Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

จากการ์ตูนเทพนิยายในตำนานสู่ 5 หนังดัง!

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่

สวัสดีค่ะ เพื่อนๆ ชาวเด็กดีทุกคน

เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ เพื่อนๆ แฟนๆ ชาวดิสนีย์ทุกคนคงจะไม่พลาด Trailer ของนิยายดัดแปลง

เรื่องดังในตำนานอย่าง Beauty and the beast Live action ที่ปล่อยมาแค่ 2 นาที ก็ทำให้เราขนลุกชูชันขึ้นมาทันที

งั้นในวันนี้ เราจะขอนำเสนอ นิยายดัดแปลง หรือ ในรูปแบบ Version Live action มาให้แนะนำให้เพื่อนๆ 

ได้ลองไป Sample ดูกันเพลินๆ วันช่วงนี้กันก่อนแล้วกันนะคะ 





งั้นเรามาเริ่มกันเลยนะคะ


 

1. Enchanted (2007) - Snow white / Sleeping beauty / Cinderella  

 





"หากพูดถึงเทพนิยายที่มีนางฟ้าตัวจิ๋ว เจ้าหญิงเสียงไพเราะ พูดคุยและสื่อสารกับสัตว์นานาชนิดได้ ใคร ก็ต้องคิดว่ามันควรจะอยู่ในโลกแห่งการ์ตูนจริงไหม? แต่ถ้ามันดันเกิดขึ้นในชีวิตจริงล่ะ"




(Source: http://cdn5.thr.com/sites/default/files/2015/05/snow_white_and_the_seven_dwarfs_still.jpg )



(Source: https://timedotcom.files.wordpress.com/2014/07/enchanted-amy-adams-patrick-dempsey.jpg?quality=75&strip=color&w=1000 )



Enchanted เป็นเรื่องราวของหญิงสาวผู้เลอโฉมมีผิวพรรณที่ขาวผุดผ่อง เสียงพูดและร้องอันไพเราะเสนาะหู ผู้ซึ่งปรารถนาจุมพิตจากรักแท้ เธอมีนามว่า 'จีเซล' (Amy Adams) อาศัยอยู่ในเมืองเวทมนต์แอนดัลเลเชีย เธอตกหลุมรักและกำลังจะแต่งงานกับเจ้าชาย 'เอ็ดเวิร์ด' (James Marsden) แต่ราชินีซึ่งเป็นแม่มดใจร้ายเกิดกลัวว่าเจ้าชายที่เป็นลูกเลี้ยงของเธอจะแต่งงานและครอบครองบัลลังก์เพียงคนเดียว เธอจึงกีดกันทุกวิถีทางที่จะไม่ให้เจ้าชายเอ็ดเวิร์ดและจีเซลได้แต่งงานกัน และในวันแต่งงานของจีเซลและเจ้าชายนั่นเอง แม่มดใจร้ายก็ปลอมตัวเป็นหญิงชราหลอกล่อจีเซลไปยังบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งเป็นบ่อน้ำแห่งห่วงมิติที่เชื่อมโยงระหว่างโลกแห่งเวทมนต์และโลกแห่งความเป็นจริง แม่มดใจร้ายได้ผลักจีเซลลงไปในนั้น 

และเรื่องราวอันน่าพิศวงก็ได้เริ่มต้นขึ้น




(Source: https://a.dilcdn.com/bl/wp-content/uploads/sites/25/2014/02/Enchanted_witch.jpg )



เราว่าเรื่องนี้เป็นเทพนิยายดัดแปลงเรื่องโปรดของเราอีกเรื่องหนึ่งเลยก็ว่าได้ เราว่ามันแปลกดีเพราะธรรมดาส่วนมากเราจะเห็นนิยายดัดแปลงที่มีเค้าโครงเรื่องเดิม แค่ปรับให้เข้ายุคสมัยเท่านั้น แต่สำหรับเรื่องนี้มีการนำเอานิทานสองเรื่องอย่างเจ้าหญิงนิทราที่เจ้าหญิงอาศัยในป่า ร้องเพลงและตามหาเจ้าชาย กับ สโนไวท์ มา mix and match ให้เข้ากันอย่างลงตัว เมื่อจีเซลได้เข้ามาอยู่ในโลกแห่งความจริงหรือโลกมนุษย์นั้นก็ได้เจอกับ 'โรเบิร์ต' (Patrick Dempsey) ทนายพ่อหม้ายหนุ่มผู้ให้คำปรึกษาเกี่ยวกับคดีหย่าร้าง ผู้ซึ่งไม่เชื่อเรื่องรักแท้แบบในเทพนิยาย เธอเห็นจีเซลเป็นหญิงสาวที่แปลกประหลาดแถมทำตัวราวกับออกมาจากเทพนิยาย (ก็เธอออกมาจากเทพนิยาย) เขาจึงรับเลี้ยงดูจีเซลเป็นการชั่วคราวเพื่อรอคนมารับเธอกลับบ้านของเธอ แต่ในขณะที่เขาได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกัน จีเซลเป็นเหมือนคนเปิดโลกทัศนคติในเรื่องความรักอีกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นความโรแมนติกที่เขาไม่เคยเจอมาก่อน ความเอาใจใส่ซึ่งกันและกัน การใส่ใจรายละเอียดเล็ก น้อย ในแบบที่เขาไม่เคยทำมาก่อน อีกทั้งจีเซลยังเข้าใจและเป็นที่โปรดปรานของลูกสาวเขาอีก แต่เรื่องราวทั้งหมดยังไม่ได้มีความวุ่นวายเท่านี้ ตัวละครในโลกแห่งเทพนิยายเข้ามาอยู่ในโลกความจริงและมนุษย์เราเข้าไปอยู่ในโลกแห่งนิยาย หนังเรื่องนี้ก่อเกิดจากความวุ่นวายแต่สุดท้ายทุกอย่างก็ก่อเกิดเป็นความรัก


 

2. Aquamarine (2006) – Little Mermaid 

 






(Source: http://www.thisweekatdisney.com/wp-content/uploads/21518-the-little-mermaid-2560x1600-cartoon-wallpaper.jpg )




(Source: https://image.tmdb.org/t/p/w1280/zwyesr2AHmQ6kvVe7DrbR9nrwYq.jpg )



รื่องราวของ 'แคลร์' (Emma Roberts) และ 'เฮลลี่' (Joanna Levesque) สองสาวเพื่อนรักคนสนิทในช่วงปิดเทอมหน้าร้อน เฮลลี่ต้องย้ายครอบครัวไปอีกเมืองหนึ่งซึ่งมันเป็นแย่มาก ทั้งคู่จึงหวังแค่เพียงจะมีเรื่องราวอะไรสักอย่างที่ทำให้เธอไม่ต้องแยกจากกัน และแล้วในคืนหนึ่งซึ่งเป็นคืนที่มีพายุพัดคลื่นลูกใหญ่เข้าฝั่ง แคลร์และเฮลลี่ก็พบกับ 'อความารีน' (Sara Paxton) เงือกสาวที่มาจากใต้ท้องทะเล อความารีนได้ขอความช่วยเหลือจากแคลร์และเฮลลี่ให้ช่วยเธอตามหาชายในฝันของเธอภายในสามวัน เพื่อแลกกับความปรารถนาอะไรก็ได้ให้เป็นจริง และจากนั้นพรวิเศษของเหล่าเด็กสาวทั้งสามคนก็เริ่มต้นขึ้น




(Source: https://i.ytimg.com/vi/NG_o02WLplY/maxresdefault.jpg )



อความารีนเป็นเหมือนเจ้าหญิงเงือกที่ต้องการหารักแท้เพื่อขัดขวางความคิดพ่อที่จะจับเธอแต่งงาน ก็แอบคล้าย The Little Mermaid หน่อยนึงนะ แต่ครั้งนี้เจ้าหญิงเงือกของเราไม่จำเป็นต้องแลกเสียงกับขา แต่เรื่องนี้เจ้าหญิงเงือกของเรามีขาเป็นของตัวเอง แต่จะสามารถใช้ขาได้ตอนกลางวันและห้ามให้ขาเปียกไม่เช่นนั้นหางเธอจะโผล่ ดังนั้นแคลร์และเฮลลี่จึงต้องช่วยทำให้ความปรารถนาของอความารีนเป็นจริง เพื่อแลกกับพรตามปรารถนา ดังนั้นสองสาวจึงทำทุกวิถีทางเพื่อให้ 'เรย์มอนด์' (Jake McDorman) ชายหนุ่มเซฟการ์ดสุดหล่อมาตกหลุมรักเงือกสาวแสนสวย ไม่ว่าจะเป็นการจับเธอแต่งตัวสวย ทำเหตุการณ์แสร้งทำให้เกิดเหตุให้ได้เจอกันโดยบังเอิญ จากสถานการณ์จำลองก่อเกิดเป็นมิตรภาพและก่อเกิดเป็นความผูกพัน ไม่ใช่แค่ในทางความรักที่อควาต้องการ แต่มันเป็นการเปิดโลกของสองโลกและรวมเด็กสาวทั้งสามให้ได้รู้จักคำว่ามิตรแท้เป็นยังไง

เราว่าหนังเรื่องนี้ทำออกมาได้ดีเลยนะ คือเหมือนวางพล็อตเรื่องทั้งหมดให้คล้ายคลึงกับการ์ตูนเรื่อง The Little Mermaid เลยทีเดียว แต่อาจจะไม่มีแม่มด แต่ในเรื่องนี้มีนางร้ายที่คล้ายแม่มดอยู่ตรงที่แอบรู้ความลับเรื่องขาของอควาและพยายามทำทุกอย่างเพื่อขัดขวางเธอกับเรย์มอนด์ ในขณะที่นั่งดูก็มีเสียงหัวเราะและรอยยิ้มอยู่ตลอดเวลานะ อาจจะเพราะด้วยความน่ารักของอควาด้วยมั้งเลยทำให้เรารู้สึกว่าเธอเหมาะกับบทนี้แล้วจริงๆ




ต่ออีก 3 เรื่องที่เหลือได้ตรง Comment ด้านล่างเลยค่ะ 

แสดงความคิดเห็น

>

5 ความคิดเห็น

Chutamas T 28 พ.ค. 59 เวลา 22:48 น. 1
3. Beastly (2011) – Beauty and the beastly








"คนเราทุกคนล้วนมีความงามในแบบของตัวเอง หากไม่งามที่ภายนอกก็งามที่ภายใน และ ความงามจากภายในคือความงามที่หาใดเปรียบไม่ได้"



(Source: http://i2.wp.com/pmcvariety.files.wordpress.com/2014/06/beauty-and-the-beast-bill-condon.jpg?crop=0px%2C38px%2C3000px%2C1670px&resize=670%2C377&ssl=1 )




(Source: http://www.aceshowbiz.com/images/still/beastly22.jpg )


'ไคล์' (Alex Pettyfer) ลูกชายของผู้ประกาศข่าวชื่อดังที่เพอร์เฟ็คไปเสียทุกอย่างทั้งรูปร่าง หน้าตาและฐานะ แต่นิสัยกลับตรงกันข้าม ไคล์ชอบดูถูกคนอื่นไม่ว่าจะด้วยหน้าตาหรือฐานะ เขามักใช้คำดูหมิ่นพูดจาเสียดสี เห็นแก่ตัวและไม่มีน้ำใจ จนกระทั่งวันหนึ่งไคล์ก็ดันไปดูถูกและดูหมิ่น 'เคนดร้า' (Mary-Kate Olsen) เด็กสาวลึกลับที่ใครจะไปรู้ว่าเป็นแม่มด ด้วยเหตุนี้ทำให้เคนดร้าร่ายคาถาสาปไคล์ให้มีใบหน้าอัปลักษณ์หัวล้าน ตามตัวและใบหน้าเต็มไปด้วยรอยสักและรอยแผลเป็น เพื่อดัดนิสัยเขาให้รู้ถึงการดูถูกและไม่มีน้ำใจกับคนอื่น สิ่งที่จะถอนคำสาปนี้ได้มีเพียงอย่างเดียวคือภายในฤดูใบไม้ผลิ ไคล์จะต้องหาคนที่รักเขาในสิ่งที่เขาเป็นให้เจอ มิเช่นนั้นเขาจะต้องกลายเป็นอสูรร้ายหน้าตาอัปลักษณ์ไปตลอดชีวิต


(Source: http://img.aceshowbiz.com/images/still/beastly21.jpg )

พออ่านเรื่องย่อจบปุ๊บก็รู้เลยใช่ไหมว่าเรื่องนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากการ์ตูนเรื่องโฉมงามกับเจ้าชายอสูร ทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นพล็อตหรือวิธีการดำเนินเรื่องแทบจะเหมือนกันหมดทุกอย่าง แต่สิ่งที่ดีงามคือพระเอก เอ้ย! การนำมาประยุกต์ให้เข้ากับยุคสมัย เพื่อไม่ให้มันดูเหนือจินตนาการมากเกินไป อย่างเช่นเปลี่ยนอสูรที่มีรูปร่างคล้ายสัตว์ประหลาดเป็นคนที่มีรูปร่างอัปลักษณ์แทน
เปลี่ยนเบลล์แม่สาวนักอ่าน ให้เป็น 'ลินดี้' (Vanessa Hudgens) เด็กนักเรียนทุนที่มีปัญหาทางบ้าน เธอเป็นเหมือนคนที่เข้ามาทำให้ดอกไม้แห่งฤดูใบไม้ผลิของไคล์เบ่งบานอีกครั้ง เธอมีเหตุทำให้ต้องเข้ามาอยู่บ้านเดียวกับไคล์ เขาทั้งสองเริ่มทำความรู้จักซึ่งกันและกัน และขณะหนึ่งไคล์นั้นแอบชอบลินดี้โดยที่ตัวเองไม่รู้ตัว เขาจึงพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้เธอรักเขา ไม่ว่าจะเป็นการเขียนจดหมายรัก การปลูกดอกกุหลาบที่นางเอกอยากจะปลูก เพราะเหตุนี้ ไคล์จึงเริ่มรู้จักคำว่ารัก และเรียนรู้การใช้ชีวิตใหม่  ที่ไม่ใช่แบบเดิมที่เขาคิด





4. Cinderella Story (2004)  – Cinderella 


คงไม่มีใครไม่รู้จักนิทานในตำนานอย่างเรื่อง Cinderella หญิงสาวแสนสวยที่กำพร้าแม่ตอนเด็ก พ่อแต่งงานใหม่กับแม่เลี้ยงมีลูกสาวติดมาด้วย 2 คน ก็ดันใจร้ายกดขี่ข่มเหง อยู่มาวันหนึ่งถูกเชิญไปงานเต้นรำ มีนางฟ้ามาช่วย สุดท้ายได้ครองรักกับเจ้าชายอย่างมีความสุข จบ! Happy Ending นั้นแหละหนังเรื่องนี้ก็ไม่ต่างกัน แต่ความแปลกใหม่อยู่ตรงที่มันเป็น Cinderella สมัยใหม่ (ฉบับแอบรักออนไลน์) “



(Source: http://img.lum.dolimg.com/v1/images/open-uri20160107-21163-h0voqc_991423aa.jpeg )





(Source: http://media2.popsugar-assets.com/files/2011/10/43/1/192/1922283/7a425c68065a116a_Hilary_Duff_og_Chad_134197a/i/Cinderella-Story-Sam-Austin.jpg )



'แซม' (Hillary Duff) เด็กสาวธรรมดาคนหนึ่ง ทำงานเป็นพนักงานเสิร์ฟอยู่ในร้านอาหารของพ่อตนเอง แอบรัก หนุ่มแชทนิรนามทางอีเมลล์ เรียนในโรงเรียนเดียวกันและอยากเข้ามหาวิทยาลัยที่เดียวกัน ชื่อว่า 'ออสติน' (Chad- Michael Murray) แต่ในความเป็นความจริงนั้น ออสตินเป็นหนุ่มฮอตอันดับหนึ่งของโรงเรียน ทั้งบ้านรวย เรียนเก่ง แถมยังเป็นกัปตันทีมฟุตบอลของโรงเรียนอีกด้วย 



(Source: https://i.ytimg.com/vi/QtFU7UqYiO4/maxresdefault.jpg )



เราคิดว่าทุกคนเคยผ่านประสบการณ์การแชทคุยกับคนแปลกหน้าทางออนไลน์มาบ้าง และบางคนเผลอไปรักฝั่งตรงข้ามซะด้วย (เชื่อว่าในปัจจุบันก็มี) เรื่องนี้ก็เช่นกัน นางเอกกับพระเอก คุยกันผ่านทางอีเมลล์ แลกเปลี่ยนความคิดเห็น บอกเล่าเรื่องราวของตนในแต่ละวัน ต่างคนต่างหยอดถ้อยคำหวาน (หวานไปอีก) พร้อมกับการเดินเรื่องให้เหมือนกับในนิทานแบบไม่มีผิดเพี้ยน ทำให้เราตั้งข้อสงสัยและจินตนาการตามว่า เอ่า! ถ้าฉากนางฟ้าเสกเสื้อผ้า รถม้า นี่หนังมันจะทำยังไง ? หรือ เฮ้ย! ฉากรองเท้าแก้วหล่นนี่ มันจะใช้รองเท้าแก้วเหมือนในนิทานรึเปล่า ? เลยทำให้เรายิ้มตามไปกับหนังได้เรื่อย




5. Maleficent (2014) – Sleeping Beauty **มีสปอยล์




กาลครั้งหนึ่งในดินแดนห่างไกล ราชาและราชินีทรงให้กำเนิดเทพธิดาตัวน้อยนามว่า 'ออโรร่า' (Elle Fanning) เธอมีผมสีทอง ผิวขาวดั่งหิมะ และเสียงร้องไพเพราะดั่งดนตรีขับขาน ในวันที่เธอเกิดนั้น พระราชาได้เชิญนางฟ้ามา 3 ตน แต่ไม่ได้เชิญนางฟ้าอีกตนหนึ่งมาก็คือ 'มาเลฟิเซนท์' (Angelina Jolie) “ 



(Source: http://topcartooncharacters.com/wp-content/uploads/2016/04/Sleeping-Beauty-18.jpg )




(Source: http://i.kinja-img.com/gawker-media/image/upload/pydk160xxrqj6kncuslq.jpg )



Maleficent พูดถึงเรื่องราวและความเป็นจริงของตำนานเจ้าหญิงนิทรา ใครจะไปรู้ว่าความจริงของเทพนิยายเรื่องนี้จะเป็นแบบนี้ ในเทพนิยายเรื่องเจ้าหญิงนิทราที่เรารู้จักกันนั้นคือ เจ้าหญิงองค์น้อยถูกต้องคำสาปจากนางฟ้าชั่วร้ายว่าเมื่อเจ้าหญิงอายุ 16 ปีเมื่อใด เจ้าหญิงจะถูกเข็มปั่นด้ายทิ่มนิ้วจนตาย แต่มีนางฟ้าแสนดีองค์หนึ่งให้พรวิเศษอีก 1 ข้อมาแก้คำสาปให้ แต่ไม่สามารถถอนคำสาปของมาเลฟิเซนท์ได้ เธอจึงแก้คำสาปว่าเจ้าหญิงจะไม่ตายเพียงแต่หลับไปเท่านั้น สิ่งเดียวที่จะช่วยให้ฟื้นขึ้นมาได้มีเพียงแค่จุมพิตจากรักแท้เท่านั้น แต่ใครเล่ามันจะไปรู้ว่าเบื้องหลังและความจริงของเรื่องนี้มันเป็นอย่างไร 



(source: https://jaelwriting.files.wordpress.com/2014/06/2f1b6643f4ea7f21c7c2ef3db2b99252e331f114.jpg )



เดิมทีแล้วมาเลฟิเซนท์เป็นนางฟ้าที่แข็งแกร่งและสวยงามที่สุดในป่าแห่งเวทมนต์ เธอเป็นนางฟ้าที่สวยและจิตใจดีที่คอยรักษาและปกป้องทุกสิ่งที่อยู่ในป่าแห่งเวทมนต์ แต่แล้ววันหนึ่งชายหนุ่มที่หวังว่าตนเองจะเป็นราชาก็มาทำลายความหวังดีและความรักทั้งหมดของเธอโดนการตัดปีกที่เธอรักและเป็นเหมือนชีวิตของเธอไป ทำให้เธอไม่สามารถบินได้ตลอดกาล ความแค้นนี้ฝังลึกในจิตใจ จนวันหนึ่งเจ้าหญิงน้อยถือกำเนิดขึ้น คำสาปทั้งหมดจึงไปอยู่ที่เจ้าหญิง แต่ด้วยเดิมทีมาเลฟิเซนท์เป็นนางฟ้าที่จิตใจดีและโอบอ้อมอารี บ่อยครั้งที่เธอใจอ่อนและแอบคอบช่วยเหลือเจ้าหญิงน้อยออโรร่าอยู่แทบทุกครั้ง จากความขี้สงสารและความอารีนี้ทำให้ก่อเกิดเป็นความรักขึ้น

แต่แล้ววันหนึ่ง วันที่มาเลฟิเซนท์เปลี่ยนใจอยากจะถอนคำสาปมันก็สายเกินไปเสียแล้ว ด้วยอำนาจหรือมนตราใด ก็ไม่อาจลบล้างได้ มีเพียงจุมพิตจากรักแท้เท่านั้นที่จะถอนคำสาปนี้ได้ ด้วยเหตุนี้มาเลฟิเซนท์จึงทำทุกวิถีทางที่จะช่วยชีวิตของเจ้าหญิงออโรร่าให้ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง 

บอกได้คำเดียวว่าหนังเรื่องนี้ เป็น The Best ของเราในหมวดนิยายดัดแปลงเลยก็ว่าได้ เป็นหนังที่รวมทุกรสชาติไว้ในที่เดียวกันเลย โดยเฉพาะยิ่งคุณแม่โจลี่เล่นด้วยแล้วไม่มีพลาดเด็ดขาด สิ่งที่ดีงามของเรื่องนี้คือความยิ่งใหญ่อลังการไม่ว่าจะเป็นนักแสดง, การกำกับ, การแสดง, ฉาก ทุกอย่างลงตัวเป็นอย่างดี และที่สำคัญหลังจากที่เราดูหนังเรื่องนี้จบ เราบอกได้เลยว่าเราร้องไห้ ไม่ใช่เพราะซึ้งแบบฉากรักเจ้าชายกับเจ้าหญิง แต่มันเป็นฉากรักระหว่างแม่กับลูก ถึงแม้ว่ามาเลฟิเซนท์จะไม่ใช่แม่ผู้ให้กำเนิด แต่อย่างน้อยเธอก็อยากเห็นเจ้าหญิงน้อยเติบโตมาอย่างปลอยภัยและมีความสุข เพราะสุดท้าย จุมพิตจากรักแท้นั้นไม่ใช่จุมพิตจากความรักแบบหญิงและชาย แต่รักแท้ที่ไม่มีสิ่งใดเทียบได้คือ รักแท้จากผู้เป็นแม่

(Source: http://www.majorcineplex.com/uploads/content/7787/cover_7787.jpg )



และสุดท้ายนี้ มีข่าวอัพเดตเกี่ยวกับหนังเทพนิยายดัดแปลงเล็กน้อย ขอกล่าว 2 เรื่องด้วยกัน

เรื่องแรก ใคร รู้กันอยู่แล้วนั่นก็คือ Beauty and The beast live-action นำแสดงโดย เอ็มม่า วัตสัน จะมีกำหนดเข้าฉายที่ต่างประเทศในปีหน้า ไม่รู้ว่าที่ไทยนั้นจะเข้าก่อนรึเปล่า และอีกเรื่องที่สร้างตำนานคำพูดยอดฮิตติดหูอย่าง Well , well แน่นอนต้องเป็นเรื่อง Maleficent ที่มีข่าววงในมาว่า เนื่องจากตอนจบของภาคแรกบางคนยังเหมือนติดค้างอะไรอยู่สักอย่าง ดังนั้นอาจจะมีการทำ Maleficent  ภาค 2 ขึ้น และที่สำคัญยังใช้นักแสดงคนเดิมเหมือนกับเซ็ตแรก ไม่ต้องห่วงกันเลย ใครที่เป็นแฟนคุณแม่ โจลี่ เหมือนเราแล้วละก็เตรียมตั้งตารอได้เลย  






ขอบคุณที่ติดตามกันค่ะ


0

ความคิดเห็นนี้ถูกลบ

ถูกลบโดยเจ้าของความเห็น

ซีซอร์ เดอะ กรีน [COS] 4 มิ.ย. 59 เวลา 16:58 น. 5

ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าตัวเองดูหมดแล้ว 55555555555555555555

1. เฟี้ยวฟ้าวดีค่ะ ชอบการปรับเปลี่ยนพล็อตของเขา ดูน่ารักดี
2. เบาๆ สบายๆ โดยส่วนตัวแล้วก็ค่อนข้างเฉยๆ
3. ค่อนข้างชอบเลยนะ ชอบการตีความให้มาอยู่ในโลกปัจจุบัน 
4. โอ๊ย เรื่องนี้น่ารักสุดติ่งกระดิ่งแมว มีความฟิน มีความพระเอกหล่อ #เดี๋ยว
5. หักมุมได้ดี มีแนวคิด 5555555

0