Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

ผมกำลังสับสนว่า ผมอาจจะเปลี่ยนโครงเรื่องที่ไม่ใช่นิยาย หรือ พยายามให้เป็นนิยายดี?

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
ผมไม่ชอบเลยว่า ทำไมมีคนว่า นิยาย คือหนังสือเพ้อเจ้อ อ่านแล้วไม่มีสาระ
ผมหงุดหงิดทุกครั้งเลยว่า ก่อนจะไป ซื้อหนังสือ ที่ se-ed ผมได้ค้นหานิยายดีๆสักเล่ม
เพื่ออ่านแล้วนำมาใช้ครับ แต่บังเอิญเจอข้อความหนึ่งที่ สะดุดความคิดของผม

"คุณรู้ไหมสิงคโปร์อ่านหนังสือ คนหนึ่ง ปีละ 50เล่ม ส่วนคนไทย ปีหนึ่งอ่านแค่ 6บรรทัด
และสิ่งที่คนไทยอ่าน ไม่ใช่อะไร ส่วนมากคือ นิยาย และ การ์ตูน"

เป็นคุณรู้สึกอะไรไหมในข้อความนี้ แต่สำหรับผมแล้ว ที่จะก้าวขึ้นมาเป็นนักเขียน

มันทำให้ผมหลงทางครับที่จะ เปลี่ยนแนวของตัวเอง เป็น นิยาย
หรือ เขียนในเชิงไม่ใช่นิยาย ดี ซึ่งข้อความนี่ มันส่งผลให้จุดยืนในการเขียนของผมเปลี่ยน

จุดยืนของผมเขียนนิยาย เพื่อให้กำลังใจผู้คน ไม่ว่า จะนิยายตลก หรือ เริ่มต้นชีวิต
และนำเงินที่ได้จากนิยาย หรือ สิ่งที่ผมเขียนขึ้นนั่น อาจจะไม่ใช่นิยาย 100%

สามารถทำให้ผมยืนด้วยลำแข้งของตัวเองได้
และ สามารถแบ่งปันให้กับคนอื่นๆที่ไม่มีโอกาส

ยังงั้น ผมจึงไม่มามองการเขียนนิยาย นั่งพยายาม วางพล็อตเรื่องแบบนี้

ตลกก้เเป้ก มันทำให้ผมคิดว่า เขาอ่านนิยาย แต่เราได้เงิน
เหมือนทำให้ชีวิตของเขาเสียเวลาไป  ทั้งหมดนั่นก็คือ จุดยืนของผม

ปล.ถ้าจะมาตอบกระทู้ เกี่ยว เรื่องตั้งกระทู้แล้วทิ้ง ผมจะมองข้ามละครับ

ขอโทษด้วยนะครับ กระทู้เก่าๆ ที่ผมอาจจะไม่ได้ตอบ อาจจะมีคอมเม็นดีๆบ้าง

http://writer.dek-d.com/dek-d/writer/viewlongc.php?id=1430922&chapter=1







แสดงความคิดเห็น

>

11 ความคิดเห็น

เจ้า(แมว)ขาว 1 ก.พ. 59 เวลา 18:08 น. 1

นิยายเป็นสื่อบันเทิงครับ  อ่านนิยายแล้วไม่เสียเวลาเปล่าหรอกครับ  เอาไว้อ่านเวลาว่าง
ผ่านคลายสมอง นั่นคือประโยชน์ของมัน  ส่วนหนังสือความรู้ก็มีหน้าที่ให้ความรู้  
อย่าเอามาปะปนกันสิครับ  

หนังสือนิยายไม่ทำร้ายใครหรอก  เพราะทุกคนเลือกที่จะอ่านหรือไม่อ่านมันได้  
ถ้าอ่านมากเกินไปจนไร้สาระก็ช่วยไม่ได้  คนเหล่านั้นเลือกเอง  คนเขียนไม่ได้ทำผิด
อะไรเลย

นิยายดีๆ ก็มีมากมาย  ที่ให้ทั้งความบันเทิง ทั้งความรู้ แง่คิดดีๆ อาจจะมีปรัชญาแฝงเร้น
ผมเคยเจอกระทู้ถามว่า  จะซื้อนวนิยายเรื่องคำพิพากษาได้ที่ไหน  ครูที่โรงเรียนให้อ่าน
ถ้ามันมีแต่โทษคงไม่ถึงกับบังคับในนักเรียนอ่านหรอกใช่ไหมครับ  ผมเองก็เคยอ่านครับ

   

3
vanaya 1 ก.พ. 59 เวลา 19:00 น. 1-1

เราเคยอ่านเจอที่ญี่ปุ่นรัฐบาลออกกฎให้อ่านมังงะเป็นวิชานอกด้วยค่ะ เพราะมังงะญี่ปุ่นเรื่องที่ข้อมูลดีมีอยู่หลายเรื่องมากๆ

0
vanaya 1 ก.พ. 59 เวลา 21:24 น. 1-3

นี่เลยค่ะ

การ์ตูนไม่ใช่เรื่องไร้สาระ โดยเฉพาะในญี่ปุ่นเองแล้วนั้น มังงะสามารถนับว่าเป็นงานเขียนที่มีคุณค่าไม่แพ้ผลงานด้านวรรณกรรมในรูปแบบอื่นๆ เลยทีเดียว และเมื่อเร็วๆ นี้ทางองกรค์ไม่แสวงผลกำไร Nippon Foundation ได้เริ่มโปรเจคที่จะนำมังงะมาใช้เป็นเครื่องมือในการเรียนรู้สำหรับเด็กๆ โดยการเลือกมังงะจำนวน 100 เรื่องเข้ามาให้เด็กๆ ได้ใช้อ่านนอกเวลา เสริมสร้างประสบการณ์ต่างๆ กันเลยทีเดียว

โปรเจคนี้ได้รับความร่วมมือจากบุคลากรทางการศึกษา และวงการการ์ตูน 7 ท่าน ในการคัดเลือกมังงะจำนวน 100 เรื่องนี้ ซึ่งในนั้นประกอบด้วยอาจารย์ Fujimoto Yukari ผู้ศึกษาด้านมังงะจากมหาวิทยาลัย Meiji, อาจารย์ Nakamura Ichiya จากมหาวิทยาลัย Keio และนักเขียนการ์ตูนอาจารย์ Satonaka Machiko ส่วนทั้ง 100 เรื่องนั้นจะมีอะไรบ้าง เรามาดูกันเลย

นี่ลิ้ง ตามไปดูเลยค่ะ มีเรื่องที่เราชอบอ่านด้วย ^^

http://akibatan.com/2015/10/nippon-foundation-selects-100-manga-as-learning-tools/

0
Natchanon32 1 ก.พ. 59 เวลา 18:48 น. 2

มันก็แล้วแต่ครับ

สำหรับผมเทียบระหว่าง The Prussian History ที่เขียนอยู่ในเว็บนี้เหมือนกัน กับการผจญภัยของจี้จัง เขียน The Prussian History มันสนุกกว่าเยอะ เพราะมันเป็นวิชาที่ผมสอนก็ได้กระมัง (ผมสอนวิชา ประวัติศาสตร์โลก นี่นา) แต่ทั้งนี้จะเปลี่ยนไม่เปลี่ยน ก็ขึ้นอยู่กับผู้เขียน ของผม รอให้การผจญภัยของจี้จังจบ 26 ตอนก่อนแล้วค่อยคิดดูอีกที

0
vanaya 1 ก.พ. 59 เวลา 18:58 น. 3

เราเพิ่งได้มีโอกาสอ่านนิยายแปลเรื่อง "อยากให้เรื่องนี้ไม่มีโชคร้าย"
เราว่ามันให้อะไรเรามากกว่าคำว่านิยายเพ้อเจ้อหรือนิยายสำหรับเยาวชนนะคะ ส่วนตัวเราก็มีแนวคิดคล้ายๆ เจ้าของกระทู้ คืออยากเขียนนิยายเพื่อสังคมบ้าง โดยสอดแทรกประสบการณ์ผ่านนิยายที่เขียน 
เราว่าเอาที่เจ้าของกระทู้ถนัดแล้วคิดว่าตัวเองทำได้ดีในเริ่มแรกจะดีกว่าค่ะ เมื่อเขียนได้คล่องแล้วก็จะสามารถเขียนอย่างที่อยากเขียนได้ค่ะ เอาใจช่วยนะคะ ^^

0
หมาป่าน้อยผู้น่ารัก 1 ก.พ. 59 เวลา 19:02 น. 4

เชื่อผมเถอะครับ อะไรที่เราเรียกว่าไร้สาระมันคือสิ่งที่ยิ่งใหญ่เสมอครับโดยที่ตัวเราอาจจะไม่รู้ตัว ยกตัวอย่างเอาง่ายเลยก็แล้วกันครับ ถ้าคุณจำละครเรื่องทองเนื้อ 9 ได้ นั่นแหละครับมันก็เป็นนิยายมาก่อน หรือในอีกตัวอย่างหนึ่งก็คือ ถ้าคุณเคยดูหนังหรือหนังสือนิยายที่เป็นแนวล้อเลียน มันมักจะเล่าถึงคนสมัยก่อนที่คิดว่าโลกแบน แต่ตอนนี้หรือครับ ทุกคนบอกว่าโลกกลมครับ แต่ถ้าเอาคำอธิบายว่าโลกกลมนี้ไปบอกคนในยุคนั้นแล้วละก็ ผมขอบอกได้คำเดียวคุณอาจโดนจับขังหรือไม่อาจจะถูกโดนรังเกียจก็ได้ครับ ฉะนั้นคำว่าความไร้สาระมันไม่มีอยู่จริงครับ เพราะว่าคำว่าไร้สาระนี่แหละครับที่จะเป็นจุดเริ่มต้นของความยิ่งใหญ่

0
peecee 1 ก.พ. 59 เวลา 19:04 น. 5
ข้อแจ้งให้ทราบนิดนึงว่า  ไร้สาระครับกับคำพูดว่า คนไทยอ่านหนังสือปีละ7 บรรทัด 8 บรรทัด  มันเป็นข้อความจากเรื่องทวิภพ   ไม่ได้มีข้อมูลเชิงสถิติอะไรเลย

โดยส่วนตัว ไม่ว่าจะเขียนหนังสือเป็น สารคดี หรือ บันเทิงคดี(นิยาย การ์ตูน)  มันก็ไม่ได้ไร้สาระ สามารถมีคุณค่าได้ในตัวของมันเอง เช่น งานนิยายสายรางวัล บางเรื่องแฝงให้ข้อคิดมากมายมากกว่า งานพวกสารคดีเสียอีก
0
SilverPlus 1 ก.พ. 59 เวลา 19:36 น. 6

ผมเดาเอาส่วนตัวว่า คนไทยอ่านตัวหนังสือ(ตัวหนังสือนะครับไม่ใช่หนังสือ) ผมว่าเยอะเป็นลำดับต้นๆของโลกเลยด้วยซ้ำ ดูได้จากความนิยมเล่นเฟซ ไลน์ ผมไปที่ไหนก็มีแต่คนเล่นเฟซกับไลน์ อ่านทุกข้อความ ไม่ว่ามันจะไร้สาระ มีสาระ ข่าว ข่าวลือ อ่านทุกอย่างแม้แต่อีโมติคอน 

และผมคิดว่า ข้อความที่ว่า ต่างประเทศอ่านหนังสือ 10 20 เล่มต่อเดือน ส่วนคนไทยอ่านหนังสือ 5 -7 บรรทัดต่อปี ผมว่ามันเป็นกลอุบายที่ทำให้เราตระหนักถึงเรื่องรักการอ่านซะมากกว่า  หรือมันเป็นเรื่องจริงยังไงผมก็ไม่รู้ ไม่เคยมีใครยกข้อมูลสำรวจจริงๆจังออกมาแสดงสักที มีแต่พูดกันไปแบบนั้น

วินมอไซค์หน้าปากซอยอ่านหนังสือพิมพ์กันทุกคน (อ่านสองสำนักเสียด้วย) บวกด้วยหนังสือพิมพ์ฟุตบอล อ่านเยอะกว่าคนทั่วๆไปเสียอีก


ผมว่าคนไทยรักการอ่านนะ แต่จะอ่านหนังสือสาระ หรือข้อความในเฟซบุ๊คมากกว่ากันอันนี้ก็อีกเรื่องหนึ่ง

..........

ส่วนเจ้าของกระทู้จะเขียนนิยาย หรือเขียนเป็นบันทึกไดอารี่ของตัวละครสมมุติ ก็ตามแต่ใจอยากเขียนเลยครับ ตอนนี้เขียนไปเรื่อยๆ พอได้สัมผัสกับการเขียนเยอะๆ เราจะเลือกทางของเราได้เอง

//เขียนหนังสือให้สนุกนะครับ 

3
I'm Mr.Tim 1 ก.พ. 59 เวลา 20:20 น. 6-1

ผมก็สงสัย ไอที่มาบอก คนไทยอ่านหนึ่งสือเท่านู้น เท่านี้บรรทัด พี่แกไปสำรวจกันตอนไหน ปิดเป็นความลับระดับชาติเหรอ หรือนาซ่าเขาแอบไปสำรวจกันบนดาวอังคาร ทำไมตั้งแต่เกิดมาผมถึงไม่รู้ ในป๋ากู๋ก็ไม่มี-ที่แน่นอน หรือเขาจะเดาสุ่มเอาจากการปั่นเต๋าเหมือนไฮโลหว่า #ตูสูง! แดร๊กเรียบ!!! #สงสัยเจ๋ยๆ

0
Natchanon32 1 ก.พ. 59 เวลา 20:32 น. 7

จำไม่ได้แล้ว ใครพูด แต่ผมไม่เชื่อว่าคนไทยอ่านหนังสือปีละ 7 บรรทัด เพราะหากเป็นเช่นนั้น หนังสือพิมพ์ นิตยสาร นิยาย คงล้มละลายไปแล้ว (ผมเคยพูดกับนักเรียนที่ผมสอนอยู่ว่า ใครพูดว่า คนไทยอ่านหนังสือไม่เกิน 7 บรรทัด เป็นพวกที่ไร้สาระมาก และไม่มีมูล)

0
ฟอกขาวถมดำ 1 ก.พ. 59 เวลา 21:42 น. 8

สิ่งที่คนไทยอ่านส่วนมากคือนิยายและการ์ตูน...

คนใกล้ตัวผมที่เป็นผู้ใหญ่ 30+ ทำนองนี้ ไม่เห็นจะอ่านนิยายหรือการ์ตูนกันเลย ถึงมีก็คงเป็นส่วนน้อย และผมมั่นใจว่าที่ไหนก็เป็นแบบนี้ แล้วจะใช้คำว่าคนไทยส่วนมากทำไมเนี่ย -_+ ถ้าหมายถึงเด็กหรือวัยรุ่นส่วนมากก็ว่าไปอย่าง

ส่วนจขกท.ถ้านั่นเป็นจุดยืนจริงๆก็จงสู้ต่อไปครับ!

0
mbth96 (จะออกไปแตะขอบฟ้า) 2 ก.พ. 59 เวลา 12:03 น. 9

การ์ตูนและนิยายที่มีประโยชน์มีเยอะแยะค่ะ ไม่ได้ไร้สาระและเพ้อเจ้ออย่างที่ใครหลายคนว่าไว้ อย่างการ์ตูน Silver spoon ที่ทำให้เด็กๆ ในญี่ปุ่นสนใจเรียนในโรงเรียนการเกษตรมากขึ้น โรงเรียนต้นแบบของโรงเรียนในการ์ตูนก็มีอยู่จริง เนื้อหาในการ์ตูนก็ทั้งสนุกและมีสาระ อ่านแล้วได้อะไรดีๆ เยอะเลยค่ะ

เราเชื่ออยู่ตลอดค่ะว่าไม่มีนิยายเรื่องไหนไม่มีข้อคิดเพราะคนเขียนทุกคนย่อมมีประสบการณ์ชีวิตและความคิดดีๆ ที่ใช้สอดแทรกลงไปเสมอ

จขกท.สู้ๆ นะคะ หาแนวทางของตัวเองเจอแล้วก็สู้ต่อไป ทำตามที่ตั้งใจเอาไว้ให้ได้นะ

0
D.Blood 2 ก.พ. 59 เวลา 16:40 น. 10

หนังสือ แสดงให้เห็นความคิด จิตนาการของผู้แต่ง
มีนิยายญี่ปุ่น เรื่องหนึ่ง ที่เขียนกับ ชีวิตตนเอง จนไม่สามารถแต่งต่อได้ เขาเขียนประโยคสุดท้าย ไว้ก่อนจะฆ่าตัวตายว่า "ผมไม่สามารถแต่งต่อได้"... เมื่อผมอ่านเรื่องนี้จบ ผมไม่คิดว่า เสียเวลาที่อ่านไปเลยนะ.. กลับกัน สนุกและให้แงคิด มาก

ทำในสิ่งที่ชอบเลยครับ ^ ^ จขกท.


1
Etcsell 2 ก.พ. 59 เวลา 20:03 น. 10-1

งั้นนิยายของผมมันก็เหมือนนิยายญี่ปุ่นคนนั่นเลยครับ บอกตามตรง

แต่นิยายของเขา อาจจะเป็นชีวิตจริงจนสุดท้ายต้องฆ่าตัวตาย

แต่นิยายของผมนั่น จะเป็นแนวให้กำลังใจ จากตัวละครเอก ที่โชคร้ายสุดๆ จนที่ขั้นว่ากว่าจะสำเร็จ

แต่แล้ว ก็ทำให้น้องสาวตัวเองเสียชีวิต แต่ก็จะวางพล็อตเรื่องสุดท้ายว่า พระเอกได้ฟื้นจากความตาย

ในอนาคตใครที่อ่านกระทู้นี้ จะ ค่อนค้างสปอยมากๆ สำหรับนิยายเรื่องนี้

ตัวละคนเอกโชคร้ายอย่างหนัก โดยที่ ตนเองไม่ได้ก่อครับ เข้าใจไหมครับ?

คืออย่างเช่น ตัวเอกโชคร้ายอย่างหนัก แต่ตัวเอก ดันไป เลือกที่จะดูดบุหรี่กินเหล้า นั่นคือ

ตัวเอก ก่อขึ้น แต่นั่น มันโชคร้ายที่สุด จนแบบว่า ใครที่อ่านนิยายแบบนั่น อาจจะคิดฆ่าตัวตายมากขึ้น

กว่ามากๆนะครับ ผมจึงเขียนนิยาย ประเภท โชคร้ายในสิ่งที่ตัวเอกไม่ได้ก่อขึ้น แต่มันเกิดขึ้นกับ

ตัวเอก โดยที่ไม่ได้ตั้งใจ เช่น ครอบครัวตัวเอก เป็นหนี้ ภาระทางการเงิน จนไม่สามารถเรียนต่อได้

จึงให้น้องสาวตัวเองเรียนต่อแทน ตอนอยู่โรงเรียน ตัวเอก ก็รูปหล่อ แต่บังเอิญ ดันมีผญ จากเพื่อน

ร่วมห้องเเอบชอบ จนทำให้คนในห้อง กลั้นแกล้ง หมั่นใส้ ตัวเอกเครียด จนทำให้เป็นสิวเห่อหนัก

ทำให้ตัวเอก ไม่ได้รูปหล่ออีก

ดังนั่น ต้นทุน ตัวเอก คือ ติดลบครับ แต่ติดลบไม่มาก จะสื่อให้คนอ่าน อยากสู้ชีวิต

ธุรกิจที่ผมฝังข้อคิดไว้ ในนิยายคือ ธุรกิจคือสิ่งที่อยู่รอบๆตัวเอง ในที่เราถนัด

ตัวเอก ทำอะไรไม่เป็นเลยสักอย่าง แม้จะกวาดบ้าน ทำความสะอาด ทำอาหาร

แต่มีสิ่งหนึ่ง ที่เขาทำได้ดีคือ การขับรถมอเตอร์ไซค์ รู้ได้ไงว่าเขาทำได้ดี คือ เขาไม่เคยชน

ไม่เคยชน นี่จะสื่อว่า ไม่ได้เก่ง ความเร็ว เหมือน เด็กแว๊น แต่เขารู้จักความประมาทดีพอกว่าคนอื่น

จึงทำให้ไม่ค่อยเกิดอุบัติเหตุ จากความประมาท นั่นเองครับ

ธุรกิจ ส่วนใหญ่ มักจะว่า 1000อัพ อย่างน้อย คนอ่านจะทำให้ท้อครับ ว่า โหใช่เงินเยอะขนาดนั่นเลย

แต่ตัวเอก ขอเงินแม่ 7000 ครับ แต่ได้จริงๆ แค่ 300บาทเท่านั่น แต่ธุรกิจ ใช่ว่ามีเงินจะสำเร็จ

ไม่งั้น คนอ่านจะเข้าใจว่า ต้องมีเงินมากๆ เท่านั่น จะทำความรู้สึกของคนอ่าน ไม่อยากสู้ชีวิต

เหมือนยากที่จะเอือมถึง ผมเลยยกธุรกิจเล็กๆที่ผมเคยทำ จาก 300 มันสามารถ กลายเป็น 3000

ภายใน 1เดือน ดังความคิดตัวเอก เคยนอนคิดบนเตียงว่า ทำยังไงให้ 300 กลายเป็น 3000 ได้นะ

นิยายเล่มนี้ ผมจะเขียนมัน ให้เป็นแรงบันดาลใจ ให้คนที่ไม่มีอะไรเลย ให้เขาสู้ต่อไปได้

เพราะ ต้นทุนตัวเอก ก็เรียนไม่จบ เพื่อนไม่คบ ครอบครัวเป็นหนี้ เหมือนจะขาดความอบอุ่นด้วยซ้ำ

และโชคร้าย

เราจะค่อยๆ เปลี่ยนแปลงตัวเอกไปทีละนิด จนกว่า ตัวเอกจะประสบความสำเร็จครับ

แต่เมื่อถึงตัวเอก จะประสบความสำเร็จแล้ว แต่ก็มีเรื่อง คือ พ่อแม่ตัวเองเสียชีวิตไปหมด เหลือแต่

น้องสาวครับ แล้วที่นี่ น้องสาวตัวเอก ดันมาตาย ทำให้ตัวเอกอยู่คนเดียว

ตัวเอกจึงกระโดดตัวตายตาม เรื่องราวที่จะคาดไม่ถึงจะอยู่ในส่วนนี้

ปล. ขอบคุณนะครับผมที่เข้ามาตอบกระทู้ครับ ช่วงนี้ทำงาน และเบื่อในการตั้งกระทู้ ตอบพวกลิง
ที่เข้ามาถามเรื่องกระทู้ เลยไม่ค่อยมาสนใจครับ แต่พอผมจะหาซื้อหนังสือนิยายก็เจอข้อความ
ทำให้ผมลังเล แต่ก็จะทำตามความตั้งใจในจุดยืนของผม ขอบคุณทุกคนครับผม :3

วันนี้ทุกคนน่ารักมากครับผม

ธุรกิจ Delivery จากจุดที่ว่า 300บาท ผมจะเขียนแนวให้มันเป็น ธุรกิจ 3ล้านบาทให้ดูครับ

นิยายของผมเหมาะกับคน ที่เคยไม่สามารถก้าวออกจากเส้นสตาร์ทชีวิตออกไปได้

แม้ว่าใจอยากออกจากเส้นสตาร์ทมากแค่ไหนก็ตาม แต่ก็เหมือนหินก้อนใหญ่มาขว้างไว้

เรื่องราวเหมือนดังตัวเอกในนิยาย เรื่อง Kenchan Delivery

0
Z.WA 4 ก.พ. 59 เวลา 17:02 น. 11

มันแล้วแต่มุมมองคนค่ะ อย่าไปคิดมากเวลามีคนว่าว่านิยายหรือการ์ตูนไม่ดี
เขามีสิทธิ์จะคิดค่ะ ถ้าเป็นเรา เราก็ยิ้มสวยๆ อารมณ์เรื่องของmeng 555+
เพราะเรารู้ดีว่าเราได้อะไรจากนิยายจากการ์ตูน

เราว่าทุกวงการค่ะ มีคนมองว่าไม่ดีและดี
มันเป็นธรรมดา ปกติ
อยู่กับมันอย่างสงบสุขค่ะ
คนแต่ละคนความคิดไม่เหมือนกัน

เขาไม่เหมือนเรา
เราก็ไม่เหมือนเขาเช่นกัน

สำหรับเราโลกนี้ไม่มีอะไร มนุษย์ปรุงแต่งขึ้นมา มันเลยทำให้ซับซ้อนแต่สนุกในที
เราก็ใช้ชีวิตอย่างมนุษย์ต่อไปค่ะ สนุกสนานไปกับการปรุงแต่ง แต่ก็บอกตัวเองว่ามันไม่มีจริง สนุกในขอบเขต พยายามที่จะไม่ยึด (ต้องเน้นว่าพยายาม 555+)

มันเป็น Illusion ค่ะ ถ้าเข้าใจจะมีความสุขกับชีวิตมาก
ลองคิดว่าถ้าโลกนี้ไม่มีคน ต้นไม้ก็คงไม่ทำอะไรพิสดารไปมากกว่าสิ่งที่มันทำอยู่ทุกวันนี้ สัตว์ทั้งหลายก็คงไม่พิสดารไปกว่านี้ มีมนุษย์นี่แหละค่ะที่มีพัฒนาการทางความคิดและปัญญามากที่สุดแต่ก็ทะเลาะกันมากที่สุดด้วย แต่ถึงอย่างนั้นก็ต้องยอมรับว่าเพราะมนุษย์ยังมีกิเลสตัณหานี่แหละ โลกถึงไม่เคยสงบสุขเลยแต่ก็มีความสนุกอยู่ในนั้นด้วย

0