Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

(รีวิว) เมื่อข้าน้อยได้รางวัล... ตั๋วฟรีไปญี่ปุ่น (ภาค 1)

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
สวัสดีค่ะ เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ชาวเว็บเด็กดี กลับมาพบกับนิลกันอีกแล้ว หลังจากหายไปจากบอร์ดนี้เป็นเวลาปีกว่า นับจากกระทู้รีวิวเที่ยวญี่ปุ่นช่วงซากุระบาน

คราวนี้นิลก็มีความยินดีและภูมิใจที่จะนำเสนอ วีรกรรมในการเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง (จากที่คราวที่แล้วไปทัวร์ แหะๆ)

ไม่ใช่ปีกกล้าขาแข็งแต่อย่างใด แต่เพราะเข้าไปตอบคำถามเกี่ยวกับ 'ความใฝ่ฝันที่จะไปญี่ปุ่น' ที่เพจของนิตยสาร (Free Magazine) ในเครือนิตยสารวะเทนชั่นญี่ปุ่น อันมีนามกรว่า WAttention แล้วได้รับคัดเลือกให้เป็นผู้รับรางวัลตั๋วเครื่องบินไปกลับ ดอนเมือง-โอซาก้า ของสายการบิน Airasia X จำนวน 2 ที่นั่งค่ะ

และนั่นคือที่มาของวีรกรรมในครั้งนี้ โดยนิลเลือกช่วงหยุดยาวของวันอาสาฬหบูชา เข้าพรรษา จำนวน 7 วัน ในการไปเที่ยวค่ะ เพราะพี่สะใภ้ของนิลและแฟนของนิล (ที่ทำงานอยู่ญี่ปุ่น) หยุดตรงกันช่วงนั้นพอดี กลับมานี่หมดตูดทีเดียวเชียว ฮาาาาา ฟรีแต่ตั๋วเครื่องบินนี่นา
 
...............................................

ขอขอบคุณแอดมินเพจ WAttention Thailand พี่ๆ ทีมงานนิตสารวะเทนชั่น และพี่ๆ จากสายการบิน Airasia X ที่ให้ความกรุณามาตลอดด้วยค่ะ

...................................................
 

15 กรกฎาคม 2559 วันแรกของการเดินทาง หลังเช็คอินและขึ้นเครื่อง นิลกับพี่สะใภ้ได้นั่งตรงกลางเครื่องพอดีค่ะ เลยไม่ได้ถ่ายรูปนอกหน้าต่างเลย จะเซลฟี่... หน้าตัวเองก็ออกมาแบบเดิมทุกรูป (แหะๆ) แต่ดีตรงที่ได้หลับเอาแรงบนเครื่องบินค่ะ (ไม่งั้นก็เอาแต่มองนอกหน้าต่างอยู่นั่นเหมือนคราวก่อน) ใกล้ห้องน้ำด้วยเข้าสะดวก ที่นั่งของเราเป็นที่นั่งแบบ 3 ที่ติดกัน โดยที่นั่งข้างๆ ก็เป็นของคุณลุงชาวญี่ปุ่นที่นั่งดูคลิปวีดีโอคอนเสิร์ตอย่างเงียบๆ ตลอดการเดินทาง

เครื่องทะยานออกจากสนามบินดอนเมืองช้ากว่าเวลาที่กำหนด ถึงแม้ว่าจะเริ่มออกตัวตรงเวลา ซึ่งก็อาจเป็นเพราะความหนาแน่นของเครื่องบินค่ะ ด้วยเหตุนี้จากที่ต้องถึงสนามบินคันไซ 21.40 น. เลยกลายเป็น 22.15 น.

ฟังเหมือนจะโชคร้าย แต่สำหรับเรามันกลายเป็นความโชคดีแฮะ เพราะเครื่องที่ลงสนามบินคันไซพร้อมกันแทบไม่มี แถมนิลกับพี่สะใภ้ยังแลกตั๋วรถไฟ JR ทัน ชนิดที่ต่อคิวแค่คิวเดียว (และเป็นคนไทยเหมือนกันเสียด้วย) ก่อนที่เราจะวิ่งหน้าตั้งมาขึ้นรถไฟเที่ยวสุดท้าย เพื่อไปยังสถานีโอซาก้าทันแบบมีเวลานั่งพัก ฮาาาา โชคดีมากๆ

ความประทับใจ 1 ตอนขึ้นรถไฟแรกๆ นิลกับพี่สะใภ้ต้องนั่งแยกกันค่ะ แต่ก็มีคนญี่ปุ่นที่นั่งข้างๆ นิล แลกที่นั่งให้ได้นั่งด้วยกัน เจ้าของประเทศนี้ใจดีตลอดๆ ตั้งแต่คราวก่อนแล้ว

สามารถเข้าไปชมรูปภาพฉบับเต็มสูตรกันได้ที่ Facebook ID Ploynil Chitima นะคะ

 

คืนแรก เราพักแถวชินโอซาก้า (ต่อรถไฟจากสถานีโอซาก้ามาลงชินโอซาก้าอีกทอดค่ะ) โรงแรม Shin-Osaka Station Hotel Annex ห้องพักดีมาก ไม่แคบเกินไป มีน้ำดื่มเป็นขวดให้ด้วย 2 ขวด แถมอยู่ใกล้สถานี เลียบทางรถไฟ แต่ไม่หนวกหูเลย เงียบสนิท

ตื่นเช้ามาทันถ่ายรูปรถไฟขบวนแรก เพราะแทบไม่ได้นอน ฮาาาา แต่ก็ยังสู้ๆ นะคะ
 

ส่วนรูปนี้เป็นภาพจากนอกหน้าต่างโรงแรม ภายในห้องพัก และอาหารเช้าของเราค่ะ หุๆ





มีนางแบบติดมาด้วย หุๆ พี่สะใภ้นิลเองค่ะ











16 กรกฎาคม 2559 วันที่ 2 ของการเดินทาง นิลวางแผนไว้ว่าช่วงเช้าถึงเที่ยงจะไปเที่ยวเกียวโต และไปนาราในตอนบ่าย เราออกจากสถานีชินโอซาก้าไปยังสถานีเกียวโตด้วยรถไฟชินคันเซ็นขบวนว่างๆ นั่งสบาย เพราะซื้อตั๋วรถไฟ JR แบบใช้ได้เกือบทุกขบวนไปตั้งแต่ที่ไทย หมดตูดกันตั้งแต่ก่อนไปเลยค่ะ แหะๆ

มีนางแบบติดมาอีกล่ะ





ถึงแล้วค่ะ สถานีเกียวโต แป๊บเดียวเอง





ภายในสถานีเกียวโต ยามเช้าอันพลุกพล่าน




ภายในรถบัสที่เราขึ้นไปวัดคิโยมิสึค่ะ ดันขึ้นผิดป้าย รถก็พาไปวนยังท่ารถ ก่อนจะกลับมาส่งตรงป้ายทางที่ต้องการ ในอีก 1 ชั่วโมงต่อมา แหะๆ นั่งจนหายเหนื่อยหายเมื่อยเลย




ถึงแล้ววัดคิโยมิสึ มาตะกายเขาขึ้นไปกัน มีนางแบบติดมาเช่นเคย




ฝาท่อสวยๆ สักนิดนึง







ระดับความชันถือว่าพอสมควรค่ะ ไม่เหนื่อยมาก ดีที่ช่วงขาขึ้นไม่ค่อยมีแดด



ประตูทางเข้าวัด




จากบนศาลาไม้ มองเห็นวิวเกียวโตทั้งเมือง สวยมากๆ





 ดื่มน้ำขอพรจากแม่น้ำสามสาย






บันไดทางลงมายังจุดดื่มน้ำขอพรค่ะ



ด้านล่างตัวศาลาที่ใช้เพียงไม้ขัดกัน และอยู่ยงคงกระพันมาจนถึงทุกวันนี้ มหัศจรรย์มากๆ เข้าชิง 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกด้วยนะคะ





ออกจากวัดคิโยมิสึ ก็ไปตะลุยวัดคินคะคุจิของอิคคิวซังกันต่อ และเพื่อไม่ให้เกิดขึ้นรถผิดป้ายอีกเราก็ถามเจ้าของประเทศเสียเลย โดยที่นิลค้นจากอินเตอร์เน็ต เราจะต้องนั่งรถบัสกลับสถานีรถไฟเกียวโต และเปลี่ยนรถอีกสายเพื่อไปตามหาอิคคิวซังที่วัดคินคะคุจิ

ความประทับใจที่ 2 และเมื่อนิลถามคุณป้าชาวญี่ปุ่นตอนจะขึ้นรถบัสสายที่ว่า จึงได้รู้ว่า... ตูเกือบจะขึ้นผิดป้ายอีกแล้ว คุณป้าชี้มือไปทางโน้น ซ้ำยังตะโกนบอกอยู่หลายครั้ง เพราะเกรงเราจะหลงไปขึ้นผิดป้ายอีก ต่อจากนั้นก็มีชาวต่างชาติแบกเป้อีกคนมานำทางเราไป ก่อนจะได้นั่งรถวนอีกรอบ อะ ถือว่าโชคดีเนอะ

ทางเข้าวัดคินคะคุจิ




รวมภาพศาลาทองวัดคินคะคุจิจากมุมต่างๆ









ช่วงบ่าย หลังโซ้ยมือเที่ยงแล้ว ก็ขึ้นรถไปไปนารากันต่อค่ะ

ภาพจากวิวหน้าต่างรถไฟ






และเพราะมัวหลงทางอยู่กับน้องกวางบวกกับขาเดินไม่ไหวแล้ว ฮาาาา นิลกับพี่สะใภ้ก็เลยไม่ได้ไปวัดโทไดจิตามที่ตั้งใจไว้ ง่ะ ไว้คราวหน้าเนอะ เพราะเย็นนี้นิลต้องขึ้นรถไฟไปซากะให้ทันค่ะ พรุ่งนี้นัดกับแฟนไว้ว่าจะไปตามรอยซีรี่ส์ ซากะ... ฉันจะคิดถึงเธอ ที่คาราสึ แหะๆ



เชื่องมาก







ขึ้นรถไฟกลับมาที่สถานีชินโอซาก้า กลับไปเอากระเป๋าที่ฝากไว้ที่โรงแรม แล้วกลับมาที่สถานี แหะๆ (งงไหมคะ) ขึ้นรถไฟชินคันเซ็นไปคิวชู ลงสถานีซากะ ใช้เวลาประมาณเกือบๆ 3 ชั่วโมงค่ะ (น่าจะ 2 ชั่วโมง 45 นาทีนะคะ ถ้าจำไม่ผิด รถไฟญี่ปุ่นเร็วและตรงเวลามากๆ)




อ่านต่อกระทู้หน้านะคะ รูปเยอะเกินลงกระทู้เดียวไม่หมด

กระทู้ภาค 2 ค่ะ จิ้มเลย http://www.dek-d.com/board/view/3678340/

(รีวิวภาค 3)

(รีวิวภาค 4)

(รีวิวภาคจบ)

 

แสดงความคิดเห็น

>

2 ความคิดเห็น