Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

ความผูกพัน “แต้ว-แม่นิด” กว่าจะเป็นนางเอกดังทุกวันนี้

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
ต้อนรับเดือนแห่งวันแม่ เปิดเรื่องเล่าความผูกพันระหว่างนางเอกสาว “แต้ว ณฐพร เตมีรักษ์”  และ “คุณแม่นิด รวงทอง เตมีรักษ์”




      เดินทางเข้าสู่เดือนสิงหาคมเป็นที่เรียบร้อย และแน่นอนว่าหลายคนคงทราบดีว่าเป็นเดือนแห่งวันแม่ ซึ่งบรรยากาศก็จะอบอวลไปด้วยความรัก ความผูกผัน ระหว่างแม่ลูก มีโมเมนต์สุดประทับใจออกมาได้เห็นในช่วงวันแม่ รวมถึงบรรดาคนบันเทิงที่มักจะมีโมเมนต์และเรื่องเล่าสุดอบอุ่นในแบบฉบับครอบครัวขอองตนเองออกมาให้ได้ติดตามกัน โดยทาง “ดาราเดลี่” ก็อยากจะชวนแฟนๆ มาเติมเต็มความรักในเดือนแห่งวันแม่ผ่านบทสัมภาษณ์ความรู้สึกของคนบันเทิงกับความผูกพันกับคุณแม่สุดเลิฟกัน 



     ในวันนี้ก็มาถึงคิวของนางเอกสาว “แต้ว ณฐพร เตมีรักษ์” และ “คุณแม่นิด รวงทอง เตมีรักษ์” ซึ่งทั้งสองก็ได้ออกมาเล่าถึงความผูกพันระหว่างกันและกันว่า        

แม่นิด : ช่วงแรกเราไม่รู้จักวงการบันเทิงเลย  พอมีโมเดลลิ่งมาติดต่อ เราก็ไม่ได้สนใจ  แต่ครั้งหนึ่งมีบัตรจากคนของแกรมมี่มายื่นให้ เราเคยได้ยิน เลยลองดู ให้ “แต้ว” ไปลอง หลังจากนั้นก็มีงานถ่ายแบบมาเรื่อยๆ  จนมีโอกาสได้เข้ามาคุยงานกับช่อง 3  เมื่อลูกพร้อมที่จะเข้ามาอยู่ตรงนี้ แม่ก็พร้อมที่จะสนับสนุนเขาทุกเรื่องๆ 

แต้ว : จริงๆ ไม่ได้อยากไปตั้งแต่แรก รู้สึกว่าเราทำไม่ได้ ดูถูกตัวเองมาตลอด แต่คุณแม่เป็นคนชี้ให้คิดว่าบางอย่างเปลี่ยนมุมมองได้ ทำให้เราได้มีโอกาสได้มาอยู่ตรงนี้ แต่พอได้ไปลองทำ ทุกครั้งที่กลับมาจะคอยให้คะแนนตัวเอง ทำให้เรากล้ามากขึ้น  กำแพงตรงนั้นมันน้อยลง เพราะการที่ค่อยๆ เข้ามาในวงการ ถ้ามองอีกมุมนึงเหมือนยิ่งต้องใส่หน้ากาก แต่การที่จะได้อยู่ตรงนี้ยาวๆ คือต้องเป็นตัวเองจริงๆ แล้ว แฮปปี้กับการทำงาน  ส่วนผลที่ได้รับกลับมา คิดว่ามันไม่ขาดทุน อาจจะไม่ได้กลับมาเต็มร้อย แต่สุดท้ายความทุ่มเทมันก็ตอบแทนอะไรเรามาบ้าง ซึ่งก่อนหน้านั้นตอนทั้งเรียนทั้งทำงานคุณแม่จัดสรรเวลาให้เป็นอย่างดี ทำให้ได้เต็มที่ในชีวิตนักศึกษา ถึงมันจะหนักแต่เป็นกำไรที่เราได้เริ่มต้นทำงานก่อนคนอื่น มองกลับไปแล้วคุ้มค่าค่ะ  

แม่นิด : แม่เรียนจบจุฬาฯ “แต้ว” เป็นรุ่นน้องที่คณะสถาปัตย์  แม่เข้าเรียนปี 2513  ส่วนเขาเข้าเรียนปี 2550  และมีเรื่องชวนขำ คือสมัยที่แม่เรียน  พ่อ(แต้ว)จะมารับมานั่งรออยู่ใต้ต้นจามจุรีหน้าคณะ เป็นจุดที่เลิกเรียนต้องเจอกัน  ถ้าวันไหนมีโมเดล มีโปรเจคต์  พ่อ(แต้ว)จะช่วยถืองานตั้งแต่เป็นเรืออากาศตรี  พอ “แต้ว” เรียน คุณพ่อที่มียศพลอากาศตรี ก็ยังคงมาช่วยถือโมเดลให้ลูกสาว  

แต้ว : ตอนที่จะเลือกเรียน ทุกคนรวมถึงคุณแม่ จะบอกว่าหนักนะ  ดูจากหน่วยก้านแล้วบอกว่าไม่น่าไหว  เข้ามาก็ทรมานตัวเอง  แต่ซึมซับความชอบ เห็นคุณแม่ทำงานแล้วเรารู้สึกว่าเป็นอะไรที่น่าสนใจดีจากกระดาษ ไปเป็นอะไรที่คนเข้าไปใช้งาน เป็นศิลปะที่ไม่ใช่ศิลปะซะทีเดียว ต้องอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริงด้วย   

แต้ว : เรากับคุณแม่แชร์ความคิดร่วมรีโนเวตบ้าน เริ่มจากความที่เราติดที่อยู่เดิมกันด้วย และอยากประหยัดงบด้วยเป็นปัจจัยหลัก เราก็เลยรู้สึกว่าเรามาทุบบ้านเล่นกันไหม (หัวเราะ) เหมือนทำให้ได้บ้านที่ใหญ่ขึ้น เพราะว่าข้างบ้านขาย เราเลยรีโนเวตให้ได้พื้นที่และได้ฟังก์ชั่นที่มันลงตัวขึ้น แต่ใกล้จะเสร็จแล้ว

แม่นิด : ช่วงนี้กำลังอินทีเรียอยู่ จริงๆ เดิมมี 4 ห้องใหญ่ เราขยายไปเท่าตัวก็ยังเป็น 4 ห้องนอนเหมือนเดิม แต่มีฟังก์ชั่นที่มันก็ขึ้น สะดวกสบายขึ้น รูปแบบแม่ไม่ซีเรียสว่าจะเป็นโมเดิร์นหรืออะไร มีการพูดคุยกันตลอด

แต้ว : กับอาชีพนักแสดงรู้สึกว่าเป็นอะไรที่ท้าทาย และรู้สึกว่าโชคดี ที่มีคุณแม่คอยดูแล บางทีคอนเซนเทรทกับงาน ไม่ค่อยได้ดูแลคุณแม่ เราห่วงจะคอยถามว่ารอนานไหม เบื่อไหม จะได้คำตอบว่าไม่เบื่อหรอก ลูกสิต้องเหนื่อย เราเลยรู้สึกว่าตรงนี้ทำให้คุณแม่ต้องมาติดอยู่กับเราหรือเปล่า แต่บางทีก็รู้สึกว่าดีเหมือนกัน เพราะได้อยู่กับคุณแม่ ทำให้เราได้รู้ว่าเขาเป็นยังไง จะได้หายห่วง ได้อยู่ในสายตาของกันและกัน แล้วอีกอย่างรู้สึกดีนะคะ เวลาที่เราไปไหน ทุกคนก็จะรักแม่เราไปด้วย  รู้สึกว่าตรงนี้เป็นส่วนเล็กๆ ที่แม่น่าจะมีความสุข เพราะว่ามีลูกๆ หลานๆ เพิ่ม ทั้งแฟนคลับและพี่ๆ ทีมงาน

แม่นิด : ตั้งแต่เด็กๆ แม่ดูแลลูกๆ มาตลอด แต่พอเกษียณมาแม่ก็ดูแลน้องเหมือนเดิม เวลา 5 วันที่เคยไปทำงาน ก็กลายเป็นวันหยุดขอแม่บ้างไปกับ “แต้ว” บ้าง คือแม่ไม่ได้ตั้งความคิดว่าเราไปรอ แค่ได้ไปอยู่ในพื้นที่เดียวกัน ลูกทำงานไป แม่ก็หาอะไรทำ ไม่ได้รู้สึกเบื่อ แล้วเวลาแม่ได้เห็นคนที่รัก “แต้ว” ทั้งกลุ่มแฟนคลับ และพี่น้องทีมงาน  แม่ว่าเป็นสังคมที่ดีเป็นความสุขของกันและกันนะ แต่สิ่งที่แม่อยากเข้าไปช่วยเหลือดูแล คงเป็นเรื่องสุขภาพ เรื่องการพักผ่อน แล้วเรื่องภาระอื่นๆ ที่เราเบาแบ่งได้ เพราะแม่รู้สึกว่าเวลาเขาทำงาน เขาจะคอนเซนเทรทเข้าไปในงาน จนบางครั้งลืมดูแลตัวเอง 

แม่นิด : ความประทับใจในตัวลูกสาวแม่มีความรู้สึกว่าแม่พอใจ ที่ “แต้ว” เป็น “แต้ว” ทุกวันนี้ มีความเป็นตัวของตัวเอง มันไม่ใช่เป็นความภูมิใจ แต่เป็นความพอใจมากกว่า ที่แนวคิดของลูก ทำให้ตัวเขามีความสุข และทำให้คนที่อยู่รอบข้างเขาก็มีความสุขด้วย  
   
แต้ว : น้องๆ ที่อยู่ในช่วงวัยรุ่นอาจมีเรื่องที่ขัดหูขัดใจกับคำสอนของคุณพ่อคุณแม่ คือเราเป็นหนึ่งคนที่เคยมีช่วงเวลานั้น พอเราผ่านมาถึงจุดนี้อยากจะบอกว่า คำว่ากล่าวตักเตือน คำสอน หรือทุกๆ คำจากแม่มาจากความรัก อยากให้น้องๆ มองและค่อยๆ คิดชั่งน้ำหนักว่าเรากำลังต่อสู้อยู่กับความรักของแม่หรือเปล่า? พ่อแม่คือคนที่หวังดีที่สุดในชีวิตของเรา อยากให้คิดตรงนี้กันเยอะๆ ไม่อยากให้พอผ่านเวลานั้นมาแล้ว การกระทำนั้นมันทำให้น้องๆ เสียใจเองที่ตัดสินใจอะไรผิดๆ ไป


ขอบคุณเนื้อหาจาก http://www.daradaily.com/news/56774/read/

แสดงความคิดเห็น

>

1 ความคิดเห็น