จริงเหรอ? ที่ว่าคนขยันหมั่นเพียรจะชนะคนที่เรียนเก่ง (เข้ามาตอบคำถามหน่อยค่ะ)
ตั้งกระทู้ใหม่
ขออนุญาตเจ้าของรูปค่ะ เครดิต :เพจ Admission Reality : ตามติดชีวิตเด็กแอดมิชชั่น
9 ความคิดเห็น
สิ่งนี้หรือเปล่าที่ทำให้รู้สึกว่าเขาดีกว่าเรา ทั้งๆที่เวลาเท่ากัน มี 24 ชั่วโมงเท่ากัน เลิกเรียนจากโรงเรียนเท่ากัน
เหลือเวลาไม่ถึงสามเดือนเราจะพอมีโอกาสสอบเข้าโรงเรียนประจำจังหวัดได้ไหมคะ?
ถ้าเราคิดว่าเราไม่มีโอกาส โอกาสนั้นจะมาถึงเราได้ยังไง ขนาดแม้แต่ใจยังไม่สู้เลย
ต่อให้สามเดือน สามวัน หรือสามชั่วโมง ต่างก็มีความหมายทั้งนั้น
เราก็ต้องเริ่มจากตรงไหนก่อนคะ?
แนะนำให้หาข้อสอบ O-net เก่าๆ ของป.6 มาลองทำดู ส่วนมากข้อสอบที่ออก เนื้อหาที่ออกก็ออกไม่ไกลจากปีก่อนๆนักหรอก
---------------------------------------------------------------------
สิ่งที่ควรจะเสียใจที่สุดคือ มีโอกาส แต่ไม่ทำ
ในเมื่อโอกาสอยู่ตรงหน้า แต่ไม่คว้าไว้ จะเดินไปถึงได้ยังไง
ไม่มีอะไรที่ได้มาง่ายๆโดยที่ไม่พยายามหรอกค่ะ
ขอบคุณค่ะ
- คบเด็กเรียน เด็กเรียนจะขยันทุ่มเทให้กับตัวเอง คนพวกนี้จะสนิทกับคนที่การเรียนเท่าตัวเองหรือสูงกว่า คนที่ไม่รู้แล้วไปถาม 50%ที่ได้คำตอบ เท่าที่สังเกต..
- การเรียนไม่ต้องจริงจังเสมอไปถ้าเครียดก็ไปไม่รอดเด็กเรียนดูเหมือนจะมีเวลาน้อยแต่จริงๆแล้วเขาก็มีเวลาพักผ่อนเหมือนเราเช่นกัน เพราะเขาแบ่งเวลาเป็น..
- พี่เคยไปสอบเข้าโรงเรียนชื่อดังแห่งหนึ่ง
ก่อนไปสอบก็เฉยๆไม่ได้จริงจังอะไร กะจะสอบเล่นๆแต่ดันติดซะงั้น ได้ห้องพิเศษ ความจริงตอนป.6 ไม่ได้โง่และไม่ฉลาดนะ ตอนเรียนแค่ปรับทำความเข้าใจสิ่งที่เรียนแค่นั้น
ไม่ได้จริงจังอะไรหรอกครับ..
- ขยัน + พยายาม = สำเร็จ
ขอบคุณมากๆค่ะ
ศิลปะขั้นเทพ ผมชอบครับ.
ขอบคุณที่แนะนำค่ะ
ตอบจากประสบการณ์ของพี่เองนะคะ พี่เป็นเด็กหลังห้องซึ่งฝันอยากเป็นหมอ มันเป็นอะไรที่ยากมาก เกรดของพี่จะกลางๆค่ะ ช่วงสอบเข้ามหาวิทยาลัยพี่ขยันมากอ่านหนังสือทำโจทย์ทุกวันถึงตี2 พอคะแนนออกมาปรากฎว่าคะแนนพี่เยอะกว่าเด็กที่เรียนเก่งในห้องอีกค่ะ เรียนเก่งของพี่ในที่นี้คือครูถามอะไรมันจะตอบได้หมดเลย สอนเพื่อนได้ด้วย เกรดนี่สูงลิ่วเลยค่ะ มันทำให้พี่หายเหนื่อยเลยทีนี้ สู้ๆนะคะความพยายามไม่เคยทรยศใครนะคะ
ขอบคุณค่ะ
สามเดือนเหลือเฟือมากครับน้อง พี่ใช้เวลาเตรียมสอบเข้ามหาลัยแค่3เดือนนั่นแหละครับ ใช้ความสม่ำเสมอ อ่านทุกๆวัน วันละ2-3ชั่วโมงก็พอแล้ว แต่ต้องอ่านแบบตั้งใจจริงๆไม่ใช่อ่านไปเล่นไปนะครับ หลังจากอ่านเสร็จถ้ามีเวลาว่างน้องก็พักผ่อนได้สบายๆ
คือ ถ้าเราไม่เก่ง แต่ขยัน แน่นอนเราจะชนะพวกคนที่เก่ง แต่ไม่ขยันได้
แต่ พวกคนที่เก่งและขยันก็มีนะคะ พวกนี้จะเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวที่สุด
ทางแก้คือ เราต้องขยันให้มากยิ่งกว่าเขาอีกค่ะ 55555
ไม่ลองไม่รู้ อย่าเพิ่งไปกลัว สู้!!
เป็นกำลังใจให้นะคะ 3 เดือนทันอยู่แล้ว
ปล.วิชาที่ต้องท่องจำยากๆลองหาจุดเชื่อมโยงดูนะคะ เช่น ภูเขาอัลไต เงี้ย ก็จำเล่นๆว่าภูเขาขี้สงสัย ภูเขาอัลไล (ไร้สาระมาก 555)
ปล2.โอเน็ทส่วนมากจะเป็นพื้นๆทั้งนั้นเลยค่ะ
สู้ๆนะคะ
ก่อนอื่นต้องบอกว่าเราผ่านจุดป.6จนถึงม.3แล้วเหมือนเห็นตัวเองเมื่อก่อนเลยค่ะ
ตอนป.6เนี่ยจริงๆแล้วเราก็ถือเป็นเด็กเรียนคนนึง แต่ไม่ใช่ว่าว่างแล้วหยิบหนังสือขึ้นมาอ่านนะคะ
แต่กรณีเราเนี่ยคือตั้งใจเรียนในห้องแบบไม่ค่อยคุยกับใครเลยแล้วมันก็เลยไปเรื่อยๆ คำแนะนำคือ ตามเก็บพื้นฐานให้แน่นๆแล้วตั้งใจเรียนในห้องและฝึกทำโจทย์แข่งขันยากๆให้เคยชินอันนี้เป็นประสบการณ์ตรงมากๆเวลาเราออกไปนอกโรงเรียนเราจะรู้สึกว่ามีคนเก่งกว่าเราเยอะมากๆ ตอนนั้นเราก็เรียนพิเศษเอาเป็นเอาตายมาก
แต่เวลาสอบอย่าไปกลัวโจทย์คิดว่าไม่ได้ๆ ให้ลองทำดูก่อนถ้าไม่ได้แน่ๆค่อยข้ามไม่งั้นเราจะทำข้อสอบไม่ทัน คืออย่ายอมแพ้ทั้งๆที่ยังไม่ได้ลงมือน่ะค่ะ
สุดท้ายเราก็สอบเข้าติดเป็นตัวจริงด้วย ไม่ต้องรอเรียกสำรองเลย
แต่ตอนนี้เราถึงจุดอิ่มตัว ไม่สู้สอบม.4ละค่ะ เหนื่อย อยู่ที่เก่าก็เข้าคณะที่อยากได้
แต่การสอบเข้าม.1เป็นการซื้อสังคมน่ะค่ะ ถ้าเราเข้าห้องดีๆได้เราก็จะมีสิ่งแวดล้อมที่ดี
ต่อจากนี้เราจะเล่าถึงการแข่งที่แอดวานซ์ขึ้นไปอีก
คือเพื่อนเราที่เก่งๆอ่ะเข้าเรียนกันถึงมืดค่ำ ไม่มีวันว่างเลยวันหยงวันหยุดก็ไม่มี เรียนทั้งสดทั้งไพรเวทวันละหลายๆชั่วโมง ว่างๆไม่รู้ทำไรก็ลงเรียนไพรเวท แถมเค้าก็เตรียมตัวกันมาเป็นปีๆเพื่อที่จะสอบเข้าม.4ตรงนี้พูดไว้เลยเป็นการเตรียมพร้อมที่สำคัญสำหรับน้องในอนาคต ถ้าอยากจะเข้าม.4ที่ใหม่
อยากจะบอกว่าไม่มีใครเก่งแต่เกิด ทุกคนคือคนที่ขยันไม่เท่ากัน
คนเรียนเก่งก็คือคนที่ขยันมากกว่าเท่านั้นเอง ส่วนคนอื่นที่ขยันไม่เท่าเลยพูดว่าเป็นเด็กเรียนเก่งซึ่งจริงๆไม่ใช่เค้าแค่เป็นคนที่ขยันมากกว่าแค่นั้นเอง
สามเดือนเป็นเวลาที่เยอะนะ แต่ก็ขึ้นอยู่กับตัวน้องว่าเรามีแรงฮึดพยายามอ่านได้แค่ไหน
ถ้ามีเวลาสามเดือนแต่พยายามนิดๆหน่อยๆมันก็ไม่เกิดอะไรขึ้นหรอก
ข้อเสียที่เราจะไม่ทันอย่างนึงคือเด็กเก่งๆหรือเด็กแข่งเนี่ยเค้าจะไปลองสนามมาเยอะเค้ามีประสบการณ์ว่าจะบริหารเวลาในห้องสอบยังไงแล้วก็จะไม่กดดันด้วย เราก็จะเสียเปรียบตรงนี้นิดนึง
สุดท้ายอยากจะบอกว่าทุกอย่างอยู่ที่ตัวเรา พยายามมาแค่ไหนผลก็เท่านั้นแหละค่ะ
ถ้าเราพูดอะไรที่แรงไปนิดนึงก็ขอโทษด้วย เราเองก็เป็นเด็กแข่งที่เห็นถึงโลกของการแข่งมาไม่น้อย แถมยังอยู่ในกรุงเทพและในห้องที่มีการแข่งขันสูง
แต่เชื่อเถอะมันเป็นโลกแห่งความจริงที่น้องต้องเจอในอนาคต
ฝึกทำโจทย์เยอะๆเข้าไว้นะคะ
จะเล่าประสบการณ์ตัวเองให้ฟัง จริงๆตัวเองก็ไม่ใช่คนเก่งเหมือนกันเเต่มีเป้าหมายที่จะสอบเข้าโรงเรียนชื่อดังในจังหวัดให้ได้
เมื่อตอน ป.6 เเล้วตอนนั้นก้อค่อนข้างจะตั้งใจเรียน ทบทวนบทเรียนวันละนิดวันละหน่อย ไม่เข้าใจอะไรถามครูถามเพื่อน ทำเเบบฝึกหัด เเล้วในที่สุดก็สอบติด เรียกได้ว่าโล่งเลยทีเดียวตอนนั้น เเต่ O-net ก็เป็นอีกหนึ่งส่วนสำคัญนะที่จะทำให้สอบเข้าได้โรงเรียนที่ตัวเองสอบเข้าเนี่ยใช้ O-net 20% เเต่ท้ายที่สุดนี้ก็อยากจะขอเป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้ด้วยนะจ๊ะอย่าเครียดจนมากเกินไปหล่ะ -A-
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?