ไม่อยากเป็นครู ไม่พร้อมออกฝึกสอน
ตั้งกระทู้ใหม่
คุณต้องการจะลบกระทู้นี้หรือไม่ ?
27 ความคิดเห็น
ไม่ชอบเรียน ไม่อยากสอน นี่พอเข้าใจ แต่เรียนมาระดับนี้ ทำไมพูดว่าทำแผนการสอนไม่ได้ ไม่ใช่แค่การดูถูกตัวเอง ดูถูกกระทั่งมหาลัยที่สอนเรามา เรียนมาตั้งสี่ปี มหาลัยสอนอะไร ทำไมยังบอกว่าทำไม่ได้
ทำไม่ได้กับไม่อยากทำต่างกัน ถ้าไม่ชอบใจจริงๆ ไปถามที่ปรึกษาไหม เผื่ออาจารย์มีข้อแนะนำอะไรให้ เช่น ขอจบไปเลย เอาแค่วุฒิ วท.บ (แต่เราว่าไม่ได้ เพราะความรู้วิทย์อาจไม่ครบตรงตามวุฒิอีก
คือถ้ามาขนาดนี้แล้ว เราก็เชียร์ให้สอนๆ ไป ปีเดียว ถ้าเจอครูพี่เลี้ยงดี เด็กน่ารัก บางทีจากไม่ชอบ กลายเป็นก็ชอบก็มี ยังไม่ได้ลองสอนจริงๆ สักเดือนใช่ปะล่ะ?
ทนอีกนิด แล้วช่วงที่ฝึกสอนก็ลงเรียน มสท. ไปด้วย ที่เรียนมาหลาย ๆ ตัวโอนหน่วยได้ หรือจะลงเรียนรามก็ได้ ทั้งสองสถาบันตั้งใจน่าจะสองปีก็จบแล้วเพราะเราเทียบโอนได้หลายตัว น่าจะเป็นทางออกที่ดีกว่านะครับ อยากเรียนอะไรเรียนเลย (ยกเว้นบางสาขาที่จำเพาะเช่นหมอ) อย่ามองแต่ปันหาแต่จงหาทางออกครับ
ลองคิดดูนะครับ
ขอวท.บ.แทนไม่ได้ค่ะ น้องเรียนครูมา มันได้หลักสูตรวิทย์แทนได้ไง วิชาเรียนมันไม่เท่ากัน
เรื่องทำแผนไม่ได้เนี่ย พี่ว่าเกินไปหน่อยนะเรียนมาแล้ว
ชีวิตไม่ง่ายขนาดนั้นและไม่ได้ยากขนาดนั้นเช่นกัน ไปสอนให้จบ จบแล้วไม่ต้องเป็นครูก็ได้ ไม่ได้มีใครบังคับ งานอื่นที่รับทุกสาขาก็มี. หรือสมัครงานตามสาขาที่จบก็ยังได้
ถ้าปีเดียวทนไม่ได้จะขาดใจก็ ซิ่ว
ไปเรียนที่ชอบ หรือเรียน วท.บ.สาขาที่ชอบ ก็ได้ หน่วยกิตเทียบโอนได้3ใน4 (มีเงื่อนไขอื่นด้วย )
ผมไม่ค่อยรู้เรื่องเกี่ยวกับครูเท่าไร แต่ผมคิดว่าการที่ได้เป็นครู เป็นสิ่งที่ดีนะ ได้สอนเด็กๆ สนุกกับการสอน ไม่มีอะไรที่ต้องกังวล เป็นตัวของตัวเอง เปิดใจที่จะเรียน ถ้าเปิดใจแล้ว มันก็ไม่อึดอัดหรอกครับ แต่มันจะสนุกกับการเรียนมากกว่า เป็นกำลังใจให้ครับ
ถ้าไม่ชอบจริงๆ ไม่ต้องทนค่ะ เรียนมาตั้ง 4 ปีแล้ว รู้ตัวขนาดนี้ ไม่อยากทนก็ไม่เป็นไร ถ้าไม่มีกังวลเรื่องอื่น (เช่น ไม่มีตังค์) ก็ซิ่วไปเริ่มต้นใหม่ค่ะ หรือถ้าไม่ได้สนใจงานบริษัทที่ไปเป้นลูกจ้างคนอื่น เรียนไม่จบก็ทำงานได้
เรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดครูหรือความผิดใครที่เลือก รร ฝึกสอนไม่ได้ มองว่ามันเป้นดวง หรือเป้นโอกาสดีกว่า ไม่มีใครได้อย่างที่ต้องการทุกอย่าง ตอนเราฝึกสอน ไม่มี รร. ที่ตรงเอกด้วยซ้ำ ต้องไปฝึกสอนในสาธิตของมออื่น ต้องถูกเปรียบเทียบกับเด็กมอนั้นๆ ที่เอกดังกล่าวใหญ่กว่ามากกกก กลายเป้นชนกลุ่มน้อย ที่มีทั้งเพื่อนครูฝึกสอนต่างสถาบัน ครูพี่เลี้ยงก็ครูของสถาบันนั้น ไปอยุ่กับเขาทั้งปี จนไม่แน่ใจว่า นี่ตูเรียนที่ไหนเลยแหละ 555555
เรียนไม่จบไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่เอาตัวรอดไม่ได้นี่เรื่องใหญ่ หรือตัดสินใจที่จะไปต่อไม่ได้ ก็ยิ่งเรื่องใหญ่เหมือนกัน เดี๋ยวชีวิตจะอยู่กับที่
อย่าคิดว่าไปยืนสอนเด็กดิ ให้คิดว่าไปคุยเล่นกับเด็ก อยากโม้ไรก็โม้ไป อยากสอนก็สอน อยากนั่งก็นั่ง แผนการสอนก็ไม่ต้องไปทำ นึกอยากสอนไรก็สอนไป ไม่ก็เอาแผนใครก็ได้มาสอนตามนั้น
ทำแบบนี้แลเลว ครูพี่เลี้ยงต้องใจเย็น หรือปล่อยมากๆๆๆๆ ระวัง นร เอาไปฟ้องครูนิเทศก์ 5555555555
แต่ก็ทำได้นะ ถ้าไม่แคร์ชื่อสถาบันที่ตัวเองสังกัดอยู่ 5555
ครับผมก็ว่าอย่างนั้น เหมือนครูฝึกสอนที่โรงเรียนผม ตัวเล็กบอบบาง แต่การที่ครูเขาสอนสอนอยางเป็นกันเองครูเขากินขนมก็แบ่งให้นักเรียนกินด้วยกัน ออกนอกเรื่องนิดหน่อยแต้ก็สนุกกับการเรียนครับ
6-2
มันไม่เกี่ยวว่ามีวิธีการสอนยังไง จะสอนแบบครูไหวใจร้าย ถือตำราท่องให้ฟัง หรือสอนแบบกันเอง ใจดีเลี้ยงขนม มันเป็นแค่แนวการสอน
แต่ถ้าจะฝึกสอน ก่อนหน้าที่จะสอน มันต้องมีการทำแผนการสอน ทำสื่อการสอน วันๆ นึงจะตื่นเช้า เดินเข้าไปสอนเลย มีหนังสือเล่มเดียว แล้วเอาฮาเข้าไป ทำแบบนี้ไม่ได้ (ทำบ้างก็ได้ ถ้ามันไม่ไหวจริงๆ ถถถ) การฝึกสอน มันจริงจังมากกว่าปล่อยๆ ให้ผ่านๆ ไป
สรุปว่า ถ้าอยากจะทำให้มันดี ยังไงก็ต้องทน พยายาม ไม่ชอบสอน ก็ต้องเอาสื่อช่วย ไม่ชอบทำสื่อ ก้ต้องเอาวิธีการเทคนิคการพูดฮาๆ ช่วย แต่จะเดินเข้าไปสอนตัวเปล่า ไร้แผนการสอนไปเลย ไม่ควรทำ
ไม่ทำแผนการสอนไม่ได้นะคะ เพราะจะมีคนตรวจอยู่แล้ว เราต้องส่งแผนให้เค้า ส่วนจะสอนตามแผนไหมนั่นอีกเรื่อง เพราะเท่าที่เราดูมาแทบไม่มีคนสอนตามแผนเลย เรื่อง warm up wrap up นี่ลืมไปได้เลย แทไม่มีสักคน
ถ้าทำแผนเสร็จแล้วจะไม่สอนตามแผนก็ได้ค่ะ แต่ต้องอยู่ในโครงแผน ในที่นี่หมายความว่าไม่จำเป็นต้องมี warm up wrap up และอย่าลืมว่าเราต้องสอนทุกเรื่องให้ทันก่อนสอบ สอนไม่ทันแต่จะออกข้อสอบเกินนั้นก็ไม่ได้อีก
เป็นครูมันเหนื่อยแหละค่ะ แต่อดทนนะคะ ฝึกสอนเสร็จถ้าไม่อยากเป็นครูก็ไปในแนวทางที่ชอบเลย วินๆทั้งครูและเด็กค่ะ
โทษตัวเอง กล้าทนเรียนมาได้4ปี แต่ไม่กล้าซิ่วออกมาทำตามฝันและความชอบ
ทนเรียนอีก 1 ปีไม่ได้เหรอคะ
หนูว่าฝึกสอนน่าจะโอเคกว่านะคะ
ทุกอย่างมีทางออกเสมอค่ะ สู้ๆๆนะคะ
เป็นกำลังใจให้ค่ะ
ของเรา
เรียนจนจบ 6 ปี
รู้ตัวตั้งเเต่เเรกเเล้วละว่าไม่ชอบคณะนี้ แต่ก็ทนเรียนจนจบ
จบมาเเล้วก็ทนทำงานที่ไม่ได้ชอบอีก 1 ปี
เราว่าเราสามารถอดทนทำงานนี้ได้นะตลอดชีวิต
เเต่มันไม่มีความสุขเลยเลย เเค่นั่นแหละ
เราไม่ชอบจริงๆ
คนรอบๆข้างก็รู้ว่าเราไม่ชอบ
ตอนนี้เราตัดสินใจละว่าเราจะซิ่ว 555+
เจอกันในมหาลัย ^^
มาเป็นเด็ก 59 กัน
ขอแอ๊บเด็กแป๊บ
อีกปีเดียวเองค่ะ ถ้ารู้ตัวว่าไม่ชอบทำไมไม่ซิ่วให้ไวกว่านี้ล่ะ หรือว่ากลัวสังคมใหม่นอกมหาวิทยาลัย ทำใจให้กล้ายอมรับการเปลี่ยนแปลงแล้วลองดูสักตั้งสิคะ
เรียนมาจนจะจบแล้วเราว่าคุณก็ทำแผนการสอนได้แหละ ลองไปปรึกษาอาจารย์กับเพื่อนดูสิคะว่าเขาทำกันยังไง เรียนมาสี่ปีต่อให้ไม่ชอบก็ต้องได้อะไรมาบ้างแหละ จะมาสมองว่างโล่งไม่มีความรู้อะไรเลยก็ไม่น่าเป็นไปได้นะคะ
ฝึกสอนให้จบแล้วคุณจะเป็นครูต่อหรือไม่ก็ตามใจ หรือจะไปเรียนใหม่ก็ไปได้ สี่ปีกับห้าปีเราว่ามันก็ไม่ได้นานต่างกันมากมายอะไรหรอกกับการจะเริ่มต้นใหม่
พี่ก็เป็นคนนึงที่คิดแบบน้องในตอนนั้น ไม่อยากตื่นไปโรงเรียน ไม่อยากสอนหนังสือ เบื่อสังคมครูในโรงเรียน ทุกอย่างบีบคั้นกดดันมาก แต่พี่ก็ต้องทำมันต่อไป1ปี ทนรับแรงกดดันให้ได้ ฝึกการควบคุมจิตใจของตนเอง การที่พี่ฝึกสอน1ปีเต็ม มันไม่ใช่แค่พี่ได้ประสบการณ์ทางการสอนเพียงอย่างเดียว แต่มันรวมไปถึงการฝึกการทำงานร่วมกับผู้อื่น ฝึกการรับมือและการแก้ปัญหา ถ้าน้องผ่านฝึกสอนไปได้ น้องจะเป็นคนที่สุดยอดมากที่ชนะใจตัวเองได้ ชนะความไม่ถนัดของน้องได้ มีคนไม่ถนัดไม่ชอบแล้วถอยหลัง ล้มเหลวมาหลายคน แต่น้องเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่ฝ่าคนล้มเหลวท้อแท้จนตัวเองจบมาได้ ไม่มีอะไรที่ได้มาง่ายๆ แล้วที่บอกว่าไม่อยากเป็นครู น้องลองคิดไว้หรือยังว่าไม่อยากเป็นครูแล้วตัวเองอยากเป็นอะไร ถ้ายังหาคำตอบไม่ได้ ก็อย่าเพิ่งตัดสินใจออก อย่าถอยหลัง ไปหาคำตอบให้ได้ว่าตัวเองจริงแล้วชอบอะไรแล้วเดินต่อไปข้างหน้า ตอนนี้พี่ก็ไปเรียนต่อป.โทในสิ่งที่ชอบ แต่ทุกสิ่งอื่นใด นึกถึงความเหนื่อยยากของพ่อแม่ที่ให้เราได้เรียน นึกถึงท่านแล้วน้องจะได้คำตอบ ขอให้โชคดีค่ะ
ในฐานะที่เราก็เรียนครู เราจะออกฝึกสอนพ.ค. เหมือนกัน เราอยากให้เธอสู้อีกนิดนึง อีกปีเดียว เราไม่รู้ว่าทำไมเธอยังเขียนแผนการสอนไม่ได้ เพราะอาจารย์ที่สอนไม่รู้เรื่อง หรือตัวเธอที่พอรู้สึกว่ามันยากนะ ไม่ใช่ทางชั้นว่ะ ก็ถอดใจไปเอง ลองกลับไปถามตัวเองซิว่าเธอตอนนั้นเลือกเรียนครุศาสตร์ทำไม? เพราะความชอบหรือเพราะอะไร? ส่วนเรืองแผนการสอน พอเธอไปถึงโรงเรียนเธอก็ลองปรึกษาครูพี่เลี้ยงดู ทำไปเรื่อยๆเดี๋ยวก็ทำเป็น ตอนเราเรียนเขียนแผนการสอน เราก็ว่ามันยาก แต่พอลองเขียนไปเรื่อยๆ มันก็ได้เอง สนุกด้วยเพราะได้ครีเอทวิธีการสอนของเราไม่ให้น่าเบื่อ ส่วนการออกไปยืนสอนหน้าชั้นเรียน แรกๆเราก็เกร็ง แต่พอสอนไปเรื่อยๆ เราจะผ่อนคลายและสนุกกับมันค่ะ (ถ้าไม่ใช่การสอนแบบมายืนบรรยายนะ) สุดท้ายบอกว่าสู้ๆค่ะ เรียนมาถึงขนาดนี้แล้ว สู้อีกนิด เอาชนะตัวเองให้ได้
นี่ความคิดเห็นผมนะครับ
ก่อนที่คุณจะมาจุดนี้ คุณเป็นคนสมัครเข้ามาเอง ทางสถาบันไม่ได้บังคับคุณ
คุณสามารถเลือกได้แค่สองทางตอนนี้ 1. ทนให้จบต่อ 2. ลาออกเริ่มใหม่
แต่ความคิดเห็นส่วนตัวของผม แนะนำให้คุณเลือก 1.
เพราะว่า คุณเพิ่งมารู้ว่าคุณไม่เหมาะจะเป็นครูตอนที่คุณได้ลงสนามสอนจริงๆ
และไม่มีอะไรมายืนยันได้ว่าถ้าคุณลาออกไปเริ่มใหม่ มันจะใช่สำหรับคุณอีก.
ผมคิดว่า คุณควรเรียนต่อให้จบ แล้วค่อยไปหาต่อในเวลาทำงาน.
แต่ถ้า ในใจคุณมันโหยหา ต้องการจริงๆ คุณมั่นใจและสามารถทำให้คนรอบข้างมั่นใจ
ว่าสิ่งที่คุณจะลาออกแล้วไปเริ่มใหม่นั้น มันใช่สำหรับคุณจริง ก็ทำไปนะครับ.
ชีวิตเราไม่ได้มีเวลามากมาทนกับสิ่งที่ไม่ใช่ ก็จริง
แต่อย่าลืมว่า ทำแต่ละอย่างมันต้องมีการแลกเปลี่ยนเสมอ อันไหนคุ้มค่ากว่ากันก็ทำอันนั้นละกันครับ.
ยังไม่เคยลองสอน ยังไม่เคยลองเขียนแผน แล้วรู้ได้ไงว่าตัวเองทำไม่ได้
ลองทำหรือยัง
ครูสามัญไม่เรียนวิชาสอนเหรอคะ ??
พี่ขอพูดจากประสบการณ์โดยตรงนะ อยากน้องลองฝึกตัวเองไปฝึกสอนจนจบและได้ปริญญามาก่อน หลังจากนั้นน้องอยากทำไรชีวิตก็เป็นของน้องโดยสมบูรณ์ เพราะถึงน้องชิงลาออกมาตั้งแต่ตอนนี้สี่ปีที่ผ่านมามีค่าเท่ากับศูนย์แน่นอน คิดดูดีๆระหว่างวุฒิมอหกกับวุฒิปริญญาตรีที่ไม่ตรงสายงาน เวลาเขารับสมัครงานเขาจะรับใคร? และปัจจุบันการทำงานไม่ตรงสายเป็นเรื่องปกติของสังคมไทยมากๆ พี่ก็เป็นอีกคนที่เคยเรียนคณะที่ไม่ตรงกับตัวตนของพี่เอง ปัจจุบันพี่ก็แฮปปี้กับงานที่ทำอยู่ด้วยซึ่งมันก็ไม่ตรงสาย หรือจะต่อโทสาขาอื่นๆเขาก็เปิดรับ สู้ๆนะครับอดทนอีกนิดเพื่ออนาคตที่ดีของน้องเอง
เราเข้าใจความรู้สึกของพี่ที่กำลังจะฝึกสอนอย่างเช่นพี่เจ้าของกระทู้เลยค่ะ เพราะเราก็เป็นคนหนึ่งที่ไม่มั่นใจในตัวเองทและเราก็กำลังกังวลไปถึงอนาคตตอนเราฝึกสอนมากๆเลยค่ะ และเราก็อึดอัดเหมือนกันเวลาที่คนอื่นมาทำให้เราต้องทำในสิ่งที่เราไม่อยากทำ
สำหรับเราแล้วนะเป็นเรื่องปกติที่พี่เจ้าของกระทู้จะรู้สึกแบบนี้ และไม่ใช่เรื่องผิดอะไรที่พี่เจ้าของกระทู้จะรู้สึกแบบนี้ด้วยเหมือนกัน อันที่จริง เราเห็นด้วยกับหลาย ๆ ความเห็นค่ะว่า ตัวของพี่ไม่ใช่ปัญหา หรือที่คณะ ที่เอก หรือโรงเรียนที่ฝึกสอน มันเป็นชีวิต และโอกาสในการตัดสินใจต่อไปของ พี่เจ้าของกระทู้ มากกว่าค่ะว่าพี่จะทำอย่างไรต่อไป แต่เราเชื่อย่างหนึ่งนะคะว่าเมื่อถึงเวลานั้นที่ต้องออกฝึกสอนพี่เจ้าของกระทู้จะไม่ได้อยู่คนเดียวค่ะ ยังไงก็ตามการคุยกับคนรอบข้าง ทั้งเพื่อนที่ออกฝึกสอน อ.ที่ปรึกษา หรือคนที่เข้าใจกันรวมถึงการคิดทบทวนตัดสินใจด้วยตัวเองก็น่าจะทำให้เราเห็นภาพของตัวเองได้ชัดขึ้นมากกว่าการคิดอยู่กับตัวเองคนเดียวนะคะ
เราไม่อยากให้พี่เจ้าของกระทู้รู้สึกแย่กับตัวเองนะคะ ยังไงเราก็ขอให้เจ้าของกระทู้สู้ๆนะคะ
สู้ๆนะเราก็จะออกฝึกกลางพ.ค.นี้เหมือนกันไม่ได้ลงร.ร.ใกล้บ้านเพราะไม่มีรายชื่อในระบบ ไม่มีเพื่อนในเอกไปด้วยเเค่คิดก็กลัวเเล้วไม่รู้จักใครอีก เเต่เราว่าปัญหาทุกอย่างมีทางออกเสมอนะเรียนรู้เเละยอมรับมันบางสิ่งที่เราเเก้ไม่ได้เราต้องรู้วิธีอยู่ร่วมกับมันให้ทุกข์น้อยที่สุดการปรับตัวเพื่อความอยู่รอดก็เป็นสิ่งสำคัญไม่รู้ก็ถามทำไม่เป็นก็ปรึกษาครูในร.ร.ล่ะเค้าคงไม่โหดร้ายขนาดนั้นนะเราว่า ไม่ใช่เเค่จขกทที่เจอปัญหาเเบบนี้คนเดียวยังมีอีกหลายๆคนที่เจอเเบบนี้เหมือนกันเเต่เมื่อเราผ่านความลำบากจุดนั้นมาได้เชื่อเถอะว่าคุณต้องเเข็งเเกร่งกว่าเดิมลองเรียนรู้ยอมรับสิ่งใหม่ๆบางครั้งเราอาจจะชอบก็ได้ลองทำให้สุดๆก่อนค่อยตัดสินว่าเราไม่ไหว ปรึกษาครอบครัวเพื่อนอาจารย์เราอาจจะได้ทางออกที่ดีที่สุดก็ได้ค่ะขอให้จขกทโชคดีนะคะ
คิดเสียว่าเป็นการเรียนรู้สิ่งที่เราไม่ชอบไปในตัว และยอมรัวบมันคะ ลองทำดูอีกสักปี ถือว่าเป็นการฝึกการอดทน ลองมองในส่วนดีๆของการเป็นครูถ้าตอนนี้ใจคิดแต่ด้านที่ไม่ชอบทำยังไงก็ไม่ชอบไม่รู้สึกดีไปได้ค่ะ คุณลองเปิดใจและสู้ไปเรียนให้จบแล้วในอนาคตก็สามารถเรียนในสิ่งที่เราชอบได้มันไม่สายหรอกค่ะชีวิตเราสามารถเรียนรู้ได้อยู่ตลอดเวลา ปรึกษากับคนรอบข้างคุณ ครอบครัวหรือเพื่อน เป็นกำลังใจให้สู้และคิดแก้ไขปัญหาได้ค่ะ
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?