Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

ขอถามเรื่องโรคDID (Dissociative Identity Disorder)

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
โรคDID (Dissociative Identity Disorder)

ตามที่เรารู้มา คือ โรคหลายบุคลิก เป็นโรคที่ส่งผลให้มีบุคลิกภาพตั้งแต่2ขึ้นไปโดยไม่รู้ตัว ซึ่งแต่ละบุคลิกนั้นจะรู้จักหรือไม่รู้จักกันก็ได้ และแต่ละบุคลิกจะมีชื่อและประวัติที่ต่างกันออกไป

นิยาย การ์ตูน และภาพยนตร์หลายเรื่องแล้ว ที่มีตัวละครเป็นโรคนี้ เช่น Fight Club , Identity และ Mask หน้ากากหนังมนุษย์ (ขอยกตัวอย่างเฉพาะเรื่องที่เคยดู/อ่าน)

และจากที่เราได้เห็นในภาพยนตร์/อ่านในหนังสือนั้น ตัวละครที่เป็นโรคนี้ ในช่วงที่ยังไม่รู้ว่าตัวเองเป็นโรคDID จะสามารคุยกับอีกบุคลิกหนึ่งของตนเองได้ , มองเห็นอีกบุคลิกหนึ่งของตนเองในลักษณะที่เป็นอีกบุคคลหนึ่ง (ถ้าจับคนที่เป็นโรคนี้ไปไว้ในห้อง แล้วติดกล้องวงจรปิด หรือไม่ก็ทำช่องเอาไว้แอบดู คนที่อยู่ในห้อง (ซึ่งเป็นโรคDID) จะเห็นว่ามีอีกคนหนึ่งในห้อง (ซึ่งคนที่ถูกเห็นว่าเป็นอีกคนหนึ่งที่อยู่ในห้องนั้น คือตนเองในอีกบุคลิกหนึ่ง) ทั้งๆที่ตัวเองอยู่คนเดียว ส่วนคนอื่นที่มองผ่านทางกล้องVDO หรือไม่ก็ช่องแอบดู) และมองเห็นอีกบุคลิกหนึ่งกำลังทำสิ่งต่างๆ (อย่างเช่น ชายคนหนึ่ง เป็นโรค DID เขากำลังเล่นไพ่ และในขณะนั้นเขาก็เหลือบไปเห็นชายอีกคนหนึ่งกำลังนอน ซึ่งชายที่กำลังนอนนั้น ก็คืออีกบุคลิกหนึ่งของเขาเอง)

ก็เลยสงสัยว่า...

จริงๆแล้ว (ในความเป็นจริง) คนที่เป็นโรคนี้มองเห็นอีกบุคลิกหนึ่งของตนเองในลักษณะที่เป็นอีกบุคคลหนึ่งจริงหรือเปล่า? พูดคุยกับอีกบุคลิกหนึ่งของตนเองได้หรือเปล่า? และมองเห็นว่าอีกบุคลิกหนึ่งกำลังกระทำการต่างๆ ที่ต่างจากสิ่งที่ตนเองกำลังทำหรือเปล่า?

แสดงความคิดเห็น

>

2 ความคิดเห็น

JustHuman 29 ส.ค. 59 เวลา 07:06 น. 1

กระทู้นี้ทำให้นึกถึง Billy Milligan ชายผู้มีบุคลิกทั้งหมด 24 คน ในร่างเดียว
ปัจจุบัน บิลลี่ เปลี่ยนชื่อและทำงานเป็นผู้กำกับหนังที่แคลิฟอร์เนีย หนังเรื่อง The Crowded Room ซึ่งเป็นประวัติชีวิตของเขาเองออกฉายที่อเมริกาในปี 2008 เรารอดูหนังเรื่องนี้ฉบับรีเมค โดยลีโอนาโด แสดงเป็นบิลลี่ค่ะ 

ชายคนนี้เขาบอกว่าทุกบุคลิกจะยืนล้อมอยู่ที่สปอตไลท์ดวงใหญ่ และจะมีบุคลิกหนึ่งที่เป็นผู้ดูแลทุกบุคลิกเป็นคนบอกว่าใครจะได้เข้าไปในสปอตไลท์ คือได้ออกมาแสดงตัวตนอยู่ข้างนอกนั่นเอง

ปล. ที่เรารู้เกี่ยวกับโรคนี้มีแค่นี้ค่ะ รอผู้รู้จริงจังมาตอบด้วยคน

0
MoommimLoyal 20 มี.ค. 63 เวลา 20:51 น. 2

จริงๆแล้ว (ในความเป็นจริง) คนที่เป็นโรคนี้มองเห็นอีกบุคลิกหนึ่งของตนเองในลักษณะที่เป็นอีกบุคคลหนึ่งจริงหรือเปล่า? พูดคุยกับอีกบุคลิกหนึ่งของตนเองได้หรือเปล่า? และมองเห็นว่าอีกบุคลิกหนึ่งกำลังกระทำการต่างๆ ที่ต่างจากสิ่งที่ตนเองกำลังทำหรือเปล่า? ตอบเป็นข้อๆไปนะคะ ข้อแรก จริงๆแล้ว (ในความเป็นจริง) คนที่เป็นโรคนี้มองเห็นอีกบุคลิกหนึ่งของตนเองในลักษณะที่เป็นอีกบุคคลหนึ่งจริงหรือเปล่า? แล้วแต่ตัวผู้ป่วยเองค่ะ ส่วนใหญ่จะไม่รู้เลยว่าตัวเองมีอีกอัตลักษณ์หนึ่ง เพราะมักจะได้ยินเป็นเสียง มากกว่าเห็นเป็นรูปเป็นร่าง ไม่เหมือนกับ Imaginary friends ที่เราสร้างขึ้นมาแล้วมองเห็นชัดเจนในจินตนาการ ข้อสอง พูดคุยกับอีกบุคลิกหนึ่งของตนเองได้หรือเปล่า? อันนี้ก็แล้วแต่ระบบของแต่ละคนไปค่ะ ตัวเราเองตามดูยูทูปคนที่ป่วยโรคนี้ บางส่วนไม่ได้ยินเสียงอัตลักษณ์อื่นๆเลยด้วยซ้ำ สื่อสารกันไม่ได้ บางคนกว่าจะสื่อสารได้ก็หลังจากได้รับการวินิจฉัยจากหมอบำบัดแล้ว และกำลังรับการบำบัดอยู่ บางคนก็ได้ยินช่วงที่ตัวเองมีความเครียดเข้ามากระทบ บางคนก็ได้ยินมาตั้งแต่วัยเด็ก ส่วนใหญ่ถ้าได้ยินเสียง เค้าก็มักจะคุยโต้ตอบดลับค่ะ เพราะการคุยกับตัวตนในระบบ มันช่วยให้ผู้ป่วยจัดการกับการรับมือกับโรคได้ดีขึ้น ข้อสุดท้าย และมองเห็นว่าอีกบุคลิกหนึ่งกำลังกระทำการต่างๆ ที่ต่างจากสิ่งที่ตนเองกำลังทำหรือเปล่า? จะเห็นอีกบุคลิกนึงว่าทำอะไรอยู่ได้ ก็ต่อเมื่อ Co-conscious กันค่ะ ไม่ว่าเค้าจะออกมาหรือไม่ แต่ถ้าโคคอนกัน มักจะได้เห็น ได้ยิน สิ่งที่อีกอัตลักษณ์ทำอยู่ หรือตอนที่ Dissociate ออกมาจากร่างกายตนเอง แล้วโดนอีกอัตลักษณ์ควบคุมร่างกาย เค้าก็จะเห็นว่าร่างกายโดนใช้อยู่ แต่ตัวเค้าไม่ได้เป็นคนควบคุม ส่วนตัวศึกษาเรื่องนี้เพราะมีอาการใกล้เคียงกัน และเราก็มีเหตุการณ์หลายๆอย่างที่ทำให้สามารถเสี่ยงเป็นโรคนี้สูง แต่พอเราศึกษามากขึ้น เราเหมือนจะเป็นไปทาง OSDD-1b มากกว่า เพราะเราได้ยินเสียงก็จริง มีอาการณ์ Dissociate ก็จริง กลุ่มคนในหัวเรามีเสียงที่ต่างกัน ชื่อต่างกัน ต่างเพศ ต่างวัย ความชอบต่างกัน แต่เวลาที่มันเหมือนหนึ่งในพวกเค้าออกมา เราไม่ได้สูญเสียความทรงจำช่วงนั้น หรือสูญเสียความทรงจำน้อยมาก เลยเอนไปทาง OSDD-1b มากกว่า ซึ่งพอเราคิดว่าเราป่วยโรคนี้ เราก็ได้ทักไปขอแบบทดสอบจาก The Pottergate Centre ของ UK เพื่อเอามาทดสอบวัดระดับว่าเรามีโอกาสเป็นโรคนี้มากน้อยแค่ไหน พอทำเสร็จก็ส่งคืนเค้าทางเมล ให้เค้าเอาไปคำนวน พอเค้าคำนวนเสร็จก็ส่งกลับมา สรุปคะแนน DES 2 ของเราอยู่ที่ 61.79 คะแนน ซึ่งถ้าปกติไม่ควรสูงเกิน 30 ส่วน SDQ-20 ของเราอยู่ที่ 51คะแนน ซึ่งปกติจะต้องไม่เกิน 20 เสี่ยงมีโรคที่เกี่ยวของกับ Dissociative Disorder สูงมาก เค้าก็แนะนำให้หาผู้เชี่ยวชาญด้านนี้ เพื่อให้เค้าวินิจฉัยว่าเป็น DD ตัวไหน ซึ่งในไทยหายากมากกกกก ส่วนใหญ่จะมีแต่หมอด้านโรคซึมเศร้า โรคเครียด โรคไบโพลาร์ ซะมากกว่า ก่อนหน้านี้ตอนอายุ 17 หมอก็วินิจฉัยว่าเราเป็นโรคเครียดเข้าข่ายซึมเศร้า โดนจัดยามาให้เป็นชุด กินอยู่ 1 เดือนเต็ม ตอนนี้ก็กำลังค้นหาหมอด้าน Dissociative Disorder ในไทย แต่คาดว่าถ้าไม่มีก็คงต้องได้หาของต่างชาติแทน ซึ่งค้นหาแป๊บเดียวเจอเลย แต่แพงมากกกก คอร์สเดียวเป็นหมื่น บางทีก็กลัวได้ไม่คุ้มเท่าที่เสีย 55+

0