ใครมีเทคนิคการเขียน "ฉากจูบ" ดีๆบ้างคะ
ตั้งกระทู้ใหม่
ปกติเป็นคนไม่ค่อยเขียนฉากจูบ จะเขียนทีนี่ก็เค้นกันจนสมองแทบทะลัก55(เว่อไป) บางครั้งเขียนเสร็จแล้วกลับไปอ่านก็รู้สึกว่ามันไม่ได้อารมณ์ ภาษาไม่สวย
เคยมีคนบอกว่าให้จินตนาการเหมือนจะจูบกับแฟนดู เราก็ไม่มีแฟนซะอีก55555555555 เลยจิ้นว่าจูบกับหนุ่มๆจากอนิเมะดู กลายเป็นว่าเขิน ไม่ได้เขียน5555
ใครมีเทคนิคดีๆมาแชร์กันหน่อยยย ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ
23 ความคิดเห็น
จิ้นเองจนเขิน เอาความเขินนั้นล่ะมาเขียนครับ
นางเอกก็จะลงไปม้วนกลิ้งแดดิ้นกับพื้น 5555
ปึง!!!
ฉันเลยฉวยจังหวะที่ออกัสปิดประตูวิ่งหนีเขา แต่หนีมาถึงแค่หน้าห้องน้ำออกัสก็คว้าท่อนแขนของฉันเอาไว้ได้ ก่อนจะผลักฉันไปกระแทกติดกับกำแพงด้านในของห้องน้ำ จนฉันรู้สึกได้ถึงความปวดร้าวระบมที่บังเกิดขึ้นจากแผ่นหลังที่โดนกระแทกอย่างแรงกับผนังของห้องน้ำที่ถูกปูทับไปด้วยกระเบื้องเคลือบหลากสี เท่านั้นยังไม่พอเขายังเบียดร่างกายร้อนๆ ของเขาตามมาติดๆ ฉันพยายามดิ้นรนทุกวิธีทางแต่ยิ่งดิ้นเท่าไรร่างกายของออกัสก็ดูเหมือนจะแนบสนิทกับร่างกายของฉันมากขึ้นเท่านั้น ฉันพยายามทั้งจิกทั้งข่วนเขาจนกระทั้งรู้สึกได้ถึงความปวดร้าวจากปลายนิ้วก่อนที่จะรับรู้ได้ถึงสัมผัสอุ่นๆ ของ ของเหลวที่ไหลซึมออกมาทำให้รู้ว่าตอนนี้มีบางอย่างเกิดขึ้นกับมัน นี่อย่าบอกนะว่าเล็บฉันหัก แต่ดูเหมือนว่าฉันจะทำขนาดนี้แต่คนตรงหน้ายังไม่รู้สึกสะทกสะท้านอะไรเลย นี่ผิวหนังของเค้าทำมาจากเหล็กกล้ารึยังไงกัน นี่ฉันข่วนเขาจนกระทั้งเล็บหักยังไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลยแม้แต่น้อย แต่กลับมีเพียงรอยยิ้มหวานหยด แต่กลับแฝงไปด้วยความเย็นเฉียบจนน่าขนลุกมาให้ฉันเท่านั้น
“ฉันบอกเธอแล้วไม่ใช่รึไงว่าไม่ให้ไปยุ่งกับหมอนั่น”
ออกัสพูดออกมาก่อนจะมองมาที่ฉันด้วยแววตาแข็งขืน ที่แฝงไปด้วยอันตรายอย่างเห็นได้ชัดเจน โดยที่เขาก็เอาแต่จ้องหน้าแันพร้อมๆ กับส่งรอยยิ้มที่เย็นเฉียบจนฉันรู้สึกเย็นวาบไปถึงไขสันหลัง
“ฉันไม่”
“หุบปากของเธอซะมิริน ฉันไม่อยากฟังคำแก้ตัวของเธอ”
ฉันยังพูดไม่ทันจบออกัสก็พูดแทรกขึ้นมาทันที โดยที่ไม่สนว่าฉันจะพูดแก้ตัวยังไง นี่เขาจะเผด็จการมากเกินไปแล้วนะ ได้ในเมื่อเขาไม่อยากฟังคำแก้ตัวของฉันฉันก็จะไม่ขอแก้ตัวก็แล้วกัน
“แล้วยังไงนายจะทำไม ฉันจะเต็มใจรึไม่ มันก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับนายซักหน่อย อย่ามาทำเป็น อื้อ!!”
ฉันพูดได้เพียงแค่นั้นก็ต้องกลืนคำพูดของตัวเองลงไปในลำคอ เพราะถูกคนตรงหน้าบดเบียดริมฝีปากของเขาเข้ามาอย่างแรงและคุกคาม โดยไม่สนว่าฉันจะรู้สึกอย่างไร ฉันเองก็พยายามดิ้นรนและต่อต้านเขาอย่างสุดกำลัง แต่สุดท้ายการกระทำที่ป่าเถื่อนของเขา ก็เอาชนะเรี่ยวแรงที่มีอยู่ของฉันได้อยู่ดี ซึ่งฉันเองก็ไม่เคยจะต่อต้านเขาได้เลยซักครั้งเดียว ได้แต่นึกเจ็บใจตัวเองที่ต้องเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำให้กับเขาอยู่ตลอดเวลา รสจูบที่รุนแรงบาดลึกเข้ามาจนฉันเริ่มดิ้นทุรนทุรายเพราะขาดอากาศหายใจ เขาถึงได้ถอนจูบของเค้าออก ก่อนจะพูดว่า “เธอไม่มีสิทธิ์ ที่จะทำอะไรนอกเหนือคำสั่งของฉัน ฉันบอกให้เธอทำอะไรเธอก็ต้องทำตามไม่อย่างนั้นเธอจะต้องทุรนทุรายและทรมานยิ่งกว่านี้”
“นายมันบ้าอำนาจ เลวที่สุด"
“ฉันเลวได้มากว่านี้อีก ถ้าเธออยากจะรู้ว่าฉันมันเลวแค่ไหน เดี๋ยวฉันจะทำให้ดู”
พูดจบออกัสก็จับหัวไหล่ฉันก่อนจับฉันกระแทกกับผนังอีกด้านหนึ่ง จนตอนนี้ฉันรู้สึกได้ว่ามันระบมไปหมดทั้งร่างกายเจ็บปวดทั้งร่างกายและหัวใจ ก่อนที่เขาจะจู่โจมริมฝีปากของเขามาอีกครั้งโดยที่ฉันไม่ทันได้ตั้งตัว ฉันถูกริมฝีปากของออกัสบดขยี้ลงมาอย่างแรงแบบคุกคามก่อนจะเปลี่ยนเป็นเรียกร้องและหวามไหวในเวลาต่อมา ถึงแม้ฉันจะพยายามขัดขืนซักแค่ไหน สุดท้ายแล้วร่างกายและจิตใจกลับทรยศอย่างไม่น่าให้อภัย ฉันในตอนนี้ไม่ต่างอะไรไปจากขี้ผึ้งที่ถูกเปลวไฟที่ร้อนแรงแผดเผาแทบมอดไหม้ไปกับสัมผัสอันร้อนระอุนี้ ไม่มีแม้กระทั้งเรี่ยวแรงที่จะทรงตัวยืนให้อยู่ยังทำไม่ได้ ฉันเลยต้องเอามือที่เป็นอิสระอยู่นั้นเกาะกุมหัวไหล่ของเค้าเอาไว้เพื่อพยุงตัวไม่ให้ร่วงลงกับพื้น พอฉันทำแบบนั้นก็เท่ากับว่าเหมือนฉันเปิดโอกาสให้เขารุกรานฉันมากขึ้นกว่าเดิม โดยที่มือข้างหนึ่งของเขาเริ่มรุกรานเข้ามาด้านในร่มผ้าของฉันแล้ว
เผาะ!
หยาดน้ำตาที่ฉันพยายามกลั้นมันเอาไว้จนถึงเดี๋ยวนี้ ก็เริ่มไหลลงมาข้างแก้มอย่างกลั้นไม่อยู่ จนออกัสเองก็รับรู้ได้ถึงความเปียกชื้นที่เกิดขึ้นข้างแก้มของฉัน เขาเลยหยุดชะงักการกระทำไว้เพียงแค่นั้นก่อนจะถอนจูบออกมา แล้วมองมาที่ฉันด้วยสายตาเหยียดๆ อย่างน่าสมเพชซะเต็มประดา
ลงใหม่นะคะ
ปึง!!!
ฉันเลยฉวยจังหวะที่หมอนั่นกำลังปิดประตูอยู่วิ่งหนีเขามา แต่วิ่งหนีมาถึงแค่หน้าห้องน้ำออกัสก็คว้าเอาท่อนแขนของฉันเอาไว้ได้ ก่อนจะผลักฉันไปกระแทกติดกับกำแพงด้านในของห้องน้ำ จนฉันรู้สึกได้ถึงความปวดร้าวที่บังเกิดขึ้นจากแผ่นหลังที่โดนกระแทกอย่างแรงกับผนังของห้องน้ำที่ถูกปูทับไปด้วยกระเบื้องเคลือบหลากสี เท่านั้นยังไม่พอออกัสยังเบียดร่างกายร้อนๆ ของเขาตามมาติดๆ ฉันพยายามดิ้นรนทุกวิธีทางแต่ยิ่งดิ้นเท่าไรร่างกายของออกัสก็ดูเหมือนจะแนบสนิทกับร่างกายของฉันมากขึ้นเท่านั้น ฉันพยายามทั้งจิกทั้งข่วนเขาจนกระทั้งรู้สึกได้ถึงความปวดร้าวจากปลายนิ้วก่อนที่จะรับรู้ได้ถึงสัมผัสอุ่นๆ ของ ของเหลวที่ไหลซึมออกมาทำให้รู้ว่าตอนนี้มีบางอย่างเกิดขึ้นกับมัน
นี่อย่าบอกนะว่าเล็บฉันหัก
แต่ดูเหมือนว่าฉันจะทำขนาดนี้แต่คนตรงหน้ายังไม่รู้สึกสะทกสะท้านอะไรเลย นี่ผิวหนังของเขาทำมาจากเหล็กกล้ารึยังไงกัน นี่ขนาดฉันข่วนเขาจนกระทั้งเล็บหักขนาดนี้เขายังไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลยแม้แต่น้อย แต่กลับมีเพียงรอยยิ้มหวานหยด ที่แฝงไปด้วยความเย็นเฉียบจนน่าขนลุกมาให้ฉันแทน
“ฉันบอกเธอแล้วไม่ใช่รึไงว่าไม่ให้ไปยุ่งกับหมอนั่น”
ออกัสพูดก่อนจะมองมาที่ฉันด้วยก่อนจะกดบ่าของฉันให้จมลึกเข้าไปในกำแพงนั่นอีกครั้ง นัยน์ตาสีนิลจ้องเขม็งมาที่ฉันราวกับอยากจะฆ่าแันให้ตายตรงนี้ซะให้พ้นๆ ไป
“ฉันไม่”
“หุบปากของเธอซะมิริน ฉันไม่อยากฟังคำแก้ตัวของเธอ”
ฉันยังพูดไม่ทันจบออกัสก็พูดแทรกขึ้นมาทันที โดยที่ไม่สนว่าฉันจะพูดแก้ตัวยังไง นี่เขาจะเผด็จการมากเกินไปแล้วนะ ได้ในเมื่อเขาไม่อยากฟังคำแก้ตัวของฉันฉันก็จะไม่ขอแก้ตัวก็แล้วกัน
“แล้วยังไงนายจะทำไม ฉันจะเต็มใจรึไม่ มันก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับนายซักหน่อย อย่ามาทำเป็น อุบ!!”
ฉันพูดเพียงแค่นั้นก็ต้องกลืนคำพูดของตัวเองลงไปในลำคอ เพราะถูกคนตรงหน้าบดเบียดริมฝีปากของเขาเข้ามาอย่างบ้าคลั่งและรุนแรง โดยไม่สนว่าฉันจะรู้สึกอย่างไร ฉันเองพอโดนกระทำแบบนั้นก็พยายามดิ้นรนและต่อต้านเขาอย่างสุดกำลัง แต่สุดท้ายการกระทำที่ป่าเถื่อนของเขา ก็เอาชนะฉันได้อยู่ดี โดยที่ฉันไม่เคยจะต่อต้านเค้าได้เลยซักครั้งเดียว ได้แต่นึกเจ็บใจตัวเองที่ต้องเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำให้เค้าอยู่ตลอดเวลา เขาจุมพิตฉันเนิ่นนานจนฉันเริ่มดิ้นทุรนทุรายเพราะขาดอากาศหายใจนั่นแหละ เขาถึงได้ถอนจูบของเค้าออกมา ก่อนจะพูดว่า “เธอไม่มีสิทธิ์ ที่จะทำอะไรนอกเหนือคำสั่งของฉัน ฉันบอกให้เธอทำอะไรเธอก็ต้องทำตามไม่อย่างนั้นเธอจะต้องทุรนทุรายและทรมานยิ่งกว่านี้”
“นายมันบ้าอำนาจ เลวที่สุด”
“ฉันเลวได้มากว่านี้อีก ถ้าเธออยากจะรู้ว่าฉันมันเลวแค่ไหน เดี๋ยวฉันจะทำให้ดู”
พูดจบออกัสก็จับหัวไหล่ฉันก่อนจับฉันกระแทกกับผนังอีกด้านหนึ่ง จนตอนนี้ฉันรู้สึกได้ว่ามันร้าวระบมไปหมดทั้งร่างกาย เจ็บปวดทั้งร่างกายและหัวใจ ก่อนเขาจะจู่โจมริมฝีปากของเขามาอีกครั้งโดยที่ฉันไม่ทันได้ตั้งตัว ฉันถูกริมฝีปากของออกัสบดขยี้ลงมาอย่างแรงแบบคุกคาม ก่อนจะเปลี่ยนเป็นเรียกร้องและหวามไหวในเวลาต่อมา ถึงแม้ฉันจะพยายามขัดขืนซักแค่ไหน สุดท้ายแล้วร่างกายและจิตใจกลับทรยศอย่างไม่น่าให้อภัย ฉันในตอนนี้ไม่ต่างอะไรไปจากขี้ผึ้งที่ถูกเปลวไฟที่ร้อนแรงแผดเผาแทบมอดไหม้ไปกับสัมผัสอันร้อนระอุนี้ ไม่มีแม้กระทั้งเรี่ยวแรงที่จะทรงตัวยืนให้อยู่ยังทำไม่ได้ ฉันเลยต้องเอามือที่เป็นอิสระอยู่นั้นเกาะกุมหัวไหล่ของเค้าเอาไว้เพื่อพยุงตัวไม่ให้ร่วงลงกับพื้น พอฉันทำแบบนั้นก็เท่ากับว่าเหมือนฉันเปิดโอกาสให้เค้ารุกรานฉันมากขึ้นกว่าเดิม โดยที่มือข้างหนึ่งของเค้าเริ่มรุกรานเข้ามาด้านในร่มผ้าของฉันแล้ว
เผาะ!
หยาดน้ำตาที่ฉันพยายามกลั้นมันเอาไว้จนถึงเดี๋ยวนี้ ก็เริ่มไหลลงมาข้างแก้มอย่างกลั้นไม่อยู่ จนออกัสเองก็รับรู้ได้ถึงความเปียกชื้นที่เกิดขึ้นข้างแก้มของฉัน เค้าเลยหยุดชะงักก่อนจะถอนจูบออกมา แล้วมองมาที่ฉันด้วยสายตาเหยียดๆ อย่างน่าสมเพชซะเต็มประดา
ลงอีกรอบได้มั้ยคะ กดดูตรงspoilไม่ได้TTUTT
ปึง!!!
ฉันเลยฉวยจังหวะที่หมอนั่นกำลังปิดประตูอยู่วิ่งหนีเขามา แต่วิ่งหนีมาถึงแค่หน้าห้องน้ำออกัสก็คว้าเอาท่อนแขนของฉันเอาไว้ได้ ก่อนจะผลักฉันไปกระแทกติดกับกำแพงด้านในของห้องน้ำ จนฉันรู้สึกได้ถึงความปวดร้าวที่บังเกิดขึ้นจากแผ่นหลังที่โดนกระแทกอย่างแรงกับผนังของห้องน้ำที่ถูกปูทับไปด้วยกระเบื้องเคลือบหลากสี เท่านั้นยังไม่พอออกัสยังเบียดร่างกายร้อนๆ ของเขาตามมาติดๆ ฉันพยายามดิ้นรนทุกวิธีทางแต่ยิ่งดิ้นเท่าไรร่างกายของออกัสก็ดูเหมือนจะแนบสนิทกับร่างกายของฉันมากขึ้นเท่านั้น ฉันพยายามทั้งจิกทั้งข่วนเขาจนกระทั้งรู้สึกได้ถึงความปวดร้าวจากปลายนิ้วก่อนที่จะรับรู้ได้ถึงสัมผัสอุ่นๆ ของ ของเหลวที่ไหลซึมออกมาทำให้รู้ว่าตอนนี้มีบางอย่างเกิดขึ้นกับมัน
นี่อย่าบอกนะว่าเล็บฉันหัก
แต่ดูเหมือนว่าฉันจะทำขนาดนี้แต่คนตรงหน้ายังไม่รู้สึกสะทกสะท้านอะไรเลย นี่ผิวหนังของเขาทำมาจากเหล็กกล้ารึยังไงกัน นี่ขนาดฉันข่วนเขาจนกระทั้งเล็บหักขนาดนี้เขายังไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลยแม้แต่น้อย แต่กลับมีเพียงรอยยิ้มหวานหยด ที่แฝงไปด้วยความเย็นเฉียบจนน่าขนลุกมาให้ฉันแทน
“ฉันบอกเธอแล้วไม่ใช่รึไงว่าไม่ให้ไปยุ่งกับหมอนั่น”
ออกัสพูดก่อนจะมองมาที่ฉันด้วยก่อนจะกดบ่าของฉันให้จมลึกเข้าไปในกำแพงนั่นอีกครั้ง นัยน์ตาสีนิลจ้องเขม็งมาที่ฉันราวกับอยากจะฆ่าแันให้ตายตรงนี้ซะให้พ้นๆ ไป
“ฉันไม่”
“หุบปากของเธอซะมิริน ฉันไม่อยากฟังคำแก้ตัวของเธอ”
ฉันยังพูดไม่ทันจบออกัสก็พูดแทรกขึ้นมาทันที โดยที่ไม่สนว่าฉันจะพูดแก้ตัวยังไง นี่เขาจะเผด็จการมากเกินไปแล้วนะ ได้ในเมื่อเขาไม่อยากฟังคำแก้ตัวของฉันฉันก็จะไม่ขอแก้ตัวก็แล้วกัน
“แล้วยังไงนายจะทำไม ฉันจะเต็มใจรึไม่ มันก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับนายซักหน่อย อย่ามาทำเป็น อื้อ!!”
ฉันพูดเพียงแค่นั้นก็ต้องกลืนคำพูดของตัวเองลงไปในลำคอ เพราะถูกคนตรงหน้าบดเบียดริมฝีปากของเขาเข้ามาอย่างบ้าคลั่งและรุนแรง โดยไม่สนว่าฉันจะรู้สึกอย่างไร ฉันเองพอโดนกระทำแบบนั้นก็พยายามดิ้นรนและต่อต้านเขาอย่างสุดกำลัง แต่สุดท้ายการกระทำที่ป่าเถื่อนของเขา ก็เอาชนะฉันได้อยู่ดี โดยที่ฉันไม่เคยจะต่อต้านเค้าได้เลยซักครั้งเดียว ได้แต่นึกเจ็บใจตัวเองที่ต้องเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำให้เค้าอยู่ตลอดเวลา เขาจุมพิตฉันเนิ่นนานจนฉันเริ่มดิ้นทุรนทุรายเพราะขาดอากาศหายใจนั่นแหละ เขาถึงได้ถอนจูบของเค้าออกมา ก่อนจะพูดว่า “เธอไม่มีสิทธิ์ ที่จะทำอะไรนอกเหนือคำสั่งของฉัน ฉันบอกให้เธอทำอะไรเธอก็ต้องทำตามไม่อย่างนั้นเธอจะต้องทุรนทุรายและทรมานยิ่งกว่านี้”
“นายมันบ้าอำนาจ เลวที่สุด”
“ฉันเลวได้มากว่านี้อีก ถ้าเธออยากจะรู้ว่าฉันมันเลวแค่ไหน เดี๋ยวฉันจะทำให้ดู”
พูดจบออกัสก็จับหัวไหล่ฉันก่อนจับฉันกระแทกกับผนังอีกด้านหนึ่ง จนตอนนี้ฉันรู้สึกได้ว่ามันร้าวระบมไปหมดทั้งร่างกาย เจ็บปวดทั้งร่างกายและหัวใจ ก่อนเขาจะจู่โจมริมฝีปากของเขามาอีกครั้งโดยที่ฉันไม่ทันได้ตั้งตัว ฉันถูกริมฝีปากของออกัสบดขยี้ลงมาอย่างแรงแบบคุกคาม ก่อนจะเปลี่ยนเป็นเรียกร้องและหวามไหวในเวลาต่อมา ถึงแม้ฉันจะพยายามขัดขืนซักแค่ไหน สุดท้ายแล้วร่างกายและจิตใจกลับทรยศอย่างไม่น่าให้อภัย ฉันในตอนนี้ไม่ต่างอะไรไปจากขี้ผึ้งที่ถูกเปลวไฟที่ร้อนแรงแผดเผาแทบมอดไหม้ไปกับสัมผัสอันร้อนระอุนี้ ไม่มีแม้กระทั้งเรี่ยวแรงที่จะทรงตัวยืนให้อยู่ยังทำไม่ได้ ฉันเลยต้องเอามือที่เป็นอิสระอยู่นั้นเกาะกุมหัวไหล่ของเค้าเอาไว้เพื่อพยุงตัวไม่ให้ร่วงลงกับพื้น พอฉันทำแบบนั้นก็เท่ากับว่าเหมือนฉันเปิดโอกาสให้เค้ารุกรานฉันมากขึ้นกว่าเดิม โดยที่มือข้างหนึ่งของเค้าเริ่มรุกรานเข้ามาด้านในร่มผ้าของฉันแล้ว
เผาะ!
หยาดน้ำตาที่ฉันพยายามกลั้นมันเอาไว้จนถึงเดี๋ยวนี้ ก็เริ่มไหลลงมาข้างแก้มอย่างกลั้นไม่อยู่ จนออกัสเองก็รับรู้ได้ถึงความเปียกชื้นที่เกิดขึ้นข้างแก้มของฉัน เค้าเลยหยุดชะงักก่อนจะถอนจูบออกมา แล้วมองมาที่ฉันด้วยสายตาเหยียดๆ อย่างน่าสมเพชซะเต็มประดา
ลงสปอยไม่ได้ เอ๋รึว่าเราลงไม่เป็นกันนะ
ขอบคุณมากค่าาาา
เป็นความรู้สึกเดียวกับตอนที่กินลูกอมละมั้งครับ //ไม่เคยเหมือนกัน
เห็นภาพเลยค่ะ 555555
จูบมีหลายระดับ
ถ้า Kiss เฉยๆ ก็ริมฝีปากประทับแผ่วเบา แต่จูบแบบนี้มักทำแป๊บเดียว
ถ้าจะลึกซึ้ง ก็ใช้บรรยากาศโดยรอบ หรือความรู้สึก รสสัมผัสช่วยบรรยายก็ได้ค่ะ
:)
คือบรรยายไม่ออกน่ะสิคะTT_TT
จูบกับแฟน มันเหมาะกับตัวละครที่เราเอาตัวเองเป็นแม่แบบครับ
แต่การจูบในนิยาย(การ์ตูน) ทั้งหลาย จะมีสถานการณ์ที่ต่างกันครับ
ตั้งแต่แต่งนิยายมาเคยเขียนฉากจูบมาอยู่พอตัว แต่กระนั้นก็ทำให้เห็นว่าการจูบมีลักษณะที่ต่างกัน ขึ้นกับตัวละคร อารมณ์ตัวละคร ความรัก ความสัมพันธ์ บรรยากาศ เหตุที่จูบ ครับ เอาง่ายๆว่าผมเคยแต่งรูปแบบจูบมาประมาณนี้
- จูบปกติ (ทักทาย บอกรักประจำ)
- จูบลึกซึ้ง (รักจริง หรือก่อน/ระหว่าง เมคเลิฟ)
- จูบแบบพี่น้อง
- จูบมัดจำ
- จูบลา (เมื่อรู้ว่าจะต้องตายและแยกจากคนรัก)
- จูบแบบไม่ได้ตั้งใจ (พล็อตโหลของการ์ตูนยุคนี้ และแน่นอนว่าเหตุการณ์ต่อมาคือฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด หรือทั้งสองฝ่ายเขินอาย ไม่ก็เป็นฝ่ายชายที่ถูกชก)
จะเห็นได้ว่ารูปแบบและเหตุการณ์ก่อนหลัง มันจะแตกต่างหลากหลายมากครับ
ถ้าจะแนะนำล่ะก็ ผมว่าอย่าเพิ่งไปเน้นช่วงจูบจะดีกว่า
แต่แรกสุดคือเราต้องเข้าถึงตัวละครและอารมณ์ตัวละครในบทนั้นๆให้อิ่มตัวเสียก่อน ว่าทำไมถึงจูบ เหตุการณ์ใดชักพาไปให้ต้องจูบ ใครเป็นฝ่ายเริ่ม(จูบ)ก่อน แล้วจูบแล้วจะเป็นยังไงต่อไป ซึ้ง อิ่มสุข เขินอาย โมโห ซึนกลบเกลื่อน
ค่อยๆจัดองค์ประกอบพวกนี้ให้เข้าที่เข้าทางก่อน
ถ้ามันลงตัวแล้ว มันจะรวมกลายเป็นบทจูบที่อ่านแล้วฟินเองครับ
จะลองนำวิธีไปใช้ดูค่าา เป็นคำตอบที่ดีมากอ่ะ:)
ต้องเข้าถึงตัวละครมากกว่านี้อีก ขอบคุณที่แนะนำค่ะ:)
เฮ้ย!ใช้เวลาพิมพ์กี่ชั่วโมง #ไม่เกี่ยว (ขอบคุณสำหรับคำแนะนำดีๆค่ะ)ปล.จริงๆแล้วถ้าเราพิมพ์หมดนี่ 3 นาทีก็เสร็จ พิมพ์เล่นคอมมาตั้งแต่ 6 ขวบอ่ะ ก็เลยเร็วมาก 55
ไม่รู้จะแนะนำยังไงแหะ... เอาที่เคยเขียนไว้มาให้ดูแล้วกันเนอะ
ชาย-หญิง
เขายกมือขึ้นและใช้ปลายนิ้วเกลี่ยเส้นผมนุ่มมือของเธอเบาๆ.. เขาชอบจับมันมากจริงๆ.. ระยะห่างของทั้งสองไม่ได้ไกลกันมากนัก.. ไออุ่นจากตัวของเธอเหมือนเรียกร้องให้เขาขยับเข้าไปใกล้ๆอีกสักนิด... ไม่ทันไร...
...ไม่มีความคิดใดๆ... เขาเพียงปล่อยให้ร่างกายตัวเองพาไปเท่านั้น.....
เขาโน้มตัวลงกดจูบที่ริมฝีปากนุ่มของเธออย่างแผ่วเบา
มันทั้งอุ่น.. และนุ่ม.. รู้สึกหอมหวานทั้งที่ไม่ได้กลิ่น..... ไออุ่นจากกายของเธอลอยขึ้นมากระทบกายของเขา...
วาย
จนในที่สุดมันก็ประกบแนบชิด..
ถึงแม้ว่าเขาจะหลับตาลง..แต่สัมผัสอบอุ่นที่ริมฝีปากของเขามันชัดเจน.. สัมผัสนั้น.. มันทำให้เขารู้สึกเหมือนคุ้นเคย.. เหมือนว่าเขาเคยผ่านมันมาแล้ว... แต่เมื่อไหร่กันนะ .....
เขาจำเกือบจะได้แล้วว่า.. จูบของเก้านั้น... อบอุ่นมกมายขนาดไหน...
แต่จำไม่ได้เลยว่ามันตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เขาเคยสัมผัสมัน... ริมฝีปากร้อนถอดถอนออกไปอย่างเชื่องช้า.. ลมหายใจอุ่นๆยังคงวนเวียนที่ปลายจมูก.. ดวงตาของเมฆค่อยๆปรือลืมขึ้นมาอีกครั้ง... ขนตาเก้าที่รับกับแสงสีน้ำเงินของค่ำคืนมันช่างสวยงาม..
สวยกว่าภาพวาดบนแคนวาสของศิลปินชั้นเอก..
ไม่มีคำพูดใดๆ.. มีเพียงความอบอุ่นและความเงียบ..
และเสียงลมหายใจเท่านั้นที่ได้ยิน.. ริมฝีปากร้อนขยับเบียดเข้ามาอีกครั้งก่อนที่ฝ่ามืออบอุ่นจะดึงเอาร่างกายที่ไม่ขัดขืนของเมฆเข้าไปในอ้อมกอด..
สัมผัสอันนุ่มนวลของเพื่อนรักนั้นชักชวนให้กายสั่นไหวและไร้เรี่ยวแรง
ลมหายใจที่ถอดถอนออกมาส่งเสียงดังขึ้นทีละนิดเมื่อเพื่อนรักเบียดเบียนป้อนเอาไออุ่นผ่านริมฝีปากให้กับเขา.. และแลกมันไปด้วยรสชาติและความหอมหวานของตัวเขาเอง.. ร่างกายร้อนระอุของเก้าโถมทับร่างของเมฆให้เอนลงบนพื้นเตียงนุ่ม..
ความอบอุ่นของเก้า..ต้อนเอาร่างกายของเมฆให้จนมุม...จน...หมดหนทางขัดขืน..
เสื้อยืดที่ใหญ่เกินตัวของเมฆนั้นมันทำให้ง่ายต่อการปลดเปลื้อง.. ไม่ทันไรฝ่ามือร้อนระอุก็ไล้ไปบนผิวกายอุ่นเรียบลื่น... ผิวที่ไร้ซึ่งสิ่งใดมาปิดกั้น... ลมหายใจของเมฆถูกช่วงชิงไปจนขาดเป็นห้วง.. ความกระหายของเก้าทำให้เมฆแทบจะขาดใจ.. เมฆยกมือขึ้นดันร่างกายร้อนที่โถมทับเข้ามาเมื่อถูกริมฝีปากของเพื่อนรักกวาดต้อนจนใจหวิว
ตัดจบ ฉึบ !
เกลียดคำว่าตัดฉึบมากกกกกกกกกกกกกกกกกกก ตามไปอ่านต่อแป๊บ 555555
ค้างคาต้องตามซะแล้ว๕๕๕
ขอบคุณทุกคำตอบเลยนะคะ สรุปได้ว่ามีหลายวิธีมากแล้วเราก็ยังต้องฝึกฝนอีกเยอะๆๆๆ
ปล. แต่ที่บอกว่าจิ้นว่าจูบกับแฟนดีที่สุดนี่เจ็บจี๊ดจริงๆ ต้องหาแฟนซะมั้งเนี่ยเรา555
จูบแรกแบบเต็มใจ
อวี้หลิงจับไหล่ทั้งสองข้างของนาง ดันตัวให้นอนลงไป แล้วขึ้นคล่อมร่างบางเอาไว้
เหมยฟางตกใจเล็กน้อยกับท่าทีของเขา แต่ไม่ได้ต่อต้าน ไม่ได้ขัดขืน ไม่ได้หลบเลี่ยง ไม่แม้แต่จะห้ามเขา
เขาโน้มศีรษะลงมองนางจากด้านบน มือข้างหนึ่งยันอยู่ข้างหมอน ส่วนอีกข้างหนึ่งลูบไล้ไปตามลำคอระหงของนางเบาๆ ลูบไปตามรอยจ้ำหลักฐานของบุรุษอื่นที่เคยแตะต้องนางนัยน์ตาสีนิลดำสนิทเข้มขึ้น
ความทรงจำอันเลวร้ายนั่นหวนกลับมา เหมยฟางเม้มปากแน่น เบือนหน้าหนีไม่กล้าสบสายตาที่จ้องลึกเข้าไปจนถึงในใจ
"ข้าจะไม่ยอมให้ร่องรอยของสารเลวนั่น หลงเหลืออยู่บนร่างของเจ้าเป็นอันขาด!"
เขาพูดด้วยเสียงอันเย็นเยียบ จนเหมยฟางต้องหันหน้ากลับมามองเขา
เหมยฟางเห็นเพลิงโทสะที่ลุกโชนอยู่ในตาของเขาได้อย่างชัดเจน ใบหน้าหล่อเหลาคมเข้มโน้มลงมาที่ซอกคอระหง ขบกัดลงบนผิวอ่อนบางเนียนนุ่มซ้ำลงไปในต่ำแหน่งเดิมที่เคยถูกเหยียนเกอล่วงล้ำ
เรียวปากหยักสวยดูดเม้มไปทั่วลำคอ ทิ้งร่องรอยที่เป็นของเขาเอาไว้แต่เพียงผู้เดียว จูบที่เปียกชื้นนำพาความเจ็บแปลบไปตามจุดที่เขาลากลิ้นผ่านไป
"อื้อ.."
เสียงครางหลุดออกมาสร้างความอับอายให้อย่างใหญ่หลวง เหมยฟางรีบปิดปากตัวเองเอาไว้
อวี้หลิงชะงักเล็กน้อย ค่อยๆยันตัวขึ้นมามองหน้านาง ดวงตากลมโตเต็มไปด้วยหยดน้ำที่คลอออกมา
เหมยฟางมองหน้าเขาอย่างขวยเขิน ใบหน้าเนียนแดงก่ำ ไม่กล้าพูดไม่กล้าขยับตัว
อวี้หลิงสะบัดมือวูบหนึ่ง เทียนในห้องดับลง ทั้งห้องตกอยู่ในความมืดมิด
เขาจับมือนางที่ปิดปากเอาไว้ออก ประสานมือกันกดแนบไว้ที่ข้างศีรษะนาง
เหมยฟางกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง
ริมฝีปากหยักสวยก็จู่โจมลงมายังริมฝีปากอวบอิ่มของนางเสียแล้ว
ดวงตาสีเทาเบิกกว้างในความมืด รับรู้ได้ถึงเรียวลิ้นที่เลาะเล็มอยู่ตรงริมฝีปาก เขาค่อยๆเม้มดูดไปตามกลีบปากของนาง บนบ้าง ล่างบ้างอย่างอ่อนโยน ก่อนที่ลิ้นนุ่มจะแทรกเปิดริมฝีปากลุกล้ำเข้ามา กระหวัดรัดพันลิ้นเล็กก่อกวนไปทั่ว
หัวสมองน้อยๆขาวโพลนไปหมด นี่เป็นครั้งแรกของนางที่ได้สัมผัสใกล้ชิดกับบุรุษถึงเพียงนี้ ทว่าเป็นสัมผัสที่ลึกซึ้งเหลือเกิน ฝ่ามือที่ทาบประสานอยู่ จับกันแน่นจนชื้นเหงื่อ
เขาเริ่มบดเคล้าอย่างนุ่มนวล กวาดความหวานจากนาง ตักตวงซ้ำแล้วซ้ำเล่าให้สมกับที่อยากจะทำเช่นนี้มานานแล้ว ยิ่งเวลาผ่านไป ริมฝีปากเขาก็รุกล้ำหนักขึ้น ทั้งกัดทั้งดูด ท่ามกลางความมืดมิด มีแต่เสียงหายใจหอบหนักๆดังไม่เลิกรา
เหมยฟางไม่แม้แต่จะปฏิเสธ กลับรู้สึกยินยอม หากจูบแรกของนางเป็นเขาที่ได้ไปครอบครอง
เหมยฟางไม่ได้รังเกียจที่เขาทำเช่นนี้ ความรู้สึกบางอย่างลึกๆในใจ นางผูกพันธ์กับเขามานานมากแล้ว ฝันเห็นเขามาตั้งแต่จำความได้ ซึ่งก็จำไม่ได้แล้วว่าเมื่อไหร่ เพราะมันนานมากเหลือเกิน
เขาปล่อยริมฝีปากของนาง แล้วพรมจูบลงมาตามลำคออีกครั้ง ตอนนี้จังหวะการเต้นของหัวใจเหมยฟางรวนเรไปหมด เขาเลื่อนมือร้อนระอุ ล้วงเข้าไปในเสื้อ ผ่านเอี้ยมเข้าไปเกาะกุมเนินเนื้อเน้นๆ ที่เคยถูกเหยียนเกอสัมผัส
แต่ตอนที่เหยียนเกอสัมผัสนั้นเขาสัมผัสผ่านเอี้ยมตัวใน ไม่ได้ล่วงล้ำเข้าไปสัมผัสโดยตรงเหมือนอย่างอวี้หลิงในตอนนี้
อวี้หลิงกระซิบเสียงแหบพร่าอยู่ริมหูเบาๆ
"ฟางเอ๋อร์.. ฟางเอ๋อร์ของข้า.."
เสียงของเขาดั่งร่ายมนต์สะกด ให้นางมัวเมาเคลิ้บเคลิ้ม
อวี้หลิงขบกัดลงไปแรงๆอีกครั้งตรงจุดที่เหยียนเกอทิ้งร่องรอยเอาไว้ เหมือนเขาไม่ยินยอมให้นาง มีร่องรอยอื่นใดนอกเหนือจากของเขาเพียงผู้เดียว
"อื้อ!.."
ความเจ็บแปลบที่รู้สึกทำให้เหมยฟางหลุดเสียงครางออกมา นางยกแขนอันไร้เรี่ยวแรงขึ้นโอบรอบคอเขาอย่างไม่รู้ตัว อวี้หลิงละจากลำคอระหงเปลี่ยนไปขบกลีบปากอวบอิ่มของนางไว้อีกครั้ง ลิ้นนุ่มทะลวงเข้ามา ดูดกลืนอย่างหิวกระหาย
"อืมส์.."
เสียงครางต่ำอย่างสุขสมเล็ดลอดออกมาจากลำคอของเขา มือที่เกาะกุมหน้าอกของนางอยู่เริ่มบีบคลึงอย่างแผ่วเบา
เหมยฟางหายใจหอบหนัก ความปรารถนาของร่างกายถูกจุดขึ้นมา ดอกเหมยสีแดงสดที่กลางหน้าผากเปล่งแสงวาบท่ามกลางความมืด แล้วจางหายไปอย่างรวดเร็ว นางเริ่มที่จะขาดสติสัมปัชชัญญะมากขึ้นทุกที ไม่สามารถขบคิดอะไรได้อีกต่อไป หวังเพียงอยากจะได้รับสัมผัสจากคนตรงหน้าเพียงเท่านั้น
ปลายลิ้นของเขาหยอกเย้ากับลิ้นเล็กๆของนาง ให้สัมผัสที่วาบหวามและสุขสม
เหมยฟางเหลือเพียงเสียงครางที่ไร้เรี่ยวแรง
"อะ.. อื้อ!.. หลิง"
"ฟางเอ๋อร์.."
ปล. นิยายเราฉากจูบเยอะมาก ตอนเขียนก็ให้จินตนาการไปตามแต่ละสถานการณ์
ยินยอม ขืนใจ หรือเป็นฝ่ายรุงเอง อะไรแบบนี้ จูบเพราะรัก หรือจูบเพราะจำเป็น
เขียนเก่งอ่าา เป็นตัวอย่างได้ดีเลย ขอบคุณมากค่ะ //กราบบบบบบบ//
มโนเยอะๆ ค่ะ!
งานถนัดเลยค่ะ5555
บรรยายในลักษณะเปรียบเทียบกับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เช่นพวกปุยนุ่นก็ได้
ที่แน่ๆไม่ต้องบรรยายลึกแบบลิ้นชอนไชอะ แบบนั้นจากฟินมันจะอ้วกแทน 555555
อันนั้นน่ากลัวไปหน่อยนะ555
แนะนำให้อ่านเยอะๆ อ่ะ ไม่รู้ว่าเจ้าของกระทู้อายุเท่าไร ถ้าแนะนำนิยายโรมานซ์นี่จะเหมาะไหม 55
ตะก่อน เราเป็นคนที่มีปัญหากับการเขียนฉากเลิฟซีนมาก เขียนฉากจูบได้สองสามบรรทัดก็ตันแล้ว จนกระทั่งเพื่อนแนะนำให้อ่านนิยายโรมานซ์ เดี๋ยวนี้นี่คือแค่จูบอย่างเดียวนี่เขียนได้เป็นบทเลย
ตอนแรกก็ต่อต้านนะ รู้สึกว่าไม่เห็นมีอะไรเลย ไม่คิดจะทำไรอย่างอื่นกันมั่งเหรอ (555) แต่พออ่านไปเรื่อยๆ มันเหมือนเราสะสมคลังคำและเทคนิค รวมถึงความรู้สึกของตัวละครไว้ พอถึงจุดหนึ่ง เมื่อลงมือเขียนเอง มันก็ออกมาโดยอัตโนมัติ โดยที่เราไม่ได้ต้องไปฝืนหรือเค้นสมอง บังคับตัวเองเหมือนก่อนเลย
พูดมาซะยาว ที่จะบอกคือ การอ่านช่วยท่านได้จริงๆ อยากเขียนฉากแบบไหนได้ ก็ให้ไปอ่านนิยายที่มีฉากอย่างที่อยากเขียนอ่ะ อ่านเยอะๆ หลายๆ แบบ แล้วมันจะสะสม ถึงคราวเอาออกมาใช้เมื่อไร มันจะอัตโนมัติเลย--จริงๆ นะ
ปล. ที่พูดถึงนี่เราหมายถึงนิยายแปลฝรั่งนะฮะ ของไทยนี่ไม่แนะนำละกันเนอะ
18แล้วค่ะ แนะนำมาโลดด 5555
ส่วนตัวติดอ่านนิยายของฝรั่งอยู่แล้วค่ะ แต่ไม่ได้อ่านแบบแปลนะ อ่านตามเว็บเอา อารมณ์แบบเว็บลงนิยาของฝรั่ง เเพราะว่าไม่มีนักเขียนที่ชอบเป็นพิเศษ (ถ้ามีคงกวาดซื้อมาหมดทุกเล่มไม่ต้องกินข้าวกินปลากัน55) คงต้องหาแบบแปลมาอ่านซึมซับคำนู่นนี่นั่นไว้บ้าแล้วแหละ ขอบคุณมากนะคะ:)
ลองอ่านของราเชล กิ๊บสัน ก็ได้นะ อมรินทร์แปลอยู่สองสามเล่ม ตอนนี้เอามาลดราคาอยู่ (เราซื้อราคาเต็มเล่มหนึ่ง อีกสองซื้อตอนครึ่งราคา) ส่วนคนอื่นๆ ก็หาเอาตามชั้นนิยายแปลเลยฮะ ส่วนใหญ่ สนพ. ก็จะคัดกันมาดีอยู่แล้ว โดยส่วนตัวเราชอบของ ซูซาน เอลิซาเบธ ฟิลลิปส์
ปล. เพื่อนคนที่แนะนำให้อ่านแนวนี้ เขาชอบลินดา โฮเวิร์ด เราก็อ่านตามอยู่หลายเล่ม เลิฟซีนเขาจะดิบๆ หน่อย ยังไงก็ไปพิจารณาดูเนอะ ^^
ปล.2 ถ้าจะซึมซึบเรื่องวิธีการใช้ภาษา เราว่าอ่านแบบแปลดีกว่านะ จะได้คลังคำมาสะสมด้วย
ไม่เก่งแนวนี้เหมือนกัน 555555 ขอแอบส่องความคิดเห็นดีๆด้วยคน
ไม่ถนัดแนวหวานเหมือนกันค่ะ เวลาแต่งฉากเลิฟซีนแล้วมันเขินจนไม่กล้าแต่งอะค่ะ
แวะมาเก็บข้อมูลจ้าาาา
spoilers content here spoilers content here spoilers content here
หวังว่าจะพอช่วยได้บ้างนะคะ =)
มันแล้วแต่อารมณ์ของตัวละครตอนนั้น ๆ เลยค่ะ
ตัวอย่างนี้ เป็น "จูบแรก" เลยบรรยายทั้งอารมณ์และรายละเอียดต่าง ๆ ลงไปด้วย
(แต่ไม่รู้ของเราอ่านแล้วโอเคไหมนะคะ :p)
ส่วนด้านล่าง ความสัมพันธ์มันเป็น คนรัก ไปแล้ว เลยต้องเพิ่มอารมณ์ รายละเอียดการจูบมากขึ้นค่ะ
เราคิดว่าควรคิดถึงอารมณ์ตัวละครค่ะ หรือคิดให้ออกว่าอยากให้ฉากนั้นออกมาในอารมณ์ยังไง เขียนเสร็จ อ่านในใจ อ่านออกเสียง ถ้าไม่ติดอะไร ก็แสดงว่าคุณชอบค่ะ
ของผมกลับกันแฮะ ผมเน้นความรู้สึกของคนสองคนก่อนที่จะมาจูบกัน คือถ้ารู้ตัวว่าจะเขียนฉากจูบ ผมจะบิ้วตัวละครสองตัวนี้มาตั้งแต่ต้น ว่าพวกเขาต้องพบเจออะไร รู้สึกยังไง ต่างคนต่างเก็บอารมณ์อัดอั้นบางอย่างไว้ในใจ เมื่อถึงเวลา ทั้งคู่ก็ปลดปล่อยซึ่งกันและกัน
ถ้าให้ผมแนะนำ ฉากจูบน่ะ คุณจะเขียนยังไงก็ได้ แต่การบิ้วให้คนอ่านอินตามคุณมาเรื่อยๆ จนกระทั่งดำเนินมาถึงฉากจูบเนี่ยแหละยากที่สุด พยายามโฟกัสตรงนั้น เขียนปูทางมาให้ดี แล้วพอมาถึงฉากจูบ ทุกอย่างมันจะง่ายเอง
คงต้องสวมบทตัวละครดูค่ะ แบบตัวละครนิสัยแบบนี้จะแสดงอาการยังไง คิดว่าตอนเราเป็นคนๆนั้น อยู่ในสถานการณ์นั้นจะมีความรู้สึกอะไรมาบ้าง เช่น ลมหายใจอุ่นๆ สมองตื้อ หัวใจเต้นแรงแค่ไหน ความรู้สึกเป็นไงรุนแรงนุ่มนวล รสชาติที่ริมฝีปาก แล้วตอนจูบคิดอะไรอยู่จะช่วยให้เห็นภาพมากขึ้น อะไรประมาณนี้ค่ะ เราเป็นคนแต่งเราต้องรู้อยู่แล้วล่ะว่าตัวละครจะรู้สึกยังไงคิดยังไงจริงป่ะ บรรยายออกมาตามที่รู้สึกนั่นแหละค่ะ
ที่เม้นนี่ใช่ว่าจะเก่งอะไรนะ เม้นตามความรู้สึกล้วนๆ 5555 ถามว่าคนเม้นเคยจูบใครมั้ยก็ไม่เคยเหมือนกันค่าาา ใช้วิชามโนศาสตร์ล้วนๆ 5555
แวะมาเก็บข้อมูลเพิ่มเติมด้วยคน
ที่จริงก็เคยเขียนฉากจูบนะ แต่ไม่ได้แบบลึกซึ้งอะไรมาก
เพราะเขียนไปก็ใจเต้นไปสั่นไปเองจนเกือบเขียนไม่จบ
เขียนเสร็จก็ลงไปนอนดิ้นกับพื้น 555
แนะนำว่า อ่านเยอะๆ ค่ะ เก็บข้อมูลเยอะๆ
มโนเยอะๆ แล้วพอถึงเวลามันจะไหลออกมาเอง
แต่ต้องตั้งสติควบคุมมันเยอะอยู่นะ
ดูหนังค่ะ ถ้าไม่เคยจูบ ลองเปิดหนังดูที่มีฉากจูบ แล้วพยายามบรรยายจากในหนัง ว่าเขาสัมผัสหน้า จับแขน โอบเข้ามาหา หรือว่าแต่จุ๊บแบบไม่ทันตั้งตัวแบบหนังเกาหลี ไม่ต้องบรรยายมากค่ะ บางทีบรรยายเหตุการชี้น้ำให้ชัดๆ ก็ทำให้จูบสมจริงและไม่ดูอิโรติกเกินไปด้วยค่ะ
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?
บทความที่คนนิยมอ่านต่อ