ภาษาสวยมีผลต่อนิยายมากไหม?
ตั้งกระทู้ใหม่
แต่ก็ชอบนะ นิยายที่ภาษาสวยๆรู้สึกมันน่าอ่านดี ยิ่งเล่าสนุกด้วยยิ่งชอบ
พอดีกำลังจะแต่งเรื่องใหม่เรื่องเก่าดองไว้ก่อนเลยอยากจะถามอ่าค่ะ แล้วต้องเรียนรู้ตรงจุดไหนถึงจะได้ภาษาที่น่าอ่าน
มีใครมีเทคนิคดีๆบ้างคะ?
30 ความคิดเห็น
ในฐานะคนอ่านที่เน้นการบรรยายสวยๆ ลื่นๆ สำหรับเรามีผลค่ะ 5555
และส่วนตัวที่เจอมา ถ้าไม่ใช่แนวคนเขียนพยายามให้สวยหรูเวอร์วังมากจนงง (ซึ่งมักจะเป็นมือใหม่ที่กะความหรูหราของภาษาไม่ถูก) คนบรรยายสวย ลื่นๆ นี่ไม่ค่อยบรรยายงงหรอก เพราะคนบรรยายลื่นๆกันนี่เก่งกันละ พอจะรู้วิธีกันว่าจะทำยังไงให้คนอ่านเข้าใจ
ส่วนถามว่าจะรู้ได้ยังไงว่าสวย หรือจะทำยังไงให้ภาษาตัวเองสวย ต้องอ่านเยอะๆและฝึกเขียนเยอะๆค่ะ จะทำให้พอจับได้ว่าอันนี้สวยดีแล้ว ควรอ่านนิยายตีพิมพ์เป็นเล่มแล้วก็จะคัดกรองคุณภาพได้มากกว่าบนเว็บด้วยค่ะ ^^
เราชอบอ่านของทมยันตีมากเลยค่ะ ภาษาของท่านสวยจริงๆ
นี่พยายามจะอ่านเยอะๆเก็บรายละเอียดทีละเล็กละน้อยไปเรื่อยๆ อิอิ
อ้าว นี่ติ่งป้าทมเหมือนกันข่า 55555555555555555555
ส่วนใหญ่เราตามนามปากกาลักษณวดีค่ะ ชอบสไตล์เจ้าหญิงเจ้าชาย การเมือง ภาษาสวยมากๆ ชอบที่เขาสามารภแต่งการเมืองได้คม กับ ภูมิประเทศได้สมจริง นี่ยังหาคนแต่งแบบนั้นไม่ได้อีกเลย ^^
มีคนที่ภาษาสวยๆมาแนะนำให้เราอีกมั้ยคะ อยากอ่านมากกก
ลองดูของคุณ พัณณิดา ภูมิวัฒน์ ดูค่ะ เรื่อง ไมรอน ค่อนข้างเก่าละ ไม่รู้ว่าจะยังพอหาได้มั้ย
ภาษาสวยเหมือนกันค่ะ ^^ แต่เป็นแนวแฟนตาซีนะคะ แหะๆ ไม่รู้จะชอบแนวแฟนตาซีมั้ย ^^"
ลองอ่านเรื่องนี้ดูซิแต่ภาษามันอลังไปเปล่าไม่รู้นะ วิมานมาศ ภาสกร อยู่ในเด็กดีละ แต่จัดอยู่ในพวกคลาน แล้วก็พิมพ์ผิดเยอะ
เราไปลองอ่านดูผ่านๆมาแล้วค่ะ เรื่อง วิมานมาศ คำศัพท์สูง ยากๆเยอะชะจนเราต้องแปลไทยเป็นไทยแปดตลบเลย แต่เห็นภาพอยู่นะ ฮ่าาา ชอบดี
เราไปดูมาแล้ว วิมานมาศ ภาษาอลังจริงๆนั่นแหละค่ะ ฮ่าาา คำศัพท์ชั้นสูงเยอะเลยต้องแปลไทยเป็นไทย
หลังๆเหมือนเจ้าของเรื่องปรับภาษาลงมาแต่มีข่าวแว่วๆว่าถ้าแก้อีกรอบก็จะเอาให้เท่ากับช่วงแรกเห็นว่าต้องการดาร์ฟแรกก่อน
โอ้โห่ เราขอเรื่องใหม่ได้มั้ยค่ะ ยังทันใช่ไหม??? ฮ่าาา
บทนำ
พระอาทิตย์คล้อยต่ำ เป็นดวงสีแดงเข้มท่ามกลางหมู่เมฆที่เรี่ยพื้นจนกลายเป็นม่านหมอกกลางขุนเขาอันสลับซับซ้อนของนครหลวงแห่งราอิล อากาศรอบด้านเริ่มเย็นจัดแม้ยังไม่เข้าสู่ฤดูหนาวเต็มที่ก็ตาม
ทว่าหญิงสาวในเครื่องแบบนางกำนัลที่ยืนนิ่งอยู่ยังคงทำตัวราวไม่รับรู้กับยามวิกาลที่ล่วงเข้ามา ทั้งที่ในวันนี้นางหาต้องเข้าเวรยามค่ำคืน จึงสมควรจะรีบกลับได้นานแล้ว หญิงสาวถอนใจอีกครั้ง วันนี้ทั้งวันนางถอนใจมากี่รอบแล้วแอนนิต้าก็ไม่อาจให้คำตอบกับตัวเองได้เช่นกัน
“ยังไม่กลับอีกหรือ” เสียงใครบางคนทักทายหากนางไม่มีอารมณ์จะตอบ ได้แต่เพียงยิ้มฝืนๆกลับไปเพื่อไม่ให้เป็นการเสียมารยาทเท่านั้น
หญิงสาวทรุดตัวลงบนม้าหินอ่อนกลางอุทยาน ภาพความคิดและความกังวลกับหน้าที่ที่ทำอยู่เริ่มเลือน ลางออกไป เงาแห่งอดีตย้อนกลับมาทักทายอีกครา
...ปราสาทหลังนี้แสนจะโอ่อ่าหากไร้ความอบอุ่น บ้านหลังน้อยใกล้ผุพังกลางป่า ที่เปี่ยมด้วยความรักและมิตรภาพเช่นยามเยาว์วัย นานเท่าใดแล้วที่มิได้สัมผัส...
หากเป็นพี่พี่จะจัดการกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้านี้เช่นไร แล้วดิวอาน่าเจ้าจะยังคงยิ้มได้อยู่อีกหรือไม่ คำถามที่ก่อเกิดในใจสร้างหยาดน้ำตาที่เหือดหายไปนานให้กลับมาคลอเบ้าอีกครั้ง
นางหวังเหลือเกินที่จะหวนวัยเยาว์อันแสนสุขกลับคืนมา
...ให้ผู้ล่วงลับทั้งสองและผู้เป็นประหนึ่งพี่ชายที่แสนดีกลับมา เสียแต่ว่าในยามนี้ไม่มีทั้งนางผู้พี่ น้องสาวที่รัก และเขาผู้นั้นอยู่ข้างกาย มีเพียงข้าอยู่เพียงลำพัง...
แอนนิต้าเงยหน้าขึ้นสู่เบื้องบน หวังให้น้ำตาที่ทำท่าจะหยาดไหล ย้อนกลับไป เมื่อสัญญากับตนเองไว้แล้วว่าจะไม่เสียมันออกมาอีก แต่กระนั้นอดีตก็หาได้เลือนไปจากใจ
เสียงหวีดร้องของผู้คนยังคงดังก้องอยู่ในหูทุกครั้งที่คิดถึงมัน ภาพของผู้เป็นประดุจมารดาคนที่สองล้มลงต่อหน้ายังตราอยู่ในใจ ซากศพที่มีใบหน้าเหมือนนางราวกับคนคนเดียวที่นอนนิ่งไร้วิญญาณยังคงหลอกหลอนในทุกครั้งที่หลับตา
เงาของเขาคนนั้นยืนอยู่ท่ามกลางการอารักขาของเหล่าศัตรูยังที่คร่าชีวิตคนในเผ่าเดียวกับนางมันไม่เคยลบหายไปจากความทรงจำ
หลายครั้งนางอยากจะลืมแต่ไม่อาจทำได้
‘ความแค้นในใจก็เหมือนไฟ ที่แผดเผาทั้งตัวเจ้าและคนที่เจ้าแค้นได้ หากไม่ระวังให้ดีคนที่ต้องสูญสิ้นทุกสิ่งคือตัวเจ้าเองหาใช่ใครอื่น หากเป็นไปได้ก็ทำใจเสียเถอะ ในโลกนี้ไม่ได้มีเจ้าเพียงผู้เดียวที่ต้องสูญเสีย’ คำสอนจากครูผู้พยายามกล่อมเกลาให้ศิษย์คนนี้อ่อนลงหากไม่เคยได้ผล ดวงใจน้อยๆ ที่แหลกสลายหาได้คืนกลับมาดีเช่นดังเดิม ร้อยยิ้มในวันวานหาได้กลับมาประดับบนใบหน้าอันงดงามของนางไม่
พยายามเหลือเกินที่จะลืมมันเสีย แต่มันช่างยากนักที่จะทำ หรือเพราะความแค้นนี้กระมังที่ผลักดันให้นางมีชีวิตอยู่
‘ไม่แค้น’ พูดแต่ปากก็พอไหวหรอกแต่หากให้ทำจริงๆ นี่ซิยากนัก และนางคงไม่อาจพูดในสิ่งที่ไม่มีวันทำได้ออกไปให้ใครต้องเสียความรู้สึกหรอก
อาทิตย์อัสดงยามนี้ท้องฟ้าเป็นสีเลือดยิ่งย้ำเตือนให้นึกถึงมันเหตุการณ์ที่ทำให้ชีวิตของนางพลิกผันจนตั้งตัวไม่ติด นานนักหนากว่าจะตั้งหลักได้อีกครั้ง แล้วอีกไม่นานนางจะต้องพบเขาอีกหรือ
ลากุน่ากับเรเวียน่าห่างเพียงหุบเขากั้น แต่กำแพงในใจคนกับหนายิ่งกว่าแผ่นฟ้าบัง คงยากแล้วที่จะหวนกลับไปเป็นดังกาลก่อน
ฉากเปิดเปลวหมอก นิยายเราเอง
ส่วนที่ชอบก็มีของ ลักษณวดี พนมเทียน กิ่งฉัตร นิยายเรื่องวินธัย ของใครไม่รู้จำไม่ได้
ชอบสุดคือธุวตาราของ ลักษวดี อีกเรื่องก็มิตมหัศจรรย์ ของ...นึกชื่อไม่ออก โหดสุดที่อ่านมา ก็ศิวาราตรีของพนมเทียน ดังนั้นสำหรับเราถือว่าวิมานมาศอยู่ในเกณอ่านได้ แต่ศัพย์สูงไปหน่อย
สำหรับเราที่ไม่ค่อยชอบศัพท์ที่สูงเกินเฉกเช่นวิมานมาศ เรารู้สึกว่ายิ่งอ่านยิ่งเครียดนิดๆเพราะต้องเอามาแปลอีกทีค่ะ แต่เราชอบการเขียนของ ทมยันตี กิ่งฉัตร มากเลย ขอบคุณนะคะจะรีบไปหามาอ่าน
เค้กที่แต่งหน้าวิปครีมสวยๆ มันก็น่ากินล่ะ
แต่ถ้าตัวเค้กมันไม่อร่อยจริงๆ ก็กินไม่หมดอยู่ดี
จริง
ไม่อร่อยก็อยากกิน
ช่วยอ่านงานลอมชอมหน่อยได้ไหมคะ คือกำลังปั่นงานส่งเข้าประกวดงาน รางวัลประภัสสรค่ะ คือจะบอกว่า เป็นคนชอบอ่านนิยายมาตั้งแต่เด็ก แต่อ่านงานคุณประภัสสรน้อยมากค่ะ อ่านอยู่เล่มเดียวคือ ชีค เพราะอย่างที่คุณบอก ภาษาสวย บรรยายเยอะและคมกริบ เปรียบเป็นอาหารคือสวยสารอาหารครบ แต่ไม่ยักอร่อย พอมาทำงานประกวดรางวัลท่าน หาเรื่องที่ท่านเขียนมาอ่านสิบกว่าเล่มค่ะ หลับจริงยอมรับ ไม่มีบทเข้าพระเข้านาง ภาษาบ้าน ๆ คือ ไม่แซ่บ มันขาดรสชาติไปมาก แต่...เราเขียนเพื่อประกวดรางวัลท่าน..ไม่ใช่เป็นท่านประภัสสรคนที่ 2 นี่เราฉีกแนวท่านมาไกลมาก แต่อยากลงสาระเรื่องที่เราสนใจไว้ในนิยายเรื่องแรก เรื่องชนเผ่า กับเด็กไร้สัญชาติค่ะ ถ้าทุกท่านพอมีเวลา ช่วยวิจารณ์งานลอมชอมด้วยนะคะ ขอตรง ๆ ไม่ต้องอวยค่ะ ชอบไม่ชอบตรงไหน ฝากบอกนิดนึงนะคะ จะได้ปรับปรุงค่ะ..ขอบคุณทุกคนที่อ่านเม้นท์นี้ค่ะ ☺
แล้วเราจะแวะไปอ่านดูนะคะ น่าติดตาม
ขอบคุณมากค่ะ อ่านแล้วช่วยวิจารณ์ด้วยนะคะ :)
ภาษาสวย..บรรยายเยอะ..คมกริบ..แต่ภาษาบ้าน ๆ ขาดรสชาติ..ดูขัดกันพิลึก
แต่สำหรับเรา..ถ้าอ่านประภัสสรแล้วง่วง..แปลว่า..คุณอาจจะตั้งธงไว้ก่อนว่า..การเขียนที่ชอบต้องแบบนั้นแบบนี้..พอเจออะไรที่ไม่ใช่แนว..เลยรู้สึกว่ามันน่าเบื่อ..และง่วง...
ยิ่งถ้าอ่านชีคแล้วง่วงนี่..จบเลย..
คุณประภัสสรเป็นนักเขียนที่มีสไตล์การเขียนตรงตามแพทเทิร์นของนักเขียนที่ดี...เรื่องวางได้สนุก..การบรรยายได้อรรถรส..ซ่อนจินตนาการในความเรียบง่าย...ภาษาแต่ละคำไม่ต้องเวิ้นเว้อ..แต่คนอ่านจะรู้สึกได้เอง...
ถ้าอ่านตั้งแต่สมัยคุณประภัสสรยังเขียนในนิตยสารฟ้าเมืองไทยอย่างเรา(ช่วงนั้นคือเรื่อง "อำนาจ").....เป็นช่วงที่ยังไม่ดัง..เราจะรู้สึกเลยว่า..บก.ช่างสรรหานักเขียนที่ไหนมาเขียน...เดินเรื่องเหมือนนิยายฝรั่ง..แต่พลังภาษาแน่นมาก..ต้องเหลือบมองไปที่หัวเรื่องบ่อย ๆ ว่า...ตกลงนี่นิยายแปลหรือเปล่า...
ความสามารถในการเขียนที่ดีที่สุด..คือใช้คำน้อยที่สุด..แต่ให้อารมณ์..ความรู้สึก..เนื้อหา..ครบถ้วน .เห็นภาพ...ให้มากที่สุด
แต่ถ้าจะทำให้ได้แบบนั้น....คุณต้องศึกษาสิ่ง ๆ หนึ่งเสียก่อน..นั่นคือ..อินเนอร์...นักเขียน นักร้อง นักแสดง..ต่างก็ควรมีสิ่งนี้เหมือนกัน..สำหรับนักเขียนแล้ว..มันจะทำให้ทุกอย่างที่ตัวเองต้องการจะสื่อ..ลงตัวและมีพลังมากที่สุด
แต่เท่าที่อ่านงานของคุณ..สิ่งนี้คุณยังไม่มี...
คุณเขียนถึงอนิล..โดยที่คุณยังไม่เป็นอนิล..มันก็ยังไปได้ไม่สุด..ใช้วิธีบรรยายแบบบุคคลที่สาม..ใช้..แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าการบรรยายแบบนี้..คุณจะอินกับตัวละครไม่ได้...
ลองอ่านขอหมอนใบนั้นที่เธอฝันยามหนุน..ของประภัสสรดูนะ...เอาแค่ตอนที่พ่อของจุ๊นพูดว่า.."..เพราะแกเป็นลูกฉัน.."...น้ำตาแทบจะไหลออกมาอย่างเดียว...มันปล่อยออกมาได้พอดี..เรียกว่า..ถ้าอินเนอร์ไ่ม่ถึงจริง ..จังหวะเสียแน่ ๆ
และถ้าอยากจะมีอินเนอร์อย่างที่ว่า..อ่านงานของคุณประภัสสรเยอะ ๆ ...เพราะนี่แหละ..คือตัวแทนของนักเขียนที่ใช้อินเนอร์ในการเขียนอย่างสุดยอด...ภาษาที่เรียบง่าย..ทรงพลัง..ไม่กินความมาก..ต้องใช้อินเนอร์เท่านั้น..เพื่อให้อารมณ์ขับมันออกมา..ใช้ความคิดทำงานอย่างเดียวไม่ได้เลย....
อ้อ..อ่านประภัสสรให้สนุก...ทำใจโล่ง ๆ ว่าง ๆ และทำใจให้อินไปกับเรื่อง..แต่ปัญหาคือ..คุณคงอ่านมามากแล้ว..ง่วงมาหลายรอบ...กำแพงและธงค่อนข้างจะสูงเกินทำอินเนอร์ได้ยากแล้ว...เสียใจด้วยนะ...ที่อดเสพงานชั้นดีด้วยความสุขแบบเรา...
ผมแอบไม่เห็นด้วยกับข้างบนนะ
ไม่มีอะไรน่าเสียใจเลยสักนิด
อะไรที่เปิดใจลองแล้วไม่ใช่มันก็ไม่ใช่
จริต ความชอบ คนเราไม่เหมือนกันครับ
จะต้องเอาจนชอบเลยรึ ...เพื่อ?
ความป๊อป ความถูกจริต ไม่เหมือนกัน
ถูกใจคนหมู่มาก ก็ใช่จะถูกใจใครอีกคน
ไม่ชอบ หลับ ไม่เห็นถึงกับน่าเสียใจ
แต่ถ้าซื้อมาแล้วก็อย่าเพิ่งทิ้งล่ะ 55
ดองไว้ บางทีแก่ตัวอีกหน่อย
หรือฟีลเปลี่ยน กลับมาอ่านอาจลงล็อก
ลองอ่านประภัสสรแล้ว ไม่ชอบ ก็ไม่ได้เป็นความผิดอะไร สไตล์ใครสไตล์มัน
แต่หากจะอยากได้รางวัลประภัสสร ซึ่งเราเข้าใจว่า คงมีความตั้งใจที่จะให้ทุบ เลยสงเคราะห์ให้
แต่ถ้าไม่เข้าใจว่า ทุบเพื่ออะไร ก็ขออภัย
เป็นตัวของตัวเอง สำหรับเด็กรุ่นใหม่คือดี แต่ถ้าตั้งใจจะประกวดเอารางวัลประภัสสร ..ทัศนคติจะต่างจากงานเขียนโดยสร้างสรรค์และนำเสนอความเป็นตัวตน..ซึ่งต้องการแบบไหน ..เลือกได้ตามใจ
อ่านไม่ไหว พวกนิยายแซ่บ แสบ สีสันจัดจ้าน ร้อนแรงแฝงราคะ สะใจ เกรียน
เพราะอ่านแล้วเอียนอ่ะ
อยากอ่านนิยายเรียบง่าย ยิ้มสบาย ง่วงไม่เป็นไร ขับกล่อมให้หลับฝันดี ไว้อ่านก่อนนอน
............
มีผลครับ
ระดับภาษา บ่งบอกถึงระดับของนิยายแน่นอน
ส่วนตัวผมชอบภาษาแบบของ มรว คึกฤทธิ์ แล้วก็ ภาษาแบบพวกนิยายกำลังภายในจากการแปล ของ น. นพรัตน์ หรือ สามก๊กฉบับพระยาพระคลังหน ครับ มัน nostalgia ดี
รุ่นพี่ในกลุ่มวิทยาศาสตร์ก็มีพวกนิตยสารไซไฟแปลเก่าๆมาให้อ่านเสมอ แต่ส่วนตัวชอบ narrative ของ ภาษาอังกฤษมากกว่า แต่ก็จดคำแปลกๆใหม่ๆมาปรับใช้บ่อยๆ
เพราะคำบางคำเราฟังได้อ่านได้ แต่เวลาเขียนมันไม่ผุดมามันก็ไม่ใช่คำของเราสักที เช่นชุดคำจำพวก:
'ด่วนสรุป' 'ทึกทัก' 'โมเม' 'ตีขลุม' 'ประโลประเล' 'พลันอนุมาน'
ถ้าใช้เป็นก็แยกใช้ได้แต่ละตัวละครเลย วัยรุ่น ผู้ใหญ่ ปราชญ์ นักวิชาการ ฯลฯ
อะไรประมาณนั้นครับแต่ภาษาไม่สวยก็ไม่ใช่เรื่องอุกฉกรรจ์อะไรครับ มโนสาเร่มากๆ
เราชอบภาษาสวยนะ มันอ่านลื่นดีแต่สนุกรึเปล่านี่เราดูที่พลอตด้วยน่ะค่ะ
ส่วนตัวเราเป็นชอบอ่านพลอตเรื่อง ถ้าภาษาไม่ได้ย่ำแย่จนเกินทน เราก็อ่านค่ะ เป็นกรณีๆ ไป :-D
สำหรับลิมแล้วคิดว่ามีผลค่ะ แต่จะเป็นผลดีหรือผลเสียก็ขึ้นอยู่กับรสนิยมของคนอ่าน บางคนชอบ บางคนไม่ชอบ อีกอย่างคือต้องดูว่ามันเข้ากับนิยายหรือเปล่า ถ้าเป็นนิยายที่บรรยายด้วยสรรพนามบุรุษที่หนึ่ง แต่ตัวละครเล่าเรื่องโดยใช้ภาษาคนละระดับกับตัวเอง มันก็จะรู้สึกแปลก ๆ เนอะ อาจจะทำให้ความเป็นธรรมชาติของนิยายลดลง แต่ถ้าบรรยายด้วยสรรพนามบุรุษที่สาม ซึ่งตัวผู้เขียนเป็นคนเล่าเอง ลิมว่าใช้คำศัพท์สวย ๆ ก็ดูเข้ากันดีค่ะ แต่อย่างว่าแหละ มันขึ้นอยู่กับรสนิยม
โดยส่วนตัวลิมไม่ได้ซีเรียสเรื่องการใช้ภาษาที่เขาว่ากันว่าสวย ขอแค่อ่านรู้เรื่องก็พอแล้ว ถ้าภาษาสวยหรูมาก ๆ แต่อ่านแล้วไม่อินหรือไม่รู้เรื่องก็บายค่ะ
ใช่ค่ะ นี่ยอมรับเลยว่าเคยไปอ่านของนักเขียนท่านนึงมา
เค้าใช้ภาษาสวยมากแต่บรรยายมากไปจนเราง่วง
บางทีบรรยายให้กระชับก็จะน่าอ่านแล้ว
เหมือนเครื่องประทินผิวแต่งหน้าให้แค่ดูดีขึ้น
แต่ถ้าหน้าไม่สวย แต่งเครื่องสำอางอย่างไรก็ไม่สวย
ภาษาก็เขียนก็เหมือนกัน เดินเรื่องขอให้ออกมาดีน่าติดตามไว้ก่อน ภาษาไว้ทีหลัง
ภาษาสวย เป็นอะไรที่ผมต้องการทำมากนะ สมัยตอนช่วงเขียนนิยายใหม่ๆ นี่แทบเรียกได้ว่าพยายามเขียนอย่างมากเลยล่ะ
จนกระทั่งพอเวลาเริ่มผ่านไป ได้ศึกษาผลงานของนักเขียนท่านอื่นมากๆ ก็ได้รู้ว่าเอาจริงๆ มันแค่มีผลส่วนหนึ่งเท่านั้นแหละ
สำหรับผม การบรรยายใช้ศัพท์สวย ๆ บางทีก็แอบงงนิดๆ นะ คำบางคำเราไม่ค่อยได้เห็น ไม่ค่อยได้เจอ แต่คิดว่าเป็นอะไรที่ "แปลกใหม่" ดี แต่เอาเข้าจริงๆ ผมคิดว่าส่วนสำคัญสุด คงเป็นเรื่องของการบรรยายยังไงให้ดูไหลลื่น สามารถอ่านแล้วนึกภาพตามไปซะมากกว่า ภาษาบรรยายสละสลวย มันเป็นเรื่องของประสบการณ์ของนักเขียนแต่ละคนน่ะครับ + แนวเรื่องที่เขียนด้วย
ถ้าเป็นนิยายแนวเกี่ยวกับชนชั้นสูง ในวังหน่อย การบรรยายเองก็อาจจะต้องสละสลวยสักนิด เพื่ออรรถรส
ถ้าเป็นแนวแอคชั่น สืบสวนสอบสวน ก็ต้องลดมาหน่อยนึง เอาพอกระชับใจความ อ่านแล้วรู้เรื่องได้
ก็คงประมาณนี้แหละครับ
มีผลมากครับ
เป็นสิ่งแรกที่ผมจับในการอ่านเลย
ยิ่งภาษาไทยด้วยแล้วเป็นภาษาที่มีความสวยงามมาก
ยังไม่เคยเจอนิยายที่ภาษาสวยแล้วเนื้อเรื่องไม่ดี
ชอบอ่านภาษาเรียบง่ายลื่นไหล
เนื้อเรื่องไม่เข้มข้นจนเกินไป
หมายถึงว่าไม่ต้องสนุกอะไรมากมายเกินไปนัก
เพราะนิยายที่สนุกเกินไป
อะไรเกินไป ย่อมทำให้เซ็งได้
เช่นเนื้อเรื่องนิยายวัยรุ่น รักกุกกิ๊ก หรือแฟนตาซีแบบยุคอนาคต แต่ใช้คำพรรณาหรือระดับภาษาสูงๆ มันก็ดูไม่ค่อยเข้ากันถูกไหมครับ
ใช่ค่ะ เราต้องดูแนวนิยายที่จะเขียนด้วย
ผมชอบนิยายภาษาสวยนะ ถ้าเนื้อเรื่องแลดูน่าสนใจ เปิดมาเจอภาษาสวยอีกนี่ก็ฟินไปเลยอ่ะครับ
ไม่รู้ภาษาสวยเป็นยังไง แต่เท่าที่อ่านชอบการบรรยายเรื่องสี่แผ่นดิน อ่านแล้วเหมือนหลุดเข้าไปในยุคนั้นจริงๆ
อีกเรื่องก็ ปริศนา คลั่งท่านชายมากกกกกกกกกกกกก อ่านแล้วรู้สึกสวยงามอบอุ่นเหมือนอยู่ในทุ่งดอกมะลิ 555
ชอบแบบลื่นไหลเข้ากับระดับประเภทและอารมณ์ของนิยายที่คนเขียนตั้งใจจะสื่อค่ะ ถ้าสวยแต่ขบยากก็ไม่ควร
ชอบภาษาไม่ถึงกับต้องสวยมาก แต่นักเขียนมี range ของคำศัพท์กว้างค่ะ ไม่ค่อยใช้คำซ้ำ หรือมีรูปประโยคใหม่ๆ ไม่ใช่ประโยคไหนก็ขึ้นต้นด้วย ฉัน... เธอ... เขา...
แล้วก็ชอบนักเขียนที่บรรยายแบบคนรู้จริงค่ะ อะไรที่มันเป็นวิชาการแล้วเขาลงรายละเอียดนี่ เวลาอ่านมันรู้สึกดีนะ55
ภาษาสวยไม่สวยไม่รู้ ขออ่านแล้วเข้าใจง่ายไว้ก่อน เจอนิยายบางคนบรรยายเยอะ เรานี่ข้ามเลยไม่อ่าน(อ่านแล้วหลับ)
สำหรับผม "ภาษาสวย" มีผลต่อการอ่าน 50% อีก 50% ที่เหลือ เฉลี่ยให้กับการบรรยาย โครงเรื่อง และแนวทางของเรื่องนั้นๆ
ถ้าเปิดมาแล้วเจอภาษาต่างด้าว ภาษาสก๊อย หรือเล่นภาษาพูดแม้กระทั่งในบทบรรยาย...X ไม่ได้มีไว้บูชา =,,=
อ่านเข้าใจง่ายพอผมคิดว่าถ้าเว้นวรรคก่อนขึ้นวรรคถัดไปน่าจะทำให้
ไม่ง่วงและไม่ปวดหัวนะ
ภาษาสวยก็มีส่วนค่ะ. เพราะถ้าใช้ภาษาหรือบรรยายเนื้อหาไม่ดีคนอ่านมันจะรู้สึกหงุดหงิดมาก(อย่างเราเป็นต้น)
เอาง่ายๆ ถ้าใช้ภาษาดีเนื้อหาสนุกคนอ่านก็จะสนุกไปด้วย ส่วนทริกในการใช้คำหรอ? อันนี้เราแนะนำไม่ได้อ่ะเพราะเราถนัดพวกนิยายแฟนตาซีอะไรเทือกๆ นี้มากกว่า เพราะถ้าจะถามทริกในการใช้คำแนวนิยายรักใสๆ อะไรประมาณนี้เราก็โครตจะห่วยแตกเลยเถอะ แต่ยังไงปรับยังไงก็แทบจะมีดีขึ้นเลยสักนิด
ภาษาสวยนี่ต้องยังไงคะ แต่ละคนระดับความสวยงามของภาษาไม่เหมือนกัน
อย่างของเราเน้นอ่านง่าย เข้าใจง่ายค่ะ ใช้คำยากๆ บางทีคนอ่านก็งง ส่วนใหญ่เลยใช้ภาษาสวยๆ กับคำกลอนมากกว่า
อย่างประโยคนี้
ดวงดาราดารดาษฟ้า
อ่านแล้วงงๆ มั้ย ฮ่าาาาาาา
สำหรับเรามีผลนะ เพราะต่อให้เนื้อเรื่องสนุกแค่ไหน แต่ถ้าภาษาไม่ดีเราก็ไม่อ่าน แต่ว่าถ้าภาษาสวยแต่เนื้อเรื่องไม่สนุก เราก็ไม่อ่านอยู่ดี 5555
ภาษาสวยสำหรับเราคือไม่ต้องใช้คำสวยหรู แต่คือ ภาษาไม่เยิ่นเย้อ ใช้คำถูก วรรคตอนดี ประโยคกระชับ(แต่ไม่ใช่แบบพิมพ์ห้วนๆ จนดูแย่)และได้ใจความ สุดท้ายคือใช้คำศัพท์ได้เหมาะสมกับบริบทของเรื่องและตัวละครค่ะ
วิธีแก้ก็อ่านเยอะๆ แล้วก็ฝึกค่ะ มันไม่มีวิธีลัดหรอกเนอะ การอ่านเยอะๆ จะทำให้เราได้ทั้งคำศัพท์และรูปแบบประโยค
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?