Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

"เขียนยังไงให้จบ?" คำถามยอดฮิตที่คันปากมานาน

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
ขอเอาโหมดจอมยุทธออกไปก่อนนะคะ โหมดนั้นสุภาพเรียบร้อยต้องใช้เวลาในการคิดการพิมพ์เยอะ ตอนนี้ง่วง สดเลยละกันค่ะ

เชื่อว่าใครหลายคนคงมีคำถามนี้ในใจ เท่าที่ดูจากกระทู้หลายๆ กระทู้ที่นักอ่านออกมาบ่นกันว่าคนเขียนเขียนไม่จบก็ชอบเปิดเรื่องใหม่แล้ว แล้วเรื่องเก่าก็ทิ้งค้างเติ่งให้รอเก้อจนอยู่ในพิพิธภัณฑ์ไหดองใต้บาดาล อย่าว่าแต่นักอ่านเลยค่ะ เชื่อว่านักเขียนเองก็ไม่ได้อยากทำแบบนั้นหรอก แต่มันไม่จบจะให้ทำยังไง แล้วในท้ายที่สุดก็เฟ้นหาคำตอบว่า "จะทำยังไงถึงจะเขียนจบ?"

ถ้ามีนักเขียนถามหนิงด้วยคำถามนี้ ก็ขอย้อนถามกลับไปเหมือนกัน

"แล้วทำยังไงให้เขียนไม่จบ?"

เคสแต่ละเคสไม่เหมือนกันหรอกค่ะ คนเขียนต้องถามตัวเองว่าตัวเองหยุดเขียนเพราะอะไร ตัวเองรู้ตัวเองดีที่สุดแล้วค่ะ ถามใครไป เขาก็ให้คำตอบได้ในระดับหนึ่งเท่านั้น ตอบได้ไม่ตรงเท่ากับตัวเราตอบตัวเราเองหรอกค่ะ

ตัวอย่างแรก

เคสหนิงเอง มีเรื่องสืบสวนที่ดองเอาไว้ เขียนไม่จบ ไปต่อไม่ได้ (ส่วนมากหนิงเขียนจบ แต่เรื่องนี้จำต้องเทเข้าไห ไม่ได้เอานิยายเข้าไหมา 8 ปีแล้วเนี่ย)

ถามตัวเองดูค่ะ เพราะอะไร เราถึงไปต่อไม่ได้?

ตอบ ข้อมูลที่หนิงหามาทิ้งๆ ไว้ ต่อเป็นจิ๊กซอขึ้นมาได้แล้ว (หนิงเป็นนักเขียนที่ Simulate เรื่องทั้งหมดในหัวก่อนจะลงมือเขียนค่ะ) แต่พอเขียนไปกลับยังพบจิ๊กซอที่เว้าแหว่งอยู่ ตอนแรกเชื่อว่าเราจะหาข้อมูลมาปิดรูโหว่นั้นได้ แต่กลายเป็นว่าหาได้แต่แบบเฉียดไปเฉียดมา ไปได้ข้อมูลอื่นที่ทำให้ข้อมูลเดิมลักลั่น จนทำให้จิ๊กซอที่ Simulate ไว้รวนจนช่องนั้นขยายขึ้นจนต้องหยุดทุกอย่าง

แล้วเราจะแก้ไขยังไง? (อาจจะหมายถึงเรื่องที่เราดองไว้ หรือหมายถึงเรื่องในอนาคตที่กำลังจะเขียนก็ได้)

ตอบ เรื่องนี้หนิงยังไปต่อไม่ได้ ต้องใส่ไหไว้ และอาจจะไม่ได้เปิดมันอีก คงต้องเป็นบทเรียนสำหรับเรื่องถัดไป ส่วนตัวคิดว่าดูถูกเรื่องสืบสวนฯ เกินไป ถ้าเรื่องปกติ จิ๊กซอไม่เต็มก็ไม่เป็นไร หาเอาดาบหน้าได้ แต่สำหรับเรื่องสืบสวนฯ ทำแบบนั้นไม่ได้ แปลว่าต้องเตรียมข้อมูลให้มากขึ้น ลงรายละเอียดและวางแผนให้มากกว่าใกล้เคียง 100% ให้มากกว่าเดิม

นับเป็นการเฟลในรอบ 8 ปีที่รู้สึกว่าตัวเองต้องถอยกลับมาตั้งไข่อีกรอบหนึ่ง ซึ่งก็ดีค่ะ ให้ประสบการณ์ใหม่ๆ ที่น่าเรียนรู้


ส่วนตัวอย่างอื่น เช่นว่า มีเรื่องใหม่ที่สนุกและอยากเขียนมากกว่า อันนี้ก็ต้องคิดแล้วล่ะว่าจริงๆ คุณอาจจะไม่ได้ชอบเรื่องที่เขียนในปัจจุบันสักเท่าไร หรือไม่ก็เป็นคนขี้เบื่อ เลยทำให้คุณมีสมาธิกับมันน้อยกว่าที่ควรจะเป็น ครั้งหน้าถ้ามีพล็อตใหม่ๆ เกิดขึ้น ให้พิจารณาก่อนว่าเราจะสามารถอยู่กับมันเป็นปีๆ ได้ไหม ถ้าไม่ ก็ลองชั่งใจดูว่าจะเขียนต่ออีกไหม เขียนโดยที่รู้ว่าจุดจบมันจะเป็นยังไง หรือไม่อย่างนั้น อาจจะเขียนแต่ทำให้มันสั้นลง ไม่ต้องขยายให้มันอลังการ ก็อาจจะมีแนวโน้มจบมากขึ้น

ลองถามว่าทำไมกับตัวเองสัก 5 ทำไมต่อๆ กันไปดูค่ะ มันอาจจะนำไปสู่ปัญหาที่แท้จริงของตัวเองว่า ทำไมถึงเขียนไม่จบ?  เช่น เขียนไม่สนุกแล้ว ทำไมถึงเขียนไม่สนุก เพราะปมเยอะจนแก้ไม่ไหว แล้วทำไมถึงแก้ไม่ไหว เพราะมันอยู่นอกเหนือจากที่คิด คือยิ่งเขียนยิ่งงอกจนเยอะไปหมด ทำไมปมถึงงอก เพราะไม่เขียนตามแผนที่วางไว้และไม่คุมปมจนทำให้เรื่องไปในทางเกินควบคุม เกิดปมเยอะไปหมด เป็นต้น

--> ยังไม่ถึง 5 ทำไมด้วยซ้ำ ก็ได้คำตอบแล้วว่า เพราะไม่ทำตามแผนที่วางไว้เลยเจอปัญหาทำให้เขียนไม่สนุกแล้วเลยเขียนไม่จบ

แต่ถ้าถามตัวเองแล้ว ยังคงวนเวียนหาคำตอบไม่ได้ หรือบอกได้แต่หาทางแก้ไม่ได้ ก็ค่อยลองบอกในกระทู้นี้ดูก็ได้ เชื่อว่ามีเพื่อนๆ หลายคนที่มีประสบการณ์เดียวกัน หรือใกล้เคียงกันให้คำปรึกษาได้ค่ะ :)

แต่ที่แน่ๆ ไม่ใช่ถามขึ้นมาลอยๆ ว่า "เขียนยังไงให้จบ?" แล้วไม่บอกรายละเอียดว่าตัวเองมีปัญหาอะไรจริงๆ เพราะมันทำให้คนเห็นคำถามไม่มีปี่มีขลุ่ยนี้ (อย่างหนิง) รู้สึกว่าเจ้าของคำถามไม่ได้คิดกับมันจริงจังสักเท่าไร เลยขี้เกียจจะตอบเพราะมันตอบได้ล้านแปดน่ะค่ะ  

แสดงความคิดเห็น

>

10 ความคิดเห็น

=RAY= 27 ส.ค. 59 เวลา 07:45 น. 1

เป็นคำถามที่ กระทู้นี้ให้คำตอบที่ทำให้เรามองได้กว้างกว่าที่คิดนะคะ ^^" 

ส่วนตัวเพิ่งแต่งจบเล่ม 1 ไป รู้สึกดีใจมากในการเข็นมันมาได้ครึ่งทาง 5555555

ปัญหาหลักของเราคือไม่มีเวลา 5555 (ปัญหายอดฮิตจริงๆ) ก็พยายามจัดการชีวิตตัวเอง แบ่งสรรเวลากันไป ช่วงปลีกตัวแต่งได้ก็แต่ง ปลีกไม่ได้ก็จำเป็นต้องหยุดพักเพื่อเอาชีวิตจริงให้เรียบร้อย ก็ถือว่าพักสมอง คิดพล็อตไปแทนค่ะ

จริงๆก็เจออุปสรรคแบบที่คุณหนิงว่าล่ะ ตันบ้าง ต้องเข้าไปใช้เวลาหาจุดแก้ หาปม หาอะไรเหมือนกัน

สำหรับเราการเปิดเรื่องใหม่ นี่ก็เปิดแบบอยากแต่งด้วย แล้วก็เปลี่ยนฟิลลิ่งด้วยในเคสที่ช่วงนั้นตันกับเรื่องเก่ามาก 55555555 แต่ก็ไม่ได้คิดจะทิ้ง ตั้งใจแต่งต่ออยู่แล้ว

มันทำให้ฟิลเราสดชื่นได้มากๆเลยค่ะ ได้สัมผัสบรรยากาศใหม่ อะไรใหม่ๆ ทำให้หัวสมองโล่ง แล้วก็มีไฟกลับไปจัดการเรื่องเก่าต่อ 

จริงๆคำตอบมันก็อยู่ที่ตัวคนเขียนจริงๆแหละค่ะ คนเขียนย่อมทราบอยู่ละ ว่าทำไมเรื่องนั้นเขาถึงเขียนไม่จบ เพราะแต่ละคนก็ปัจจัยไม่เหมือนกัน ^^" 

1
peiNing Zheng 27 ส.ค. 59 เวลา 14:04 น. 1-1

เชื่อว่าคนเขียนรู้แก่ใจนะคะว่าทำไมถึงเขียนได้ไม่จบ เพียงแต่อาจจะจัดการกับตัวเองไม่ได้เพราะเหตุใดเหตุหนึ่ง

ส่วนตัวหนิงไม่ค่อยใส่ใจกับเรื่องที่จำเป็นต้องใส่ไห เพราะรู้ดีว่าถ้าไปไม่ได้ก็คือไม่ได้ หรือแม้กระทั่งเรื่องที่จบแล้ว และโดนจวกยับจนงิดไปซักพัก หนิงก็ไม่สนใจจะกลับไปแก้ไขเรื่องนั้นอีก สิ่งที่สร้างขึ้นไปแล้ว การรื้อก็คือการสร้างใหม่หมด หนิงขี้เบื่ออ่ะ จะให้ไปจมกับของเดิมซ้ำมันไม่น่าสนใจอีกแล้ว

ถึงอย่างนั้น การเรียนรู้กับมันเพื่อเตือนตัวเองไม่ให้พลาดซ้ำสองก็เป็นเรื่องสำคัญ ไม่ว่าเคสที่สำเร็จหรือล้มเหลวก็ตาม

การเปิดเรื่องใหม่ หนิงก็ไม่ได้ว่ามันไม่ดีนะคะ วิธีแก้ปัญหาของนักเขียนแต่ละคนไม่เหมือนกัน ของคุณเรย์เพื่อเปลี่ยนบรรยากาศซึ่งหนิงเข้าใจ (เพราะตัวเองก็เคยทำ ^^") แต่ผลปรากฏว่า เหมือนหนีจากหลุมพรางหนึ่งไปสร้างหลุมพรางใหม่ขึ้น แถมมีข้อจำกัดเรื่องเวลาอีก เลยทำให้ทั้งสองเรื่องนั้นแทบลงไหได้ทั้งคู่ โชคดีที่กลับลำทัน (มั้ง) คือ เลือกเตะของเก่าลงไหผนึกฝาไปเลย แล้วเข็นเรื่องใหม่จนจบจนได้

ผลจากการกระทำครั้งนั้น ทำให้หนิงเรียนรู้ที่จะอดทน อดใจ เขียนทีละเรื่องเพราะรู้ว่าถ้ามากกว่านี้มันจะไม่สำเร็จสักอย่าง และอีกเรื่องคือ จะไม่ลงให้คนอ่านจนกว่าจะจบ กันความไม่น่าเชื่อถือที่เกิดขึ้น คนอ่านที่อ่านงานหนิง พวกเขามั่นใจได้อยู่แล้วว่าจะได้อ่านไปถึงตอนจบของเรื่องแน่นอน

แต่นั่นเป็นเพราะหนิงเขียนช้า (มาก) สามารถจัดการกับตัวเองได้จำกัด ไม่เก่งและสมาธิไม่ดีพอจะทำอะไรหลายอย่างได้ในเวลาเดียวกัน ถ้าคุณเรย์สามารถแบ่งเวลา และจัดการงานเขียนได้ดี คงไม่พบปัญหาเดียวกับหนิงค่ะ มีคนเขียนมากมายที่สามารถเขียนสองหรือสามเรื่องควบคู่กันและผลงานที่ผลิตได้ยังดีอีกด้วย ^^

เป็นกำลังใจให้ค่ะ คนที่สามารถเขียนได้จบอย่างน้อย 1 เรื่อง เรื่องถัดๆ ไปก็มีแนวโน้มจะจบอีกเพราะเริ่มรู้แล้วว่าจะจัดการกับมันยังไง

0
Death With Love 27 ส.ค. 59 เวลา 11:30 น. 2

ผมถามตัวเองข้อเดียวก็ถึงบางอ้อแล้วครับ (ฮา)
แต่มันช่างเป็นอุปสรรคใหญ่หลวง ผมจะพยายามพิชิตแล้วเขียนให้จบ(สัก)เรื่องให้ได้ครับ

1
peiNing Zheng 27 ส.ค. 59 เวลา 14:06 น. 2-1

สู้ๆ ค่ะ อุปสรรคบางอย่าง ต้องเป็นเจ้าตัวเท่านั้นที่จะเข้าใจและฮึดสู้เพื่อที่จะข้ามผ่านมันให้ได้

และเมื่อผ่านมันไปได้ ครั้งถัดไปที่เราจะต้องเผชิญหน้ามัน มันจะไม่ยากเท่าตอนแรกอีกแล้วค่ะ :)

0
peiNing Zheng 27 ส.ค. 59 เวลา 23:45 น. 3-1

เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งเลยค่ะ ยิ่งต้องใช้แรงกายแรงใจเท่าไร เวลาสำเร็จแรงยินดีก็ยิ่งมากเท่านั้น :)

0
คุณพีทคุง พิธันดร 28 ส.ค. 59 เวลา 00:22 น. 4

เห็นกระทู้นี้ตั้งแต่เมื่อคืน (ดึกๆ) แต่ตอนนั้นขาดสติ (???) เลยยังไม่กล้าตอบครับ

เป็นแง่มุมที่น่าสนใจและมีประโยชน์มากครับ (กาดาวสิบสองดวง) เราคุ้นกับการตั้งคำถาม How to (เช่น เขียนยังไงให้จบ) แต่บางทีก็เผลอลืมคำถาม Why ไป (เช่น แล้วทำไมถึงเขียนไม่จบ???)


ข้อแนะนำของคุณหนิงมีประโยชน์มากๆ สำหรับมือใหม่ที่กำลังเริ่มหัดเขียน


ผมก็เหมือนคุณหนิงคือเห็นกระทู้ที่ถามทำนองนี้เยอะเหลือเกิน อ่านดูก็รู้ว่ามือใหม่ทั้งนั้น คือบางทีเรามี "ใจ" อะนะ แต่เพราะเพิ่งเริ่ม เราเลยยังไม่รู้ว่า "ใจ" เป็นแค่ส่วนหนึ่ง ยังต้องมีส่วนอื่นๆ มาประกอบกันหลายอย่าง

สมัยนี้คนหันมา "อยาก" เขียนนิยายกันเยอะ อาจเพราะพื้นที่ลงนิยายมีเยอะ บางคนลงแล้วก็มีแฟนคลับเยอะ ยอดวิวเยอะ เราก็รู้สึกว่ามันคง "ง่ายๆ" ไม่ทันนึกว่า จะเขียนนิยาย จะว่ายน้ำ จะถีบจักรยาน จะทำกับข้าว จะเรียนภาษาใหม่ อะไรก็ตาม ถ้าจะทำให้ได้ดี มันต้องมีความอดทนฝึกฝนด้วยกันทั้งนั้น


รำพึงมาเยอะ ต่อไปนี้เป็นข้อเสนอเพิ่มเติมจากคุณหนิงข้างบน


1. คนเขียนควรจะรู้ตัวก่อนว่า อยากเขียนเพื่ออะไร อยากเขียนเพื่อฝึกมือ หรืออยากเขียนเพื่อให้จบ (แล้วจะทำอะไรต่อก็แล้วแต่)

ถ้าอยากเขียนเพื่อฝึกมือ จะเริ่มเรื่องใหม่เขียนไปสามบทแล้วหยุด แบบนี้กี่รอบก็ไม่มีปัญหา มันเป็นการพัฒนาสมองและฝีมือครับ มีข้อจำกัดอย่างเดียวคือ เราก็จะได้ฝึกแค่การเปิดเรื่อง ไม่ได้ฝึกไปถึงการจบเรื่องซะที

แต่ถ้าอยากเขียนเพื่อให้จบ อันนี้ก็ต้องตั้งใจกับมันให้มากขึ้น รู้ว่านี่คือหนึ่งโปรเจกต์นะ ถ้าจะไปให้ตลอดรอดฝั่ง เราต้องให้เวลากับมันยังไง ต้องวางแผนมั้ย ไม่ใช่แค่ดุ่ยๆ ไปเรื่อยๆ แล้วหวังว่าวันหนึ่งมันคงถึงฝั่งเอง

2. คนเขียนต้องรู้ว่า ตัวเองมีเวลาให้การเขียนเท่าไหร่

(เช่น สัปดาห์ละสามวัน วันละสองชั่วโมง) และต้องรู้ว่าตัวเองเขียนเร็วแค่ไหน (เช่น หน้าละหนึ่งชั่วโมง) แล้วลองนึกดูว่า นิยายเรื่องนึงนี่ เราต้องให้เวลามันแค่ไหน ต้องอยู่กับมันนานแค่ไหน (ไม่ใช่สองอาทิตย์ บางทีไม่ใช่สองเดือนด้วยซ้ำ อาจจะหลายๆ เดือนหรือสองปี)

ประเด็นสำคัญไม่ใช่เรื่องใครเขียนเร็วกว่าใคร แต่อยู่ที่ว่า
.
เรารักเรื่องนี้มากพอที่จะอยู่กับมันนานขนาดนั้นหรือเปล่า

จุดนี้สำคัญครับ ไม่มีนิยายเรื่องไหนเขียนจบสมบูรณ์สวยงามในเวลาชั่วคืนหรือชั่วสัปดาห์ ถ้าอยากเขียนนิยายเรื่องไหนให้จบ เตรียมใจไว้เลยว่า เราจะอยู่กับมันอีกนาน เรารักมันพอมั้ย ถ้าเรารักมันไม่พอ ก็จบ(เห่)ตั้งแต่ตอนนี้ครับ 

3. ถ้าระหว่างเขียนอยู่ มีไอเดียใหม่เกิดขึ้นมา เราจะทำยังไง

ทุกคนเป็นหมดครับ ไม่มีใครเป็นข้อยกเว้น เพราะ "ไอเดีย" บางทีมันก็โผล่มาในเวลาที่ไม่รู้ตัว ดูหนังก็-ง ฟังเพลงก็ปั๊ง อ่านหนังสือก็ปัง อ่านกระทู้ก็โครม อะไรแบบนี้

ถ้ามันเกิดตอนมือเราว่างๆ ไม่ได้เขียนอะไรอยู่ ก็แล้วไป เราจะพัฒนามันขึ้นมาเป็นนิยายซักเรื่องก็ทำได้เลยไม่ต้องคิดมาก (จริงๆ ต้องคิดเนื้อเรื่องนะ)

แต่ถ้ามันเกิดเอาตอนที่เรากำลังเขียนนิยายเรื่องอื่นอยู่ก่อนแล้วล่ะ เอาละสิ เอ่อ เอ เอ๋ เราจะเขียนไปพร้อมๆ กันได้มั้ย หรือจะเลิกเรื่องเก่าไปเขียนเรื่องใหม่

ไม่มีคำตอบตายตัวครับ แต่ละคนต้องพิจารณาเองว่า เราต้องการอะไรจากการเขียน (ทั้งนิยายเรื่องเดิมที่กำลังเขียนอยู่ และไอเดียใหม่ที่กำลังเคาะประตูเรียก)
.
แต่เราต้องตระหนักว่า ถ้าเราเริ่มใหม่ทุกครั้งที่เกิดไอเดียใหม่ จะไม่มีเรื่องไหนเขียนจบเลย เอวัง

ถ้าเข้าใจแบบนี้และรับได้ ก็แล้วกันไปครับ

4. ก็มันตัน! เขียนเรื่องเก่าไม่ออก เขียนเรื่องใหม่ดีกว่า หรือ ก็...เบื่อแล้ว ไม่สนุกแล้ว เรื่องใหม่น่าสนุกกว่า

ถ้าตัน กลับไปอ่านกระทู้คุณหนิงช้าๆ หาให้เจอว่าตันตรงไหน แล้วตัดสินใจว่า (1) จะแก้ปัญหา หรือ (2) จะพักเรื่องนี้ไว้ก่อน

ถ้าเบื่อ ก็กลับไปดูข้อ 1. ของผมข้างบน ถ้าตอบตัวเองได้ว่าเขียนเพื่ออะไร ก็จะรู้เองว่า (1) เราจะแก้เบื่อทำให้มันกลับไปสนุกเหมือนเดิม หรือ (2) เราจะทิ้งเรื่องนี้แล้วหาเรื่องใหม่ที่ (หวังว่า) จะสนใจได้นานกว่า

อุ๊บ ชักยาว ขอจบการรำพันแต่เพียงเท่านี้ครับ
2
peiNing Zheng 29 ส.ค. 59 เวลา 20:41 น. 4-1

เห็นความเห็นคุณพีทนานแล้วค่ะ แต่เพิ่งได้ฤกษ์มาตอบนี่แหละ (ตอบแบบเบลอๆ หน่อยนะ นอนน้อยมาหลายคืนแล้ว)

ก่อนอื่น ขอบคุณมากค่ะที่ช่วยเพิ่มเติมให้เนื้อหาในกระทู้นี้สมบูรณ์ขึ้นนะคะ โดยเฉพาะเรื่องจุดประสงค์ของการเขียน เพราะเป็นจุดใหญ่ใจความที่จะบอก direction งานเขียนของแต่ละคนว่าจะไปในทิศทางไหน เอาจริงๆ ตอนนี้นึกไม่ออกว่าจะเสริมอะไรต่ออีก เพราะส่วนมาก มันก็ขึ้นอยู่กับคนเขียนคนนั้นๆ ว่าจะจัดการกับ "ใจ" ของตัวเองอย่างไร ถ้าจัดการใจของตัวเองไม่ได้ ก็คงยากที่จะจัดการกับนิยายของตัวเองได้อ่ะ

ต้องสตรองค่ะ บางทีการเขียนเรื่องให้สำเร็จได้สักเรื่อง มันก็เป็นหนทางของการขัดเกลาจิตใจตัวเองเหมือนกันนะ (ไม่รู้จะจบยังไง จบงี้ละกัน ^^")

0
ゆみこ 1 ก.ย. 59 เวลา 11:57 น. 4-2

ถึงขนาดต้องล็อกอินมาตอบ

ชอบความคิดของคุณพีทมากเลยค่ะ
โดยเฉพาะตรงประโยคสีแดง ที่บอกว่า
เรารักเรื่องนี้มากพอที่จะอยู่กับมันนานขนาดนั้นหรือเปล่า

การเขียนนิยายไม่จบเป็นอะไรที่ค้างคาใจมากจริงๆค่ะ

0
เจ้า(แมวน้ำ)ขาว 28 ส.ค. 59 เวลา 23:25 น. 5

ผมเพิ่งผ่านช่วงโค้งอันตรายสุดท้ายของนิยายมานี่เอง  เขียนไปเป็นสิบตอนแล้วก็เกิดตัน
ขึ้นมาเพราะว่าตอนคิดพล็อตคิดว่าถ้าให้เหตุผลแบบนี้ก็ดีแล้วน่าจะผ่านไปได้  แต่พอแต่ง
ไปถึงตรงนั้นจริงๆ กลับพบว่าเหตุผลที่น่าจะอ้างได้กลับไม่ดีพอ  และก็ยังมีเหตุผลที่ขัดแย้งโผล่ขึ้นมาขัดซะอีก  

แย่แน่ๆ จุดไคลแมกซ์ซะด้วยสิถ้าผ่านมันไปไม่ได้ก็จบไม่ได้  รู้สึกแย่มากเลยเหมือนถูก
ตัวเองหลอก  แล้วที่เสียเวลามาเป็นปีล่ะเพื่ออะไร  ต้องย้อนกลับไปแก้ใหม่หมดเหรอ
หรือจะต้องทิ้งมันไปต่อไม่ได้แล้วจริงๆ เหรอ  ใจหายวูบไปเลย  

โชคยังดีที่ตั้งสติได้เร็วมากไม่ต้องรอให้ค้างคาใจนาน ไม่อย่างนั้นคงกลุ้มใจมาก  แล้วก็
พบว่า ควรจะย้อนกลับไปแก้ไขตอนก่อนหน้านี้  แต่ก็ยังมีอีกวิธีหนึ่งที่พอจะใช้แทนกันได้  
คือการเติมส่วนที่น่าจะขาดหายไปของตอนก่อนหน้าใส่ในตอนต่อไปแทน  ประมาณว่าเป็น
ความลับซึ่งเพิ่งจะถูกเปิดเผย  ก็เลยทำให้แต่งต่อไปได้อย่างสบายใจ

ส่วนหนึ่งอาจเป็นไหวพริบและอีกส่วนหนึ่งคือนิยายบังเอิญมีช่องโหว่ที่พอดี  จึงทำให้
สามารถแก้ไขด้วยวิธีนี้ได้อย่างน่าประหลาด  รอดหวุดหวิดไปเลยเชียว  อีกนิดเดียวก็คง
จะจบแล้วครับนิยายเรื่องนี้  ทว่าก็ยังมีอีกเรื่องจ่อรอคิวเช่นกัน

ส่วนพล็อตเรื่องใหม่ที่เกิดขึ้นมานั้นก็มีมากมาย  อยู่ในหัวผมเป็นสิบแล้ว  ทุกครั้งที่เกิด
ความคิดอะไรใหม่ขึ้นมาผมจะไม่เขียนมันเลย  เพราะสิ่งที่เพิ่งมาใหม่ยังไม่ได้วิเคราะห์หรือ
ทบทวนให้ดีก่อนมีโอกาสผิดพลาดมากกว่า  ผมคิดว่ากาลเวลาจะทำให้มันได้พิสูจน์ตัวเอง
ถ้ามันอยู่ในหัวเราได้เป็นปี สองปี สามปี ไม่มีวันลืม  สักวันคงได้เขียนแน่นอนเชื่อเถอะ  
แต่ถ้าอยู่ได้สักระยะหนึ่งแล้วพอคิดทบทวนแล้วพบว่าไม่ดีพอ  ก็เอาออกไปเลยหัวจะได้
โล่งขึ้น

1
peiNing Zheng 29 ส.ค. 59 เวลา 20:44 น. 5-1

ยินดีด้วยค่ะที่สามารถข้ามผ่านโค้งอันตรายมาได้ ได้เรียนรู้จะจัดการกับนิยายตัวเองและอาจเป็นประสบการณ์ไปใช้กับเรื่องถัดไป

สำหรับเรื่องพล็อตใหม่ๆ หนิงก็ปล่อยคาหัวไว้เหมือนกันค่ะ ยังไม่เอาออกมาจนกว่าเรื่องปัจจุบันจะจบ แล้วค่อยมาคุ้ยของเก่าว่าจะเขียนอะไรดี บางเรื่องคาไว้เกือบสิบปีถึงค่อยหยิบมาเขียน ก็อย่างที่คุณเจ้าขาวบอกแหละค่ะ กาลเวลาจะพิสูจน์เองว่ามันดีพอหรือเปล่า :)

0
peiNing Zheng 29 ส.ค. 59 เวลา 20:46 น. 6-1

เห็นด้วยค่ะ ถ้ารักมากพอ ก็เขียนสำเร็จได้ หนิงมองว่าความรักต่อบางสิ่ง มันก็มาพร้อมกับความรับผิดชอบ และวินัยที่จะคอยดูแลสิ่งที่เรารักน่ะนะ ^^

0
ณ พิชา 30 ส.ค. 59 เวลา 13:57 น. 7

รู้สึกว่ามันเป็นปริศนาที่ตีความไม่ออกเหมือนกันค่ะ

บางทีด้วยใจอยาก ด้วยแรงฮึด เขียนแบบรวดเดียว จบ พอใจงาน (พอใจมากน้อยแล้วแต่เรื่อง)
บางทีใจอยาก แต่อุปสรรคเยอะ ก็ฮึด เขียนเรื่อยๆ จบ งานออกมาพอได้...แต่ลึกๆ ไม่พอใจ
บางทีใจอยาก แต่อุปสรรคเยอะเกิน ตัน หมดไฟเขียน อันนี้ไม่จบค่ะ แล้วใจที่เคยฮึดอยากเขียนก็หายไปด้วย กรณีนี้ลงไหดองไปพอควร

บางอันที่ลงไหเนี่ย...พอผ่านไปสักระยะไปขุดมาได้นะคะ แต่ต้องยกเครื่องใหม่กันเลยทีเดียวถึงจะเขียนต่อได้ แต่บางเรื่องลงไหแล้วก็ลงไปเลยค่ะ ไม่ฟื้น

เจอมาเยอะ 

2
peiNing Zheng 30 ส.ค. 59 เวลา 22:16 น. 7-1

ประสบการณ์มากจริงๆ ด้วย (เดาว่าน่าจะเขียนถึง 10 ปีไหมคะ)

แต่ละคนก็ไม่เหมือนกันค่ะ แต่ไม่รู้เป็นไง จะพอใจไม่พอใจ จะจบหรือไม่จบ แต่สุดท้ายเราก็ยังทู่ซี้เขียนกันต่อไป ไม่ยักเลิกสักทีเนอะ

0
ณ พิชา 30 ส.ค. 59 เวลา 23:23 น. 7-2

ถ้านับตั้งแต่จุดเริ่มต้นจนถึงวันนี้....เกินสิบปีมากมายค่ะ (แต่ไม่กล้าบอกอายุจริง เดี๋ยวต๊กใจ)
แต่เป็นสิบกว่าปีที่ไม่ได้อยู่ในโลกการเขียนตลอด มีหลายปีที่วางปากกาคิดว่าคงไม่มาทางขีดเขียนแล้ว จนสุดท้ายกลับมาได้ แต่ก็ไม่สม่ำเสมอนักค่ะ ความสดใสของช่วงวัยหายไปเยอะ

แต่ยังเขียนมั้ย เขียนค่ะ แต่พักหลังเหมือนจะเก็บไว้อ่านเองจริงๆ (ตอนนี้มักเป็นแบบที่สองค่ะ ประคองเขียนเรื่อยๆ งานเลยออกมาแบบอ่านได้ แต่ยังมีบางจุดไม่พอใจ เลยยังไม่ให้ใครอ่าน)

0
มังกรกันต์ 30 ส.ค. 59 เวลา 17:32 น. 8

ขอบคุณมากครับคุณหนิง เป็นอีกหนึ่งความรู้ที่สำคัญมากๆสำหรับวงการนี้เลยครับ //กราาบบ

อืมม ถ้าผมจำไม่ผิด(//ว่าแล้วก็ไปดูอีกรอบ) คุณหนิงใช่ที่ทำคลิป ห้องเรียนเขียนนิยายในยูทูปรึเปล่าครับ? https://www.youtube.com/watch?v=Is2u1K6YiOI&list=PLuTezkTxf_slcxqiVjsh8qUXPo9Eur2LR

คือ ผมจะบอกว่าผมไล่ดูมาจนแทบครบ(น่าจะครบแล้วแหละ5555) แบบช่วงที่เริ่มเขียนไหม่ๆเลยน่ะครับ ได้ความรู้มากกก แบบคุณหนิงเป็นอาจารย์คนแรกๆของผมเลยครับ ขอบคุณมากๆจริงๆ ผมเห็นคุณหนิงมานานแล้วแต่ไม่แน่ใจ(เดี๋ยว... ใช่รึเปล่าเดี๋ยวขอบคุณผิดคนนี่ฮาเลยนะ5555//แต่เห็นชื่อในยูทูปก็ชื่อเดียว กันคงจะใช่ ใช่มะครับ)

ขอบคุณมากๆนะครับ จนวันนี้ก็เขียนมาหลายเดือนแล้ว ความรู้ทั้งพื้นฐานทั้งเบื้องลึกหลายๆอย่างก็ได้มาจากคุณหนิงนี่แหละ ขอบคุณมากๆนะครับ อาจารย์หนิงกราบบบ แบบบ ไม่รู้จะพูดยังไงดีง่ะ ประทับใจจจ ยังไงก็ขอบคุณมากๆนะครับคุณหนิง ผมจะนำข้อมูลความรู้ดีๆไปพัฒนางานต่อไปครับ //เอ้า โค้งงงง

2
peiNing Zheng 30 ส.ค. 59 เวลา 22:28 น. 8-1

ค่ะ ก็คนเดียวกันนี่แหละค่ะ (มีคนสงสัยอยู่หลายคนเหมือนกันว่าคนเดียวกันไหม สงสัยทีหลังต้องเปลี่ยนไอคอนจากรูปนกเป็นรูปแมว จะได้ไม่ต้องสงสัยกัน)

ถ้าสิ่งที่อธิบายมีประโยชน์กับงานเขียนก็ยินดีค่ะ แต่คือ ถือว่าหนิงแค่แชร์ในสิ่งที่พอจะรู้แล้วกันนะคะ ไม่ต้องขนาดอาจารย์อะไรหรอกค่ะ หนิงเองก็เรียนรู้บางอย่างจากเพื่อนๆ ในบอร์ดเหมือนกัน ถือว่าต่างคนต่างเป็นนักเรียนในเรื่องงานเขียนแล้วกันนะคะ ศาสตร์นี้มีเรื่องให้เรียนรู้เรื่อยๆ ไม่จบสิ้นหรอกค่ะ :)

แล้วก็...แอบตกใจเล็กน้อย เข้าใจว่าคุณมังกรกันต์ไม่ได้เจตนาหรอก แต่รู้สึกร้อนตัวขึ้นมาทันควันเพราะทิ้งคลิปใน Youtube ไปนานมาก แทบไม่กลับไปดูเลย แถมสัญญิงสัญญาไว้เสร็จสรรพว่าจะอัดซ่อมคลิปที่เสียงเบาก็ยังไม่ได้ทำ ไว้ต้องกลับไปดูสักหน่อยแล้วว่ามีใครถามไรมาหรือเปล่า แทบไม่เคยตอบเลยด้วยเนี่ยสิ แง้ว (T^T ")a

0
มังกรกันต์ 30 ส.ค. 59 เวลา 22:42 น. 8-2

อ่าครับผมแหะๆ^~^

นั่นสินะครับ ศาสตร์นี้ยังมีเรื่องให้เรียนรู้ไม่จบสิ้น ผมเพิ่งจะเริ่มเขียนได้ไม่นานยังมีเรื่องให้เรียนรู้อีกมากมายยย

//ง่าา ถ้างั้นก็ต้องขออภัยด้วยงับ5555

จะไปรอติดตามนะครับ *กดสับตะไคร้เบาๆ :3

0
yk.roller 31 ส.ค. 59 เวลา 13:25 น. 10

เขียนให้จบเป็นการฝึกความอดทนอ่ะครับ 555  เเต่พอนานเข้ามันจะเริ่มสั่วเหมือนอยากให้จบไวๆ หลังๆเลยเเก้ด้วยการพยายามเขียนให้ละเอียดสม่ำเสมอ ก็ค่อยๆปายกันครับ ^ ^ 

1
peiNing Zheng 31 ส.ค. 59 เวลา 18:18 น. 10-1

ลองหาวิธีที่เหมาะกับตัวเองดูค่ะ แต่ละคนมีเทคนิคไม่เหมือนกัน ^^

0