เรื่องเท็จ: วิกลิเกแห่งแรก ดรามาป้อมมหากาฬ
ตั้งกระทู้ใหม่
ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานกรรมการบริหาร ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย (www.area.co.th) ขอชวนถกและ "กระซวก" ทางความคิดกับ "นักประวัติศาสตร์" เช่น "นายสุจิตต์ วงศ์เทศ" ได้เขียนไว้ว่า "ชุมชนป้อมมหากาฬจะมีได้อย่างไร เพราะมันเป็นชื่อใหม่ที่เพิ่งเรียกกันภายหลัง แต่เดิมนั้น รู้จักกันในชื่อ “ตรอกพระยาเพชร” เพราะเป็นที่ตั้งของวิกลิเกแห่งแรกในกรุงเทพฯ ยุครัชกาลที่ 5 ของพระยาเพชรปาณี" (http://bit.ly/2cxvE5B) นอกจากนี้ในมติชน 22 กันยายน 2559 ยังเขียนว่า "'ป้อมมหากาฬ' ฟื้นวิกพระยาเพชรปาณี ยุค ร.5 “บุญสืบ” ลิเกดังอาสาโชว์อาทิตย์ 25 ก.ย.นี้" (http://bit.ly/2cVO9jb) ซึ่งจะเป็นเท็จหรือไม่ ลองพิจารณาดู
ตามภาพข้างต้น มีการอ้างอิงว่าถ่ายในที่ตั้งด้านหลังของป้อมมหากาฬ แต่จนบัดนี้ ก็ไม่มีใครทราบที่ตั้งที่แน่ชัดในชุมชนนั้น กรณีนี้อาจเป็นแค่คำบอกเล่าที่ไม่มีความเป็นจริง ที่สำคัญกว่านั้นก็คือ ในภาพเขียนไว้ชัดเจนว่าวัดสระเกศ ถ้าวิกลิเกนี้อยู่หลังป้อมมหากาฬจริง ก็น่าจะเขียนว่าวัดราชนัดดา ซึ่งสร้างในปี 2389 (http://bit.ly/2dnR5Yq) ก่อนที่อ้างว่ามีวิกลิเกในบริเวณนี้ถึง 51 ปี พวกต่อต้านการรื้อย้ายผู้บุกรุกมักอ้างว่านี่เป็นจุดแข็งของชุมชน ผมจึงจะนำหลักฐานอื่นมาหักล้างให้ชม
ประเด็นสำคัญที่ไม่อาจนำมาอ้างเรื่องอาคารเก่าได้ก็คือ การกลับไปดูประวัติศาสตร์ของ "เมรุปูนวัดสระเกศ" ที่สร้างในสมัยรัชกาลที่ 3 "เพื่อใช้สำหรับพระราชทานเพลิงพระศพเจ้านาย และศพข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ที่มีการก่อสร้างอย่างปราณีตสมบูรณ์ยิ่งกว่าเมรุปูนของวัดอรุณราชวราราม และวัดสุวรรณาราม. . .มีสิ่งก่อสร้างบริเวณรอบเมรุ เช่น พลับพลา โรงธรรม โรงครัว โรงมหรสพ ตลอดจนพุ่มกัลปพฤกษ์ และระทา (หอสี่เหลี่ยมทรงยอดเกี้ยว ใช้สำหรับจุดดอกไม้ไฟ พลุ ตะไล ในพิธี) ซึ่งสิ่งก่อสร้างเหล่านี้ล้วนทำด้วยการก่ออิฐถือปูนทั้งสิ้น. . .(ต่อมา ร.5). . .ให้ตัดถนนบำรุงเมือง. . .ทำให้กุฎีวัดสระเกศกับบริเวณเมรุปูนแยกออกจากกันคนละฝั่งถนน. . . (ต่อมา) ได้ยุบเลิก เมรุปูน. . .วัดสระเกศก็ได้มอบสถานที่นั้นให้เป็นที่ตั้งของ “โรงเรียนช่างไม้วัดสระเกศ” และต่อมาในปี พ.ศ. ๒๕๐๔ จึงมอบพิ้นที่นี้ต่อให้กับกรมอาชีวศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ ตั้งขึ้นเป็น ”โรงเรียนสารพัดช่างพระนคร” และยกวิทยฐานะเป็น “วิทยาลัยสารพัดช่างพระนคร” จนปัจจุบัน (http://bit.ly/2d1ppEz)
บริเวณเมรุนี้ "ในอดีต ก็เคยใช้เป็นแหล่งพักผ่อน ของคนไทยในสมัยนั้น เพื่อชมมหรสพ จึงมีการเรียกสถานที่แห่งนี้อีกชื่อหนึ่งว่า “วิกเมรุปูน” นอกจากนั้นยังมีการนำของกินของใช้มาจำหน่ายให้กับผู้คนที่เข้ามาดู โขน ลิเก ละคร หุ่นกระบอก" (http://bit.ly/2cs88bB) ดังนั้นที่ว่าวิกลิเกแห่งแรกอยู่ที่หลังกำแพงเมืองในที่ดินของวัดราชนัดดา ซึ่งเป็นสถานที่ปิดแบบนั้น จึงน่าจะเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนเสียแล้ว
จะเห็นได้ว่าในความจำเป็นต้องเวนคืน ต้องตัดถนนบำรุงเมืองเพื่อการพัฒนาเมือง แม้แต่วัดสระเกศยัง "ไม่รอด" ยังต้องถูกตัดออกเป็นสองส่วน และขนาด "เมรุปูนวัดสระเกศ" ที่สร้างขึ้นมาใช้เพื่อใช้ในพิธีพระราชทานเพลิงศพเจ้านายก็ยังเลิกไปแล้ว และจะนับประสาอะไรกับ "วิกลิเกพระยาเพชรปาณี" ซึ่งไม่ได้อยู่ในชุมชน แต่น่าจะอยู่ใกล้ "ประตูผี" ทำไมจะย้ายไม่ได้ ทำไมกลับนำมาอ้างโดยไม่มีมูล และไม่เคยมีโฉนดที่ดินฉบับใดเป็นของพระยาเพชรปาณีเลย และยิ่งกว่านั้นการตั้งวิกลิเก ก็เป็นสิ่งชั่วคราว จะนำมา "ตู่" เพื่อจะหาทางไม่ยอมย้าย ทั้งที่ผิดกฎหมายไมได้เลย
ชุมชนประวัติศาสตร์ที่แท้ เช่น ชุมชนบ้านบุ ชุมชนบ้านช่างหล่อ ชุมชนบ้านครัว เป็นชุมชนที่อยู่สืบต่อกันมาสองร้อยปีตั้งแต่แรกจนถึงปัจจุบัน ไม่ใช่ชุมชนบุกรุกเข้ามาอยู่อาศัยใหม่ ไม่ใช่ชุมชนที่เพิ่งเกิดขึ้น วิถีชีวิตของชาวชุมชนก็เปลี่ยนไปแล้ว ไม่ (เคย) มีวิกลิเก ไม่มีการเลี้ยงนกสืบต่อกันมายาวนานดังอ้าง เพราะบ้านเลี้ยงนกแต่เดิมเป็นของคนจีน ไม่มีบ้าน ดร.ป๋วย ดังที่มีการอ้างส่งเดชแต่อย่างใด (http://bit.ly/2cEJG31)
อย่าอ้างประวัติศาสตร์ที่ไม่จริง ที่ผ่านมา วัดวาอาราม เจดีย์ วัง บ้านเรือนคหบดีใหญ่โตก็ต้องถูกเวนคืนเพื่อการพัฒนาเมืองทั้งสิ้น http://bit.ly/1NhEq1X) อย่าอ้างเข้าข้างผลประโยชน์ของตนเองเลย
ที่มา: http://www.area.co.th/thai/area_announce/area_press.php?strquey=press_announcement1605.htm
แสดงความคิดเห็น