Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

การใช้ชีวิตมัธยมอยู่ที่แวนคูเวอร์

ตั้งกระทู้ใหม่
   ก็จะมาบอกก่อนเลยว่านี้เป็นกระทู้แรกที่เคยทำเลยอาจจะเขียนงงไปบางนะ จะพยายาม

ต้องบอกก่อนเลยว่าเป็นคนที่อยู่กับคนไม่รู้จักนนี้ก็เงียบๆ แต่ถ้าอยู่กับเพื่อนๆที่สนิทกันมากมากหรือพ่อแม่ก็จะรู้ว่าเป็นคนที่ชอบเล่นมุกกากกับเพื่อนอยู่บ่อยๆจนเพื่อนบางคนเอือม แต่ก็ยังเล่นต่อไป เพราะรู้สึกว่าเล่นมุกแล้วมันสนุกมากหยุดเล่นไม่ได้ บางทีคนอื่นอาจจะเห็นเงียบๆแต่จริงๆแล้วกำลังคิดมุกอยู่ก็มี(บ่อยๆ) ถ้าอยากเล่นมุกมาเล่นกับเราได้ (อาจจะออกนอกเรื่องไปบ้างขออภัย)

ถามว่าคิดยังไงถึงอยากไปเมืองนอก? ก็คิดๆอยู่แล้วว่าอยากจะไปเรียนต่อมหาลัยที่เมืองนอก ก็เลยไปก่อนหน้าจะดีกว่าในความคิดเรานะ ตอนนี้เรียนอยู่ Grade 10 คือก็เรียนโรงเรียนอินเตอร์มาก่อนที่จะมาแวนคูเวอร์ สามปี มันก็ช่วยเยอะมากในส่วนการเรียนแต่ไม่ค่อยได้ช่วยให้พูดดีขึ้นมากขนาดนั้น อีกเหตุผลที่มานี้ก็เพราะจะมาฝึกภาษาด้วยนะ ประเด็น คือมานี้มันเล่นมุกภาษาไทยไม่ค่อยได้ใช่ป้ะ ผวนเล่นก็ไม่ได้อีกเลยแบบเซงๆเลยอะ คือมุกคือชีวิตสำหรับเราไม่มีมุกคือไม่มีเรา จบนะ เออก็แบบ จะมาพูดไรแล้วนะ จริงๆก็มาอยู่นี้ตั้งแต่ สิงหา 2015 ก็ไม่ได้มานานมากแต่อยากจะมาแชร์ประสบการณ์กัน

คนที่เมืองไทยส่วนใหญ่จะคิดมากถึงมากที่สุดเรื่องส่งลูกมาเรียนเมืองนอกหรือจะมาใช้ชีวิตอยู่ที่เมืองนอก คิดไปต่างๆนานา มากมายก่ายกอง ที่รู้ก็เพราะว่าครอบครัวเราเองก็คิดเยอะอยู่กว่าจะมานี้ ว่าเนี่ยมา ต่างประเทศแล้วจะเจอculture shockมั้ย มีอันตรายมั๊ย เมืองที่อยู่เป็นอย่างไร การศึกษาดีมัํย ไปอยู่โฮสหรือ  boarding school(หอพัก) ดี ภาษาจะทำยังไง เพื่อนจะมีมั๊ย กระทู้นี้เลยอยากจะมาใช้ประสบการณ์ที่อยู่ว่าแล้วหกเดือนว่าเป็นยังไง อาจจะตอบคำถามที่ตัวเองเคยส่งสัยก่อนมานี้ก่อนและกัน คือมันมีอะไรให้พิมเยอะมากอะ คำถามพวกนี้มันเป็นแค่คำถามเบซิคเท่านั้นนะจริงๆมีอีกเยอะมากมาก ถ้าใครมีคำถามอะไรก็ถามมาได้นะ ตอนนี้เราก็ยังไม่ได้ว่าพูดอังกฤษชัดคล่องปรื๋อขนาดนั้นแต่ก็ได้ในขนาดนึงเลยทีเดียว ดังนั้นเราเองก็ไม่ใช่ว่าเป็นคนเพื่อนเยอะอะไรหรือเป็นคนที่กล้าไปซะทุกเรื่อง เอาเป็นว่าเริ่มเลยละกันนะ

เริ่มว่าทำไมถึงว่าแวนคูเวอร์ เอาตรงๆนะ ก็คือมีคนมาโปรโมทโรงเรียนที่ไทยที่อยู่แถวๆ แวนคูเวอร์ แล้วมันดูดีเลยไป เหตุผลที่ดีก็คือ มันเป็น เมืองที่คนรู้จักเยอะ (well known) บรรยากาศดีมาก แล้วก็โรงเรียนใหญ่ดี แต่ตอนแรกไม่คิดว่าเอเซียจะเยอะขนาดนี้ ในโรงเรียนนะ คือคนจีนนี้ 2/4 ในโรงเรียนได้เลย แล้วก็คนหลากหลายชาติมากกกกกกกกกกก เยอรมัน
จีน ญี่ปุ่น เกาหลี เปอเซี่ยน ฯลฯ 

มาตอนแรกโรงเรียนเค้าก็จะมี ปฐมนิเทศ (Oriantaion) สำหรับเด็กต่างชาติ ขอบอกว่าคนมาเข้าโรงเรียนเยอะมากแต่มันไม่ใช่แค่ ปฐมนิเทศธรรมดา แต่เค้าก็พอไปเที่ยวที่ดังๆในแวนคูเวอร์แล้วก็บอกเรื่องรถบัสต่างๆนานา 

1 Homestay

เราได้โฮสบ้านไกลมาก อย่างที่เกริ่นไปว่าเด็กต่างชาติมาเข้าโรงเรียนนี้เยอะมาก ดังนั้นบ้าน โฮสที่อยู่ไกล้ๆเลยเต็มซะส่วนใหญ่ อ่อแล้วก็ โรงเรียนที่เราอยู่นั้นไม่มีหอพัก มีแต่อยู่กับโฮมสเตย์นะจะบอกให้ โฮสเราเป็นคนฟิลิปิน ตอนแรกก็เซงๆเพราะ บ้านไกล แต่พอดีโฮสไปส่งที่โรงเรียนแต่ตอนกลับต้องกลับเอง ก็ไปคุยกับคนที่จัดการเรื่องโฮมสเตย์แล้วแต่เค้าบอกว่าบ้านใกลไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไรมากมาย บางคนมีปัญาหาเรื่องอาหารที่บ้านแย่ก็มี แต่พออยู่ๆมากลับคิดว่าดีเหะ เพราะเค้าทำการหารอร่อยมาก เรื่องนี้สอนให้รู้ว่าเราอย่างพึ่งตัดสินอะไรเร็วๆ จากแค่ภายนอกหรือระยะทาง เพราะที่ได้ยินมาจากเพื่อนสนิทคนจีน อยู่กับโฮมสเตย์ที่เป็นคนแคนาดาแท้ๆ ได้กินแซนวิช เป็นอาหารเที่ยงทุกวันแถม อาหารเย็นก็รสชาติจืดฉืด แต่พอดีโฮสเค้าดีเลยไม่อยากเปลื่ยน โฮสก็คือโฮสเตย์นั้นแหละบางทีก็สลับๆเนอะ อาหารนั้นถ้สจะมาที่นี้ก็ขึ้นอยู่กับว่าโชคดีหรือโชคร้ายได้อยู่บ้านไหน ชาติอะไรนั้นแหละนะ ขอให้อาหารดีไว้ก่อนก็พอ

2 Foods

อาหารไทยเหรอเรายังไม่คิดถึงเรียนเพราะที่นี้เอเซียเยอะมากอย่างที่มากไปใครชอบกินอาหารญี่ปุ่นนะ ร้านอาหารญี่ปุ่นเต็มไปหมด เกาหลี จีน ยุโรป อาหารขยะ มีหมดทุกรูปแบบ ขนาดซุปเปอร์ก็มีซุปเปอร์ขายแต่ของจากเอเซีย ดีสุดๆ แล้วพอดีว่าโฮสฟิลิปินเค้าทำอาหารเก่งเลยแบบว่าได้กินของอร่อยจนไม่คิดถึงอาหารไทยเลยแหละ แต่ก็อย่างที่ว่าขึ้นอยู่กับโฮส แต่... อาหารที่นี้แพงอยู่นะ เอาจริงๆอาหารของภาคนี้มันก้แพงหมดแหละถ้าเทียบกับของไทยอะนะ ก็ อาหารไทยอย่างผัดไทยจากนึงใหญ่ก็สามร้อยบาทไทย ดังนั้นเวลากินไรซื้อไรดูราคากันให้ดูด้วยนะจะ เรามาตอนแรกนะคูณตังอย่างเอาเป็นเอาตาย ไปๆมาๆไม่ต้องซื้อไรกัน แพงหมดทุกอย่างถ้านับเป็นเงินไทย อาหารเที่ยงก็จะมีให้ซื้อได้เหมือนบ้านเราแต่แตกต่างอย่างสิ้นเชิง มีแต่ขายอาหารพวกพิซซ่าเฟรนฟรายเแถมแพงแสนแพง ร้านก็เล็กแสนเล็กเหมือนเป็นมินิมาทร์เล็กๆ มากมาก ดังนั้นเอาอาหารที่บ้านที่เหลือจากเมื่อวานมากินไม่ก็ ต้องซื้อเอา แล้วบางคนอาจได้กินแซนวิสทุกวันก็มีเพราะโฮสมีให้อย่างนั้น เรื่องอาหารนั้นไม่ต้องห่วงเพราะน่าจะมีกินอย่างแน่นอน(ว่าแพง) อ่อแล้วใครที่ชอบอาหารฝรั่งก็มีอยู่ทั่วๆไป แถมอาหารขยะถูกดี อ่อแล้วก็อีกอย่าง Starbucksที่คนไทยเห็นว่าแพงนักแพงหนา(เราก็คิดว่าแพงปกติไม่กินเลย) มาที่นี้ราคาเดียวกับร้านกาแฟทั่วๆไป แล้วอีกร้านกาแฟที่คนกินเยอะอีกที่ชื่อว่าTim Houton ลองไปดื่ม white hot chocolate ในร้านนั้นนะเราชอบมากในความเห็นส่วนตัว ราคาก็พอๆกับStarbucks (เราไม่ได้ดื่มกาแฟดังนั้นเลยไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับพวกนี้)

3 Tax

จะมาบอกให้ทุกคนทราบว่าภาษีที่นี้ไม่รวมในป้ายราคาหรือป้ายอะไรทั้งนั้นดังนั้นเตรียมตังให้มากกว่าป้ายราคาไว้เลย ภาษีที่นี้สูงมาก ประมาณGST + PST 12-13% ของราคาเท่าที่จำได้นะ เสื้อผ้าก็แพงอยู่ แถมทีให้เลือกน้อยนิด มันไม่มีตลาดนัดหรือเสื้อผ้าโนเนมให้เราเลือกซื้อเหมือนเมืองไทย อาจจะมีแต่น้อย ไปกินร้านอาหารบางทีก็ต้องไปทิป 5-10% แต่เราไม่ค่อยให้อะ มันเปลืองตังชั้น ของก็ไม่ได้มีให้ซื้อเยอะเท่าเมืองไทยเท่าไหร่นัก ที่นี้ก็จะมีร้านขาย ของมือสองชื่อThrift Store ก็ราคาถูกดีแต่ก็แล้วแต่ว่าเราจะเลือกอะไรคุณภาพก็แตกต่างกันไป มี ทั้งเสื้อผ้าผู้หญิง ผู้ชายและเด็กเล็ก และยังมีหนังสือและเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ และอีกหลายอย่าง รู้สึกว่าที่นี้เค้าจะรวมภาษีไว้ในป้ายแล้ว ภาษีที่นี้แพงจริงๆ

4 High School Life

ตั้งแต่เริ่มย้ายมาเรียนที่นี้ก็รู้สึกว่าโรงเรียนที่นี้แตกต่างจากไทยอย่างสิ้นเชิง แต่อย่างที่เราบอกไปว่าเราเรียนอินเตอร์มาแถมเป็นโรงเรียนหลักสูตรแคนาดาเราเลยคิดว่าหลักสูตรมันก็คล้ายๆโรงเรียนเก่า แต่ถ้าเปรียบเทียบกับโณงเรียนไทยแล้วละก็แตกต่างสุดๆเลยหละ สิ่งที่เราชอบมากๆเลยก็คือครู ครูหลายๆคนเป็นกันเองมากและเด็กนักเรียนในห้องสามารถคุยเล่นกับครูได้ตามใจชอบแต่ก็ต้องมีความเคารพครูในระดับนึงไม่ใช่ว่าไม่ฟังครูเลย ครูแต่ละคนก็แตกต่างกันไปบางคนอาจจะเข้มงวดหน่อยหรือบางคนก็ไม่เข้มงวดเลย ถึงครูจะเข้มงวดก็คงไม่เท่าครูที่ไทยแน่นอน ในโรงเรียนที่เราอยู่เราถูกจัดให้มาอยู่ในห้องที่หนักเรียนมีภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่สอง มันก็เลยจะมีคนหลากหลายชาติมาก ส่วนใหญ่ก็จะเป็นคนจีนกับเปอเซียและเยอรมัน เราเลยมีเพื่อนคนจีนเยอะพอควร ในคลาสสังคม(Social Studies)เป็นคลาสที่เราชอบที่สุด ชอบตั้งแต่วันแรกที่เริ่มเรียนเลย คือบรรยากาศห้องเรียนและเด็กนักเรียนรู้สึกได้ถึงความแตกต่างอย่างสิ้นเชิง ครูสังคมก็เป็นคนที่เราปลื้มสุดๆ ชอบครูคนนี้มาก ครูเค้าจะบอกตั้งแต่คาบแรกเลยว่าถ้าครูอธิบายแล้วมีคำถามก็ให้ยกมือขัดเค้าได้เลยไม่ต้องอาย ในเกรดสิบเราเรียนเรื่อง Aboriginal people and The Canadian Government เกี่ยวกับว่าพวกคนจากอังกฤษมาขยายอณาเขตในแคนาดาได้ยังไงและความไม่แฟร์ต่อคนพื้นเมืองที่อยู่มาก่อนแล้วของที่แคนาดา สำหรับเราแล้วเรื่องพวกนี้เป็นเรื่องที่เราสนใจและอยากเรียนมาก ก็อาจจะเป็นเพราะครูด้วยและเนื้อหาในการเรียน คือมันทำให้รู้ว่าแคนาดาที่ว่าเป็นประเทศที่มีความสุขเป็นอันดับต้นๆของโลกไม่ใช้ว่าทุกคนจะมีความสุขทั้งหมด ยังมีความกดขี่ขมแหงต่อคนพื้นเมืองและไม่แฟร์ถึงทุกวันนี้ แต่นายกของที่นี้เค้าก็เริ่มรักษาวัตณธรรมของAboriginal peopleไว้ อย่างเช่น totem poles และมีการใช้ สัญลักษณ์ inukshuk ในโอลิมปิกที่แวนคูเว่อร์ในปี 2010 อีกด้วย

มันเป็นประว้ติที่ต้องเล่านานอยู่เราอาจจะทำอีกกระทู้เกี่ยวกับกลุ่มคนอาบอริจินอลกับรัฐธบาลแต่ก่อนของแคนาดาและความเป็นมาถ้าใครสนใจช่วยส่งความคิดเห็นมาด้วย ในห้องเรียนสังคมครูก็จะเล่าเรื่องไปจดโน็ตบ้างไม่จดโน็ตบ้าง เราพยายามตอบคำถามและถามคำถาม เพื่อนๆในห้องก็ยกมือตอบและถามคำถามกันเป็นช่วงๆ นี้เหละคือที่เราบอกว่าทำไมมันถึงแตกต่าง บางมีเพื่อนมีความคิดเห็นขัดแย้งหรือมีเหตุการที่เชื่อมต่อจากที่ครูเล่าเพื่อนๆก็จะพูดคุยแลกเปลื่ยนความคิดเห็นและครูก็จะคุยแลกเปลื่ยนด้วยเหมือนกัน คนที่จะยกมือตอบส่วนใหญ่จะเป็นเด็กเยอรมันและเปอเซีย คือเราคิดว่ามันดีมากๆที่แบบมาแลกเปลื่ยนความคิดเห็นกัน หรือเวลา เกิดข่าวใหญ่อะไรขึ้นมาในช่วงนั้นๆ ก็จะมาคุยกันในห้อง เช่นตอนนั้นมีคุยกันเรื่องที่เยอรมันรับผู้ลี้ภัยจากISISเข้ามาในปะเทศ ครูก็จะเปิดหัวข้อใหญ่ๆขึ้นมาว่าแคนนาดาควรรับผู้ลี้ภัยมาเพิ่มหรือไม่ เพื่อนๆในห้องก็บอกความคิดเห็นกันบางคนคิดว่าควรเพิ่มและบางคนก็ไม่ด้วยเหตุผลต่างๆ และมีอีกสิ่งนึงที่ชอบมากคือมีอยู่วันนึง จะมีพรีเซ้นเทชั่น เกี่ยวกับอาบอริจินอล ที่เป็นผู้รอดชีวิตมาจาก Residential School  มาพูดและเล่าประสบการณ์ชีวิตที่เคยใช้ชีวิตในโรงเรียนนรคนั้นให้ฟัง คือมันน่าสนใจมากๆ ฟังไปก็หดหู่ไป รู้สึกมีคำถามเต็มไปหมดว่าชีวิตคนเราทำไมมันไม่แฟร์อะไรกันขนาดนี้ ถึงกับต้องเอาเรื่องนั้นกลับมาประมวลผลและคิดต่อที่บ้าน มันน่าสนใจจริงๆ ใครที่ไม่รู้ว่า Residential School คืออะไรนั้น มันคือโรงเรียนสำหรับคนพื้นเมืองในแคนนาดาที่สร้างขึ้นมาเพราะต้องการเปลื่ยนคนพวกนั้นให้มาเป็นคนขาวใช้ชีวิตแบบคนขาวและละทิ้งวัตณธรรมเก่าๆของตัวเองแต่มันก็ไม่สำเร็จ โรงเรียนพวกนี้ถูกจัดขึ้นโดยบาทหลวงและแม่ชี เด็กหลายๆคนถูกกระทำมิดีมิร้ายโดยพวกบาทหลวงและแม่ชี หนีก็ไม่ได้เพราะโรงเรียนถูกจงใจตั้งให้ไกลจากบ้าน เป็นอะไรที่โหดร้ายและไม่มีความเป็นคน ไม่ว่าอะไรก็แล้วแต่ คลาสสังคมเป็นอะไรที่ได้พูดเปิดกว้างไม่มีการปิดบังและคุยเรื่องที่เราไม่ค่อยได้เห็นในทีวีคุยในเรื่องที่โลกนั้นปิดบังความไม่แฟร์ แต่ครูคนนี้ดีจริงๆคุยเป็นกันเองแต่เวลาเล่าอะไรก็ฟังง่ายและเคลีย

ไม่ใช่แค่ครูสังคมที่ดี ครูแมทก็ดี แต่เรื่องแนวๆนี้มันก็ขึ้นว่าจะเจอครูแบบไหนด้วยแต่ปีนี้ครูดีมากๆ ใครที่เรียนแมทที่เมืองไทยแล้วมาเรียนที่นี้คงจะบอกว่าแมทที่นั้นง่ายๆมากๆ แค่สำหรับเราไม่ใช่คนเก่งคณิตก็ยังได้คะแนนดี แต่ความยากก็กลางๆสำหรับเรา อังกฤษนั้นเป็นคาบที่ไม่ยากแต่ให้คะแนนยาก เพราะครูเค้าจะให้คะแนนเทียบเท่าระดับของคนที่มีภาษาอังกฤษเป็นภาษาแรก เรื่องเรียนนั้นไม่อยากสำหรับเราในปีนี้ที่เราเรียนอยู่แต่ปีหน้าก็ไม่แน่หรอก เราอาจจะเรียน IB programs ปีหน้าใครมีคำแนะนำเกี่ยวกับIBก็บอกมาได้นะเราก็กังวลอยู่นิดหน่อย เพื่อนเราส่วนใหญ่จะเป็นคนจีนไม่ก็เป็นพวกเด็กต่างชาติ เราพึ่งจะไปเข้าทีมวิ่งก็เหนื่อยฮอบสุดๆ ปกติอยู่เมืองไทยวิ่งเร็วสุดในห้องแต่พอมานี้กลายเป็นช้าสุดซะงั้น แต่ก็ไม่เป็นไรเพราะเราแค่อยากออกกำลังกายให้ฟิตก็เลยไม่ได้จริงจังไรมาก และที่โรงเรียนนี้ก็จะมี ประกวด Talented show ก็คือถ้ามีใครเก่งอะไรก็ไปโชวได้และจะมีรางวัลให้ ที่โรงเรียนนี้จะมีคอนเสิตของโรงเรียนเพื่อให้นักเรียนของแต่ละวิชามาโชวสิ่งที่ตัวเองเรียนมา ก็อย่างพวก คลาส ดนตรี แจซ ร็อค เต้น ดราม่า ร้องประสานเสียง และออแคสต้า เป็นต้น เราคิดว่ามันเป็นสิ่งที่ดีมากที่มีคอนเสิตให้โชวจะได้มีความกล้าขึ้นไม่ใช่ว่าสักแต่ว่าเรียนๆไปไม่มีเป้าหมาย เราเรียนwoodworking อยู่ ก็ได้ลงมีทำจริงๆ แต่เพื่อนอาจจะไม่ค่อยมีเท่าไหร่เพราะเรียนอยู่กับเกรดเก้าเพราะคลาสมันเป็นคลาสรวม ได้ทำตั้งแต่แค่ไม้แผ่น จนทำเป็น กล่องเก้าอี้ โต๊ะ ทำเองทั้งหมด เป็นอะไรที่แตกต่างจากเมืองไทย วิชาเลือกมีให้เลือกเยอะมากๆ เรานี้อยากจะเลือกให้หมดเลยแต่ทำไม่ได้ ตอบคำถามหรือถามคำถามก็เป็นเรื่องปกติของเด็กที่นี้ มีความกล้าและความมั่นใจแต่มนก็เกี่ยวกับคนด้วยแหละ

แสดงความคิดเห็น

>

1 ความคิดเห็น