Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

Chatbot ตัวเปลี่ยนเกม Social media...การให้บริการเหนือจินตนาการที่กำลังเกิดขึ้นจริง!!! โดย พันเอก ดร.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ ประธานกรรมการกิจการโทรคมนาคม

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่

Chatbot ตัวเปลี่ยนเกม Social media...การให้บริการเหนือจินตนาการที่กำลังเกิดขึ้นจริง!!! โดย พันเอก ดร.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ ประธานกรรมการกิจการโทรคมนาคม

ลองคิดดูซิว่า หากเรามีเพื่อนคู่คิดที่รู้ใจเรา อยู่ติดตามตัวเราตลอดเวลา คอยช่วยเหลือ ให้คำปรึกษา และดูแลเราอย่างใกล้ชิด โดยรับรู้ได้ว่าวันนี้เรามีอารมณ์อย่างไร ต้องการคำปรึกษาด้านใด กำลังค้นหาอะไรอยู่ และเพื่อนคู่คิดเราคนนี้พยายามช่วยตอบสนองเราในเวลาที่เหมาะสม มันคงจะดีไม่ใช่น้อย ดังนั้น
ผู้ให้บริการดิจิทัลจึงพยายามทุกวิถีทางที่จะทำให้เกิดแอพพลิเคชันบนมือถือที่ชาญฉลาด สามารถตอบโจทย์ความต้องการของเราให้ได้

ปัจจุบันมีแอพพลิเคชันบนมือถือเกิดขึ้นมากมาย ซึ่งถือว่าเป็นการให้บริการดิจิทัลที่มีความแตกต่างกันไป แอพพลิเคชันที่มากมายหลากหลายนี้ ส่วนใหญ่มีความสามารถทำงานได้ใกล้เคียงกัน บางแอพพลิเคชั่นก็อาจจะดีกว่า หรือมีความโดดเด่นมากกว่า บางแอพพลิเคชันออกมาพร้อมกับ-เปญต่างๆของบริษัท แต่อย่างไรก็ตามมีแอพพลิเคชั่นอีกมากมายนับไม่ถ้วนที่กำลังดิ้นรนเพื่อเอาชนะความเหมือน โดยพยายามสร้างการให้บริการที่มีความแตกต่างจากแอพพลิเคชันคู่แข่ง

โดยทั่วไปแล้ว ทุกๆ แอพพลิเคชัน จะมี User Interface ที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง มีกฎเกณฑ์ และมีวิธีการใช้ของตัวเอง เช่น การดึงรูปภาพบนมือถือ หรือติดตามการวิ่งออกกำลังกายของผู้ใช้บนอุปกรณ์อัจฉริยะ (Smart Device) โดยผลการสำรวจของ ComScore พบว่าโดยเฉลี่ยแล้วคนเราจะใช้เวลาครึ่งหนึ่งไปกับแอพพลิเคชั่นที่ตัวเองชื่นชอบ และใช้เวลาร้อยละ 18 และร้อยละ 10 ของเวลาทั้งหมด กับแอพพลิเคชันที่ชื่นชอบรองลงมาเป็นอันดับ 2 และ 3 ตามลำดับ ดังนั้น เมื่อรวมกันแล้วการใช้งานแอพพลิเคชั่นทั้ง 3 อันดับดังกล่าว จะกินเวลารวมกันถึงประมาณร้อยละ 80 ของเวลาทั้งหมด

แน่นอนว่า แอพพลิเคชันที่คนส่วนใหญ่ใช้เวลาครึ่งหนึ่งของเวลาทั้งหมดก็คือเฟสบุ๊ค (Facebook) และแอพพลิเคชั่นที่คนชื่นชอบรองลงมาเป็นอันดับที่ 2 และ 3 ก็คือแอพพลิเคชันในเครือของเฟสบุ๊ค นั่นเอง

Facebook Messenger คือส่วนหนึ่งของ Facebook และถือว่าเป็นแอพพลิเคชันที่สามารถเป็นผู้นำตลาด และสามารถส่งมอบการบริการสาธารณูปโภค ให้บริการเกมส์ต่างๆ และให้บริการการทำธุรกรรมต่างๆได้โดยตรง โดยผ่านส่วนโต้ตอบกับผู้ใช้งาน หรือ User Interface ที่เราพบเห็นได้ทั่วไปในรูปแบบของการพูดคุย หรือการแชท (Chat)

Chat ทำให้เราสามารถลดความจำเป็นในการค้นหาผลิตภัณฑ์นับล้านๆ ผ่านผลการ search ที่ไม่พึงประสงค์ได้ ซึ่งในเว็บไซต์หรือแอพพลิเคชัน ก็อาจจะไม่สามารถตอบโจทย์ผู้ใช้งานที่ต้องการความรวดเร็วจากอุปกรณ์เคลื่อนที่ได้ เช่น หากต้องการสั่งสินค้าอย่างหนึ่งบนเว็บ ซึ่งรายการสินค้ามีให้เลือกมากมาย ที่อาจจะแยกความแตกต่างได้ยาก ปัญหาเหล่านี้จะหมดไปหากมีการใช้ Chatbot เพราะมันจะมีความชาญฉลาดถึงขั้นที่จะสามารถคาดเดาความต้องการของผู้ใช้ได้อย่างแม่นยำ

Chatbot คืออะไร

Chatbot อยู่ในส่วนของหน้าจอของผู้ใช้ (User Interface) ที่มีทั้งความฉลาดและรวดเร็ว หาก Chatbot (Chat + Robot) ได้รับการออกแบบมาอย่างดีก็จะทำให้มีความน่าใช้มากยิ่งขึ้น การแชทจะช่วยให้เราสามารถพบเจอสิ่งที่ต้องการได้ เช่นเดียวกับการส่งมอบบริการดีๆ และการรับส่งข้อมูลผ่านการโต้ตอบสื่อสารในรูปแบบที่ผู้ใช้นั้นๆคุ้นเคย

การเข้าถึง Chatbot

ปัจจุบัน แอพพลิเคชั่นรับส่งข้อความ (เช่น line และ whatsapp) ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก จนไม่น่าแปลกใจเลยที่เราได้เห็นคนที่กำลังประชุมหรือกำลังเดินอยู่บนท้องถนนรับส่งข้อความกันอย่างคล่องแคล่ว หรือแม้แต่คนที่โลเทคมากๆ ก็ยังมีความชำนาญในการ chat ดังนั้น เราจึงเห็นได้ชัดว่าทำไม Chatbot และการสื่อสารด้วยภาษาธรรมชาติ ถึงเป็นส่วนโต้ตอบ หรือ Interface ที่ผู้คนจะชื่นชอบและเลือกเฟ้นมาใช้งานบนอุปกรณ์สื่อสารเคลื่อนที่กันมากที่สุด

ความน่าสนใจของ Chatbot ก็คือ Chatbot มีความเป็นเฉพาะตัว ที่ผู้ใช้งานอุปกรณ์อัจฉริยะ (Smart Devices) ด้วยการเพิ่มฟังก์ชั่นของปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence: AI)

ซึ่งปัญญาประดิษฐ์ (AI) คือฟังก์ชั่นการทำงานเสริมบนอุปกรณ์อัจฉริยะ (Smart Devices) เพื่อสร้างประสบการณ์ดีๆ จากการเรียนรู้พฤติกรรมของผู้ใช้ และแสดงสิ่งต่างๆ ที่ผู้ใช้ต้องการ หรือมีความสนใจเป็นพิเศษ ทำให้ผู้ใช้สามารถลดเวลาและความพยายามในการค้นหาสิ่งต่างๆ ได้อย่างมาก จากการท่องเว็บไซต์ ซึ่งเป็นพฤติกรรมปกติของผู้ใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ Desktop และแท็ปเล็ต

หากคิดเทียบเคียงง่ายๆว่า เรากำลังใช้ facebookgoogleInstagram และอื่นๆ รวมทั้งการเดินทางไปในสถานที่ต่างๆ และอาจจะวัดความดัน การเต้นของหัวใจ (บ่งบอกถึงอารมณ์และสุขภาพ) จนทำให้ Chatbot เรียนรู้จักตัวเราทุกวันเป็นเวลาหลายเดือน จนมันรู้จักพฤติกรรมเราอย่างลึกซึ้ง ยิ่งกว่าใครๆบนโลกนี้

ในอนาคตผู้คนส่วนใหญ่ จะต้องการทำสิ่งต่างๆมากขึ้นบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ ซึ่งเชื่อว่าจะสามารถทำผ่าน Interface ของ Chatbot ได้โดยการใช้ภาษาธรรมชาติของมนุษย์ และปัญญาประดิษฐ์ โดยในปัจจุบัน ปัญญาประดิษฐ์ได้ถูกพัฒนาให้ดียิ่งขึ้นเพื่อรองรับการใช้งานของ Chatbot ให้สอดคล้องกับพฤติกรรม และความต้องการของผู้ใช้ โดยปัญญาประดิษฐ์จะวิเคราะห์คำพูดของเราในชีวิตประจำวัน และรองรับการโต้ตอบสื่อสารระหว่างเรากับ Chatbot ได้อย่างชาญฉลาด

ลองจินตนาการสถานการณ์ดู หลังจากที่เราได้ผ่านเหตุการณ์โศกเศร้าอันเลวร้าย และเราได้มีปฏิสัมพันธ์กับ Chatbot เราอาจจะเห็นว่า Chatbot มีความรู้สึกร่วมกับสถานการณ์ของเรา และอาจแนะนำกิจกรรมสุดสัปดาห์ดีๆ ให้เราหลีกหนีความโศกเศร้า และรู้สึกร่าเริงยิ่งขึ้น โดย Chatbot เดียวกันนี้อาจจองสถานที่ท่องเที่ยวดีๆ ให้แก่เราโดยทันทีที่เราตอบรับข้อเสนอ หรือแนะนำเสื้อผ้าเก๋ๆ ให้เราดูดีสัก 2-3 ชุด หากเราเห็นด้วยก็จะสั่งผ่านร้าน online ให้เราทันที หรือไม่ก็อาจจะช่วยเสนอแนะคนที่เราควรไปพบและพูดคุยที่ทำให้เราสบายใจ เพราะ Chatbot รู้ว่าเราติดต่อพูดคุยกับเพื่อนคนใดบ้างเป็นประจำ

Chatbot กับการสร้างความผูกพันกับแบรนด์

ในขณะที่แบรนด์สินค้าต่างๆ กำลังให้ความเชื่อมั่นอย่างมากในการใช้ Chatbot เป็นเครื่องมือสร้างความผูกพันระหว่างแบรนด์กับผู้ใช้ เราอาจจะเห็นการสร้างสรรค์ Chatbot เพื่อดึงดูดผู้ใช้งาน ด้วยการตอบคำถามง่ายๆ แบบตรงไปตรงมามากๆ เพื่อรู้ซึ้งถึงความต้องการอย่างแท้จริงของลูกค้า นอกจากนี้ Chatbot จะถูกเชื่อมโยงกับระบบอัจฉริยะ เช่น ระบบ Tensor Flow ของ Google หรือ ระบบ Watson ของ IBM ที่ยังได้เชื่อมต่อกับคลังเนื้อหาสาระความรู้ต่างๆ ที่หลากหลาย เช่นเดียวกับระบบธุรกิจที่สามารถสนับสนุนข้อมูลต่างๆ ให้แก่ระบบเพื่อให้ Chatbot สามารถโต้ตอบด้วยภาษาธรรมชาติผ่านระบบโต้ตอบ (Interface) ที่ดูเสมอเหมือนเรากำลังคุยกับเพื่อนสนิทคนหนึ่งทีเดียว

โอย... โลกเราช่างซับซ้อน และอยู่ยากขึ้นจริงๆ

http://www.thaitribune.org/contents/detail/306?content_id=23042&rand=1474447808

แสดงความคิดเห็น

>