Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

ความรักบังเกิดกับโอปป้าเมื่อไปแลกเปลี่ยนที่ญี่ปุ่น

ตั้งกระทู้ใหม่
เรื่องนี้เกิดมาได้หลายปีแล้วค่ะ ตั้งแต่สมัยเป็นนักเรียน ม.6 แล้วได้ทุนไปแลกเปลี่ยนที่ประเทศญี่ปุ่น (ตอนนี้เราปีสี่ ใกล้จะจบแล้วค่ะ) มันเป็นเหตุการณ์ที่ทั้งขำ ทั้งเสียใจ ที่อยู่ในใจแต่พอนึกย้อนไปแล้วตลกดีค่ะ เรื่องราวมันเหมือนนิยายแต่เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่สั้นมากๆค่ะ เข้าเรื่องเลยแล้วกันนะคะ เราได้รับเลือกเป็นตัวแทนของประเทศไทย ในทุนที่ชื่อว่า KIZUNA PROJECT นำเข้ามาผ่าน โครงการแลกเปลี่ยน AFS (ปัจจุบันทุนนี้ไม่มีแล้ว เปลี่ยนมาเป็นทุนเจเนซิสแทน) เป็นระยะเวลา 6 เดือนค่ะ เป็นทุนฟรี 100 เปอร์เซ็นต์เลย ตอนนั้นเราเป็นเด็ก ม.6 รร.วัดราชโอรส ที่ตัวดำๆฟันเหยินๆหน้าโล้น ยังไม่รู้จักการแต่งหน้าค่ะสมัยนั้น แต่งตัวไม่เป็น เสื้อยืดกางเกงยีนส์อย่างเดียว ตื่นเต้นมากค่ะกับการที่จะได้ไปใช้ชีวิตต่างแดนในครั้งนี้ โดยมีเพื่อนคนไทยอีก 3 คน ไปด้วย พอไปถึงที่นู่นในวันแรกค่ะ สายตาของเราไม่มองใครทั้งสิ้นเลยค่ะ คร่ำครวญกะเพื่อนเราคนไทยคนนึง ขอสมมติว่าชื่อ นิว นะคะ ว่าเราอยากกลับบ้าน 5555 ไม่อยากอยู่แล้ว เราคิดถึงพ่อ คิดถึงแม่ คิดถึงเพื่อนๆ คิดถึงแฟน เพื่อนเราก็พยายามปลอบค่ะ ยังไม่สนิทกันมากในตอนนั้น เธออย่าคิดมากเลย อีกแค่ 6 เดือนเองเดี๋ยวก็ได้กลับแล้ว แต่ในหัวเราคำนวนเป็นวันเลยค่ะ หลายร้อยวันมาก คิดว่าฉันคงไม่ไหวแน่ๆ เศร้าใจพยายามฝืนตัวเองมากค่ะ ตอนไปถึงที่ญี่ปุ่นวันแรก เราต้องไป Orientation Camp ที่ทาง AFS จัดไว้ค่ะ เหมือนค่ายที่แนะนำเตรียมความพร้อมก่อนจะไปอยู่กะโฮสอะไรแบบนี้ เป็นระยะเวลา 3 วัน 2 คืน ในตอนนั้นมีเพื่อนร่วมโครงการนี้หลายประเทศมากค่ะ อารมณ์เหมือน อาเซียน +3 มีกัน 60 กว่าชีวิต แล้วพี่ๆสตาฟอีกใช้ชีวิตร่วมกันค่ะ พวกเราก็เป็นเหมือนเด็กทุน Program year ของ AFS ทั่วไป แต่ต่างตรงที่ว่าพวกเรามาอยู่แค่ 6 เดือน (Semester) แล้วต้องไปเป็น Volunteer ในพื้นที่ที่เคยเกิดสึนามิในปี 2011 โดยใน 6 เดือนนี้ ก็จะไปแค่สองครั้งเท่านั้น กลับมาต่อ 55 ในวันแรกของค่ายแนะนำ ทุกคนก็เริ่มหาเพื่อนใหม่ค่ะ แน่นอนว่าสื่อสารกันด้วยภาษาอังกฤษ บางคนก็พยายามสื่อสารกันด้วยภาษามือ มันเป็นความพิเศษมากตรงที่เป็นเพื่อนกันไม่จำเป็นต้องพูดภาษาเดียวกันเลยก็เป็นเพื่อนกันได้ แต่ตอนนั้นเรานอยด์ๆๆๆ ไม่คุยกะใครเลยค่ะ นอกจากเพื่อนคนไทย พยายามทำตัวร่าเริงบ้างเป็นบางครั้ง แต่ในใจก็ยังอยากกลับบ้านอย่างเดียว มาถึงคืนนึงที่ต้องโชว์วัฒนธรรมของประเทศตัวเองให้กับเพื่อนๆและสตาฟในค่ายดู งานก็เข้าเลยค่ะ 5555 พวกเรามีกันสี่คน ชาย 1 หญิง 3 แล้วเพื่อนเรา ผช ของเรียกว่า บอล มันขี้เกียจเปิดกระเป๋ารื้อชุดไทยของมันออกมา งานเลยต้องมาตกอยู่ที่หญฺงงาม 3 คนอย่างเรา เลยตัดสินใจกันว่า รำวงเพลงลอยกระทงนี่แหละค่ะ คิดท่ากันสดๆเลย รำวงมาตรฐานมาก ตั้งวงอย่างเดียว ชุดไทยที่เตรียมไปไม่มีความเข้ากัน คนนึงชุดสมัย ร.5 เราชุดไทยประยุกต์ นิวชุดไทยแบบเหนือ เราให้เพื่อนผู้หญิงอีกคน เป็นคนเป่าขลุ่ย เรากะนิวเป็นคนรำ และให้ บอลเป็นคนพูดเปิดการแสดงเป็นภาษาอังกฤษ ฮามากค่ะตอนนั้น มั่วไปหมด แต่ต่างชาติก็ยังคงว้าวกะการแสดงของพวกเรา การแสดงก็ผ่านไปหลายชุดมากค่ะ หน้าตื่นเต้นปหมด ไม่ว่าจะเป็น อินโดนีเซีย เวียดนาม มาเลเซีย นิวซีแลนด์ ออสเตรเลีย พม่า ลาว บลาๆๆ ทีนี้ก็มาถึงคิวของเกาหลีค่ะ ที่จำนวนคนจะเยอะกว่าประเทศอื่นๆเป็นพิเศษ ประมาณ 13 คน โดยได้แบ่งการแสดงออกเป็นสองชุด มีโชว์เทควันโด กับใส่ชุดฮันบกดีดกีต้าร์ร้องเพลง คือดีมากค่ะ โยกหัวตามดูน่ารักมุ้งมิ้ง แต่เราสายตาสั้นเห็นใครไม่ชัดเท่าไหร่ค่ะ พอชุดเทควันโดมาถึง ทุกคนตีวงกว้างถอยห่างไกลมากก ผช ที่โชว์เทควันโดคนนั้น เรารู้สึกว่าเท่มากในตอนนั้น สายดำด้วย เตะต่อยดูคล่องแคล่ว เสียวว้าว เสียงหู้ว ดังขึ้นตลอดที่เค้าแสดง แต่เราก็เห็นหน้าไม่ชัดว่าเค้าเป็นใครและไม่รู้จักแม้แต่ชื่อ (เอาจริงๆเราแทบไม่รู้จักใครเลย 55555 )

- แล้วก็ได้เวลาแยกย้ายกันไปหาโฮส ตอนนั้นเราเฟลหนักกว่าเก่ามากก เพราะเหมือนต้องเจอกับการเปลี่ยนแปลงอีกแล้ว สามวันที่อยู่ที่ค่ายโอเรียนเทชั่นนี้ก็สนุกถึงจะนอยไปบ้าง พอต้องห่างเพื่อนนนอยด์หนักเลยค่ะ แต่ตอนนั้นได้เพื่อนมาอีกหนึ่งคนเป็นคนลาว สมมติชื่อว่า ฟ้า ละกันนะคะ ฟ้าเป็นคนน่ารัก มารู้จักกันในวันสุดท้ายของค่ายแนะนำ ได้เวลาเดินทางหาโฮส สตาฟก็แบ่งพวกเราออกตามภูมิภาคของบ้านโฮสเลยค่ะ บอลอยู่โตเกียว นิวกะฟ้าอยู่แถบคันไซ (นิวอยู่นารา ฟ้าอยู่เกียวโต) ส่วนเราอยู่ คิวชู ค่ะ โฮสเราอยู่จังหวัดนางาซากิ ก็โดนแยกมาอีกกลุ่ม ในนตอนนั้นทั้งนอยด์ ทั้งเฟล ไม่พูดอะไรสักคำเดียวเลยค่ะ 5555 ก้มหน้าก้มตา แต่ก็มีหนุ่มน้อยคนนึงมาคคุยกะเรา ชื่อ เอ็ด มาจากนิวซีแลนด์ (เพิ่งมารู้ในวันก่อนจบโครงการว่าเอ็ดชอบนิว) เราคุยกันถูกคอ แล้วเอ็ดก็เป็นคนน่ารักมาก อายุน้อยกว่าเรา 2 ปี เอ็ดเห็นเราเศร้าค่ะ เลยเข้ามาคุยกะเราให้กำลังใจ สนิทกันจนเอ็ดยกให้เราเป็นพี่สาวเอ็ดเลย แล้วโลกกลมกว่านั้นตอนมารู้ทีหลังว่า ทั้งโฮสน้องสาวของเราที่เราไม่ได้เจอตอนไปอยู่ที่บ้าน กะโฮสพี่ชายของเอ็ด ทั้งสองคนไปแลกเปลี่ยนที่ฮ่องกง แล้วสองคนนั้นก็เป็นเพื่อนกัน เรากะเอ็ดก็เป็นเพื่อนกัน 555 คุยกันยังขำทุกทีเกี่ยวกะเรื่องนี้ พอไปถึงสนามบินที่จะบินไปแถบคิวชู เราก็จับกันเป็นกลุ่มใหญ่ ทยอยเดินไปส่งเพื่อนที่จะเทคออฟก่อนตามเกทต่างๆ เพราะสตาฟไม่ได้เข้ามากะพวกเราด้วย พวกเราเลยเหมือนต้องดูแลกันเอง ทีนี้ก็มาถถึงคิวเราแล้วค่ะ เอ็ดกะเพื่อนอีกสองสามคนก็มาส่งเรา โบกมือบ๊ายบาย น้ำตาจิไหลตอนนั้น อารมณ์แบบถึงเวลาแล้วสินะ ที่ต้องไปอยู่คนเดียวอีก 6 เดือนต่อจากนี้ คิดเว่อร์วังมาก แล้วไหนจะต้องขึ้นเครื่องบินคนเดียว ยิ่งโก๊ะกังอยู่ ตอนมาจากประเทศไทยก็มีสตาฟ AFS ดูแล มีบอลที่เคยเดินทาง มาคราวนี้ไปคนเดียวเกรงเชียวค่ะ แต่แบบเอาวะเป็นเป็นกัน บินจากโตเกียวไปนางาซ่กิใช้เวลา 2 ชั่วโมงค่ะ หลับสักสองตื่นก็ถึง นางาซากิ ต่อนะคะ ในตอนนั้นแอบเอ๋ออยู่เหมือนกันแบบอ้าวแล้วต้องทำไงต่อไปนิ 55555 เราเหลือบไปเห็นต่างชาติคนนึงดูทรงละน่าจะเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนเหมือนกะเรา เราเลยเข้่ไปทักทายค่ะช่วงรอกระเป๋าเดินทาง ปรากฎว่าเค้าก็เป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนของ AFS เหมือนกันค่ะ แต่มาเป้็นโปรแกรม year ปกติ ประมาน 11 เดือน เป็นคนอิตาลี่ พอได้กระเป๋าเสร็จเรากะนางก็เดินออกไปที่ทางออกเหมือนกันค่ะ ก็เจอป้าย WELCOME จากสตาฟ AFS กลุ่มนึง แล้วโฮสของนางสาวอิตาลี่ก็เข้ามารุมล้อมนางเลยค่ะ ดูตื่นเต้นกันมาก เราก็สอดสายตามองหาโฮสเรา ซ้ายก็แล้ว ขวาก็แล้ว อ้าวไม่มี 5555 เรามั่นใจมากว่าไม่มีใครหน้าตาเหมือนในรูปที่เราเคยเห็นก่อนเดินทางมา (ก่อนเดินทางมาเราจะได้ข้อมูลของโฮสก่อนนะคะ) นี่ก็ยืนเอ๋อไปประมาณสามวิ ก็มีหญิงวัยกลางคนคนนึงเดินเข้ามาหาเราค่ะ ถามเราว่าใช่ น้ามจัง มั้ย? เราก็พยักหน้าไปหนึ่งที แล้วเค้าก็รัวภาษาญี่ปุ่นมาใส่เราเลยค่ะ จากที่เอ๋ออยู่แล้ว เอ๋อไปอีก เอ๋อหนักกว่าเก่า 5555 แต่พอจับใจความได้ประมานว่า โอสเราไม่อยู่ เราต้องไปอยู่กะสตาฟ สุดท้ายเค้าก็ถามเราค่ะว่าเข้าใจที่เค้าพูดมั้ย พยักหน้าแบสโลว์เป็นการให้คำตอบ คือยังถามตัวเองอยู่ว่า เอ้ยนี่เราเข้าใจปะวะ 555 แล้วเค้าก็แนะนำตัวเองกะเราว่า เป็น LP เราค่ะ ในนักเรียนแลลกเปลี่ยนหนึ่งคน จะมี LP เหมือนเป็นคนดูแลเรา หนึ่งคน เผื่อเวลาเรามีปัญหากะ รร กะโฮส อะไรแบบเนี้ยอ่าค่ะ แล้ว LP เราก็ได้เรียกชายหนุ่มมาคนนึงค่ะ แนะนำตัวกะเรา ขอสสมติว่าชื่อ โคว นะคะ โควมาจากฮ่องกง มาอยู่ก่อนเราแล้ว 7 เดือน พูดญี่ปุ่นเก่งมาก 5555 แล้วก็พาเราไปกินข้าวด้วยกันกะโฮสละก็ LP ของแม่นางอิตาลี่ด้วย ในจังหวัดนางาซากิจะมีนักเรียนแลกเปลี่ยนของ AFS ทั้งหมดในปีนั้น 4 คนค่ะ มีโคว อีด้า เรา และแม่นางอิตาลี่ แน่นอนว่าเราสามคนเข้ากันได้ดี ยกเว้น แม่นางผู้นั้น มีเหตุผลบางประการที่ทำให้พวกเราเข้ากะนางไม่ได้ แม้กระทั่งโฮสนางเองก็มีปัญหากะนาง เราขอเล่าข้ามๆเน้อะ เราก็ไปอยู่กะสตาฟ 5 วัน 4 คืนค่ะ นอยด์แบบนอยด์แล้วนอยด์อีก จนวันที่โฮสแม่เรามารับ สตาฟของจังหวัดนางาซากิต้องแห่กันมาส่งและดูหน้าเราทุกคนเนื่องจาก เด็กน้อยอย่างเรามีความนอยด์และแทบไม่กินข้าวเลยตลอดระยะเวลา 5 วันที่อยู่กะสตาฟ 5555 แต่จริงๆแล้วเค้าใจดีมากนะคะ เลี้ยงดูเราดีทุกอย่าง แต่เรานอยด์มากๆ สตาฟทุกคนเลยเป็นห่วง ว่าอิหนูน้อยนี่จะอยู่รอดถึง 6 เดือนมั้ย LP เข้ามาแนะนำตัวแจกนามบัตรให้เราทีละคนๆ นามบัตรเต็มเป๋ามากตอนนั้น จน LP กะโฮสแม่เรามาค่ะ โฮสแม่เราสวยมากกก แล้วสตาฟคนที่เราอยู่ด้วยก็คุยกะโฮสแม่ค่ะว่าเราต้องการอะไรบ้าง พวกเรื่องการซักผ้า ซักชุดชั้นในของตัวเอง เตียง ราวตากผ้า แต่จริงๆสตาฟของทางเอเอฟเอสจะไปตรวจดูที่บ้านโฮสก่อนที่เราจะเดินทางไปจากไทยนะคะ เหมือนเช็คอ่าคะ ว่าจะดูแลเด็กเค้าได้ดีจริงๆมั้ย ให้นอนตรงไหน อะไรยังไง นี่สตาฟก็ช่วยคุยเพิ่มว่าเราต้องการอะไร ซึ่งเราก็ไม่ได้นีดอะไรนอกเสียจาก ไวไฟค่ะ เน้นย้ำกะสตาฟมาก 555555 แล้วก็มาถึงบ้าน แวะรับโฮสน้องชายคนเล็กมาด้วย ตอนนั้นยังซึมๆแต่อุ่นใจขึ้นมากตอนเห็นหน้าโฮส แม่ก็พาเราแนะนำบ้าน บ้านกว้้้างมากกก มากกว่าบ้านคนญี่ปุ่นทั่วไป (เราสังเกตจากตอนไปบ้าน LP กะบ้านสตาฟที่เราอยู่) ตอนนั้นแม่บอกว่ารหัสไวไฟยังไม่ได้ ต้องรอโฮสพ่อเลิกงานกลับมา ตกเย็นเราก็เจอโฮสพ่อกะโฮสน้องสาวคนกลาง คนโตไม่อยู่ไปแลกเปลี่ยนที่ฮ่องกง วันแรกเรารัวอังกฤษใส่โฮสรัวๆเลยค่ะ ญี่ปุ่นที่เรียนมา 3 ปี รู้สึกโง่งมมาก พูดได้เป็นคำๆ ระบายความอัดิั้นตันใจให้โฮสฟังว่าอยากกลับบ้าน หนูไม่อยู่ใครจะช่วยแม่ ใครจะสอนการบ้านน้องงั้นงี้ แสดงสุดๆค้ะ 5555 (วันที่ต้องกลับโฮสพ่อถึงขั้นต้องแงะออกจากประตูบ้าน ไม่อยากกลับร้องไห้ขี้แงมาก) เราใช้เวลาปรับตัวประมาน 3 วันค่ะ ไม่ค่อยกิน ไม่ค่อยพูด พูดก็เบ๊าเบา หลังจากนั้นเริ่มดีขึ้นเรื่อยๆค่ะ ประมาณอาทิตย์นึงเรื่มดีด ยิ่งอยู่ไปเกือบเดือน มีเปิดเทอม เริ่มมีเพื่อน ดีดหนักค่ะ มีเรื่องเจื้อยแจ้วกลับมาเราให้โฮสพ่อแม่ฟังทุกวัน พูดมาก กินเก่ง เด๋อด๋า เฮฮากลับมาเป็นตัวเอง แฮปปี้สุดๆค่ะ คือโฮสเราดีมากกก เราก็ติดโฮสมาก เรามีเพื่อนคนญี่ปุ่นนะในห้อง มีแบบเป็นกลุ่มทีสนิทด้วย 4 คน ง่อววว เหมือนแก๊งค์แม่มดสาวโดเรมี ทุกวันนี้ยังติดต่อกะเพื่อนๆค่ะ ละถ้ามีโอกาสที่เราได้ไปญี่ปุ่น เพื่อนก็จะมาเยี่ยม นัดมีตกัน นอกจากเพื่อนคนญี่ปุ่น เราก็มีเพื่อนที่เป็น นร แลกเปลี่ยนใน รร ค่ะ 3 คน จากเยอรมัน ออส ละก็คนไทย เราเรียนอยู่หญิงล้วนเอกชนที่ค่อนข้างมีชื่อ รร เดียวกะโฮสน้องสาว กฎระเบียบค่อนข้างเคร่งค่ะ ต้องทำตัวให้ดีด้วย อีกอย่างโอสพ่อเราเป็น PTA เหมือนเป็นประธานเครือข่ายผู้ปกครองของ รร ในวันกีฬาสี รร นอกจาก ผอ แล้ว พ่อเราก็เป็นประธานเปิดพิธี ในตอนนั้นแบบ อิวะ โฮสเราดูคูลมาก 5555 เราใช้เวลากะโฮสทุกวันแบบแฮปปี้มากค่ะ เราชอบออกไปซื้อของกะโฮสแม่ที่ซุปเปอร์ กลับมาช่วยแม่ทำกับข้าว ตากผ้า ล้างจาน จริงๆโฮสจะไม่ให้เราทำค่ะ แต่เรารู้สึกว่าไปอยู่บ้านเค้าก็ไม่อยากนิ่งดูดาย ช่วยทุกอย่างที่จะช่วยได้ ผ้าที่เราซักก็งานไม่หนัเลยค่ะ เอาลงเครื่อง ละก็ตาก เรทำให้ทุกคนในบ้านนะคะ ไม่ใช่แค่เรา บางวันที่แม่ยุ่งมาก แต่เราหยุด เราเหนแม่คาไว้ในเครื่อง เราก็จัดการทำ แรกๆเราก็เข้ากะโฮสน้องสาวไม่ค่อยได้ ด้วยภาษา และด้วยความดราม่าของเราวันแรก ทำให้น้องคิดว่าเราเป็นพวกแบบเด็กเรียนจ๋าอะไรแบบนั้น แต่พอเราเริ่มสื่อสารได้ บวกกะด้านแฟชั่น (โฮสเราแทบจะโยนเสื้อยืดกางเกงยีนส์ที่เราเอาไปทิ้ง 5555) โฮสน้องสาวเปรียบเสมือนแฟชั่นนิสต้าของเราเลยค่ะ นางจะดูแลเรื่องแต่งตัวต่างๆให้ เสื้อผ้าอันไหนไม่ใส่นางก็จะถามว่าเราชอบมั้ย แบ่งๆๆๆมา บ้านนางรวยค่ะ 555 โฮสพ่อเราเป็นเจ้าของกิจการเซรามิคที่สืบทอดมานานหลายปี ส่วนโฮสแม่เราเป็นแม่บ้านค่ะ แต่ครอบครัวโฮสแม่ก็พื้นเพดีอยู่แล้ว จริงๆโฮสแม่เป็นคนโตเกียว อาศัยอยู่แถวกินซ่า โฮสตาเป็นหนึ่งในประธานอาวุโสของโครงการแลกเปลี่ยน lottery เอาเป็นว่าโฮสเราฐานะดี ต่างจากเราที่เป็นลูกพนักงานบริษัทธรรมดาๆค่ะ (โฮสแม่เคยพาไปบริษัทโฮสพ่อ อยู่ในเขตบริเวณบ้านนั่นแหละ ใหญ่มาก ละทุกคนโค้งให้ ตลอดทางที่เราเดินชมโรงงานคือเกร็งมาก เราก็โค้งคืนทุกคนถือเป็นมารายาทเพราะเค้าอายุเยอะกว่าเรา ตอนที่ขอไปกินข้าวกะเพื่อนกะทันหัน แม่ไม่อยู่พ่อดูแลเรา เราไปที่บริษัทเพื่อที่จะบอกพ่อว่าเราจะขออนุญาตออกไปกะเพื่อนแต่พ่อดันไม่อยู่ เราเจอกะเลขาพ่อถามว่าเรามาพบใคร เกร็งระดับแปดเลยค่ะ น้องเรามันเลยบอกพบท่านประธานค่ะ 555 เลขาก็ถือสมุดโน้ตมาเลย มีธุระอะไรคะ ตอนนี้ท่านประธานไปข้างนอกค่ะ แล้วจะเรียนท่านให้ เราก้็บอกๆไปค่ะ ว่าจะขออนุญาตไปกินข้าวกะเพื่อน แถวๆนี้ๆๆ สักพักหลังจากเราออกมาโฮสพ่อก็โทรมา คือฮามาก ตื่นเต้นเป็นลูกสาวท่านประธาน) ชีวิตเราแฮปปี้ดีมาก บางวันก็มีปัญหาบ้างค่ะ เป็นเรื่องปกติ แต่ชีวิตโดยรวมคือดีทุกอย่าง พอครบสามเดือน แม่เราก็บอกถึงวันที่เราต้องไปเป็นอาสาสมัครตามเงื่อนไขของโครงการแล้ว เราหยุดเรียนแล้วไปค่ะ 4 วัน 3 คืน จุดเริ่มต้นมันก็อยู่ตรงนี้แหละค่ะ

- โฮสแม่ช่วยเราเตรียมเสื้อผ้า เตรียมของ โฮสน้อง โฮสพ่อด้วยค่ะ ช่วยกันเลือกชุด เลือกของ เลือกกระเป๋า ทุกอย่างต้องดูมุ้งมิ้ง ดูดี ตามสไตล์ลูกสาวท่านประธาน เราก็เปรียบเสมือนหน้าตาของโฮสอ่าคะ จะทำอะไรก็ต้องวางตัวดีๆ เราดูดีมีความสุข ยิ้มแย้ใ ก็แปลว่าโฮสดูแลเราดี โฮสเราจะเอาใจใส่เรามากๆ โฮสน้องเรามุ้งมิ้งยันกระเป๋าใส่ครีม ที่ใส่เหรียญ บัตรรถไฟ จ้ะ! เต็มที่เลยที่รัก พอพร้อมเดินทาง โฮสเราก็มาส่งเราที่สนามบินค่ะ เรามีความอิดออดไม่อยากไปเพราะอยู่กะโฮสเราแฮปปี้มาก (เราเคยร้องไห้ที่ รร จนครูนึกว่ามีปัญหาใหญ่โต กลัวซ้ำรอยกะเด็กปีที่แล้วที่มีปัญหากะโฮส แต่ตอนนั้นเราร้องเพราะเราอยากกลับบ้านโฮสค่ะ 5555) โฮสก็พาเรากินข้าว ละก็ส่งเราขึ้นเครื่อง LP เราก็มาค่ะ เราก็โชคดีที่ได้ LP ดีมากๆ เวลาโฮสกะ LP เรามาเจอกัน มักจะแย่งกันจ่ายอะไรก็ตามที่้ชเกี่ยวกะเราค่ะ เช่นค่าข้าว ขนม ไอติม 5555เป็นการเดินทางด้วยเครื่องบินด้วยตัวเองเป็นครั้งที่ 2 ไปโตเกียวค่ะ เราต้องไปรวมตัวกันที่โตเกียวก่อน ก่อนจะนั่งชิงคันเซนไปที่จังหวัด อิวาเตะ เมื่อถึงสนามบินโตเกียว ความโก๊ะกังก็ได้บังเกิดค่ะ ตอนลงเครื่องเราก็เดินๆตามคนญี่ปุ่นส่วนใหญ่ไป ก็ใช้ความคิดแบบไทยๆ ทางไหนคนไปเยอะไปทางนั้นแหละ 555 แต่มันไม่ใช่ไง คือที่สนามบินโตเกียวในประเทศจะแบ่งทางออกเป็นสองทาง ทางสำหรับคนไม่มีสัมภาระ กะมีสัมภาระ แล้วส่วนใหญ่คนที่เดินทางเข้ามาในโตเกียว มาเพียงเพื่อทำธุรกิจบางคนมีการส่งสัมภาระมาก่อนล่วงหน้าแล้ว นั่นแหละจ้ะ หนูเดินมาทางนั้น แต่หนูมีสัมภาระลู๊กกก 555 ทำไงละคะทีนี้ รู้ตัวก็ตอนเดินออกมาสุดทางแล้ว จะย้อนกลับเข้าไป คุณลุงยามก็บอกว่าไม่ได้ๆๆ สกิลภาษาญี่ปุ่นสามเดือนก็พอให้เถียงกะลุงได้บ้างว่ากระเป๋าหนูอยู่ข้างในงะลุงงง แง้งงง ลุงก็บอกอะไรสักอย่าง พูดเร็วมากกก จับใจความได้แค่ทางนั้นๆๆ เดินไปแบบคอตก เหนคนกลุ่มหนึ่งถือป้ายเอเอฟเอสอยู่ เราตรงไปที่ ผช คนนึงเลยคะ เค้าก็โบกมือให้เราประมานว่า ทางนี้ๆ เห็นเราหน้าหงอยๆเค้าก็ถามว่าเป็นอะไร เราบอก เรายังไม่ได้กระเป๋าเลยงะ เดินออกมาก่อน มาผิดทาง นางขำเราค่ะ ละก็ถามเรากระเป๋าสีอะไร เราบอกสีเทาๆมีสติ๊กเกอร์เยอะแยะเลย ละนางก็เดินไปคุยกะเจ้าหน้าที่ค่ะ สักพักนางก็มาพร้อมกะกระเป๋าของเรา ทาด๊าาาาา เรานี่ยืนขาชิดโค้งตัว 90 องศา พูดขอบคุณแบบสุภาพที่สุดเป็นภาษาญี่ปุ่นให้ ดีใจสุดซึ้งและด้วยความที่คิดว่านางคือสตาฟ แต่เรามารู้ทีหลังว่านางไม่ใช้สตาฟ เป็นเพื่อนคนเกาหลีร่วมโปรเจคเดียวกันกะเรา 555 (แต่ไม่ใช่คนที่เรา-งด้วยนะ) ละเราก็ไปยังจุดรวมตัวกันค่ะ นร กว่า 60 ชีวิต จาก 20 กว่าประเทศมารวมตัวกัน เกิดการพูดคุยพบปะดีใจแบบเจื้อยแจ้ว ส่วนใหญ่ทุกคนก็จะเข้าไปทักเพื่อนของตัวเองที่มาจากประเทศเดียวกัน เราก็วิ่งไปหานิวเลยค่ะ นิวก็ถามเปนไงบ้าง บลาๆๆ คุยกันสนุกมาก แต่ยังไม่ค่อยสนิท ได้เวลานั่งชิงคันเซน ก็นั่งตามหมายเลขตั๋วที่ได้ ตอนนั้นเราจำไม่ได้แล้วว่าเรานั่งข้างใคร แต่จได้แค่ว่า เพื่อกัมพูชา ชาย หญิงที่นั่งหลังเรามันหมุนเบาะ ในชิงคันเซ็นจะหมุนเบาะได้ ละเม้ากันพร้อมกระแทกเบาะมาชนเบาะเราตลอดทาง และกล่อมเราหลับด้วยภาษาเขมรอันไพเราะ ด่งด๋อยดึ๋ง เราใช้เวลาเดินทางสามชั่วโมง ทีนี้มีการแบ่งกลุ่มเกิดขึ้นค่ะ ในเหตุการณ์ไปรอบแรกนี้เราจำอะไรได้ไม่ค่อยมากนะคะ เพราะมันไม่คอยมีโมเม้นเรากะยอนเท่าไหร่ การแบ่งกลุ่ม แบ่งออกเป็นสองบัส บัสเราก็จะมีเรา มีนิว มีฟ้า มีบอล มีฮยอก คนเกาหลีคนนึงที่เหมือนพี่ชายเรา มียอน มีคารีน่ากะเม เปนคนฟิลิปปินส์ มีอีลน เราเรียกมันอิแร่น ตัวดำๆ กวนประสาท ละก็เพื่อนๆอีกบางส่วน โอปป้าที่เราพูดถึงคือ ยอน ค่ะ แต่ในการมาครั้งแรกนี้ มันเป็นอะไรที่น่าตลกมากสำหรับเรากะยอน เรานั่งรถบัสตามกรุ๊ปที่แบ่งเพื่อกลับเข้าโรงแรม เราจำแทบไม่ได้ว่าครั้งแรกนั้นเราได้รูมเมทเป็นใคร เราจำได้แค่ว่าเราอยู่คนละห้องกะนิวกะฟ้า พอถึงโรงแรมก็เก็บของเข้าห้องพัก แล้วสตาฟก็เรียกพวกเรามาประชุม ในตอนนั้นสตาฟก็บอกกฎต่างๆให้กะพวกเรา รวมๆประมานว่าพวกเราจะต้องลงไปทำจิตอาสาตามโปรแกรมต่างตลอดทริปนี้ แล้วทุกๆเช้าเราต้องมาตรวจอุณหภูมิร่างกาย เช็คไข้ เช็คอะไรเยอะแยะเลยทุกเช้าก่อนทานอาหารเช้า เพราะตอนนั้นสถานที่นั้นยังอยู่ในช่วงฟื้นฟู เวลาในการรับประทานอาหาร พรีเซ็นต์งานต่างๆบลาๆๆ ไวไฟมีให้ใช้ได้เฉพาะล็อบบี้ชั้น 1 กับชั้นลอยเท่านั้น ห้องพักแบ่งเป็นชั้นค่ะ ชาย-หญิง ห้ามแลกห้อง(สุดท้ายก็แลกอยู่ดีี นอนรวมกันมั่วมาก5555) ไปครั้งแรกนี้เราหงิมๆมากค่ะ ยังไม่กล้าออกลวดลายความกวนความโก๊ะกัง

แสดงความคิดเห็น

>

7 ความคิดเห็น

nnnarmmm 23 ก.ย. 59 เวลา 17:34 น. 1

มาต่อแล้วค่ะ ในการไปครั้งแรก เราจำได้แค่ว่า เรานั่งกะนิวนี่แหละค่ะ บางทีก็นั่งกะฟ้า นิวไปนั่งกะบอล ด้วยความที่สนิทกันสามคน การน้อยใจบังเกิดค่ะ บางทีนิวก็น้อยใจว่าเราสนิทกะฟ้ามากกว่า มันชอบคิดมากค่ะ 5555 แต่สิ่งที่เราสนใจคือผู้ชายที่นั่งเบาะหลังถัดไปจากเรา สองนนั้นคือ ฮยอก กะ ยอน ยอนเป็นผู้ชายที่เงียบมากกก มากๆ ดูเหมือนมีความนิ่ง แล้วเท่าที่เราสังเกตุดูในบัสยอนจะไม่ค่อยทำอะไรเลยค่ะ นอกจากกินกะนอน เพื่อนคนอื่นยังมีพูดคุยกันเจี้ยวจ้าว แต่ยอนหลับอย่างเดียว แต่ตอนนั้น ฮยอกมาสนิทกะเราค่ะ ด้วยความนั่งเบาะติดกัน ไอ่เรามันคนพูดมาก หันไปชวนคุยค่ะ ฮยอกพูดอังกฤษถือว่าเก่งมากในกลุ่มคนเกาหลีที่มา เราก็พูดด้วยบ้างเป็นบางคำ กิจกรรมระหว่างวันก็ดำเนินไปเรื่อยๆ เราก็ลงไปทำจิตอาสาตามสถานที่ต่างๆ ตอนที่เห็นซากตึกปรักหักพัง เราเศร้าจนแทบร้องไห้ คือบางทีเห็นแค่รอยตรงพื้นว่่าที่นี่เคยมีบ้านคนอยู่แต่กลับหายไปทั้งหลัง เราก็ทำหน้าที่ให้ดีที่สุดค่ะ แล้วเราก็ได้เข้าไปในพิพธภัณฑ์ เรียนรู้ความเป็นมาของโปรเจคที่เราเข้าร่วม พาเราไปสถานีดับเพลิงค่ะ สอนเรื่องการหนีเพลิงไหม้หากติดอยู่ในตึก ที่ญี่ปุ่นจะมีการซ้อมบ่อยมาก ซึ่งก็สนุกดีค่ะ เหมือนเล่นเกมส์ เข้าไปในห้องๆหนึ่ง จะเหมือนเกิดไฟไหม้ขึ้น เราต้องเกาะกลุ่มกันไว้ ก้มลงต่ำๆถ้ามีใครในกลุ่มไม่ยอมก้มแล้วไปโดนเลเซอร์ที่เป็นระดับควันไฟ ไซเรนก็จะร้องค่ะ 5555 แล้วทุกครั้งที่ผ่านแต่ละห้องต้องปิดประตูให้สนิททุกครั้งป้องกันควันไฟลามไปที่อื่น ก็ล้มลุกคลุกคลานกันไปตามระเบียบ สนุกดีค่ะ แต่ตอนนั่งฟังบรรยายเราหลับ เพราะในบรรยายเป็นภาษาญี่ปุ่นค่ะ แน่นอนว่าการอยู่เพียง 3 เดือน สกิลเราไม่มากพอในการจะฟังศัพท์ของเหตุการณ์แผ่นดินไหว ไฟไหม้ สึนามิ ล่ามอังกฤษที่แปลก็แปลแบบสำเนียงญี่ปุ่นมาก เราเลยขอบายลาไปพักผ่อนสายตา 55 เมื่อเบรคค่ะ พวกเราสามคนเลยออกไปข้างนอกจะถ่ายรูปกัน ยุคนั้นเซลฟี่ก็ยังไม่ค่อยฮิตไงคะ ไอโฟนยังเป็น 4S ที่ใหม่ล่าสุด นิวหยิบกล้องดิจิตอลของมันขึ้นมาเพื่อจะถ่ายรูป แต่มันลำบากมากค่ะ ไม่มีระบบเซลฟี่ ตกขอบกันไปหลายรูป อยู่ๆฮยอกกะยอนละก็แก๊งค์หนุ่มเกาหลีก็ออกมาค่ะ อิฟ้าเสนอเลยค่ะ -ๆ ใช้เค้าถ่ายรูปให้มั้ย ด้วยความตัวดำฟันเหยินตอนนั้น เจี๋ยมเจี่ยมมากค่ะ ไม่กล้าจะเอ่ยปากทัก ผช 5555 แต่สุดท้ายพวกมันก็ให้เราพูดค่ะ เราก็เขินสิค่ะ มันให้เหตุผลว่าเพราะฮยอกคุยกะเราบ่อยตอนอยู่ในรถ สายตาเรามองยอนค่ะ 55 ความออร่าของยอนเตะตาเรามาก ถ้าถามว่าหน้าตายอนเป็นแบบไหน หน้ายอนจะคล้ายๆ คิมฮิมชาน วง BAP อ่าค่ะ แต่เวลายอนมองเรา เราจะหลบตา ไม่กล้าาา แต่ด้วยความที่ตอนนั้นเรามีแฟนอยู่แล้วด้วยค่ะ เราเลยไม่กล้าแอ๊วใครเยอะมาก สุดท้ายฮยอกก็ได้เป็นคนมาถ่ายรูปให้เร เรานี่ไม่กล้ายิ้มเลยค่ะ กลัวฟันเหยินจะหลุดออกปาก ได้แต่อมยิ้มบางๆ หลังจากนั้นก็ไม่มีอะไรมากเลยค่ะ เรามักจะคุยกะฮยอกเป็นพิเศษ จนเมื่ออาหารเที่ยงของวันที่สองต้องแวะที่ร้านอาหารญี่ปุ่นโบราณแห่งหนึ่งค่ะ อาหารที่เสริฟจะเป็นแนวสไตล์แบบญี่ปุ่นสมัยก่อน เราก็อธิบายไม่ถูกเหมือนกัน แต่ไม่ใช่ซูชิ ข้าวแกงกะหรี่หรือเบนโตะทั่วไปท สำหรับคนญี่ปุ่นจะถือว่าเป็นอาหารอันโอชะเลย พวกเราก็เลือกที่นั่งค่ะ เราเลือกไปที่หัวโต๊ะในสุด เพราะช่วงกลางๆถึงปลายโต๊ะมีเพื่อนบางส่วนจับจองปแล้ว ดันๆกันเข้ามาค่ะ สี่คนเรา นิว ฟ้า บอล พอเงยหน้าดูผู้ร่วมโต๊ะฝ่ายตรงข้ามดันเป็นสามหนุ่มสามมุม ฮยอก ยอน และฮันคู อิฟ้ารีบจับจองนั่งตรงยอนทันทีละหันมาพูดกะเราว่า -เอาโอปป้าของ-ไปคนนี้กูจอง พูดด้วยเสียงดังมากค่ะ ไม่ใช่อะไร ไม่มีใครฟังพวกเรารู้เรื่อง อินี่ก็เสียงแว้ดใส่เราเลยทีเดียว 555 พอมันนั่งตรงข้ามยอน แววตาหยาดเยิ้มก็มาเลยค่ะ ตอนนั้นเราก็ไม่ได้-งอะไรฮยอกมาก เราเขินยอนมากกว่า แต่ด้วยความมีแฟนแล้วเราต้องฮึบๆๆความรู้สึกเอาไว้ 5555 ละด้วยความที่เรากะบอลไม่ค่อยถูกกันค่ะ เถียงกันตลอดเวลา ศึกบนโต๊ะอาหารเลยบังเกิด อิบอลมันไปสรรหาคำด่าจากประเทศอื่นมาค่ะ ที่แน่นอนเราฟังแล้วไม่เข้าใจ อ่านะตามภาษา ผช พอมันด่าเรา เราก็งงค่ะ มันก็ขำเรา การปะทะฝีปากของเรากะมันเริ่มรุนแรงขึ้นตอนนั้นเราไม่สนใจว่ามันจะด่าอะไร แต่เราด่ามันด้วยภาษาไทยรัวๆเลยค่ะ แต่มันมักจะขำเวลาที่มันด่าละเราฟังไม่รู้เรื่อง และคำที่มันด่าเป็นภาษาเกาหลีค่ะ ฮยอกกะยอนรู้สึกว่าคำที่บอลด่าเรามันดูแรงเกินไปที่จะมาด่า ผญ เค้าเลยเรียกเราไปกระซิบค่ะ ไม่ได้ความลับอะไรนะคะ มันเรียกเราไปสอนคำด่าเกาหลีคืน ฮยอกบอกไม่ว่าบอลจะด่าไรมา ให้บอกว่า ทักจยอ อย่างเดียว

เดี๋ยวเรามาอัพต่อในคอมเม้นน้า ส่วนฟินจิกหมอน จะอยู่ในตอนที่เราไปรอบที่สองค่ะ เราเลิกกะแฟน เพราะแฟนเราไปคุยกะคนอื่น เหมือนช่วงรักษาหัวใจ

0
nnnarmmm 26 ก.ย. 59 เวลา 15:11 น. 2

หลังจากที่ฮยอกบอกให้เราตอบว่า ทักจยอ อย่างเดียว เราก็จัดเลยค่ะ ไม่ว่าบอลจะพูดไรมา เราทักจยอรัวๆทั้งๆที่ตอนนั้นไม่รู้ความหมายเลยนะคะ สามหนุ่มเกาหลีฝั่งตรงข้ามก็ขำกันไปค่ะ ทีนี้นางก็กระซิบกัน 3 คน แล้วฮยอกก็บอกเราค่ะ เพิ่มคำว่า โกโจ ไปด้วย เราพูดตามเพื่อนบอกค่ะตอนนั้น อิบอลก็งอแงโวยวายกะฮยอกค่ะ ว่าห้ามช่วยเรา เพราะมันฟังไม่เข้าใจ ทำตัวเด็กน้อยมาก แต่สถานการณ์ ณ ตอนนั้น มันอยากเอาชนะกันจริงๆค่ะ เราก็พูดตามละก็ชี้มือไปที่ประตู สามคนนั้นหัวเราะใหญ่ เราเพิ่งมารู้ว่ามันแปลว่า หุบปากแล้วไสหัวไปสะ! เพื่อนเลยขำที่เราทำแอคติ้งชี้มือ ทีนี้อิพวกนั้นสนุกค่ะ บอกให้เราทำใหม่ แล้วขออัดวิดีโอ เขินสิคะงานนี้ ทุกคนจ้องมาที่เรา 5555 เราก็ทำ เราเป็นพวกโก๊ะๆค่ะ แต่ยอมรับว่าเขินแรง เป็นครั้งแรกที่สบตายอน อีกวันเราก็ทำทุกอย่างตามปกติเลยค่ะ โปรแกรมให้เราทำอะไรเราก็ทำ แต่วันนั้นเราต้องกินข้าวเที่ยงกันบนรถ เป็นโอเบนโตะ แล้วรถจะจอดตรงหน้ามินิมาร์ท ฮยอกเริ่มสนิทกะเรามากขึ้นละคะ บังคับให้เราเรียกมันว่า โอปป้า ทีแรกเราก็ไม่เข้าใจจะให้เรียกทำไม ฉันแกกว่าตั้งเดือนนึงยะ จนกระทั่ง ความอยากเข้าครอบงำ เราอยากกินไอติมค่ะ แต่แซวฮยอก บอกเลี้ยงไอติมหน่อยดิ่ ฮยอกก็ยึกยักค่ะ เรากะไอฟ้าสองคน เดินลงไปในมินิมาร์ท ก็กะจะซื้อขนมกินกันเองเนี่ยแหละค่ะ แต่ฮยอกเดินมาแถวๆตู้ไอติม พวกเราก็ก่อกวนอีกค่ะ คราวนี้เรากะไอฝน ใช้ไม้เด็ด โอปป้าาาาาา เลี้ยงติมหน่อยน้าาาาา พร้อมกับทำมือซารางเฮโยเข้าหากัน 5555 ฮยอกถึงขั้นเขินแรง แล้วมันก็ยอมซื้อไอติมเลี้ยงเราค่ะ 5555 หลังจากนั้นอีกวันนึงก็เป็นวันที่ต้องเดินทางกลับไปอยู่กะโฮสใครโฮสมันเหมือนเดิมแล้วค่ะ เพื่อนๆก็แอบเศร้ากันนิดหน่อย แต่ทุกคนสนิทกันมากขึ้น มีเพื่อนต่างประเทศใน-ป์เพิ่มขึ้น เด็กเอเอฟเอสทุกคนจะได้โทรศัพท์ค่ะตั้งแต่วันมาเลย คนละเครื่อง แล้วมันมีการแสกนอะไรสักอย่าง เราจำไม่ได้แล้วว่าคืออะไร มันจะสามารถส่งข้อความหากันฟรีได้ แต่ถ้าข้อความยาวต้องมีเงินในเครื่องถึงจะอ่านได้ เราก็แลกมาหลายคนเลยค่ะ และแน่นอนต้องมีของยอน แต่ตอนนั้นเขินมาก ยอนก็ไม่ค่อยพูดอะไรเหมือนกัน เดินทางกลับปกติค่ะ โฮสมารับ เราดี๊ด๊าสุดๆ แบบชีวิตสุขมากๆ โฮสพาเราไปกินข้าว ตั้งแต่วันนั้นเราก็กลับมาใช้ชีวิตปกติกะโฮสค่ะ ตื่นเช้า ไปเรียน กลับบ้าน ช่วยแม่ทำกับข้าว ไปซื้อของกับแม่ คุยเจื้อยแจ้วตามภาษา เล่นกะน้องชาย ช้อปปิ้งกะน้องสาว เสาร์-อาทิตย์ที่ว่างโฮสก็มักจะพาไปเที่ยวค่ะ ตอนนั้นทุกคนก็เริ่มแลกเฟซบุ้คกัน ทยอยๆแอดกันเต็มไปหมด เพื่อนคนพม่าคนนึงแอดมาค่ะ ชื่อ Wai Pyo อะไรสักอย่าง เราเลยเรียกว่าไอ่เวนค่ะ 5555 แต่พอส่องเฟซเวนคือ เวน บอล และยอน โฮสอยู่แถบโตเกียว สามคนนั้นเลยนัดเที่ยวด้วยกัน เหนดังนั้น เรารีบแอดเฟซยอนไปเลยค่ะ ยอนก็รับ หลังจากนั้นก็ยังไม่มีอะไรคืบหน้า เราเคยทักยอนไปแต่ก็จะได้คุยกันแค่สั้้นๆสองสามประโยค แต่กลับกัน เรากะฮยอกคุยกันบ่อยมากกกกก ย้ำว่ามากกก แชร์กันแทบทุกเรื่อง ส่งข้อความในโทรศัพท์คุยกันตลอด แต่ก็จะเป็นข้อความทั่วๆไป เช่น วันนี้ทำอะไร ที่ไหน กินไรยัง แบบนี้อ่าค่ะ จนวันนึงฮยอกก็มาสารภาพกะเราว่าเค้าชอบเรา แต่ตอนนั้นคนดีค่ะ มีแฟนแล้ว และก็ไม่ได้ชอบฮยอกในแบบแฟนอะไรด้วย แต่คิดว่าเป็นพี่ชายไรงี้มากกว่า เราก็เลยบอกเค้าว่าเรามีแฟนแล้ว ต้องขอโทษด้วยน้าา เค้าก็บอกว่าไม่เป็นไร เค้าเข้าใจ และเนื่องจากเราเคยพูดกะโฮสพ่อไว้ตั้งแต่วันแรกๆเลยค่ะ พอดีจากค่ายโอเรียนเทชั่น สตาฟเคยให้ทำเหมือนการ์ดว่าแบบแต่ละคนอยากทำอะไรในประเทศญี่ปุ่นบ้าง เราก็เขียนไว้หลายอย่างเลยค่ะ แล้วเอาไว้ในห้อง โฮสแม่เรามาเห็นเลยบอกให้เราเอาแผ่นนี้ไปให้โฮสพ่อดูค่ะ โฮสพ่อก็เลยบอก โอเค งั้นพวกเราไปโตเกียวดิสนีย์แลนด์กันวันคริสมาส พอช่วงใกล้ๆคริสมาสมาถึง ที่บ้านโฮสเราก็ตามธีมค่ะ โฮสแม่ก็เปลี่ยนผ้าปูโต๊ะ ตกแต่งโต๊ะ ทำการ์ดเป็นวันคริสมาส ของเราที่ รร วิชาเขียนพู่กันญี่ปุ่นก็ให้ทำการ์ดคริสมาสเราเลยทำมาให้ทุกคนในครอบครัวแล้วก็แอบเอาไปวางที่เตียงของแต่ละคน 5555 และแน่นอนว่าต้องฉลอง เป็นอาหารมื้อพิเศษเลยค่ะ เฉลิมฉลองคริสมาส บ้านเราจัดก่อน สามสี่วัน เพราะวันคริสมาสเราต้องไปโตเกียว ที่สำคัญมีเค้กด้วยค่ะ ที่ญี่ปุ่นฉลองอะไรจะมีเค้กตลอด แต่พอใกล้วันเดินทาง โฮสน้องชายเราติดสอบเข้า รร มัธยม น้องเลยต้องอยู่บ้านอ่านหนังสือไปด้วยกะพวกเราไม่ได้ พ่อก็อยู่กะโฮสน้องชาย เลยมีแค่เรากะโฮสน้องสาวคนกลาง (สวยมากกก) แล้วก็โฮสแม่ ไปกันสามคน ไปกันสามวันสองคืน โฮสแม่เราก็แพ็คกระเป๋าเดินทางส่งไปก่อนแล้ว วันเดินทางโฮสพ่อก็ไปส่งที่สนามบินค่ะ ร่ำลากันเรียบร้อยก็ขึ้นเครื่อง ตอนนั้นเริ่มชินกะการขึ้นเครื่องแล้ว ความรู้สึกเราเวลาไปกะโฮสก็จะแฮปปี้มาก แอร์โฮสเตสเดินมาถามเกี่ยวกับการซื้อของพรีเมี่ยมบนเครื่อง โฮสน้องเราก็อยากได้ค่ะ โฮสแม่เราก็จัดมาเลยคนละชุด ให้เราด้วย โฮสแม่เราชอบให้ของขวัญ ก่อนหน้าจะมาก็ให้ของขวัญ ก่อนหน้านี้ก็ให้ของขวัญ 55555 ของขวัญคริสมาสจากโฮสพ่อครั้งนี้ก็คือการมาโตเกียว พอมาถึงโฮสแม่ที่เป็นเจ้าถิ่น ก็พาเราไปเดินช้อปที่ฮาราจุกุ ร้านเครปดังร้านที่สองขวามือของย่านนั้นเราต้องไม่พลาด ช่วงคริสมาสปีใหม่จะเป็นอะไรที่ครึกครื้นมมากก ของเซลล์ลดลั่นกันเต็มไปหมด มีนาทีทองเหมือนบ้านเราด้วย 5555 เราก็มีลงไปช็อปร้านค้าใต้ดิน อารมณ์เหมือนโรงเกลือ ทุกอย่าง 300-500 เยน หลังจากช็อปจนเหนื่อย โฮสแม่ก็พาเราไปกินข้าวแถว Ikebukuro แม่ก็ถามเราว่าอยากกินอะไร เราก็มักจะตอบว่าอะไรก็ด้ายยย แต่แม่จะรู้ว่าเราชอบกินยากินิคุมากๆ (บาร์บีคิวปิ้งย่าง) แม่เลยถามว่าอาหารไทยมะ [ โฮสแม่เราเคยพาเราไปทานอาหารไทย ก่อนวันที่เราจะสอบ แม่บอกเอาไว้เป็นกำลังใจ 5555 ] แต่โฮสน้องเราปฏิเสธค่ะ น้องไม่ทานเผ็ดและไม่ชอบกลิ่นผักชี เราเลยไปกินอาหารเกาหลีกัน ก็อร่อยมากกกก บรรยากาศดี๊ดี พนักงานในร้านก็งานดี อิ่มเอมเปรมปรี ละก็กลับไปนอน เพราะ พน ต้องตลุยยดิสนีย์แลนด์กันทั้งวัน วันทที่ไปดิสนีย์แลนด์ก็สนุกมากกก บางอย่างโฮสแม่ก็เล่นด้วย บางอย่างก็ไม่เล่น คือทุกอย่างดีงามมาก แม่ก็รู้แล้วว่าเราชอบสวนสนุกและเครื่องเล่นหวาดเสียว บางอย่างที่ต้องรอคิวนานๆโฮสแม่เราก็จะซื้อ fast pass เอาไว้ ส่วนวันสุดท้าย เราไปกินข้าวกะโฮสตาโฮสยายที่ Ginza ใจดีมากๆ คุณตาคุณยายดูใจดีอบอุ่นสุดๆ โฮสยายก็ให้ของขวัญวันคริสมาสเรามา แล้วก็เดินทางกลับ จุดเริ่มต้นแปลกๆของเรากับยอนมันอยู่ตรงนี้แหละค่ะ หลังจากเรากลับมาจากโตเกียว ช่วงก่อนหน้านี้ ยอนมักจะมากไลค์รูปในเฟซบุ๊คเราบ่อยๆ และจะชอบมาคอมเม้นด้วยอิโมติคอนบ้าง ชมว่าน่ารักบ้าง แต่ตอนนั้นเราไม่มั่นใจในตัวเองเลย ถึงเราจะขาวขึ้นเพราะอากาศหนาวสามเดือนที่ทำให้ผิวเราลอกคราบ ขาหายลายจากรอยแผลเป็นยุงกัด แต่เราก็ยังฟันเหยินอยู่่ตอนนั้น เราเลยเขินเวลาที่ยอนชอบมาบอกว่าเราน่ารัก หลังจากลงรูปช่วงเที่ยวคริสมาส อิเวนก็มาเลยค่ะ คอมเม้น ' น้าม มาโตเกียวทำไมไม่บอก เนี่ยพวกฉันก็อยู่ที่โตเกียวรู้มะ เธอสามารถมาเจอพวกฉันได้นะ ' แล้วมันก็แท็กยอนมาในคอมเม้นค่ะ เราแบบอ้าว อินี่ ยอนก็มาคุย แตต่ยอนไม่พูดเยอะค่ะ ยอนบอกว่าอยากเจอเราเหมือนกันมาโตเกียวทำไมไม่บอก เราก็ขำๆไป แต่ก็เริ่มรู้สึกแปลกขึ้น เพราะยอนมากดไลค์บ่อยสุดๆ และก็คอมเม้นบ่อย ตอนนั้นเราก็ยังคุยกะฮยอกปกติค่ะ จนวันนึงเราจับได้ว่าแฟนเราที่ไทย เค้านอกใจเราไปคุยกะคนอื่น ช่วงปีใหม่ ตอนนั้นเราเสียใจมากกทั้งอึดอัดและไม่รู้จะพูดยังไง อธิบายให้ใครฟังก็คงไม่ได้เข้าใจในสิ่งที่เราจะสื่อขนาดนั้น แต่เราก็คุยกะโฮสน้องนะคะ แล้วเช้าวันต่อมาเป็นวันปีใหม่ พวกเราไปรับโฮสย่ามาที่บ้านค่ะ เพราะลูกหลานจะมารวมตัวกันวันพรุ่งนี้ วันที่ 1 นี้ พวกเรราเลยเฉลิมฉลองด้วยการไหว้เจ้าในบ้านค่ะ แบบสไตล์ญี่ปุ่น กินปลาหมึกแห้งละดื่มเหล้าสาเกที่โฮสพ่อรินให้ หลังจากนั้นก็ทาน โอเซสจิ เรียวริ เป็นอาหารญี่ปุ่นที่มีความหมายดีๆที่จะทานกันในวันปีใหม่ เราทั้งนอยแต่พยายามจะทำตัวให้ร่าเริง จนวันที่ 2 ถัดมา ญาติๆก็มาบ้านค่ะ เป็นครอบครัวโฮสป้ากะโฮสอา โฮสพ่อเราเป็นลูกชายคนกลางและเป็นผู้ชายคนเดียว เลยได้รับกิจการสืบต่อจากโฮสปู่ เราก็ช่วยโฮสแม่เราเตรียมอาหารให้กับทุกคนค่ะ แต่แม่รู้ว่าเราเศร้า น้องเราเลยบอกให้เล่าให้แม่ฟัง เราก็คุยกับแม่ แม่ก็บอกไม่เป็นไร ไม่ต้องเสียใจ เรายังต้องเจอคนที่ดี 5555 แล้วแฟนเราก็ส่งข้อความมาขอโทษเรา ขอโอกาส หลายๆอย่าง เราถึงกะน้ำตาซึม โฮสลูกพี่ลูกน้องเราเห็นก็ตกใจ 555 แต่ตอนนั้นเราขำเลยค่ะ เราต้องสตรอง เราก็ตอบกลับแฟนเก่าเราไปแค่ว่า ก็ได้ แต่จะไม่กลับไปคบแบบเดิม เริ่มนับหนึ่งใหม่ก็แล้วกัน ละเราก็ตัดสินใจเปิดโอกาสให้ตัวเองค่ะ เราใช้เวลากะบรรดาญาติๆอย่างเต็มที่ แถมได้แต๊ะเอียจากญาติๆด้วย 5555 รวมกะโฮสแม่ให้อีก ได้ประมานหมื่นกว่าเยน เย็นวันนั้น เพื่อนๆก็อวยพร Happy new year กันเต็มเฟซบุ้คไปหมด

- ไอ่นิวก็ทักเรามาว่าไม่เหนตอบกลับข้อความทางโทรศัพท์เลย เนี่ยๆเพื่อนๆ KIZUNA เค้าอวยพรกัน เราก็เลยวิ่งกลับขึ้นไปหยิบโทสับที่ยัดไว้ใต้หมอนออกมา ไม่ใช่อะไรนะคะ โทรศัพท์เราตังค์หมดค่ะ ตอนนั้นเราใช้โทรกลับไทย ตังเลยหมดไวมาก ละข้อความอะไรก็อ่านได้ไม่ครบ เราเลยหงุดหงิดก็เลยไม่พกติดตัว แต่พอไอ่นิวทักมาเราก็เลยมาเปิดดู มีข้อความอวยพรมาตั้งแต่คริสมาส จนปีใหม่ แต่เราเอ๊ะใจที่ข้อวามชื่อหนึ่ง มันมาจากยอน 5 ข้อความรวด เราพยายามเปิดดู แต่ข้อความมันอ่านไม่ได้หมด ใจคความก็น่าจะแฮปปี้นิวเยียร์ แต่มีเขียนแบบอื่นมาด้วย ทีแรกเราคิดว่าคงส่งซ้ำๆมา เพราะเพื่อนบางคนก็ส่งเป็นข้อความพ่วง คือส่งทีเดียวหลายๆคน แต่ของยอนมันไม่ใช่ แล้ว 5 ข้อความนั้นเนื้อหามันก็ไม่้เหมือนกัน
หลังจากเลิกกันกะแฟนเรา เราก็ขึ้นสเตตัสเฟซบุ้คเป็นภาษาอังกฤษ ประมาณว่าทำลายความเชื่อใจเรา อะไรประมานนั้น ฮยอกก็ทักเรามา ถามว่าเราโอเครมั้ย? หวังว่าผู้ชายที่เธอพูดถึงว่าทำเธอเสียใจคงไม่ใช่ฉันใช่มั้ย เราก็แบบ ไม่ใช่ ไรเงี้ยค่ะ นางก็พยายามถามเรื่องราว จนนางรุ้ว่าเราเลิกกะแฟน แล้วนางก็ทวงเราค่ะ อีกอาทิตย์นึงจะได้เจอกันอีกแล้วนะ (พวกเราต้องไปค่ายรอบสอง) นางเลยบอกว่าอยากแลกของขวัญวันคริสมาสกะเรา เราก็ไม่ได้คิดไรมากค่ะ ก็บอกได้ๆ โอเคร หลังจากนั้นเราก็นอนหลับ ตื่นมาก็มีแชทนึงที่ส่งมาตั้งแต่เมื่อวาน แต่เราหลับไปแล้ว มันเป็นข้อความของยอน ' ไม่เป็นไรใช่มั้ย? สู้ๆนะ ' เรานี่แบบ หืมมม แอบตกใจ แอบดีใจ แต่เราก็ไม่อยากคิดไปเองค่ะ พยายามทำตัวปกติ และเมื่อถึงวันที่ต้องไปค่ายอีกครั้ง

0
nnnarmmm 26 ก.ย. 59 เวลา 17:31 น. 3

ต่อเลยนะคะ ก่อนหน้านี้อาจงงๆ
555 คือเรากะแฟนเราคุยกันตลอดนะคะ ละก็ไม่เคยนอกใจแฟนตลอดเวลาที่ไปแลกเปลี่ยนค่ะ เพราะเคยให้คำสัญญากันไว้ก่อนมา แล้วเราก็รักเค้ามากก พอเจอแบบนี้มันเลยเจ็บแบบบอกไม่ถูกเหมือนกัน

[ค่าย VOLUNTEER รอบ 2]

ครั้งนี้เราตื่นเต้นสุดๆ เพราะจะได้ไปเจอเพื่อนอีกครั้ง มีนัดกะไอ่ฟ้าละก้ไอ่นิวไว้เรียบร้อยแล้ว เนื่องจากค่ายครั้งก่อนพวกเราค่อนข้ามเจี๋ยมเจี่ยม เพื่อนมีปาร์ตี้กันพวกเราก็ไม่ไป เราเลือกที่จะอยู่กัน 3 คนเม้ากันเงียบๆ แต่คราวนี้พวกเราตั้งใจว่าจะมันส์กันให้สุดๆไปเลย อีกอย่างเป็นครั้งสุดท้ายแล้วที่จะได้มารวมตัวกะเพื่อนๆแบบนี้
เราก็เริ่มเก็บของแพ็คกระเป๋าค่ะโฮสเราก็ดูแลดีทุกอย่างเหมือนเดิม แต่ครั้งนี้เราก็แอบดี๊ด๊าที่จะได้ไป แต่อีกใจก็เสียดายเพราะช่วงที่เราไป โฮสเราจะพากันไปเที่ยวฟุคุโอกะ (จิงๆโฮสเราพาไปฟุคุบ่อยมาก เพราะไปช้อปปิ้งและชอบไปกินยากินิคุที่นั่น) โฮสน้องเราก็พูดแหย่เรา ' น้ามถ้าน้ามไปน้ามพลาดอะจิง เนี่ยไปคราวนี้นะช้อปกระจาย กินแต่ของอร่อย ไปร้านเนื้อย่างที่น้ามชอบด้วย กิน basskin robbin ด้วย ' เราชอบ basskin robbin มากก น้องนางของฉันพยายามพูดยั่วยวนทุกทาง แต่เราเลือกได้ที่ไหนละคะ เป็นเด็กทุนโครงการ ก็ต้องไปตามที่โครงการจัด แต่ปลอบใจตัวเองว่า เอาหน่า ไปเจอเพื่อนก็หนุกเหมือนกัน จะได้เจอยอนด้วย แต่ตอนนั้นเรายังไม่ได้คิดไกลอะไรขนาดนั้น แค่อยากเป็นเพื่อนที่คุยด้วยกันได้ก็พอแล้ว

วันเดินทาง

ก้าวลงจากรถโฮสพ่อด้วยความมั่นใจ โบกมือลาบ๊ายบายโฮสพ่อ แม่ น้องๆ และ LP ด้วยรอยยิ้มสดใส 555 เดินทางขึ้นเครื่องจากนางาไปโตเกียวด้วยความมั่นใจค่ะ แหมะ! พี่ขึ้นบ่อยแล้ว รอบนี้ไม่มีพลาดเอ๋อเหมือนรอบที่แล้ว มาอยู่นี่ผ่านไปเกือบห้าเดือน เรามั่นใจขึนค่ะ ในเรื่องการแต่งตัว การดูแลตัวเอง ติดนิสัยรักสวยรักงามมาจากโฮสแม่และน้อง ชินกะการเป็นลูกสาวท่านประธาน จะทำอะไรต้องไม่ให้โฮสหนูเสียหน้า การที่เราแฮปปี้มีความสุขดีก็แปลว่าโฮสเทคแคร์ดูแลเราดี สองชั่วโมงเหมือนเดิมเป๊ะ! ในการเดินทาง วันนั้นเราโชคดีที่ฟูจิซังขี้อายยอมเผยโฉมให้เราได้เห็นก่อนที่เครื่องจะแลนด์ดิ้ง เราเลยแอบขอพร ขอให้เราเจอรักที่ดีต่อจากนี้ ขอแบบเจ้าชายในฝัน ใครที่ทำเราเสียใจช่างเค้า ปล่อยไป เราคิดแบบนี้แต่จริงๆใจยังเฮริทค่ะ ก็มันรักมากอ่ะเน้อะ ตั้งใจกะตัวเองเลยค่ะ มา! ลองดูใครมาจีบจะจีบกลับจริงๆนะ 5555
เดินเข้าเกทด้วยมาดระดับแปด ชะเง้อมองหาสตาฟ ก็เจอกะพ่อหนุ่มเกาคนเดิมคนที่เคยช่วยเอากระเป๋าเรากลับคืนมาในครั้งแรก เรายิ้มและทักทายปกติ เพื่อนก็ถามชื่อเรา เราก็ถามชื่อเพื่อน ขอเรียกว่า คยู ละกันนะคะ กะผญเกาที่ชื่อ นานา พวกเราเดินทางเข้าโตเกียวไปพร้อมกัน สเต๊ปเดิมค่ะ ไปรวมกะคนอื่นๆที่สถานีโตเกียว ลากกระเป๋าเดินทางขึ้นบันไดเลื่อน ยกขึ้นยกลงจนมาเจอกะกลุ่มเพื่อนๆคนอื่น พอเห็นหน้าไอ่นิวกะไอ่ฟ้า เราวิ่งเข้าไปเลยค่ะ กอดกันกลมมมดิ๊ก บรรยากาศรอบข้างของเพื่อนคนอื่นๆก็เหมือนกัน จนสตาฟทยอยมาแจกตั๋วที่นั่งบนชิงคันเซนให้พวกเรา และเป็นจังหวะที่ชิงคันเซ็นมาพอดี ทุกคนต้องรีบเร่งเข้ารถไฟให้ทัน เพราะถ้าพวกเราคนใดคนหนึ่งตกขบวนนี้ก็จะตกรถเลยค่ะ เราก็เดินหาที่นั่งตามเลขในตั๋ว จำไม่ได้แล้วว่านั่งข้างใคร แต่ไอ่นิวกะไอ่ฟ้า ในตั๋วมันไม่มีเลขที่นั่ง 555 สองคนนั้นเลยต้องไปนั่งหลังสุดของขบวน ละไม่ได้นั่งเก้าอี้ดีนะคะ เปนเบาะเหมอนนั่งชั่วคราว แต่เราเดินทางกันสามชั่วโมง ทีนี้สองคนนั้นก็ตะโกนมาค่ะ
นิว: น้าม! น้าม (ทำท่ากวักมือเรียก)
น้าม:มีที่ออวะ?
นิว:ข้างหน้ากูมีๆ
ฟ้า: เนี่ยๆๆ (เอามือชี้ๆๆๆ)
เราก็ชะเง้อคอไป เออว่างสามเบาะพอดีเลยแฮะ ลุกเลยค่ะ และแน่นอน ลุกเสียม้า เพราะเพื่อนที่ไม่มีเลขที่นั่งค่อนข้างเยอะ และส่วนใหญ่จะเดินไปคุยกัน แต่ตอนนั้นคิดไม่เปนไร เพราะเหนเบาะว่างแล้ว คิคิ เดินไปด้วยความมั่นใจระดับสิบเจ็ด พอถึงเบาะข้างหน้าไอ่สองคนนั้น เอี๊ยดดดดด เบรคแทบไม่ทัน มีคนนั่งอยู่ ซึ่งคือ ยอน กับ ฮันคู เราเลยจะดินกลับค่ะ แต่กลับไปก็ไม่มีที่นั่งแล้ว กะตรงมันสองคนก็นั่งด้วยไม่ได้เต็ม หันไปมองอิสองตัวนั้นด้วยสายตาจิกทะลุเลนส์
น้าม: - -+++
ฟ้า: นั่งนี่ไง- มีเบาะว่างที่นึง
ที่นึงที่มันหมายถึงคือที่ติดหน้าต่างที่อยู่ในสุด เพราะยอนนั่งตรงกลางและฮันคูนั่งติดทางเดิน
น้าม:-จะบ้าอ่อ จะให้กูเดินเข้าไปเนี่ยนะ ข้ามขาเค้านะเว้ย
ฟ้า:-จะนั่งมั้ย ไม่นั่งก็ยืนไปจนถึงโทโฮกุเลย!
อ้าว กูทำไรผิด 555 คือจิงๆอิสองคนนี้แอบรู้เรื่องมาก่อนนิดนึง เพราะเรามีเล่าให้ฟังบ้าง ไม่รู้ว่าพวกมันแกล้งมั้ย แต่เราแบบ อ่ะ นั่งก็นั่ง ไม่งั้นยืนสามชั่วโมงถึงโทโฮกุก็ตายพอดี
น้าม:ขอโทษนะค้า ขอโทษนะค้าา (ภาษาญี่ปุ่น)

เวลาเราคุยกะเพื่อนๆรอบสองพวกเราส่วนใหญ่จะสปีคเจแปนนิสใส่กันละค่ะ โดยกะเฉพาะคนเกาหลี เพราะเพื่อนพูดอังกฤษไม่ค่อยได้ หลังจากพูดขอโทษขออนุญาต ต้องเดินข้ามเข่าเค้าเข้าไปข้างใน อายยพูดเลย อายมากก พอเราได้ที่นั่งปุ๊บ ฮันคูก็สะกิดยอน เรามีความประหม่าไม่รู้จะทำยังไง หันไปคุยกะอิสองตัวนั้น
น้าม:พวก-นะ เหนมะอายเค้า บอกให้มานั่งด้วยกัน ไกลกันนิดนึงอยู่ดี
นิว: ก็ใกล้กว่าตะกี้ป่ะ
น้าม:สึ_
พอหันมาก็ทำตัวไม่ถูกเลยทีนี้ ไม่รู้จะพูดอะไร คุยอะไร เป็นจังหวะเดียวกับที่ข้าวกลางวันมาแจก เราที่รองท้องกะโฮสก่อนจะบินมา ยังอิ่มคาในท้องอยู่ เลยยังอิ่มๆกินอะไรไม่ลง เปิดออกมากลิ่นขิงแรงมากด้วย เราไม่ค่อยชอบกินขิง เลยถือกล่องข้าวไว้เฉยๆ แต่เราเหนฮันคู หันไปขอกล่องข้าวเพื่อนผญ เราเลยเอากล่องข้าวของเราให้ฮันคู แต่ฮันคูมัวแต่คุยกะเพื่อนไม่ได้มองมาทางเรา เราก็ยื่นค้างไปเถอะ กลางอากาศที่ต้องผ่านหน้ายอน ยอนเลยหันไปเรียกฮันคู
ยอน:ย๊า! !##$$^#%&^ พูดไรสักอย่าง 5555 ที่เราฟังไม่ออกแต่พอรู้ว่าน่าจะหมายถึงกล่องข้าวที่เรายื่นให้
ฮันคู:ไม่กินเหรอ? (ญี่ปุ่น)
น้าม: ยังอิ่มอยู่เลยยย (เอามือลูบท้อง)
ฮันคู:มิน่าละผอม กินเยอะๆมั่งนะ เน้อะฮยอง มีการหันไปขอความเหนจากยอน ยอนก็ยิ้ม เราก็อ้าวอะไร เลยถามยอน
น้าม:ละกินอค่นี้อิ่มอ่อยอนอ่ะ
ยอน:-//////- หน้าแดงงง อ้าว หน้าแดงงเฉย
ฮันคู !#@#%%#^^& อะไรสักอย่างที่ตูฟังไม่เข้าใจ เกาหลีรัวมากกก แต่พอรู้ว่าเกี่ยวกะหน้า ยอนหันไปฟาดฮันคู ไอ่นั่นก็ขำ สร้างความงง ให้อินี่ไปอีก
ฮันคู : น้ามๆยอนฮยองอ่ะ เค้าเขินนะ
น้าม:เขินทำไมอ่ะ? ไม่ชอบคุยกะ ผญ อ่อ เหนใครถามก็ไม่ตอบ
ฮันคู: 5555555 แม่งขำ อ้าว ตูงงหนักกว่าเก่า แต่ตอนนั้นก็ไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเองไง
น้าม:ทำไมอ่ะยอน เขินเหรอ? เขินทำไมอ่ะ? ด้วยความที่เราก็ไม่รู้จะพูดอะไร จะชวนคุยเรื่องไหนด้วย ก้แกล้งยอนเนี่ยแหละแก้เขิน
ยอน: อมยิ้มมม ละพูด อืมม
น้าม:เขินทำไมอ่ะ? เขินเราหรอ? เราอ่านะ ละเราก็เอาหน้าเข้าไปใกล้ๆยอน นั่นก็หน้าแดงงง ตอนนั้นเราก็เขินนะ แต่อยากแกล้งยอนมากกว่า 55555 ทีนี้เราเริ่มมั่นใจละ ตูคงไม่ได้คิดไปคนเดียว ชอบเราเหมือนกันละสิ เดะเราจีบนายเองนะ คิคิ ทีนี้เรากล้าพูดมากขึ้นละค่ะ เราเปนคนที่ถ้าเราถูกใจใคร เราจะเดินหน้าจีบเลย เพราะเราเปนพวกซื่อตรงกะความรู้สึกตัวเอง ยอนเองก็มีท่าทีแปลกๆ ทั้งข้อความ ทั้งคอมเม้น ตอนแรกก็ไม่อยากคิดไปเอง แต่อะไรหลายๆอย่างนำพามาให้เปนงี้ละ ลองดูสักหน่อยจะเปนไร
น้าม:อืมยอน ที่ยอนส่งข้อความมาอ่ะ โทสับเราดูไม่ได้ เราข้อดูจากของยอนได้ป่ะ ว่าส่งไรมาให้เราอ่ะ
ยอน: หยิบโทสับยื่นมาให้
พอได้มาเราก็เปิดฝาพับขึ้นเลยค่ะ โอ้ะ! ภาษาเกาหลี มันตั้งทุกอย่างเป็นเกาหลี ละตูจะเปิดยังไง นี่ต้องหยิบโทสับของตัวเองขึ้นมาเทียบ งมๆๆหาๆๆ จนเจอข้อความ เลื่อนไป เลื่อนมา ไม่เหนมีชื่อตูเลยวะ รจะไม่ใช่ยอน นี่ตูโป๊ะป่ะเนี่ย
น้าม:เอิ่มม ยอนมันไม่เหนมีเลยอ่ะ
ยอน: ลบไปแล้ว
ลบแล้ว....... ลบแล้ว!! ละทำไมไม่บอกแต่แรกฟะ ให้งมทำไมตั้งนานละนั่งขำด้วยนะ เวลาเราคุยกะยอนเราจะคุยอังกฤษปนญี่ปุ่น เพราะยอนพูดอังกฤษได้ บางประโยคเรารู้สึกว่าเรายังพูดแบบญี่ปุ่นไม่เป็น ถ้าคุยแบบอังกฤษน่าจะสื่อความหมายตรงกะสิ่งที่เราอยากจะพูดมากกว่า

น้าม:เอ้าละไม่บอก! เอาคืนเลยยย
ยอน:ยิ้มมมม โอ้ยย จะยิ้มอะไรนักหนาละพ่อคุณ นี่จะละลายละ เราเลยหยิบสมุดโน๊ตน่ารกๆที่ได้จาก ผอ โรงเรียนเป็นของขวัญวันคริสมาสขึ้นมา เราเปนคนชอบถ่ายปุริคุระมากก (รูปติ๊กเกอร์ญี่ปุ่น) ละเราก็มักจะเอามาแปะในโน๊ตนั้นเต็มไปหมด ตอนแรกเราก็นั่งเปิดของเราคนเดียว สักพัก ฮยอกเดินมา

ฮยอก:น้าม! (พูดละก็โน้มหน้าลงมา เพราะเรานั่งในสุด ละข้างบนก็เปนที่วางกระเป๋าเลยทำให้ฮยอกต้องก้ม
น้าม:อ้าว โอปป้า นั่งไหนอ่ะ?
ฮยอก: โน่น นี่เดินมาหา
น้าม:อืมม อ่ะนี่ เรายื่นของขวัญวันคริสมาสที่ตกลงว่าจะแลกให้ฮยอก ทีแรกเราเครียดมากๆกะของขวัญ เราไม่รู้จะให้อะไรดี แล้วเราก็ไม่อยากเสียตัง ตอนนั้นแม่เราที่ไทยส่งที่ถักผ้าพันคอมาให้เพราะเราตั้งงใจจะถักให้โฮสน้องอยู่แล้ว เราเลยปรึกษาโฮสแม่ว่าให้อันนี้ได้มั้ย ไม่ต้องเสียตัง ความงกเข้าครอบงำไง 555 โฮสแม่เราก็ถาม ชอบเค้าหรอ? แต่คนนี้แม่ไม่ให้ผ่านนะ ดูหน้ากลัว แม่บอกเรา 555 คือโฮสเราจะช่วยเราสแกนทุกอย่าง ยันเรื่องแฟนเลยค่ะ เราเลยบอกโฮสแม่ว่าเราไม่ได้คิดอะไรเลยยย แค่ไม่อยากเสียตังค์ ละเรามีช็อคโกแลตที่เพื่อนๆกะอาจารย์ให้เรามาเต็มเลย เราเลยบอกแม่ ละถ้าเปนขนมอ่ะแม่ ได้มะ มันจะมีความหมายอะไรพิเศษมะ แม่เลยบอก ถ้าเป็นช็อคโกแลต ก้อาจจะนะ แต่ถ้าน้ามยืนยันว่าไม่ได้คิดอะไร ก็น่าจะให้ได้แหละ กลับมาที่สถานการณ์ในตอนนั้น เราก็ยื่นให้ฮยอกเลยค่ะ ด้วยความที่เราไม่ได้คิดอะไร ไม่ได้คิดกิ๊กกั๊กแนวคู่รัก เราเลยคิดว่ามันไม่จำเปนต้องเปนความลับ แต่ฮยอกกลับลุกรี้ลุกรนมาก รีบรับไปแล้วเอาแอบ เราก็ทวงค่ะทีนี้
น้าม: ของเราอ่ะ?
ฮยอก: เดี๋ยวค่อยให้นะ ละก็หันมาขยิบตาให้เรา คือตอนนั้นเราเริ่มรู้สึกแปลกๆละ คือปกติฮยอกจะไม่เปนแบบนี้ นี่ไม่รุอารมณ์ไหน ละเราก็ไม่ค่อยชอบ ผช ขี้เก๊ก ผช ที่คิดว่าตัวเองคูล ทั้งๆที่จิงแล้วไม่ได้เปนอย่างงั้น เราเลยบอก
น้าม:ก็รีบๆให้ จะได้จบๆ 5555 เราก็ขำกลบเกลื่อน
ฮยอก:ม่ายยย อันนั้นอะไรอ่ะ? ขอดูหน่อยดิ่ (ชี้มาที่สมุดโน๊ตเรา)
น้าม:ไม่ได้ ความลับ จะดูทำไม ไปนั่งที่เลยไป
ฮยอก: ขอเอาไปดูที่ที่นั่ง
น้าม:ไม่ คือเรายิ่งอึดอัด ตอนนั้นฮยอกเหมือนทำตัวเปนอฟนเรามากทั้งๆที่เพิ่งเจออีกครั้ง รู้ยุว่าที่ผ่านมาคุยกันตลอด แต่พอรุว่าเราเลิกกะแฟนก็ทำตัวแปลกๆมาสักพัก ละเจอกันเปนงี้เลย เราก็งง เริ่มอึดอัด หันไปมองหน้าไอ่ฟ้าไอ่นัด ผู้รู้เรื่องทุกอย่าง
น้าม: -งง อึดอัดอ่าาา
ฟ้า: โอปป้าาา มานี่ๆๆๆ ถามหน่อยย
ไอ่ฟ้าพยายามดึงโอปป้าไป

เดะเรามาต่อหน้า เพิ่งฝึกงานเส้ด กลับบ้านก่อน

1
Lingg 20 เม.ย. 63 เวลา 01:11 น. 3-1

แอดดต่อหน่อย อยากอ่านมากเลย ต่อๆน้าาา

0