เวลาเขียนเหมือนมือไหลไปเอง ทำให้เนื้อเรื่องออกมามั่วไปหมด *-*
ตั้งกระทู้ใหม่
ฮืออออ อย่างหัวข้อกระทู้ค่ะ เวลาเขียน ชอบไหลไปเองเลย พอหยุดพิมพ์/ไหล แรกๆก็ว่าแบบนี้ก็ดีนะ
แต่ไม่ค่อยเข้ากับชื่อเรื่องหรือพลอตเรื่องที่คิดไว้ แรงบันดาลใจ มีหลายอย่างเลยค่ะ
นิยายที่ชอบ สิ่งของที่ชอบ หนังที่ชอบ ชอบอะไรก็จินตนาการดู แต่พอลองมิกซ์ออกมา ก็กลายเป็นนิยายแนวแฟนตาซี
บางทีก็ออกเป็นแนวรักงุ้งงิ้งไปเลย พอลองปล่อยให้มือมันไหลตามความคิดอีกซีกหนึ่ง//ของสมอง
มันก็กลายเป็นเรื่องที่ดูน่ารำคาญตาเลยค่ะ แงงงงงง
พอลองพิมพ์แบบที่คิดไว้ มันออกไปคนละแนวอีกเหมือนเดิม ส่วนตัวว่า เป็นคนเขียนนิยายไม่ออกเลยค่ะ
บางทีเขียนไปครึ่งเรื่อง หรือใกล้จบแล้ว ก็รู้สึกเบื่อ ลบหน้าทิ้ง หรือไม่ก็ฉีกกระดาษทุกหน้าที่เขียนออกไป
//ส่วนตัวชอบเขียนในกระดาษไว้อ่านตอนเหงาๆค่ะ แหะๆ
บางทีก็ขีดหน้านั้นออก พอจะเริ่มเขียนเรื่องอื่น มือมันก็ไหลตามสมองอีกซีกหนึ่งอีกแล้ว
เคยลองให้เพื่อนอ่านดู เขาก็บอกน่าสนุกดี เขียนต่อสิ ได้อยู่นะ คือพอลองมาอ่านเองก็แบบ
นี่ใครเขียนฟะ อะไรอะ อ่านไม่รุ้เรื่องโว้ยยยย 555555555 เหมือนเพื่อนไม่กล้าบอกว่าไม่สนุก ไม่กล้าวิจารณ์ตรงๆ
ควรทำยังไงกับนิสัยไหลๆของเราดีค้ะ อ้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
แต่ไม่ค่อยเข้ากับชื่อเรื่องหรือพลอตเรื่องที่คิดไว้ แรงบันดาลใจ มีหลายอย่างเลยค่ะ
นิยายที่ชอบ สิ่งของที่ชอบ หนังที่ชอบ ชอบอะไรก็จินตนาการดู แต่พอลองมิกซ์ออกมา ก็กลายเป็นนิยายแนวแฟนตาซี
มันก็กลายเป็นเรื่องที่ดูน่ารำคาญตาเลยค่ะ แงงงงงง
พอลองพิมพ์แบบที่คิดไว้ มันออกไปคนละแนวอีกเหมือนเดิม ส่วนตัวว่า เป็นคนเขียนนิยายไม่ออกเลยค่ะ
บางทีเขียนไปครึ่งเรื่อง หรือใกล้จบแล้ว ก็รู้สึกเบื่อ ลบหน้าทิ้ง หรือไม่ก็ฉีกกระดาษทุกหน้าที่เขียนออกไป
//ส่วนตัวชอบเขียนในกระดาษไว้อ่านตอนเหงาๆค่ะ แหะๆ
บางทีก็ขีดหน้านั้นออก พอจะเริ่มเขียนเรื่องอื่น มือมันก็ไหลตามสมองอีกซีกหนึ่งอีกแล้ว
เคยลองให้เพื่อนอ่านดู เขาก็บอกน่าสนุกดี เขียนต่อสิ ได้อยู่นะ คือพอลองมาอ่านเองก็แบบ
นี่ใครเขียนฟะ อะไรอะ อ่านไม่รุ้เรื่องโว้ยยยย 555555555 เหมือนเพื่อนไม่กล้าบอกว่าไม่สนุก ไม่กล้าวิจารณ์ตรงๆ
ควรทำยังไงกับนิสัยไหลๆของเราดีค้ะ อ้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
4 ความคิดเห็น
กำหนดพล็อตไว้หรือยังล่ะครับ
อาการนี้เหมือนเขียนแบบไม่ได้ลงรายละเอียดพล็อตเลย
ไม่งั้นก็คือมีพล็อตแต่ไม่ทำตามที่พล็อตกำหนดไว้
สำหรับการเขียนนิยายแล้ว พล็อตก็เหมือนคู่มือการปฏิบัติงานล่ะครับ
มีไว้ช่วยให้งานเดินหน้า ต่อให้หมดมุกแทรก หรือมองไม่เห็นทาง เราก็ยังใช้พล็อตเป็นเชือกนำทางในที่มืดให้ด้นแต่งได้ด้วย
ถ้าไม่ได้วางพล็อต หรือมีพล็อตแต่ไม่เชื่อพล็อตล่ะก็
มีโอกาสที่จะออกมาในอาการที่ จขกท. กำลังเป็นอยู่ได้น่ะครับ
กำลังคิดที่จะทำวิธีนี้อยู่ค่ะ T-T
แบบนี้น่าจะแนวๆ ไม่มีสมาธิ หรือเปล่าครับ?
พอเราไม่มีสมาธิเราก็จะจัดลำดับไม่ถูก
มันก็เหมือนเปิดประตูด้วยความเคยชิน จนไม่รู้ว่าตัวเองเปิดประตูหรือเปล่าน่ะครับ
...ถ้าจะพูดแบบมีหลักการหน่อย สมัยมัธยมผมมีโอกาสได้เรียน Writing
ซึ่งผมก็อยากให้ในวิชาภาษาไทยมีสอนแบบนี้นะครับเพราะว่ามันดีมากๆเลย
คร่าวๆคือ
คืออย่างแรกเราต้องตั้ง Topic (ชื่อเรื่อง) ครับว่าเราจะเขียนถึงอะไร
จากนั้นก็เป็นทีของ Main Ideas (แก่นเรื่อง) คือเราใจความหลักใหญ่ว่าเราจะพูดถึงอะไรบ้าง เหตุการณ์สำคัญๆหลักๆ ตั้งแต่ต้นจนจบ
จากนั้นค่อยแตกออกเป็น Supporting Sentences (เนื้อเรื่องและเหตุการณ์ต่างๆที่จะเกิดขึ้นเพื่อดำเินเรื่องราว) ก็คือรายละเอียดที่แตกออกมาจาก Main Ideas อ่ะครับ
แล้วก็ Summary (บทสรุปตอนจบของเรื่อง) ก็คือปมสุดท้ายเพื่อจบเรื่อง
ผมเองก็เคยเป็นแบบนั้นครับ ตอนแรกเรตติ้งดีมาก ไปๆมาๆเริ่มออกอ่าวจนผู้อ่านก็ท้วงเหมือนกัน แต่นั่นเพราะสมาธิผมยังไม่ดี ไม่มีการจำกัดขอบเขต ใช้จินตนาการมากไป (เพราะในความเป็นจริงทุกเรื่องย่อมมีขอบเขตความเป็นไปได้ครับ ถ้าเกินขอบเขตนั้นแปลว่าไม่จริง เช่น ถ้าผมอยู่ในโลกนี้ ผมบอกผมบินได้ (ซึ่งเกินขอบเขตของมนุษย์ในมิตินี้) ผมย่อมโกหกครับ แล้วถ้าผมเกินขอบเขตไปมากๆ จะไม่มีใจความอะไรให้จับเลย กลายเป็นไม่สนุกนั่นเอง ดังนั้นคุณจะเห็นว่าคนโกหกที่ได้ผลคือคนที่พูดเรื่องเกินจริง 20 พูดจริง 80 เพราะมี-ส่วนความเป็นไปได้มากกว่า ทำให้เรื่องที่เล่าดูน่าติดตามและน่าเชื่อถือครับ (ยกเว้นคนอยู่วงการนั้นก็จะไม่ตื่นเต้นเลยเพราะรู้หมดแล้ว)
ถ้าให้ผมเปรียบก็คือ การเขียนนิยาย เหมือน การอาชญากรรมครับ
ถ้าเราไปปล้น (เขียน) แบบไม่วางแผนเลย เราก็โดนตำรวจจับ (แปลว่านิยายเราล่มไม่เป็นท่า) เราต้องมีแผน A B C หรือมากกว่านั้น เพื่อหาทางหนีทีไล่ให้กับนิยายของเรา
เพราะบาง Main Idea มันก็อาจไม่เวริคครับ เพราะหนทางของนิยายไปได้หลายทางเหมือนชะตาชีวิตของคนเลย ทุกตัวละครมีวิธีคิดของตัวเอง พวกเขาสามารถทำอะไรก็ได้โดยที่ผู้เขียนก็อาจคาดไม่ถึง
การเขียนนิยายดีๆสักเรื่องใช้อะไรหลายอย่างครับ เพราะผมเองก็ Study หลายอย่างซึ่งไม่ใช่สายที่ผมเรียนเลย ยกตัวอย่างเช่น ผมต้องไปดูการผ่าศพ ไปดูการตั้งท้องตั้งแต่แบบธรรมดา ไปจนถึงนอกมดลูก เพราะตัวละครผมเป็นเคสที่ต้องใช้ข้อมูลแบบนี้ถึงจะเขียนออกมาได้ดี กลายเป็นพอ Study แล้วผมเปลี่ยนเนื้อเรื่องส่วนนั้นใหม่หมด เพื่อให้มันสมจริงมากขึ้น คือการเขียนนิยายมันมีหลายอย่างครับ เราจะเขียนให้มันสมจริงก็ได้ กึ่งก็ได้ หรือเอาสนุกอย่างเดียวไม่สนใจความจริงเลยก็ได้ เพราะผู้อ่านก็มีหลายขั้น หลายระดับ อยู่ที่ว่าเราจะไปจับกลุ่มไหนได้ หรือจับไม่ได้เลย
มีประโยชน์มากเลยค่ะ ขอบคุณมากค่ะ
โอเค อ่านแล้วพอทำความเข้าใจปัญหาของคุณได้ ดังนี้ว่า
1) แต่งไปแต่งมาไม่เข้ากับชื่อเรื่องหรือพล็อต
2) เปลี่ยนแนว
3) มีไฟเขียนเรื่องใหม่ก็ทิ้งเรื่องเก่า
4) ไม่มีความมั่นใจ
ก็ถ้ารู้ปัญหาก็พออาจจะแก้ได้น่ะนะ...อย่างชื่อเรื่องอย่าไปซี เปลี่ยนใหม่ได้ แต่พล็อตนี่ละปัญหา คุณต้องวาางพล็อตอะไรให้มันแน่นหรือพอเข้าใจได้ว่าจะเดินไปตามทางนี้ อย่างน้อยสักนิดก็ยังดี
และเรื่องที่จับประเด็นมาใส่เรื่อยๆ จนเรื่องเพี้ยน อันนี้ต้องกำหนดกรอบชัดเจนว่าโทนเรื่องจะเป็นแบบไหน เช่นแนวเกมออนไลน์แบบแฟนตาซีที่อ่านได้ทุกวัย หรือแนวรักสดใสปนปริศนาในโรงเรียน ต้องกำหนด Genre ให้ชัด หรือไม่ก็ใช่ดนตรี/การ์ตูน/นิยายกำหนดอารมณ์ ณ ตอนนั้นของเราไปเลย
แต่ปัญหานี้ผมก็เคยเป็นตอนยังเป็น newbie เพิ่งเข้ามาใหม่ๆ ก็เกิดเปลี่ยนแนวดื้อๆ อันนี้ต้องถามใจตัวเองแล้วฝึกแต่งไปเรือ่ยๆ จนเจอแนวที่ถนัด
แต่-เรื่องเขียนเรื่องอื่นลืมเรื่องเก่านี่ก็ยังไม่รู้ ประสบปัญหาอยู่และยังหาทางแก้ไม่ค่อยได้ ส่วนเรื่องความมั่นใจอยากบอกว่า "ให้คิดเสียว่าแต่งเพื่อตัวเอง" แต่ต้องเกลาภาษา พล็อตเรื่องให้ดีด้วยนะ
ต้องปรับอีกเยอะเลยฮือออ พอจะรู้ปัญหาตัวเองแล้วล่ะค่ะ
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?