขึ้นมาหน่อย แต่ไม่ยากเกินความสามารถ ชอบที่สุดคือเรื่องการตีความ โดยอ.ใกล้รุ่ง อามระดิษ(พี่สาวแท้ ๆ ของคุณรัดเกล้า) สอนดีมาก มีตีความจากบทเพลงหนูมาลี (ไม่เคยรู้มาก่อนว่ามันจะมีความหมายที่ลึกซึ้งซ่อนอยู่)

มาถึงวิชาหนึ่งในเอกลักษณ์ของคณะอักษรฯ นั้นก็คือ ภาษาอังกฤษ 1 (English I) หลายคนอาจจะสงสัยว่าชื่อวิชาธรรมด๊า ธรรมดา ขนาดนนี้มันมีความพิเศษอย่างไร? ในจุฬาฯ นิสิตปริญญาตรีทุกคนจะได้เรียนวิชา Exp Eng I ที่จัดสอนโดยสถาบันภาษา ยกเว้นนิสิตอักษรฯ ที่ต้องเรียน English I จากภาควิชาภาษาอังกฤษ คณะอักษรศาสตร์ วิชานี้บอกเลยว่าตัดเกรดยากมาก ตัดอิงกลุ่ม มีนิสิตประมาณ 15 คนเท่านั้นที่จะได้ A (จากประชากรปี 1 ประมาณ 300 คน และแต่ละคนนี่เทพอังกฤษระดับประเทศกันทั้งนั้น) มีทั้งการเขียนพารากราฟแบบต่างๆ แกรมม่าต่าง ๆ การพรีเซ้นงาน การอ่านบทความ วิชานี้ไม่ปูพื้นฐานให้ใหม่ เพราะถือว่านิสิตทุกคนมีความสามารถทางภาษาอังกฤษแล้วในระดับหนึ่ง แถมยังมีหนังสือนอกเวลาให้อ่าน เป็นนิยายเล่มเล็ก ๆ ขนาดประมาณ 250 หน้า(เล็กตรงไหนเนี้ย) ข้อสอบเขียนเป็นส่วนใหญ่ มีเขียนย่อหน้าด้วย สำหรับข้อสอบอ่านก็ต้องเขียนตอบ แถมเป็น in your own words คือลอกมาทั้งดุ้นเลยไม่ได้ ต้องพาราเฟสก่อน แต่ก็ยังมีช้อยสัก 4 ข้อเป็นการช่วย (ไม่ค่อยกาโดนช้อยถูกเลย T.T) เป็นวิชาที่ดูดพลังชีวิตพอสมควร 

วิชาการใช้เหตุผล (Reasoning) ของภาคปรัชญา เป็นวิชาที่เรียนแล้วอาจจะสมองบวมได้ คิดเยอะมาก มีในส่วนของตรรกะที่คล้าย ๆ บทตรรกศาสตร์ ในวิชาเลขยากของม.ปลาย(เด็กสายวิทย์ได้เปรียบนิดนึง) เขียนแผนภาพเวนน์ แผนภาพออยเลอร์ แต่มันจะเป็นภาษา ไม่ใช่แค่สัญลักษณ์ p q อีกต่อไป อีกทั้งยังมีการอ้างเหตุผลแบบต่าง ๆ การวิเคราะห์บทความ เหตุผลวิบัติ(Fallacy) การสอนก็แล้วแต่ว่าจะเจออาจารย์คนไหน มีงานคือเขียนเรียงความที่ใช้ทักษะที่ได้จากการเรียนวิชานี้ในหัวข้อที่สนใจ ข้อสอบนี่เขียนเยอะมาก ให้สมุดมาเล่มนึงแล้วเขียนคำตอบลงไป ต้องมีปากกาอย่างน้อยสองด้ามในการทำข้อสอบ เพราะหมึกอาจจะหมดก่อน แต่พอเรียนจบแล้วจะทำให้เรามองโลกแบบมีวิจารณญาณมากขึ้น จนบางครั้งก็รู้สึกว่าสิ่งที่คนอื่นพูดออกมามันมีFallacy เต็มไปหมด มองอะไรก็ผิดไปหมดและถึงตนเองด้วย(T.T)

มาถึงวิชาน่ารัก ๆ บ้าง นั้นคือวิชาปริทัศน์ศิลปะการละคร (Intro Dram Arts) ของภาควิชาศิลปะการละคร (คณะอักษรศาสตร์) เรียนตั้งแต่ทฤษฎีละครของอริสโตเติล การกำเนิดละคร ขั้นตอนการทำละครเวที ทฤษฎีการออกแบบแสงเสียง การอ่าน ตีความ และวิเคราะห์บทละคร การวิจารณ์ละครเวทีและภาพยนตร์ ประเภทและแนวทางการนำเสนอ เรียนถึงขนาดที่ว่าความตลกเกิดจากอะไร ทำไมคนถึงรู้สึกตลก และหัวเราะ แล้วก็การละครเอเชีย เป็นวิชาที่สนุกวิชาหนึ่ง ได้ไปดูละครเวทีฟรีสามเรื่อง (ออกข้อสอบ) ในคาบอ.ก็จะเปิดคลิปตัวอย่างประกอบให้ดู มองไปข้างเพื่อนหลับเป็นแถวเลย ข้อสอบส่วนใหญ่ก็เขียนตอบ วิเคราะห์คุณค่า วิจารณ์ เขียนเยอะไม่แพ้ Reasoning แถรัว ๆ เรียนแล้วทำให้ดูละครประเภทต่าง ๆ เป็น วิเคราะห์ได้ รู้ซึ้งถึงคุณค่าของละครประเภทต่าง ๆ หลายคนอาจจะสงสัยว่าศิลปะการละครมันน่าจะเป็นวิชาของคณะนิเทศฯมากกว่าจะเป็นของคณะอักษรฯ ความจริงแล้วการละครก็เกิดจากการสะท้อนความคิด ความเป็นมนุษย์ ผสมกับจินตนาการออกมาผ่านการแสดง มันจึงเป็นเครื่องมือหนึ่งในการศึกษาความเป็นมนุษย์เช่นเดียวกับจุดมุ่งหมายของอักษรศาสตร์ การศึกษาวิชานี้สามารถทำให้เราเข้าในมนุษย์ได้มากขึ้น

มาถึงวิชาสุดท้ายแล้ว เราเลือกลงวิชาภาษาสเปน 1 (Spanish I) วิชานี้เป็นหนึ่งในวิชาภาษาที่ปูพื้นฐานให้ตั้งแต่เริ่มต้น (ภาษาอื่นส่วนใหญ่ต้องมีพื้นฐานมาก่อน) ภาษานี้ออกเสียงและอ่านง่ายที่สุดในกลุ่มภาษาโรแมนซ์ คนใช้เยอะเป็นอันดับ 3 ของโลก เรียนตั้งแต่แกรมม่า ตัวอักษร สระ ฟัง พูด อ่านเขียน มีแปลนิด ๆ คลาสนี้แบ่งเป็น 2 ส่วนคือแกรมม่า 3ชั่วโมง และคอนเวอร์เซชั่น 2 ชั่วโมง อาจารย์สอนดีมาก แต่ก็ไปไวมาก ต้องตามให้ทัน ตอนเรียนก็ชิล ๆ แต่พอสอบนี่ เกือบตาย มีประมาณ 13 หน้า เขียนทั้งหมด เวลา 3 ชั่วโมง 

บรรยาการการสอบภาพรวมคือเครียดกว่าม.ปลายมาก ส่วนใหญ่เป็นข้อเขียน อยากจะฝากถึงเด็ก ๆ ว่า ข้อสอบของคณะอักษรศาสตร์ จุฬาฯ ที่ง่ายที่สุดคือ "ข้อสอบเข้า"

โดยภาพรวมแล้วเรารู้สึกว่าคณะนี้ให้อะไรกับผมเยอะมาก ๆ ขนาดผ่านไปแค่ 1 เทอมยังรู้สึกได้ถึงการพัฒนาตนเองมากขนาดนี้ ผมรู้สึกว่ามันใช่มาก ๆ แม้ว่าจะรู้สึกว่ามันเรียนหนักกว่าสายวิทย์ ม.ปลายมาก แต่ก็มีความสุขในการเรียนมากกว่า ในคณะนี้เด็กจบสายวิทย์ก็เรียนได้ดีไม่แพ้เด็กที่จบสายศิลป์เลย อยากเป็นกำลังใจให้คนที่กำลังจะสอบเข้ามหาวิทยาลัย พยายามต่อสู้และได้เข้าเรียนคณะที่ฝันไว้ และเป็นคณะที่ใช่ มหาวิทยาลัยที่ชอบ เรียนแล้วมีความสุขกับมัน เพราะจะติดตัวเราไปตลอดชีวิต โชคดีครับ

//มีข้อสงสัยเกี่ยวกับคณะอักษรฯ(หรือศิลปศาสตร์ มนุษยศาสตร์) เม้นไว้ในกระทู้เลยนะครับ

*แก้ไขการสะกดคำ

แสดงความคิดเห็น

>

42 ความคิดเห็น

LYNN 5 ธ.ค. 58 เวลา 19:42 น. 1

พี่เรียนสายวิทย์มา อยากทราบว่า PAT7 นี่เตรียมตัวยังไงอ่ะคะ ขอเป็นความรู้หน่อยน้า

3
ลิขิต เอกมังควร 5 ธ.ค. 58 เวลา 20:42 น. 1-1

พี่ใช้ GAT กับ PAT1 ครับ
มันมีรอบรับตรงซึ่งต้องใช้แพท7 แต่รอบแอดใช้ได้แค่แพท 1 กับแกทยื่นเท่านั้น

//ถ้าจะสอบแพท7(บาลี) แนะนำหนังสือบาลีไวยากรณ์ครับ แล้วก็เอาข้อสอบปีเก่า ๆ มาลองทำดู เพื่อนคนนึงที่เข้ามาด้วยPAT7(บาลี)บอกมา

0
Despacito 20 ก.ย. 60 เวลา 14:08 น. 1-3

ไม่ทราบว่าได้คะแนน แกทกับแพทเท่าไหร่หรอครับ พอจะบอกได้มั้ย

0
นักอ่านนิยาย 5 ธ.ค. 58 เวลา 19:47 น. 2

คือเราเป็นคนที่อยากจะเรียนอักษรมาก ๆ เพราะอยากไปเป็นนักเขียน เลยอยากเรียนของเอกไทย(เพราะโดยส่วนตัวก็ชอบวรรณคดีไทยอยู่บ้าง) แต่ก็ยังอยากเรียนน้อยกว่าจิตวิทยา เราเลยคิดว่าจะมาลองอ่านเนื้อหาของอักษรที่จุฬาดู แต่จะไปเรียนPre-degreeที่รามแทน (อ่าว? 555) ขอบคุณพี่มากเลยนะครับที่มาแบ่งปันประสบการณ์ให้ฟัง มันทำให้เรารู้สึกชัดเจนมากขึ้นว่า ถ้าเราไปเรียนแล้วเราจะไหวรึเปล่า ขนาดประมาณนี้เราจะรับได้รึเปล่า แต่ยังไงแล้ว เราก็คงเลือกเรียนมนุษยศาสตร์ที่รามคำแหง แล้วมาเรียนจิตวิทยาที่จุฬาแทนแล้วล่ะครับ

1
ลิขิต เอกมังควร 5 ธ.ค. 58 เวลา 20:50 น. 2-1

คณะอักษรศาสตร์ สามารถลงจิตวิทยาเป็นวิชาโทได้นะครับ
แต่ถ้าเกิดเข้ามาโดยโครงการช้างเผือกเขาจะบังคับลงวิชาโทภาษาอังกฤษเท่านั้น

คณะนี้มีศิษย์พี่เป็นนักเขียนเยอะมาก มีครั้งนึงอ.ชมัยภร บางคมบาง ศิลปินแห่งชาติสาขาวรรณศิลป์ และศิษย์เก่าคณะอักษรศาสตร์ จุฬาฯ ก็เคยมาบรรยายในคาบ Use Thai Lang คณะนี้สร้างนักเขียนดี ๆ มาหลายคนแล้ว สู้ ๆ นะครับ เป็นกำลังใจให้

0

ความคิดเห็นนี้ถูกลบ

ถูกลบโดยเจ้าของความเห็น

Bambichwang 5 ธ.ค. 58 เวลา 20:03 น. 4

รู้สึกมีแรงบันดาลใจเลยค่ะ อยากเรียนคณะนี้ของที่นี่มากขึ้นกว่าเดิมอีก จะขยันให้มากกว่านี้ ไฟท์กับสายวิทย์ไปก่อน

1
Ayuta.U 6 ธ.ค. 58 เวลา 19:28 น. 4-1

สู้ๆนะครับบบ มาเป็นรุ่นน้องให้ได้นะรักเลย

0
Babiba 5 ธ.ค. 58 เวลา 20:16 น. 5-1

หนูให้ไอดีไว้ แอดมาด้วยนะพี่อยากคุยแรง555555 bunnymindmindค่ะ

0
ลิขิต เอกมังควร 5 ธ.ค. 58 เวลา 20:58 น. 6-1

แกทเชื่อมโยงพี่อาศัยการทำโจทย์ทุกวัน เป็นเวลาประมาณ 3 อาทิตย์ก่อนสอบครับ ส่วนพาร์ทอังกฤษก็อ่าน+ทำโจทย์สักเดือน แต่อย่าเอาเป็นเยี้ยงอย่างนะ อ่านแต่เนิ่น ๆ จะดีกว่า อังกฤษมันยากตรงที่ Background ด้านภาษาของแต่ละคนไม่เท่ากันมาก ๆ บางคนอ่านแปปเดียวก็เกท บางคนต้องใช้เวลามากหน่อย แต่ก็ไม่ยากเกินความสามารถครับ

ยังมีอีกส่วนหนึ่งที่สำคัญมาก ๆ คือ GPAX กับ Onet พี่ทำในสองส่วนนี้ค่อนข้างดีเลยเข้ามาได้ครับ(รอบแอด)

0
ถาพอน 6 ธ.ค. 58 เวลา 19:08 น. 6-2

อยากชมว่าน้องเขียนเก่งจังครับและเป็นประโยชน์กับน้องๆมากมาย
ขอให้เรียนจบและมีอาชีพที่ดีให้สมกับที่ได้เข้ามาเรียนที่นี่..
พี่จบคณะสถาปัตย์ แต่นานนนนมากแล้ว

0
Ayuta.U 6 ธ.ค. 58 เวลา 19:37 น. 6-3

พี่เข้ามาโดย Admission โดยยื่น PAT1&GAT นะ
ในส่วนของ GAT เชื่อมโยง พี่ไม่ได้เตรียมตัวอะไร (อย่าเอาเยี่ยงอย่างนะน้อง) พี่ทำความเข้าใจแค่หลักการของมันจ้า
GAT ภาษาอังกฤษ อันนี้พี่อาศัยท่องศัพท์เอา สะสมมาเรื่อยๆ ยิ่งน้องรู้ศัพท์มากน้องจะได้เปรียบ แกรมม่า พี่ก็อาศัยแค่อ่านแล้วเข้าใจไม่ใช่ท่องจำนะ แต่พี่แนะนำให้น้องเตรียมตัวมาตั้งแต่เนิ่นๆดีกว่าเนอะ เพื่อความชัวร์ :) เพราะข้อสอบแต่ละรอบความยากง่ายไม่เท่ากัน
PAT1 อันนี้ พี่ยอมรับค่อนข้างยากนะ พี่ต้องอ่านทบทวนใหม่หมดเลย ทำโจทย์แต่ละบททุกบท มีบางบทก็ไม่ได้ แต่ก็พยายามทำ ถ้าสมมติรอบแรกได้น้อย อย่าเพิ่งถอดใจนะ ความยากง่ายแต่ละรอบไม่เหมือนกัน รอบแรกพี่ก็น้อย รอบสองคะแนนแพท1พี่ถึงพุ่ง สู้ๆนะ
อ้อ O-net ก็สำคัญนะ 30%เลย สอบได้ครั้งเดียวด้วย ทำเต็มที่ ไม่ยากๆ
GPAX 20% ทำเต็มที่นะน้อง 2ส่วนนี้ช่วยได้มากจริงๆ :))

0
ลิขิต เอกมังควร 5 ธ.ค. 58 เวลา 21:37 น. 7-1

มีครับ ใช้เกรดวิชาการแปลเบื้องต้น กับอังกฤษ2 ในการเข้าเอกอังกฤษครับ
ทั้งสองวิชาเป็นวิชาบังคับคณะในเทอม 2

0
Arts8X 6 ธ.ค. 58 เวลา 14:05 น. 9-1

ตอบแทนเจ้าของโพสต์นะครับ พี่ศิษย์คณะนี้เหมือนกัน

พี่ว่าคณะนี้สอบเข้าไม่ยากนะ ตอนพี่สอบเข้าพี่ก็ไม่ได้เตรียมตัวอะไรมาก่อน (ตอนแรกเล็ง ๆ คณะอื่นไว้มากกว่า) แต่พี่ก็สามารถยื่นแอดมิชชั่นติดเข้ามาได้แบบสบาย ๆ ไม่ต้องลุ้นอะไรเลยนะ เอาจริง ๆ พี่ว่าอยู่ที่ความสามารถของน้องด้วยว่าน้องมีพื้นฐานความรู้ดีแค่ไหน ตัวคะแนนน้องดีหรือเปล่า พวกนั้นเป็นปัจจับสำคัญที่จะบอกว่าน้องจะสอบติดหรือไม่ติด

ส่วนที่น้องถามว่าจบไปทำอะไรได้ พี่ว่าคณะนี้มันก็ทำได้หลายอย่างนะ แต่พี่ว่าก่อนน้องเข้ามาเรียน น้องควรจะวางแผนชีวิตมาแล้วระดับหนึ่ง ในความคิดพี่นะ พี่ว่าคณะนี้จบไปก็ไม่ได้หางานทำง่ายขนาดนั้น เพราะอย่าลืมว่าคณะนี้สอนแต่วิชาการ ไม่ได้สอนวิชาชีพให้น้อง เพราะฉะนั้นเมื่อลงตลาดแรงงานตอนเรียนจบ น้องอาจเสียเปรียบคู่แข่งที่มีทั้งวิชาการ + วิชาชีพได้ เพราะงานสายอักษรฯ เอาจริง ๆ จบคณะไหนมาก็แย่งน้องทำได้หมดแหละ แต่ถ้าน้องคิดไว้แล้วว่า จะเรียนตรงนี้แล้วแน่ ๆ อยากทำงานสายนี้จริง ๆ ก็สู้ ๆ นะ ตั้งใจเรียนเก็บประสบการณ์ไว้เยอะ ๆ ทำเกรดดี ๆ (พี่ว่าคณะนี้เกรดมีผลเยอะกับชีวิตนะ) ตอนนี้ยังมีเวลาคิด ก็คิดให้เต็มที่เลย แต่ถ้าใกล้เวลาแล้วคิดไม่ได้ซักที พี่ว่าน้องอาจจะค้องลองมองคณะอื่นที่มีความเป็น profession กว่านี้ไว้ซักหน่อยนึงก็ดีนะ

0
Carolina 6 ธ.ค. 58 เวลา 14:48 น. 11

สำหรับเราแล้ว เราคิดว่าการมาเรียนอยู่ในคณะอักษรศาสตร์ จุฬาฯ ที่นี่มีแต่ของดีๆทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็น อาจารย์ ตัวนิสิตเอง ข้อมูล ความรู้ เพื่อน ประสบการณ์ ฯลฯ ทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับการปรับตัวให้พร้อมที่จะเรียนรู้และรับสิ่งดีๆเข้ามาในชีวิต ในเทอมแรกนี้กว่าจะผ่านอะไรไปได้แต่ละอย่าง ถือว่าต้องเป็นคนที่มีสปิริทสูงมากเหมือนกันนะ รวมทั้งความมันใจในการเรียนรู้ ถ้าไม่มีคุณสมบัติพวกนี้แล้วล่ะก็อาจจะต้องเจอกับบททดสอบอันแสนจะท้าทาย ซึ่งอย่างว่าแหละมันท้าทายกว่าเพื่อนคนอื่นๆที่เค้าสตรอง!ในคณะแน่ๆ เพราะอะไรน่ะเหรอ? ก็เพราะว่าคณะอักษรศาสตร์ จุฬาฯ คือคณะที่ต้องเข้าใจตนเองและู้อื่น รวมทั้งเข้าใจในความเป็นโลกใบนี้ด้วย และต้องมีพื้นฐานที่ดีมาพอสมควรไปจนถึงระดับที่สูงมาก (แล้วแต่คนนะ) พื้นฐานนั้นก็ได้มาจากชั้นมัธยมศึกษาทั้งด้านทักษะการเรียนรู้ ฟัง พูดอ่าน เขียน สังเกต เข้าใจ และยอมรับความเป็นจริง ฯลฯ มีอีกเยอะแยะ 555 ไม่ว่าจะเป็นวิชาไหนๆก็ต้องใช้ประสบการณ์ให้เกิดเป็นทักษะที่ดี โดยเฉพาะภาษาอังกฤษและภาษาที่3 ที่เราจะต้องมาเจอที่คณะ ซึ่งก็แสนโหดแตกต่างกันออกไป ดังนั้น การใช้ชีวิตหรือการมาเรียนที่นี่ก็ต้องอดทนและสนุกไปกับมันด้วยเช่นกัน ไม่อย่างนั้นเราจะกลายเป็นคนที่ไม่มีความสุขกับอะไรเลย สร้างความสุขและกำลังใจให้ตัวเอง เพราะการเรียนก็จำเป็นต้องใช้กำลังใจและความสุขมากเช่นกัน .....ปล.เราเป็นคนหนึ่งนะที่เรียนอยู่อักษร จุฬาฯ เราแตกต่างกว่าใครหลายคนเพราะเราเป็นเด็กต่างจังหวัดและไม่ได้มีประสบการณ์ในการใช้ชีวิตสูงเท่าเพื่อนคนอื่นๆ ก็เลยต้องเจอบททดสอบที่โหดกว่าใครหลายคนนิดหน่อย แต่สำหรับเทอมแรกของปี 1 ก็ผ่านมันไปได้ด้วยA 5555(ถ้าด้วย D ก็ยังไม่อยากได้เท่าไร เพราะเพิ่งผ่านไฟนอลไปหมาดๆ) และก็อยากฝากถึงน้องๆที่ใฝ่ฝันที่จะเข้าอักษรฯนะ ตั้งใจและมุ่งมั่น พร้อมทั้งมีสติเสมอ นึกถึงวันที่เราได้เข้ามาเป็นนิสิตที่นี่นะ อดทนอีกไม่นานความฝันก็เป็นจริงได้ถ้าเราตั้งใจ และเรียนที่นี่สนุกมากๆบอกเลย เพื่อนๆก็น่ารักนิสิัยดี สังคมที่นี่รักกันผูกพันกัน กิจกรรมก็ดี ถ้าไม่เชื่อต้องมาลองดู 555 บ๊ายบาย เทอมที่1 ในอักษรศาสตร์

1
Carolina 6 ธ.ค. 58 เวลา 14:53 น. 11-1

ปล.เราก็เด็กวิทย์นะ เลือกที่จะเข้าสายศิลป์ที่นี่ เพราะอยากเรียนรู้อะไรใหม่ๆ แต่ก็แอคทีฟหน่อย สุดท้ายก็มีความสุขอยู่ในคณะ

0
Katt 6 ธ.ค. 58 เวลา 15:39 น. 12

พี่ๆได้คะแนน pat1 กับ gat เท่าไหร่กันบ้างคะ คืออยากรู้จะได้เตรียมตีวถูก

1
Ayuta.U 6 ธ.ค. 58 เวลา 19:39 น. 12-1

พี่ได้ GAT 265 PAT1 144 ครับ
สู้ๆนะครับ มาเป็นรุ่นน้องพี่ให้ได้นะ สู้สู้

0
Alice-CY 6 ธ.ค. 58 เวลา 15:41 น. 13

สเปนนี่ต้องมีพื้นฐานมาก่อนไหมคะ แล้วอังกฤษที่เจอนี่แบบต้องมีทักษะมากไหมคะ คือหนูชอบเกี่ยวกับภาษานะแต่ก็แบบพอได้อ่ะค่ะ ไม่เก่งอะไร กลัวมันจะกดดันอ่ะค่ะ

1
Ayuta.U 6 ธ.ค. 58 เวลา 19:40 น. 13-1

โครงการสเปน จำเป็นต้องมีพื้นฐานครับ
ส่วนเอกสเปนธรรมดา รู้สึกว่าไม่จำเป็นนะครับ มาเก็บที่นี่ได้เลย :))
ภาษาอังกฤษ ก็ต้องพยายามนะครับ พี่ก็ไม่เก่งภาษาอังกฤษ ทำเอาพี่เกือบตายเหมือนกันนน ไงก็สู้ๆนะครับ สู้สู้

0
ShInInG 6 ธ.ค. 58 เวลา 16:12 น. 14

เห็นมีคนว่ากันว่าคณะนี้ผู้ชายน้อยมากๆๆๆ จริงอย่างนั้นไหมครับ
ผมเรียนชายช้วนตั้งแต่ประถม แถมเข้าสังคมไม่เก่ง กลัวจะไม่มีเพื่อนครับ T-T

4

ความคิดเห็นนี้ถูกลบ

ถูกลบโดยเจ้าของความเห็น

Ayuta.U 6 ธ.ค. 58 เวลา 19:42 น. 14-3

น้อยแต่ก็ไม่ได้น้อยอะไรขนาดนั้นครับ แต่เมื่อเทียบอัตรส่วน ญ:ช แล้วเอาไปเทียบกับคณะอื่น จะถือว่าน้อยครับ
ไม่ต้องกลัว เข้ามามีเพื่อนแน่นอนครับ พี่คอนเฟิร์ม :)

0
นกน้อยคนหนึ่ง 7 ธ.ค. 58 เวลา 21:52 น. 14-4

จบชายล้วนมาก็ไม่มีปัญหานะคะ เพื่อนพี่จบชายล้วนก็มีเพื่อนเยอะแยะเลย จริงๆ ตอนนี้ผู้ชายก็เริ่มเรียนอักษรมากขึ้นนะ แต่ส่วนใหญ่ก็กระจายๆ ไปตามกลุ่มผู้หญิง เค้าจะช่วยกันเรียน ช่วยดึงเพื่อนเอาไว้ไม่ให้เกเร
ปล. อันนี้แถม ถึงน้องจะเป็นพิมพ์นิยมหรือไม่ก็ตาม แต่ถ้ามาอยู่ในคณะที่มีแต่สาวๆ เชื่อเถอะค่ะว่าออร่าจะจับ จะโดดเด่นมาแต่ไกล ใครว่าอักษรต้องคู่วิศวะ...ไม่จริงค่ะ ผู้ชายอักษรนี่แหละได้เปรียบมากกก

0
ลิขิต เอกมังควร 6 ธ.ค. 58 เวลา 20:57 น. 15-1

พี่ยื่นมัธยมศิลป์ครับ จำได้ว่าใช้ไทย อังกฤษ แพท5 ครับ พี่ขาดไปประมาณ 100กว่าคะแนนมั้งจำไม่ผิด

0
ซาลาเปา 6 ธ.ค. 58 เวลา 16:28 น. 16

ชอบดาราศาสตร์มาก แต่ไม่คิดว่าตัวเองเก่งวิทย์จนหมด อยากเรียนธรณีวิทยา เพราะชอบ โลก ดาราศาสตร์น่ะ แต่ลึกๆดันชอบภาษา สรุปไม่เก่ง ไม่รู้เรื่องอีก คำง่ายๆยังแปล หรือ เขียนไม่ออกเลย จริงๆนะ อยากได้เรียนจัง ตอนนี้ ม.3 ฮือฮือ อยากทำได้เหมือนพี่จัง

3
someone 6 ธ.ค. 58 เวลา 19:16 น. 16-1

ม.ปลายกับม.ต้นมันต่างกันมากนะ ยังมีเวลาอีกตั้ง 3 ปีให้ค้นพบตัวเอง ค่อยๆเรียน ค่อยๆหาตัวเองไปเนอะ อย่างเราอยู่ม.6 สายวิทย์ ก็พึ่งรู้ว่าตัวเองไม่เหมาะกับวิทย์ตอนม.6 เนี่ยแหละ อย่าคิดมาก

0
Ayuta.U 6 ธ.ค. 58 เวลา 19:43 น. 16-2

สู้ๆนะครับน้อง มีเวลาอีก3ปี ไม่ต้องเครียดครับ ค่อยๆเตรียมตัว พี่เชื่อว่าน้องทำได้ :))

0

ความคิดเห็นนี้ถูกลบ

ถูกลบโดยเจ้าของ

piaspiaz 6 ธ.ค. 58 เวลา 18:10 น. 19

พี่ได้คะแนนวิชาสามัญเท่าไรเหรอคะ มีสิทธ์สอบสัมภาษณ์ศิลปากรด้วย หนูอยากเข้าศิลปากรมากๆเลยค่ะ ตอบด้วยนะคะ

1
มิเนมิ 6 ธ.ค. 58 เวลา 20:06 น. 20

พี่ค่ะ หนูอยู่วิทย์คณิต แต่อยากจะเข้าอักษร จีน มีความรู้พื้นฐานภาษาจีน ถ้าสอบ pat จีนได้คะแนนไม่ดีจะเข้าได้ไหมค่ะ

5
Ayuta.U 6 ธ.ค. 58 เวลา 20:25 น. 20-1

ถ้าน้องกลัวว่า PAT จีนจะออกมาไม่ดี น้องก็ต้องเก็บวิชาสามัญ (ไทย อังกฤษ สังคม) ให้ได้เยอะๆครับ สู้ๆนะ :)

0
Ayuta.U 6 ธ.ค. 58 เวลา 21:06 น. 20-3

//ขยายความเพิ่มอีก ถ้าน้องจะยื่น PAT1 น้องต้องทำโจทย์เยอะๆนะครับ สู้ๆ :)

0
hunz 8 ธ.ค. 58 เวลา 23:36 น. 20-4

พี่ทำเล่มไหนหรือเรียนพิเศษป่าวคะ

0
Ayuta.U 13 ธ.ค. 58 เวลา 23:22 น. 20-5

พี่เคยเรียนกวดวิชาตอนม.ปลายครับ เพราะพี่จะสอบหมอแต่หลุด 55555
เรื่องทำโจทย์ พี่ทำ Vaccine อ่ะครับ

0