"แฟนตาซี" อิงประวัติศาสตร์ได้หรือไม่??
ตั้งกระทู้ใหม่
วันนี้งขอเชิญทุกท่านมาร่วมถกเกี่ยวกับเรื่องบนหัวข้อบอร์ดนี้ นั่นคือ
นิยายแฟนตาซี อิงประว้ติศาสตร์ได้หรือไม่??
อันเป็นผลมาจากการพูดคุยกับเพื่อนของผมในตอนบ่ายๆ เรื่องนิยายในเด็กดี ซึ่งเขาเป็นผู้รอบรู้ยิ่งกว่าผมเสียอีก ผมถามเขาไปว่า นิยายแฟนตาซีในปัจจุบันอยากเห็นอะไรบ้าง
เขาก็บอกว่า อยากเห็นแนวใหม่ๆ เช่น ตัวละครชายตายไปเกิดเป็นตัวละครหญิงในนิยายแนวแฟนตาซีหรือแนวออนไลน์ ไอผมก็เลยถามไปว่า
"แล้วนิยายแฟนตาซีอิงประวัติศาสตร์ล่ะ น่าสนใจหรือเปล่า"
ผลที่ได้รับคือรอยยิ้มของเจ้าเพื่อนของผม ในใจเขาคงอยากจะบอกว่าแต่งได้จริงหรือ ต้องบิดเบียนความจริงหรือข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์หรือเปล่า
ผมอาจจะแย่เนื่องจากเป็นคนแต่งนิยายแนวที่ได้ลงแดงไว้เองครับ มันอาจจะดูช้าที่ต้องมาถามในบอร์ดทั้งที่ผมแต่งไปได้สามสิบกว่าตอนแล้ว (ผมนี่แย่จริงๆ)
ร่วมถก ณ บอร์ดนี้ (ขอถกอยู่ในขอบเขตของบอร์ดด้วยนะครับผม)
14 ความคิดเห็น
ได้ครับ
ประวัติศาสตร์คือสิ่งที่อดีตพยายามบอกเล่าให้กับเรา
ประวัติศาสตร์อาจจะไม่ใช่ความจริงทั้งหมด
การเขียนนิยายบิดเบือนประวัติศาสตร์มีถมเถไปครับ
เรื่องที่ดังสุดๆก็ สามก๊ก ครับ เป็นนิยายอิงประวัติศาสตร์
เหตุการหลายๆอย่างไม่ตรงกับประวัติศาสตร์
แต่คนก็ชอบกันมาก
อิงประวัติศาสตร์ ก็แค่แทรกเหตุการเพิ่ม
ในช่องว่างทางประวัติศาสตร์
เหตุการณ์ที่แทรกเพิ่ม
มันก็เป็นไปได้หลายแนวอยู่แล้ว
เช่นบอกว่า
จิ๋นซี ใช้พลังเผ่ายักษ์ สร้างกำแพงเมืองจีน
แล้วหักหลังฆ่าทิ้งเพราะกลัวพลังเหนือมนุษย์ บลาๆๆ
ปลฺ แต่บทสรุป กับ ข้อเท็จจริง
ที่มีในประวิติศาสตร์ ก็ต้องไม่เปลี่ยนแปลง
ได้แน่นอนอยู่แล้วค่ะ
การเขียนนิยายไม่มีรูปแบบที่ตายตัว
ไม่มีใครมาระบุว่าแนวแฟนตาซีต้องเป็นแบบนี้นะ ถ้ามีอันนี้จะไม่ใช่แฟนตาซี...ไม่มีใครกำหนดกฎเกณฑ์ค่ะ อยากใส่อะไรใส่โลดมันคือพื้นที่ของเราาาา //หัวเราะ
ขึ้นชื่อว่าแฟนตาซี จะบิดเบือน หรืออิงแบบสมจริง ได้ทั้งนั้นครับ
แต่ทั้งนี้ ต้องระมัดระวังเรื่องประวัติศาสตร์ที่มีความอ่อนไหวด้วย เช่นประวัติศาสตร์ของไทยเป็นต้น ขืนไปบิดเบือน หรืออิง แล้วอิงไม่ดี มีหวังโดนต่อว่าหูชาแน่ๆ ครับ
ส่วนเรื่องบิดเบือนจะผลิกฝ่ายโกงเป็นฝ่ายดี จะให้ศัตรูในประวัติศาสตร์มานั่งจิบชาพูดคุยกันเหมือนเพื่อน หรือเปลี่ยนผู้นำโหดๆ ให้กลายเป็นสาวน้อยโลลิก็ได้ (น้ำลายไหล)
// แต่ถ้าอิงมากๆ จนแทบไม่มีอะไรเปลี่ยนเลย มันจะไม่ดูแฟนตาซีนะสิ มันเหมือน นิยายอิงประวัติศาสตร์เฉยๆ ซึ่งส่วนตัว ไม่สนใจนิยายแนวเท่าไหร่
ได้สิครับ แค่ศึกษาประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจแล้วตั้งคำถามว่า สิ่งเหล่านี้ทำอะไรให้แฟนตาซีได้บ้าง
นิยายที่คนไทยรู้จักก็ประธานาธิบดี ลินคอล์น นักล่าแวมไพร์ (ได้ทำเป็นหนังแล้ว) ที่ถูกจัดเป็นแฟนตาซีอิงประวัติศาสตร์ (ในสายตาพวกฝรั่ง) และก็ assassin's creed ฉบับนิยายดัดแปลงวีดีโอเกมชื่อดัง ที่เหลือไม่ขอพูดถึง เดี่ยวงง
ต้องได้สิคะ! //ทำหน้าจริงจังมาก >< ไม่งั้นก็คงไม่ร้จะเรียกนิยายของตัวข้าน้อยเองว่าอะไรเหมือนกันแล้ว TT(เขียนมา 5 ภาคจะให้เปลี่ยนแนวเรียกก็กระไร 555)
ก่อนอื่นต้องถามก่อนว่าอะไรคือ"ข้อเท็จจริง" ในประวัติศาสตร์? ที่เรารู้ๆ อ่านๆ กันอยู่นี่ ใช่แน่หรือ? หรือเป็นแค่ด้านหนึ่งของความจริงที่ถูกตีแผ่ ในวงการด้านนี้ยังเคยได้ยินคำว่า ผู้ชนะคือผู้เขียนประวัติศาสตร์ ดังนั้นประวัติศาสตร์ก็ถูกเขียนขึ้นด้วยน้ำมือมนุษย์เราซึ่งส่วนมากมักเป็นสิ่งมีชีวิตที่อะไรมองกันแค่ด้านเดียว เกลียดก็ใส่อคติส่วนตัวลงไป รักก็ยกย่องสรรเสริญเยินยอ ยังไม่นับจุดประสงค์เรื่องการเมืองการปกครอง วัฒธรรมขณะนั้นๆ ที่อาจจะทำให้ความจริงถูกบิดเบือน และต่อให้มีหลักฐานเป็นพยานวัตถุแต่ของอย่างนี้เอาเข้าจริงหากต้องการบิดเบือนย่อมสร้างได้ ที่เรารู้กันอาจเป็นแค่เปลือกที่คนในอดีตได้สร้างไว้เพื่อปกปิดอะไรที่อยู่ลึกกว่านั้นก็ได้ (อันนี้แหละที่ทำให้ประวัติศาสตร์ดูลึกลับน่าค้นหาและนำมาต่อยอดได้)
ส่วนตัวคิดว่าประวัติศาสตร์มีช่องว่างอยู่มากมายให้นำมาใช้เป็นวัตถุดิบชั้นเลิศเลยล่ะค่ะ การแทรกตัวละครเข้าไปในช่องว่างเหล่านั้นให้กลมกลืนว่ายากแล้ว แต่การจะใส่ความเป็นแฟนตาซีผสมลงไปให้ได้ถึงรสชาติกลมกล่อมมันเป็นอะไรที่ยากและท้าทายมากยิ่งกว่า ส่วนใหญ่ข้าน้อยอาจจะยังไม่ค่อยเห็นแนวนี้มาก เท่าที่สัมผัสก็จะเป็นอิงประวัติศาสตร์เฉยๆ ซึ่งหลายเรื่องก็เทพซะจนเล่นเอาอึ้ง ทึ่งว่าคนแต่งทำได้ไงเลยล่ะค่ะ (อยากทำได้บ้างT^T)
จริงๆ ชอบอ่านประวัติศาสตร์นะคะ อยากลองเขียนให้ครบทุกภูมิภาคในโลกนี้ดูบ้าง (ขอฝันไว้ก่อน) แต่ทว่า มีประวัติศาสตร์ของประเทศเรานี่แหละค่ะที่ต้องคิดหนัก 55 (หัวเราะแห้งๆ) เอาเป็นว่าสู้ต่อไปค่ะ
ทำได้ค่ะ และไม่ใช่แค่แนวแฟนตาซีนะคะ แนวลึกลับ สืบสวน รัก ก็ทำได้หมด ดูอย่างนิยายดังๆ ก็เช่น The Da Vinci Code หรือนิยายแนว conspiracy ที่หาว่าเอลิซาเบธที่หนึ่งเป็นผู้ชายบ้างล่ะ หรือพวกซีรี่ย์ Tudor พวกนี้ ยังไงก็ไม่เป๊ะทุกระเบียดนิ้วหรอกค่ะ
แต่ต้องรู้จริงนะคะ
แล้วก็อย่าเล่นประวัติศาสตร์ไทยค่ะ55
จริง อย่าเล่นประวัติศาสตร์ไทย
จริง ๆ คิดว่า ถ้ามีประวัติศาสตร์จริง ๆ ร่วมด้วยทำให้เรื่องมันดูมีน้ำหนักมากขึ้นนะ ^_^
เพราะมันมีเหตุการณ์จริงไม่ใช่มโนเอาเองอย่างเดียว
ได้ค่ะ คืออาศัยช่องว่างของประสัติศาสตร์เอา (เพราะมันก็ไม่ได้บันทึกทุกอย่าง) แต่ก็ต้องแต่งแบบตั้งอยู่บนพื้นฐานความเป็นจริงอย่าบิดเบือนมาก เพราะเดี๋ยวจะโดนด่าได้
ผมกลับรู้สึกว่า นิยายแฟนตาซีทุกเรื่องอิงจากประวัติศาตร์หมด ไม่เว้นแม้แต่ ที่สร้างโลกใหม่ขึ้นมา ก็ยังมีบางเรื่องที่เอาประวัติศาสตร์ไปอิงด้วยฮะ แต่ เป็นประวัติศาสตร์อีกด้านหนึ่งซึ่งเราไม่เคยรู้ เขาเลยแต่งเพิ่มเขาไปได้ ประมาณนี้มั้ง (( ประวัติที่ว่านี่พวก ตำนาน สงคราม ไรงี่้นะ ที่ผมหมายถึง 5555 มันนับได้มั้ยหว่า ))
ได้ค่ะ แต่ต้องเป็นในแบบตัวเรานะคะ คืออิงแค่พองาม ไม่ล้ำขอบเขตมากเกินไป และต้องเขียนให้เชื่อมโยงสมเหตสมผล เพราะคนอ่านจะได้รู้สึกตาม แต่อย่าลึกจนเจอะทลุทุกประเด็นนะคะ ไม่งั้นจะกลายเป็นว่าเราเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์ไปส่วนหนึ่ง จนทำให้คนอ่านคิดว่าคนเขียนจะบิดเบือนประวัติศาสตร์ไป
ปล.ไม่รู้ว่าจะคอมเม้นนี้ช่วยได้แค่ไหน เลยบอกในส่วนของคนชอบอ่านคนหนึ่งแล้วกันคะ
ไม่มีตัวบทกฏเกณฑ์ที่จะไม่ให้เอามามิคแอนด์แมทย์กันแค่ทำให้มันสมูท อ่านแล้วรู้สึกกลมกล่อมเหมือนจิบกาแฟร้อนยามเช้าในวันที่อากาศดีๆ แล้วก็อย่าให้เลอะเทอะเกินความจำเป็น...มันจะไม่สนุก
นึกถึง "กินทามะ" เลยค่ะ
แฟนตาซี=โลกแห่งความเพ้อฝัน
อิงประวัติศาสตร์=อิงข้อเท็จจริง
เพียงคำจำกัดความก็แสดงออกแล้วครับว่าไม่ได้ เพราะโลกแห่งความเพ้อฝันย่อมมีจินตนาการอิสระมากเกินกว่าจะเข้าไปอยู่ในเนื้อเรื่องอิงข้อเท็จจริง ยอดมนุษย์หายใจเข้าออกใต้น้ำ20,000โยชน์ได้ในแฟนตาซี แต่ถ้าอิงข้อเท็จจริงคงจะแบนยิ่งกว่ากล้วยปิ้งไปแล้วครับ
ขอบคุณที่รับฟังครับ
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?