ทำไมอาจารย์ชอบคิดว่าความรู้ภายในโรงเรียนก็เพียงพอแล้วที่จะเอาไปสอบ จริงเหรอ ?
ตั้งกระทู้ใหม่
ไม่เกทฟีล ไม่เข้าใจ
อาจารย์ชอบบอกว่าแค่ตั้งใจเรียนในห้องก็พอแล้วที่จะเอาไปสอบ จะไปเรียนพิเศษทำไม?
คำตอบคือระบบการศึกษาไทยครับ'จารย์
ประเทศที่จัดการสอบก่อนนร.เรียนจบหลักสูตรม.ปลายนี้สามารถถามคำถามนี้ได้ด้วยเหรอครับ ?
คือผมไม่ได้อยากจะย้อนแย้งอาจารย์นะ แต่ถ้าหลักสูตรในห้องเรียนหรือแค่การเรียนการสอนในห้องเรียนเพียงพอที่จะให้พวกผมเอาไปสอบเพื่อจะตัดสินทางเดินก้าวใหญ่ๆแห่งอนาคต มันเพียงพอที่จะนำไปใช้ได้จริงๆ
'โรงเรียนกวดวิชาทั่วประเทศไทยคงปิดกิจการพับเสื่อกลับบ้านไปนานแล้วล่ะครับ'
....มากกว่านั้นคือระบบมันเอื้อให้กับคนที่พร้อมจะจ่ายมากกว่าคนที่ไม่มีอะไรเลยจริงๆนะ คือถามว่าในห้องเรียนมันรู้เรียนได้ไหม ? รู้นะ แต่ข้อสอบที่อัพเกรดตัวเองทุกปี + ในห้องเรียนที่ไม่เอื้ออำนวยแก่การเรียนรู้นี้มันเป็นอะไรที่ยากมากจริงๆถ้าไม่ได้เรียนพิเศษแล้วไปสอบ ไม่มีแนว ไม่มีคนชี้จุด ไม่รู้ว่าข้อสอบจะออกมาแบบไหน เด็กที่ไหนจะทำได้?
ถึงจะบอกว่าขึ้นอยู่กับตัวเองเป็นหลักก็เหอะ แต่แค่ข้อสอบสอบเข้ายังมีแตกต่างกันออกไปแต่ล่ะสนามเลย แนวข้อสอบก็เช่นกัน เอาจริงๆมันเหมือนมีหลายทางเลือกเนาะ ? แต่ในทางกลับกันมันก็เสียเงินเพิ่มมากขึ้น
ซ้ำร้ายสุดสิ่งที่ตัวเด็กได้ประโยชน์แต่ถ้าต้นสังกัดหรือรร.ไม่ได้ประโยชน์ก็ไม่มีการจัดติวอะไรเช่นเดียวกัน #เก้าวิชาสามัญและแกทแพทก็เช่นกัน มีติวโอเนทแต่ไม่มีติวแกทอิงค์ ไม่มีติวอย่างอื่นเพราะอะไรกันนะ ?
และ/หรือ ถ้าไม่อยากให้เด็กไปเรียนพิเศษเยอะๆ
....แล้วทำไมคุณพี่ท่านไม่ปรับปรุงหลักสูตรการเรียนการสอนนะ ?
เอาจริงๆนะ ทำไมไปเรียนพิเศษแค่หนึ่งคอร์สกับเตรียมตัวสอบไม่ถึงเดือน ทำไมเด็กถึงเข้าใจ
มากกว่าที่อาจารย์ในรร.สอนมาสามปีอ่ะ ? ผมวัดจากตัวเองเป็นหลักนะ อิงค์ที่เหมือนก่อนไม่ค่อยเกทพอไปเรียนมาแล้วแบบ เออ ...ทำไมอาจารย์สอนยากกว่าที่มันเป็นอะไรแบบนี้นะ
คือง่ายๆเลย ถ้าท่านไม่อยากให้เด็กไปเรียนพิเศษ แค่ท่านส่งคนลงมาดูงานสักหน่อย เอ๊ะ รร.กวดวิชาทำไมถึงมีเด็กไปเรียนนะ เขาเรียนเขาสอนกันแบบไหน นำไปใช้และปรับปรุงหลักสูตรการศึกษา แค่นั้นมันก็คงจะดีขึ้นอีกโข (แม้ผมจะรู้ว่ามันเปงป่ายม่ายล๊ายยยยยยก็เหอะ)
ผมรู้ว่ากระทู้นี้บ่นไปก็เท่านั้นแหละครับ ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม
เด็กไทยยังคงต้องเรียนและสอบกันหนักๆเหมือนเดิม
รุ่นน้องเราก็ต้องเจอกับอะไรเดิมๆ
มันจะวนเวียนแต่อะไรเดิมๆไปแบบนี้เรื่อยๆ
และมันคงเป็นแบบนี้ไปอีกนานเท่านาน
.....จนกว่าจะถึงวันที่ใครสักคนจะมองเห็นมันและคิดจะพัฒนามันอย่างแท้จริง
ผมแปลกใจนะ แปลกใจมากด้วย
การศึกษาคือสิ่งที่ทำให้คนๆหนึ่งสามารถพัฒนาได้ไปในทางที่ดี เป็นรากฐานที่มั่นคงของประเทศชาติ ทำให้คนหนึ่งคนกลายเป็นทรัพยากรมนุษย์ที่มีค่า ผลักดันให้ประเทศก้าวหน้าได้ด้วยความรู้ (สำหรับผม ความรู้คือพลัง)
.......แต่เรื่องสำคัญแบบนี้กับกลายเป็นเรื่องที่ถูกละเลยมากที่สุด
ก่อนจะบอกว่าให้เด็กเรียนเก่งๆ
ทำไมถึงไม่ทำให้เขาเข้าใจก่อนนะว่าการศึกษามันสำคัญยังไง? มันเปลี่ยนอนาคตได้ขนาดไหน
สวัสดีประเทศไทย
:)
Ps.
"เขาไม่เห็นเรียนพิเศษก็ยังสอบติดเลย"
สำหรับผมอ่านแล้วแม่มได้อารมณ์เดียวกันกับประโยคที่บอกว่า
"เด็กไทยเจ๋ง คว้าเหรียญโอเลมปิคระดับโลก"
เด็กแค่กลุ่มๆเดียว เปรียบเหมือนเด็กทั้งประเทศฉลาดเท่ากัน
#ประโยคด้านบนก็เช่นกัน
Pss.
"สตีปจ็อบเรียนจบไม่เห็นสูงเลยยังรวยขนาดนั้น"
คุณสร้างสรรค์เท่าลุงสตีฟไหม?
พ่อแม่คุณใหญ่เท่าเขาไหม?
คุณมีเส้นสายมากเพียงพอจะล็อบบี้ลูกค้าให้ลงทุนกับคุณได้ไหม?
ก่อนจะอ่านอะไรแล้วเอามาเป็นวลีเด็ดๆอยากแนะนำให้อ่านให้ครบทุกด้าน ตั้งข้อสงสัยและสังเกตบ้าง ชีวิตที่บอกเล่าก็เหมือนเรื่องราวที่ถูกแต่งแต้ม บางที่สีสันมันก็ผิดเพี้ยนไปบ้าง ก็เท่านั้นแหละครับ ถถถถถถถถถถถถถ
17 ความคิดเห็น
เราว่าระบบการศึกษาไทยต้องเเก้ไขตั้งเเต่รากเเรกเรื่มเลย ทำยังไงให้หลักสูตรน่าสนใจ เด็กเรียนเเล้วเข้าใจ อาจารย์ที่สอนมีความรู้มากพอ สอนให้น่าสนใจไม่ให้เด็กหลับ เอาจริงๆถ้าบอกให้ตั้งใจเรียนให้ห้องก็ได้ความรู้ สำหรับเราได้นะ เเต่พอมาเทียบกันควารู้ที่ได้จากโรงเรียนกับเวลาที่เรียน6ปี ได้น้อยมาก ไม่ลืมก็ไม่รู้เลย เเต่จะทำยังไงได้มันเป็นเเบบนี้มานานเเล้วคงเเก้ไขอะไรได้ยาก
ตอนนี้น้องๆอาจจะคิดว่าไม่พอ
ถ้าน้องมีเวลาว่างๆ หัวโปร่งๆ ลองเอาแบบเรียน แบบฝึกหัด การบ้าน มา เปรียบเทียบ กับข้อสอบ เข้ามหาวิทยาลัยมาดูใหม่ในข้อที่น้องๆคิดว่า ข้อสอบออกเกิน แล้วน้องอาจจะปิ้ง ว่าโถโอ้ย แค่นี้หมูๆ อยู่ในเรื่องนั้นเรื่องนี้
เราว่าไม่หมูนะสำหรับเราบางข้อให้เด็กเอาสูตรเข้าไปดู หรือแบบฝึกหัดเข้าไปด้วยอ่ะเด็กก็คิดไม่ได้เพราะ
โจทย์มันมีการพลิกแพลง มากกว่าในห้องที่เราทำ ข้อสอบเข้ามหาลัยออกพลิกแพลงขึ้นทุกปี แต่ หนังสือเรียนอ่ะเรายังใช้ของรุ่นพี่ซึ่งเนื้อหาและโจทย์มันตั้งแต่สมัยก่อนโน้นนนอยู่เลย
ใช่ครับ หมู 1ข้อจาก 10ข้อเลยทีเดียว
จะมีไหมหนอ เด็กไทยที่ตอบว่า "โตขึ้นอยากไปอยู่ในกระทรวงศึกษาฯเพื่อเปลี่ยนแปลงหลักสูตรการเรียนการสอนของประเทศไทย" ไม่ใช่แค่บ่นเรื่องหลักสูตรตามกระทู้ต่างๆ
#Just a comment
#ถ้าเจ๊ไม่ได้อยากเรียนสายคอมเจ๊ก็อยากจะไปทำงานในนั้นเพื่อช่วยลูกหลานเหมือนกันแหละหนูเอ้ย
#อย่าดราม่าใส่เก๊านะ ;-;
ต้องถามว่าคนเหล่านั้นมีเส้นสายพอหรือเปล่า
คุณก็รู้ ที่นี่ที่ไหน
แนวคิดโคตรเจ๋งไม่มีเส้นก็ทำอะไรไม่ได้
รร เราก็มีนะ สอนๆๆแล้วก็สอน เกินมหาหลักสูตร ออกข้อสอบยังกับมหาลัย ตกทั้งระดับ (แต่หน้าแกใสๆ ดูใจดีเฟร่อ)
เด็กไปเรียนพิเศษมาแกงอน 55555
#แต่ยังไงก็รักและอยากให้มีครูแบบนี้เยอะๆ
#เกี่ยวกับกระทู้มั้ยเนี่ย55555
เราเป็นคนนึงที่เรียนได้เกรดดีมาตลอดทั้งที่ไม่ได้เรียนพิเศษ แต่พอเวลาสอบเข้าอะไรไม่เคยติดสักอย่าง จนแม่เคยย้อนถามว่า สรุปลูกแม่โง่หรือเปล่า ไม่เข้าใจว่าทำไมรียนได้ที่1-2ของห้องตลอดแต่กลับทำข้อสอบอะไรแบบนี้ไม่ได้
เราอยากจะบอกแม่ว่า เพราะการเรียนในห้องมันไม่ยากอย่างการสอบเข้าไงแม่!!!! เห็นด้วยกับจขกท.มาก ถ้าการศึกษาในโรงเรียนดีจริง ทำไมคนที่อยู่อันดับต้นๆของรร.ไม่เคยสอบติดเลย
ปล. รร.เราก็ไม่ใช่รร.ดังด้วยแหละ เกรดดีของที่นี่อาจเน่ามากถ้าเทียบกับที่อื่น
ความรู้เพียงพอ แต่ขาดการฝึกฝนครับ
เพราะข้อสอบไม่ใช่แค่คุณมีความรู้ก็ทำได้ แต่คุณต้องรู้จักประยุกต์ใช้ด้วย ตัวข้อสอบเองมีทั้งข้อง่ายและข้อยากปะปนกันไปเพื่อคัดกรองเด็ก ข้อที่ง่ายก็เป็นพวกข้อที่เอาเนื้อหาในหลักสูตรมาถามโต้งๆเลย ข้อที่ยากก็ยากชนิดที่ถ้าไม่เคยผ่านตามาอาจจะวางปากกาแล้วฉีกกระดาษคำตอบ
แต่ส่วนมากจะเป็นข้อสอบที่ยากปานกลาง คือถ้ามีความรู้พื้นฐาน ก็สามารถเข้าใจโจทย์ได้ แต่จะหาคำตอบได้หรือไม่ต้องใช้ทักษะทั้งด้านตรรกศาสตร์และการประยุกต์ ซึ่งตรงนี้เป็นจุดที่ไม่ใช่ทุกคนจะทำได้ดี มันต้องมีการฝึกฝนกันไปเรื่อยๆ
ดังนั้นจะบอกว่าความรู้ในโรงเรียนไม่เพียงพอก็ไม่น่าจะถูก การเรียนในห้องเรียนเป็นการเรียนในระดับพื้นฐาน เหมือนกับการเขียนหนังสือ เราต้องรู้ว่าต้องจับปากกาอย่างไร ถ้าทำผิดจะใช้อะไรแก้ไข นี่คือพื้นฐาน ส่วนใครจะเขียนออกมาได้ลายมือสวยหรือไม่สวย ใช้คำพูดได้ดี ลื่นไหลหรือไม่ อยู่ที่การฝึกฝน
ส่วนเรื่องที่ว่าทำไมเรียนพิเศษไม่กี่เดือนหรือลงไม่กี่คอร์สเด็กถึงเข้าใจ (ขอพูดเฉพาะกรณีที่เรียนพิเศษเพื่อสอบนะครับ ไม่กล่าวถึงเรียนพิเศษแบบเรียนเนื้อหาล่วงหน้า) นั่นเพราะว่าเราเรียนจากข้อสอบไงครับ แนวการคิด วิธีลัด อะไรต่างๆนาๆ เหล่านี้ล้วนมาจากการสกัดจากข้อสอบปีก่อนๆให้เหลือแต่ประเด็นที่มีในข้อสอบและน่าจะออก
และส่วนมาก เราจะเรียนกันแบบจบปีก็ทิ้ง ขึ้นปีใหม่ก็เริ่มเรื่องใหม่ เราไม่ได้เรียนแบบที่ทำให้ความรู้มันตกผลึกและเข้าใจมันอย่างแท้จริง เพราะข้อสอบออกเนื้อหารวมของม.ปลายทั้งหมด คนที่จะทำข้อสอบได้โดยไม่เรียนพิเศษเพื่อหาแนวที่ตรงจุด คือคนที่เรียนจริงๆ เข้าใจจริงๆ และไม่ทิ้งความรู้ที่ได้ร่ำเรียนมาจริงๆ หมั่นทบทวนและหาความรู้เสริมอยู่เสมอ ถ้าทำได้ ยังไงข้อสอบก็เป็นเรื่องง่าย (แต่ส่วนมากก็อย่างที่รู้ว่าคงยาก เนื่องด้วยวัยที่มีหลายๆอย่างเข้ามาในชีวิต ซึ่งมันก็ไม่ใช่เรื่องผิดอะไร)
ก็นั่นแหละครับ ความรู้เพียงพอ แต่ขาดการฝึกฝน
เห็นด้วยนะ เพราะความรู้ในห้องเรียนไม่พอหรอกที่จะเอาไปสอบแข่งกับใคร ถ้าเราไม่เรียนพิเศษเพิ่มก็ไม่เข้าใจอีก...
ไม่มีข้อกังขาใดๆกับกระทู้นี้ทั้งสิ้น
ไม่เถียงเลย..เพราะมันเป็นแบบนี้จริงๆ
ถ้าให้ความสำคัญกับอาชีพครูมันจะดีขึ้นมั้ยนะ?แบบให้เงินเดือนมากขึ้นหน่อย ให้เด็กที่เค้าเก่งๆสามารถเลือกที่จะเป็นครูเป็นอาจารย์ได้อย่างภูมิใจ ถ้ารีบเปลี่ยนระบบได้ก็ดี ไปเริ่มเปลี่ยนระบบกันตั้งแต่รุ่นอนุบาล1 เลยเพราะรุ่นเราคงไม่ทันกันและ
เราก็คิดแบบเดียวกันกับเจ้าของกระทู้นะ
คิดมานานและ ใช่เลยๆ
เราก็ว่างั้นครูแกชอบพูดอะไรที่เราไม่เข้าใจ คือเราก็ตั้งใจเรียนนะ. อยากให้ครูสอนวิธีลัดด้วย. แบบว่าใครจะมานั่งคิดอะไรยาวๆ. เวลาก็มีจำกัดอีก. -_-
แล้วเวลาพยามทำความเข้าใจลองทำแบบฝึกก็ยังไม่เข้าใจ. พอไปถามครูก็บอกว่าในหนังสือก็มีทำไมไม่อ่าน. -_-;; //เงิบ. โว้ะ. ลองไปทำข้อสอบดูที่ครูสอนมามีไม่กี่ข้อเองนอกนั้น. มันคืออัลไล -_-;;;
ผมเห็นด้วยนะ ถ้าเป็นไปได้นะอยากให้ นักเรียนไทยทุกคนได้มีส่วนร่วมในการปฏิรูปการศึกษาอย่างเป็นรูปธรรมและเกิดผลประโยชน์ในทางตรงมากที่สุด ทุกวันนี้เราพึ่งนักวิชาการเกินไป ผู้ใหญ่หลายท่านมองเห็นปัญหาแต่ไม่แก้ไข ปล่อยเลยตามเลย ยังไงก็เป็นแค่ฝันแหละครับ ท่านผู้ใหญ่ที่นั่งอยู่ในกระทรวง ศธ ทั้งหลาย ท่านนั่งทำอะไรอยู่ไม่รู้
นั่งทำข้อสอบเก่ามาหลายปี หลายฉบับ ทำมันหลายๆแบบ หลายๆมหาลัย สิ่งที่เห็นคือข้อสอบลึกขึ้น ยากขึ้น ลูกเล่นพลิกแพลงมันมีหลายแนว
เมื่อเราหันไปเทียบกับสิ่งที่เรียนในโรงเรียน ข้อสอบในโรงเรียนที่เคยสอบ การบ้านต่างๆ มันไม่พอ หนังสือกระทรวงที่แจกมาอ่านแค่นั้นมันไม่พอใช้ ตอนเตรียมตัวสอบนอกจากทำโจทย์ เรียนพิเศษ หนังสือข้างนอกต้องเอามาอ่านเพิ่มเยอะมาก เกินหลักสูตรก็มีเยอะ ยิ่งต้องสอบสัมภาษณ์ต้องไปหาที่มันเกี่ยวกับภาควิชานั้นๆมานั่งอ่าน(ไม่ใช่ไม่รู้ แต่สอบมานอกจากทัศนคติแล้วมันมีอะไรอีกเยอะ)
แต่พูดตรงๆที่สอบไปทุกอย่าง ทำไปทุกอย่างยังรู้สึกไม่พอเวลาเจอข้อสอบจริงๆเลยแล้วจะให้นั่งเรียนที่โรงเรียนอย่างเดียวมันไม่พอจริงๆ(แต่ละโรงเรียนสอนลึกไม่เท่ากันด้วยนะ ที่เรียนลึกๆถือว่าคุณโชคดีมาก)
#อันนี้สำหรับ รร ผมนะ
เอาจริงๆ นะ คือให้ไปเรียนหรือให้ไปทำงานแบบหามรุ่งหามค่ำ คือก็แทบจะไม่ค่อยได้สอนแต่สั่งงานมาคือแบบ... ไม่ให้เวลาให้อ่านนสเลย แล้วเวลาสอบที ตกกันระนาว แม้ว่าหลายคนจะบอกว่ามันช่วยฝึกความรับผิดชอบนะ แต่พอมีคนนอกมาดูงาน เอางานเด็กไปโชว์ เวลาจะเลื่อนขั้นตัวเอง งานเด็กนี่แหล่ะที่เอาไปใช้ (ตรงๆ กันตรงนี้เลย) หยั่งกะหากินกับเด็ก(ทางอ้อม) อะไรประมาณนั้น ขอบคุณครับ...
เราชอบสำนวนการเขียนของคุณมากค่ะ
บางทีเราก็งงเหมือนกันนะ... ว่าทำไมที่เรียนกับที่สอบไม่เหมือนกัน....
เราก็เป็นคนนึง ที่เกระก็ถือว่าอยู่ในระดับที่เรียกว่าดี(3.55)... แต่ไม่ถึงดีมาก(4)
เราก็เป็นคนที่พยายามกับทุกกิจกรรมนะ ที่โรงเรียนมีงานก็พยายามเข้า
พยายามอ่านหนังสือด้วยเพื่อประคองเกรดไว้
เราว่าเราใช้เวลาในช่วงชีวิตม.ปลายอย่างกำลังดี(ไม่ถึงขั้นคุ้มค่า)
แต่อย่างที่งงมากเลยคือ เวลาเราไปสอบรับตรงหลายๆที่
ประมาณ 12 ที่ แต่เราติดแค่ 2 ที่???
ก็ไม่ได้ว่า ว่าข้อสอบมันไม่ค่อยตรงกับที่เรียน
แต่ว่า ลำพัง แค่เวลาทำงานกิจกรรม-การบ้านเราก็หมดแล้ว
เราเลยไม่ได้อ่านหนังสือเพิ่ม
(เราเป็นคนนอนขี้เซานะ พยายามนอนให้ครบ 8 ชั่วโมงทุกวัน
เพราะตั้งแต่เด็กเราถูกปลูกฝังมาแบบนั้น)
เวลาอ่านหนังสือสอบ ก็พอมีบ้างนะ แต่มันไม่ใช่กับข้อสอบที่แต่ละม.ออก
เพราะมันคือข้อสอบที่ออกในโรงเรียน...
ล่าสุดที่ไปสอบมา.... ใช่มีเกี่ยวกับที่เรียนด้วยนะ สัก 20 %
ส่วนที่เหลือ..... มัน คือ อะ ไร
#ทีมปลง
ถึงแม้ว่าเวลานอนชาวบ้านเขาจะน้อยกว่าเราก็เถอะ
ปลงครับ
คนที่สอบติด เยอะๆ เขานอนไม่ถึง 8 ชม. แน่นอนครับ
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?