Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

23เเล้ว ยังอยากซิ่ว

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
     สวัสดีครับเพื่อนๆ พี่ๆ น้องเด็กดีทุกคน นี่เป็นกระทู้เเรกของผม ก่อนอื่นขออนุญาติเล่าประวัติตัวเองคร่าวๆก่อนนะครับ ตอนนี้ผมอายุ 23 เเล้ว เรียนมาก็หลายที่ ทุกที่ล้วนเเล้วเเต่มีความสนุก ความชอบเเตกต่างกันไป ที่เเรกที่ผมเรียนเป็นมหาวิทยาลัยเอกชนเเห่งหนึ่งย่านรังสิต ที่มีชื่อเสียงด้านนิเทศศาสตร์ ชีวิตตลอด 1 ปีที่เรียน ผมมีความสุขมาก ทุกอย่างที่ทำ ทุกวิชาที่เรียน บอกได้เลยว่า มันคือตัวเราชัดๆ!!!! ยิ่งเรียนยิ่งใช่ ยิ่งเรียนยิ่งชอบ เเต่เเล้วมันก็มีเหตุการณ์ที่ทำให้การเรียนของผมต้องชะงักลง นั่นก็คือปัญหาด้านสุขภาพ.....
     ก่อนอื่นต้องบอกก่อนเลยว่า ตอนเรียนมัธยม ใช้ชีวิตอยู่กับพ่อเเม่ตลอด เสื้อผ้าไม่ซักเอง กับข้าวไม่ต้องหากินเอง เเต่พอมาใช้ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัย หลายๆอย่างมันต้องปรับตัว เเต่ด้วยความที่เราเอนจอยกับการเรียน การทำกิจกรรม จนทำให้ลืมนึกนึกสิ่งที่สำคัญที่สุดของเรา นั่นคือสุขภาพ ด้วยความละเลยการดูเเลตัวเอง ไม่ว่าจะเป็น การทานอาหารให้ตรงเวลา ตอนเรียนนี่ข้าวเช้าไม่กิน กินข้าวเที่ยง ข้าวเย็นกินบ้างไม่กินบ้าง เสื้อผ้าหอบมาจ้างเค้าซัก ผ้าปูเตียง ปอกหมอนไม่เคยเเกะมาซัก มันสะสมมาเรื่อยๆ สุดท้าย ร่างกายก็เเย่ เเย่ถึงขนาดที่ว่า ต้องเข้าโรงบาล นอนโรงบาลเป็นอาทิตย์ เพียงเพราะว่า เรามีอากาศภูมิเเพ้อย่างรุนเเรง.....
     นั่นคือจุดเปลี่ยนเเรกของผม ใจตอนนั้นอยากกลับไปเรียนที่เดิมนะครับ เเต่พ่อกับเเม่เขาก็เป็นห่วง เลยขอให้กลับมาอยู่บ้าน เเล้วมาหาที่เรียนใหม่ ตอนนั้นคือว่าชีวิตจบเเล้วเเน่ๆ ต้องมาหาที่เรียนใหม่ เเต่ก็พยายามตั้งสติเเล้วคิดว่า ลองเชื่อพ่อเเม่สักครั้ง (ในชีวิตไม่เคยเชื่อใครเลยนอกจากตัวเอง) ผมเลยได้มาเรียนที่ใหม่ ในระดับ ปวส. (เหตุผลที่พ่อเเม่อยากให้เรียน ปวส. เพราะว่า ท่านคิดว่า สายอาชีพน่าจะหางานง่าย) ชีวิตในระดับ ปวส. นี่เหมือนสมัยเรียนม.ปลายมากๆ เช้าเรียน มาเช็คชื่อ ทำงานส่ง มีสอบ ผมผ่านการเรียน ปวส. มาได้อย่างไม่ยากเย็น จบมาด้วยเกรดเฉลี่ย 3.89 จึงเลือกเรียนต่อในสาขาเดิม นั่นคือ การตลาด เทียบโอนที่วิทยาลัยเเห่งหนึ่ง ชีวิตผมผ่านปีสามมาได้อย่างสบายๆ เกรดเฉลี่ย 3.95
     พอขึ้นปีสี่ เหมือนชะตากลั้นเเกล้ง ผมต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับองค์การนักศึกษา พูดง่ายๆคือ เป็นนายกองค์การนักศึกษา ถามว่าอยากเป็นไหม ตอบได้เต็มปากมากครับว่าไม่อยากเลย เเต่ที่ลงสมัครเพราะว่า เพื่อนในกลุ่มขอให้ลงสมัคร เนื่องจากกลุ่มพวกเรามีปัญหากับประธานสาขาการตลาด ก่อนจะลงสมัคร ก็มีเข้าไปพูดคุยกับอาจารย์ในสาขา ขออนุญาตลงสมัคร ซึ่งเรื่องมันก็เหมือนจะไม่มีปัญหาอะไร จนกระทั่ง ผลเลือกตั้งออกมา ปรากฏว่า ผมได้เป็นนายกองค์การนักศึกษา เเต่เรื่องกลับเลวร้ายลงครับ เพราะเพื่อนในกลุ่มเริ่มเปลี่ยนไป ผมโดนลอยเเพให้อยู่ในองค์การคนเดียว เพื่อนในกลุ่มหักหลัง ทิ้งผมไปอยู่กับสาขา ทุกอย่างที่เราเคยคุยกันไว้ พังหมด...ด้วยเหตุผลที่ว่า มีอาจารย์ในสาขาท่านหนึ่ง พูดในทำนองที่ว่า หากใครตามผมไปอยู่องค์การ มีเรื่องกับฉัน เเต่อันนี้สามารถเข้าใจได้ครับ ว่าท่านคงเป็นห่วงว่าอาจเรียนไม่รอด เพราะงานองค์การก็หนัก เทียบกับผมที่ลการเรียนอยู่ในเกณฑ์ดี กับเพื่อนในกลุ่มที่ผลการเรียนอยู่ในเกณฑ์ที่ว่า พอจะเอาตัวรอดได้ ท่านจึงเป็นห่วงเพื่อนผม เเละพูดไปเเบบนั้น อันนี้สามารถเข้าใจได้ครับ.....
     เล่ามาสะยาว จากนี้ไปจะเป็นปัญหาที่ผมเผชิญนะครับ วันเเรกของการเปิดภาคเรียน ที่ผมขึ้นปี 4 ซึ่งเป็นปีสุดท้ายที่จะจบเเล้ว เเค่วันเเรกปัญหาก็มาเลยครับ เเต่ปัญหาคืออะไร ผมไม่ขอเล่านะครับ ด้วยความรู้สึกบางอย่างที่ผมรับไม่ได้จริงๆ จึงเดินเข้าไปห้องสาขา เพื่อที่จะไปลาอาจารย์ในสาขา ว่าผมจอขอลาออกจากองค์การนักศึกษา เเละลาออกจากวอทยาลัยเเห่งนี้ ผลคือ ผมโดนอาจารย์ในสาขาโวยวายใส่ ซึ่งเเรกมากๆในความรู้สึกผม ตอนนั้นความรู้สึกพังเเบบประกอบขึ้นมาใหม่ได้ได้เเน่นอนครับ หลังเหตุการณ์วันนั้น ผมไม่ไปเรียนอีกเลยครับ เเต่ก็ยังไปทำงานให้องค์การอยู่นะครับ เพราะอาจารย์ในองค์การท่านขอให้มาช่วยก่อน หลังจากจบช่วงรับน้องเเล้ว ผมจะตัดสินใจอย่างไร อาจารย์ในอาค์การจะเคารพการตัดสินใจของผม เเละจะไม่ห้ามหรือรั้งผมไว้ เเละตอนนี้ ช่วงรับน้องจบลงเเล้วครับ ผมตัดสินใจที่จะไม่กลับไปเรียนที่นั่นอีก....

     ผมอยากถามเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆในเด็กดีว่า หากผมจะซิ่ว เป็นเด็กแอด 60' ในขณะที่อายุก็ปาไป 23 ปีเเล้ว มันจะยังสายไปไหมครับ สายไปไหมที่ผมจะเลือกเรียนในสิ่งที่ตนเองชอบ สายไปไหมที่ผมจะทำตามที่เสียงหัวใจผมเรียกร้อง สายไปไหมกับอายุ 23 ที่ต้องมาเริ่มปี 1 ใหม่ สายไปไหมกับโลกของการทำงานในอายุ 27-28 ที่จะเริ่มทำงาน

     ตอนนี้ในใจผมสับสนมากครับ เรื่องนี้พ่อเเม่ก็ยังไม่รู้ ผมไม่กล้าบอกท่าน กลัวท่านเสียใจ ทั้งๆที่อีกปีเดียวก็จบปริญญาเเล้ว

ผมควรยังไงดี......

แสดงความคิดเห็น

>

16 ความคิดเห็น

Primthadha 10 ก.ค. 59 เวลา 16:31 น. 1

ไม่สายหรอก

แต่อายุก็23 แล้วนะ ทำไมเขียนยาวๆไม่มีย่อหน้า หรือ เว้นบรรทัดเลย

( อ่านยากสุดๆ สำหรับคนตาไม่ค่อยดี )

ทำงานส่งตัวเองเรียนไปก็ได้ พ่อแม่น่าจะหมดไปไม่ใช่น้อยแล้ว หรือทำงานสักระยะก่อนค่อยกลับไปเรียนก็ได้
   ปรึกษาพ่อแม่ก่อน เงินท่านอาจจะให้ได้สบายแต่ มันก็มีค่านะ ดิฉันเป็นคนจนค่อนข้างเสียดาย

ขนาดปี1อายุเฉียด30ก็เฉยๆนะ เคยเจอ น่านับถือด้วยทำงานเก็บเงินเพื่อเรียนต่อ

ขอให้สู้แล้วกันนะ ตั้งใจให้มากๆ เป็นกำลังใจให้ละกันนะ

3
lifedata 10 ก.ค. 59 เวลา 16:47 น. 1-1

ขอโทษด้วยนะครับ นี่เป็นกระทู้เเรกของผม เลยไม่ค่อยรู้ว่า จะเขียนเเบบไหนให้ออกมาดีที่สุด ขอบคุณนะครับ สำหรับคำเเนะนำ

0
Primthadha 10 ก.ค. 59 เวลา 23:54 น. 1-2

สู้ๆล่ะ ถ้ามันใช่จริงๆขอให้เต็มที่ไปเลยนะ

0
Polar Bear 10 ก.ค. 59 เวลา 23:21 น. 2

สำหรับเรานะคะ เราคิดว่าถ้าเป็นทางที่อยากเรียน ค่อยโตโทเอาดีมั้ยคะ อีกแค่ปีเดียวเอง เราคิดว่า จบการตลาด ก็ดีค่ะ เพราะก็เป็นสาขาความรู้แขนงหนึ่งที่ทำให้เราสามารถนำความรู้ด้านการตลาดมาประยุกต์ใช้ในชีวิตการทำงานได้ดีเหมือนกัน ส่วนนิเทศศาสตร์ที่เจ้าของกระทู้อยากเรียน ค่อยโตโทเอาก็ได้ค่ะ อีกแค่ปีเดียว ก็จบแล้ว เดินหน้าต่อ น่าจะดีกว่าค่ะ ทางเลือกชีวิตยังมีอีกหลายทางนะคะ คิดดีๆค่ะ เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้นะคะ รักเลย

5
Primthadha 10 ก.ค. 59 เวลา 23:55 น. 2-1

คุณคะ ปริญญาโท ไม่ได้รับทุกสายหมดนะคะ บางสาขาก็มีเกณฑ์เยอะด้วย

0
Polar Bear 11 ก.ค. 59 เวลา 11:39 น. 2-2

เราคิดว่า มันต้องมีสักทางนะคะ ไม่ได้รับทุกสายไม่ได้แปลว่าจะไม่มีทางหรือไม่มีโอกาสเลยค่ะ ถ้าไขว่คว้า ยังไงโอกาสนั้นก็ต้องมีแน่ๆค่ะ

0
lifedata 11 ก.ค. 59 เวลา 18:06 น. 2-3

ขอบคุณสำหรับคำแนะนำนะครับ ก่อนอื่นต้องบอกก่อนเลยว่า ผมลองสู้เเล้วนะครับ เเต่หลายๆอย่าง พอเราเริ่มที่จะสู้ มันกลับยิ่งเเย่ลง ทั้งต่อหน้าก็ดี ลับหลังก็ดี ผมเลยคิดว่า เราออกมาจากจุดนั้น จะเป็นอะไรที่ดีที่สุดเเล้วครับ เพราะว่า ถ้าผมยังขืนอยู่ต่อ เเล้วต้องเจอกับสังคมเเบบนั้นทุกวันๆ ตัวเองก็ใช่ว่าจะมีความอดกลั้นทางอารมสูง เกิดระเบิดขึ้นมา อาจารย์ผมก็ไม่ไว้หน้า มันจะกลายเป็นปัญหาใหญ่ขึ้นมาอีกนะครับ

0
Primthadha 12 ก.ค. 59 เวลา 01:26 น. 2-4

หลายสาขา เขากำหนดสาขาที่รับมาเลยนะคะ


ตอนเพื่อนเราจะต่อโท เราก็อ่านระเบียบการเล่นๆอยู่หรอก

แต่มีบางสาขา ไม่ได้กำหนดมาค่ะ กำหยดแค่วิชาที่เรียนผ่านมาแล้ง วิชาxxxไม่ต่ำกว่ากี่หน่วยก็ว่าไป ที่เจอคือ การจัดการทั่วไป, จิตวิทยา , วัดผลการศึกษา

0
Primthadha 12 ก.ค. 59 เวลา 01:27 น. 2-5

ระวังกันด้วยนะคะ เพื่อนเราตอนแรกจะต่อ จิตวิทยาอุตสาหกรรมฯ แต่ไม่ได้เรียนิชาที่กำหนดมา ก็ไปต่อสาขาเดิมค่ะ

0
Polar bear 10 ก.ค. 59 เวลา 23:26 น. 3

เสริมอีกนิดนะคะ ทุกปัญหามีทางแก้เสมอค่ะ ปัญหาในชีวิต เป็นเหมทอนบททดสอบให้เราได้ฝ่าฟัน แก้ไข ในข้อบกพร่องหรือจุดบอดต่างๆในชีวิตเรา เมื่อเราผ่านมันไปได้ ก็จะแข็งแกร่ง และรู้วิธีรับมือค่ะ เป็นเหมือนประสบการณ์ชีวิต อยากให้เผชิญหน้ากับปัญหาตรงหน้า และแก้ไขในเรื่องต่างๆ ให้ลุล่วงไปด้วยดีค่ะ เพราะต่อให้ซิ่วใหม่ ไม่ได้เป็นเครื่องชี้วัดว่า จะไม่พบเจอปัญหาแบบเดิมๆค่ะ สู้ๆค่ะ เป็นกำลังใจให้สู้สู้

0
urgent 10 ก.ค. 59 เวลา 23:31 น. 4

ดูจากที่จขกทเล่ามา ส่วนตัวคิดว่าจขกทเรียนเก่งพอสมควร มันก็ไม่น่าสายไปหรอกที่จะเริ่มอะไรใหม่ จขกทน่าจะเอาตัวรอดได้อย่างแน่นอน จริงๆอยากให้เรียนให้จบนะแล้วก็มาเรียนป.ตรีอีกใบก็ไม่สาย อย่างน้อยพ่อแม่ก็ไม่ต้องห่วงมาก เราก็หางานทำไปเรียนไปแบบที่คห.แรกบอก. แต่ถ้าปัญหาที่จขกทเจอมันหนักจนรับไม่ไหว ก็ลองคุยกับพ่อแม่ด้วยเหตุผลดูค่ะ หวังว่าท่านจะเข้าใจ ส่วนตัวคิดว่าถ้าจบคณะที่เป็นสายอาชีพโดยตรงอายุไม่น่าจะสำคัญหรอกค่ะแต่อาชีพอื่นอันนี้ไม่ค่อยได้ติดตามก็เลยไม่รู้ว่าเค้าดูอายุเราไหมลองๆหาดูนะคะ ค่อยๆคิดใจเย็นๆค่ะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ

1
lifedata 11 ก.ค. 59 เวลา 18:09 น. 4-1

ขอบคุณนะครับ สำหรับคำเเนะนำ ตอนนี้ผมตัดสินใจเเล้วว่าจะซิ่วเเล้วล่ะครับ ส่วนเรื่องคุยกะพ่อเเม่ ผมคงยังไม่คุยตอนนี้ เพราะท่านคงผิดหวังในตัวผมมากเเน่ๆ คงใช้เวลาที่มีตอนนี้ หางานทำ เก็บเงินไปก่อน เพราะมีวุฒิ ปวส. อยู่ในมือ อีกอย่าง ก็มีหลายๆบริษัทที่จองตัวไปทำงานตั้งเเต่จบ ปวส. เเล้ว คงใช้เวลาช่วงนี้ ไปทำงาน เพื่อที่จะมีเงินพอในการจัดการเรื่องเรียนของตัวเอง โดยที่ไม่ต้องเดือดร้อนพ่อเเม่มากจนเกินไปนะครับ ส่วนเรื่องความรู้สึกของพ่อเเม่ที่จะต้องมารู้ทีหลัง คงต้องใช้เวลาเป็นเครื่องเยียวยา เเละพิสูจน์ว่า ทางเลือกที่ผมเลือกใหม่นี้ มันจะเป็นทางที่ดีที่สุดสำหรับตัวผมเองนะครับ

0
thirat_99 11 ก.ค. 59 เวลา 09:13 น. 5

ไม่สายไปหรอกครับ
แต่อาจจะเสียเเวลาไปหน่อยแต่ถ้าในอนาคตได้ทำอะไรในสิ่งที่ต้องการสิ่งที่เราชอบจะทำให้เรามีความสุขกับการทำงานกับชีวิตตัวเองครับ
ผมคิดว่าปัญหาทุกปัญหาล้วนมีทางแก้เสมอครับ
อย่างมหาวิทยาที่ผมเรียนอยู่ก็รับ ปวส.นะครับ
หากสนใจรายละเอียดสามารถดูได้จาก 
www.dpu.ac.th

1
โนบิตะ 11 ก.ค. 59 เวลา 11:05 น. 6

อย่าใช้อารมณ์แก้ปัญหาเลยน้อง เรื่องกิจกรรมไรพวกนั้นปล่อยไป ไปตั้งใจเรียนอีกปีให้จบ ะไปเีสยเวลาเริ่มนับหน่งใหม่ทำไม

2
lifedata 11 ก.ค. 59 เวลา 18:14 น. 6-1

เรื่องกิจกรรม ถ้าผมยังเรียนที่นั้นอยู่ จะให้วางก็คงไม่ได้นะครับ เพราะวิทยาลัยที่เรียน ก็ไม่ได้ใหญ่โตอะไรมากมาย คนที่มีศักยภาพพอที่จะทำกิจกรรม โดยที่สามารถเอาทุกคนอยู่ทุกครั้งที่จับไมค์มันก็ไม่ค่อยมี ถ้าผมจะวางเเล้วตั้งหน้าตั้งตาเรียนอย่างเดียว อาจารย์ท่านอื่นคงจะมองว่าผมทิ้งงานเป็นเเน่ ทางที่ผมะเลือกได้ มันเลยมีเเค่น้อยนิดนะครับ นั้นคือทนอยู่ต่อ กับออกมาเลย ซึ่งผมเลือกเเล้วว่าจะออกมาเลย เป็นการจบปัญหาทุกอย่าง ใครจะมองว่าหนีปัญหาผมคงไม่สนเเล้วครับ เอาความสบายใจของตัวเองเป็นที่ตั้งบ้าง หลังจากที่ต้องเอาความสบายใจของคนอื่นเป็นที่ตั้งมาโดยตลอด

0
โนบิตะ 11 ก.ค. 59 เวลา 22:38 น. 6-2

การหนีไม่ใช่เรื่องเสียหายถ้าต้องการเอาชีวิตรอด แต่จะต่างกับหนีปัญหา คนเราไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็มีปัญหาทั้งนั้น ถ้าน้องมั่นใจว่ารับได้กับ 4 ปีที่ยังไม่ได้ปริญญาสักใบเลย แล้วอยากเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง ทำได้แน่นอนครับ เพราะชีวิตเป็นของเราเอง แต่ก็ให้ทำใจไว้ล่วงหน้าจะมีปัญหาในอนาคตตามมาอีกมากมาย ซึ่งตอนนี้น้องอาจจะยังนึกไม่ออกว่าจะเจออะไรบ้าง เพราะกำลังอยากจะหนีไปจากจุดนี้ก่อน ถ้าพื้นฐานครอบครัวที่บ้านร่ำรวยมีกิจการ มีที่ดิน ฯลฯ แบบนี้จะช่วยลดปัญหาบางอย่างไปได้เยอะ แต่ถ้าฐานะทางบ้านธรรมดา ไม่มีมรดกทรัพย์สิน อนาคตเหนื่อยมากแน่

พี่ก็เคยอยู่ในสถานการณ์คล้าย ๆ อย่างนี้ อยากจะลาออกตอนปี 3 แต่พี่ตัดสินใจกลับไปคุยกับทางบ้าน ทำให้ตัดสินใจสู้อีกครั้ง อย่างน้อยก็ให้พ่อแม่สบายใจว่าเราเรียนจบ สามารถดูแลตัวเองได้เอง ทุกวันนี้พี่คิดว่าตัดสินใจไม่ผิด โลกของการทำงานนั้น ถ้าอายุมากไปจะเสียโอกาสหลายอย่าง แต่นั่นก็ต้องแล้วแต่คน ว่าจะเลือกไปทางไหน บางสายไม่เป็นไร บางสายมีผลอย่างมาก น้องคงตัดสินใจดีแล้วว่าจะเริ่มต้นใหม่ อย่างไงก็ขอให้เอาตัวรอดให้ได้ ไม่ต้องมานึกเสียใจภายหลังก็แล้วกันครับ.

0
THANA 11 ก.ค. 59 เวลา 14:58 น. 7

ผมก็อายุ 23 เหมือนเจ้าของกระทู้ครับแต่ก็จะซิ่วเป็นเด็ก 60 เหมือนกันครับทั้งที่เพื่อนรุ่นเดียวกันจบแล้ว 555
สู้สู้

1
lifedata 11 ก.ค. 59 เวลา 18:15 น. 7-1

สู้ๆนะครับ เเล้วมีคณะ หรือสาขา หรือมหาวิทยาลัยที่ตั้งใจจะซิ่วเเล้วหรือยังครับ ตอนนี้ผมก็วางเเผนทุกอย่างเรียบร้อยเเล้ว ว่าจะเข้าที่ไหน สาขาอะไร ที่เหลือคือ ตั้งใจอ่านหนังสือเตรียมสอบครับ

0
lady cersie 12 ก.ค. 59 เวลา 01:20 น. 8

อีกแค่ 1 ปีการศึกษา เราว่าเทอไปเรียนให้จบดีกว่า งานองค์การทำเท่าที่เราทำไหว เชื่อเราสิ ถ้าไม่มีเทอทำ เค้าก็หาคนอื่นมาทำแทนเทอได้ เทออย่าไปคิดว่ามีแต่เทอคนเดียวเท่านั้นที่ทำงานนี้ได้ อย่าเอาตัวเองเป็นศูนย์กลางของจักรวาล เทอกลับไปเรียนให้จบ ไม่ต้องไปแคร์อะไรมากมาย จบมาแทบจะไม่เคยกลับไปเหยียบที่เรียนอีก น้อยมากๆ อย่าหนี เผชิญหน้าอย่างมีสติ สู้ๆน่ะเทอ

แต่ถ้าเทอเลือกที่จะหันหลัง เดินออกมา ถามว่าอายุ 23 จะมาเริ่มเรียนปี 1 ใหม่ เราบอกเลยเคสอย่างเทอธรรมดามาก
คณะเรา มีพี่ที่จบ วิดวะ ฬ มา ทำงานมาแล้วด้วย มาเรียนใหม่ อีกคนจบเภสัช มา มาเรียนคณะเราใหม่ปี 1 อายุ ยี่สิบปลายๆ ล่ะ 23 ของเทอดูธรรมดาไปเลยแหล่ะ

ไม่ว่าเทอจะเลือกทางไหน ก็ขอให้คิดถึงครอบครัว คนที่เค้าอยู่เคียงข้างเทอมาตลอดน่ะ แคร์เค้าให้มากกว่า ขี้ปากคนอื่น

0
Int98 13 ก.ค. 59 เวลา 19:01 น. 9

ชีวิตเราเป็นของเราคนับ เรารู้จักตัวเองดีทั้งนั้นครับ อย่าให้คนที่ไม่รุ้จักตัวเรามาตัดสินสิคนับ
ถ้าปัญหาที่เกิดจากเรียน เรียนไม่ใหวแล้วจะซิ่วพอเข้าใจได้
แต่ถ้าเป็นแบบปัญหาทะเลาะกันกับครู หรือเพื่อน แฟน ซึ่งไม่ได้เกิดจากตัวเรา100% มาทำให้ออกจากคณะนี้ไปได้
ผมว่าถึงออกคณะนี้ไปแล้ว เด่ว ก้คงเจอเรื่องประมาณนี้อีก ซิ่วไปเรื่อยๆไม่รุ้จบ

ขอให้คิดได้นะครับ

0
somo 13 ก.ค. 59 เวลา 20:00 น. 10

ส่วนตัวคิดว่ายังไงมันก็เหลืออีกแค่ปีเดียวเองนะ ถ้าปัญหาไม่หนักมากจนเรียนต่อไม่ได้ก็คงอยากให้ไปเรียนต่อนะ ส่วนถ้าจะมาเรียนต่อปริญญาตรีอีกใบตามสาขาที่อยากเรียนจริงๆก็คิดว่ามันโอเค แต่ที่ได้อ่านความคิดเห็นแล้วเหมือน จขกท จะเลือกที่่จะซิ่วใหม่แล้ว ยังไงก็ขอให้สู้ๆนะ การที่เราซิ่วเพราะอยากเรียนจริงๆเราว่าความพยายามของ จขกท ต้องทำให้ซิ่วได้สำเร็จแน่ ส่วนเรื่องจะสายไปไหมหรือยังไงเราว่าคงไม่สายหรอกทุกคนมีสิทธิที่จะเลือกสิ่งที่ตัวเองรักและอยากทำ ส่วนการใช้ชีวิตในมอก็อยู่ที่ จขกท ว่าโอเคไหมที่ต้องเรียนกับรุ่นน้องถ้าโอเคก็อยู่ในมอได้ไม่ยากหรอก ยังไงก็สู้ๆนะ

0
ฟ้าณารา 14 ก.ค. 59 เวลา 03:28 น. 12

เอาจริงๆนะ พี่ พี่ไม่ต้องแคร์ใครอ่ะ อยากทำไรพี่ทำเลย
ที่พี่พิมพ์มา พี่ไม่เคยบอกถึงเรื่อง ปัญหาทางการเงินของที่บ้าน
นั้นแสดงว่า ที่บ้านต้องไม่มีปัญหาเรื่องเงินแน่นอน เพราะฉนั้น การที่เราทิ้งเวลาไม่กี่ปี กับสิ่งที่พี่ต้องทำไปตลอดชีวิตอ่ะ หนูว่ามันคุ้ม ตัวหนูเองนะ 20ค่ะ
- ตอนแรก อยากได้ทันตะ แต่ไม่ติดแล้ว ป๊อดค่ะ ไม่กล้าซิ่ว ก็เรียนสายวิทย์สุขภาพ(เรียน6ปี)
เรียนๆไป จบปี1 ก็ ดรอปมาเพราะต้องมาดูแลพ่อ แล้วก็เลยคิดว่า ไหนๆก็ไหนๆ ดรอปอีกสักปี ก็แล้วกัน เป็นไงเป็นกัน
จน รอบแอด ยื่นได้รัฐศาสตร์ คะแนนสูงสุด แต่ก็ทิ้งไปเพราะ รอบสัม เจอ อ.ที่แบบ หัวการเมืองรุนแรง
จริงๆไม่มีไรหรอก อยากยกเคสให้ฟังอีกเคส
- ตอนแรก ติด เทคนิครังสี เรียน1ปี แล้วซิ่ว
-ได้ สัตว เรียนจบ ทำงานประมาณ 2 ปีมั้งจำไม่ได้ แล้วก็เอาสอบเอาแพทย์ นิวแทรก

สรุป แกหลงทางจนเจอ เกือบ 8 ปี

พี่อย่าคิดมาดชีวิตเป็นของเรา ทำไรทำเลย ลองบอกพ่อแม่ ว่ารับได้ไหม มีปัญหาเรื่องเงินไหม หรือว่าพี่อาจทำงานพิเศษเสริม

สู้ๆ นะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ คิดจะทำอพไรทำเลย จะได้ไม่เสียใจทีหลัง

0
เมธวิน 14 ก.ค. 59 เวลา 11:06 น. 13

ตอบในฐานะคนเคยซิ่วตอนอายุราวๆ นี้นะครับ ผมได้เข้าศึกษามาหลายมหาวิทยาลัยเช่นกัน และเพิ่งศึกษาปริญญาตรีจบตอนอายุ 27 ปี เลยอยากจะบอกในมุมมองของคนที่ซิ่วนะครับว่า  อย่าทำเลย มันมีผลกระทบต่อเรื่องการหางานจริงๆ ยิ่งถ้าหากคุณซิ่วมาปีนี้ สมมติสอบเข้าได้ อายุก็ 23-24 แล้ว กว่าจะเรียนจบอายุก็คงช่วงราวๆ ผมนี่แหละ จะบอกว่าหางานค่อนข้างยาก เพราะอายุเริ่มเยอะ และเทียบกับคนที่จบตามเกณฑ์แล้ว เราจะเสียเปรียบพอสมควร และคำถามเวลาเข้าสัมภาษณ์ที่จะต้องเจอก่อนอันดับแรกเลยคือ ทำไมอายุขนาดนี้เพิ่งเรียนจบ ตอนผมโดนถามก็แอบจี๊ดๆ ในใจนะ แต่ก็ตอบไปตามความจริง

ถ้าทนได้กัดฟันทนเรียนให้จบเถอะครับ เพื่อไม่ต้องลำบากเวลาหางานในอนาคตแบบผม

0
ความหวัง 14 ก.ค. 59 เวลา 22:13 น. 14

เธอไม่ได้มีปัญหาคนเดียวหรอกนะ เราเองก้23แล้วยังไม่จบสักที่ ในขณะที่เพื่อนเรียนจบทำง่นกันหมดแล้ว ปีแรกที่จบม.6สอบได้คณะนึงในจุฬา แต่ก้ไม่ชอบ อยากเป็นหมอ แต่ปีนั้นก้สอบไม่ติด ก้ลองหยุดอยู่บ้าน1ปี สอบใหม่ ก้ไม่ติดหมอ แต่แอดได้หมอหมาม.ดังในเรื่องนี้ แต่เรียนมาได้1ปีก้ลองสอบหมอใหม่ก้ไม่ติด ก้เลยคิดว่าเรียนหมอหมานี่แหละ ยังไงก้ได้ช่วยเหลือเหมือนกัน จนเรียนมาได้ถึงปี3เราก็ป่วย เข้ารพ นอน7วัน และเป็นโรคที่ต้องเป้นไปตลอดชีวิตไม่มีทางหาย วันที่นอนรพหมอมาบอกว่าเราไม่สามารถเรียนหมอหมาได้อีกต่อไปเพราะร่างกายไม่อำนวย วันนั้นเหมือนทุกอย่างในชีวิตมันล่มไปหมด ร้องไห้หนักมาก แต่เราก้คิดได้ว่าเราไม่สามารถอยุ้กับความทุกข์ได้ ถ้าเรายังคิดมากอยู่ คิดใหม่ทำใหม่ ดราตัดสินใจลาออกจากหมอหมา และเราก้เรียนรามแทน ซึ่งตอนนี้ชีวิตก้มีความสุขดี ถ้าเราคิดในแง่บวก อะไรอะไรก้จะดีขึ้น เล่าสะยาวเลย55 ถามว่าสายมั้ยที่จะซิ่ว เราว่าไม่หรอก ถ้าเราจะทำตามสิ่งที่ชอบ นี่เรายังคิดอยุ่เลยว่า ถ้าอาการดีขึ้นเราจะทำความฝันต่อคือสอบหมอใหม่ ยังไงก็สู้ๆนะ

0
น้ำแข็ง 15 ก.ค. 59 เวลา 08:41 น. 15

ไม่สายไปหรอกค่ะสำหรับการเรียนรู้ พ่อหนูเคยบอกไว้ว่า " ถ้าเราคิดจะเริ่มต้นใหม่ในการเรียนรู้ ไม่มีคำว่าสายไป เพราะทุกอย่างมันจะสอนเราใหม่เสมอ ! "

ถึงหนูจะยังไม่เคยซิ่ว แต่หนูเข้าใจความรู้สึกที่ว่า มันไม่ใช่ก็คือไม่ใช่ เราอดทนอยู่กับมันไม่ได้หรอกค่ะ ถ้ามีโอกาสที่จะทำให้เราสามารถหลุดออกมาจากความอดทนตรงนั้นได้ ก็ควรที่คว้ามันไว้ไม่ใช่หรอคะ !

หนูเป็น #dek59 หนูผิดหวังจากความผิดพลาดของตัวเองปีนี้เลยต้องเรียนไปก่อน แต่ตัวเองก็พยายามที่จะเริ่มใหม่อีกครั้งสำหรับฝันนั้น ซิ่วไปในสิ่งที่ใช่ไม่เห็นหน้าอายเลยค่ะ เราต้องอยู่กับมันไปตลอดช่วงระยะเวลา 4-5 ปีในรั่วมหาวิทยาลัย เรียนที่ตัวเองชอบเวลามักจะผ่านไปเร็ว แต่ถ้าเรียนที่ไม่ใช่มันก็เหมือนต้องอดทนตลอดเวลา ไปเรียนเพื่อรอเวลาเลิกมันทรมานน่าดูเลย

หนูก็ตั้งใจที่จะซิ่วเหมือนกัน เพื่อตามความฝันของตัวเองอีกครั้ง พี่ก็สู้ๆนะคะ ไม่สายเกินไป เราต้องทำมันได้แน่ หนูก็จะสู้เหมือนกัน

มีหลายเหตุผลที่ทำให้อย่างเราๆต้องซิ่ว ของหนูเป็นเพราะความผิดพลาดของตัวเองที่สนใจความรู้สึกของคนอื่นมากกว่าตน เลยต้องเป็นแบบนี้ !!!

ฝากบอกน้องๆ #dek60 ที่พี่ๆซิ่วมาไม่ได้จะมาแย้งที่นั่งน้อง เพียงแค่น้องมั่นใจ มีความรู้ที่น้องคิดว่ามากพอที่จะพาตัวเองเดินตามความฝันได้ น้องไม่ต้องกลัวอะไรเลย ทุกอย่างมันจะเป็นของน้องเอง ยกเว้นก็แต่น้องมัวมานั่งว่าพวกพี่แล้วไม่สนใจหนังสือที่อยู่ตรงหน้าต่อให้น้อง ความฝันของน้องมันจะค่อยๆจางหายไป เพื่อรอให้น้องซิ่วหามันเหมือนพี่อีกครั้ง

เลือกทำตามความฝันในวันนี้ก็ได้วันนี้
เลือกทำตามความฝันในวันพรุ่งนี้ก็พรุ่งนี้อยู่ร่ำไป !!


สู้ๆๆๆนะคะ หนูก็จะสู้ๆเหมือนกัน ..... เป็นกำลังใจให้พี่นะคะ

0
Survey-Corp 15 ก.ค. 59 เวลา 14:40 น. 16

ไม่มีคำว่าสายเกินไปสำหรับการเรียนหรอกครับ แต่ควรจะคิดให้ดีให้ถี่ถ้วนก่อนแค่นั้น
ถ้าจำเป็นแล้วจริง ๆ ก็ทำตามที่เราเห็นสมควรที่สุดครับ

ผมเองก็มีปัญหาเหมือนกัน เป็น DekAd57 เรียนมหาลัยแห่งหนึ่งทางภาคเหนือ
ตอนแอดติดแล้วเข้าเรียน ไม่มีปัญหา เพราะเป็นสาขาที่ใฝ่ฝัน และที่บ้านก็มีฐานะปานกลาง
พอส่งค่าเล่าเรียนได้ ผมจึงไม่ได้ขอกู้ กยศ. เพราะเห็นว่าเราไม่จำเป็นต้องกู้ ให้คนที่เขาจำเป็นดีกว่า แต่พอมาช่วงปิดเทอมขึ้นปี 2 ฐานะทางบ้านดิ่ง เพราะพิษเศรษฐกิจ มีภาระหนี้สิน แล้วยายที่เลี้ยงดูเรามาแต่เด็กก็ป่วย กลายเป็นช่วงที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก และยายก็อยู่บ้านคนเดียว พ่อแม่ต้องทำงานต่างจังหวัด กลับทีปีละครั้งหรือสองปีครั้ง 
เลยเป็นช่วงที่เครียดหนักมากๆ เพราะต้องหาทางออก จึงตัดสินใจคุยกับพี่บ้าน 
ว่าจะซิ่วไปเรียนที่ม.ใกล้บ้าน จนที่บ้านก็โอเค เห็นด้วย จึงได้ซิ่วมาเป็นเด็กแอดฯ 59
แต่ก็ยังไม่จบแค่นั้น เพราะต้องขอกู้ กยศ. และหางานเสริมทำ เพราะอยู่ในฐานะที่ต้องส่งตัวเองเรียน แล้วก็ต้องไป-กลับบ้านบ่อย ๆ เพื่อดูแลยาย

ยังไงก็ สู้สู้นะครับ ทุกปัญหาที่เข้ามาจะทำให้เราเข้มแข็งในการใช้ชีวิตมากขึ้น

0