Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

วางหนังสือสอบสักแปป คุยเรื่องรับน้องสักหน่อย ปีหน้าพวกน้องต้องเจอแน่

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
เห็นข่าวกการรับน้องในระยะนี้แล้ว บวกกับที่เจออยู่ตอนนี้ พี่ก็รู้สึกว่าต้องออกมาพูอะไรหน่อย เพราะพี่คิดว่าเราต้องใส่ใจกับมันเลยล่ะ คือ รับน้องไม่ว่าจะทั้งกรณีเต็มใจ ไม่เต็มใจ บลาๆ มันไม่ควรจะมีอีกต่อไปแล้ว การรับน้องที่ให้น้องไปทำอะไรที่มนุษย์ปกติเขาไม่ทำกัน อ้างว่าถ้าได้ลำบากด้วยกัน จะรักกัน (คลื่นไส้) สำหรับพี่ เรื่องบ้าบอนี่มันมีแค่ในสังคม "ซาดิสม์-มาโซคิสม์" -ประเภทตบหัวแล้วลูบหลัง ที่แสดงมาเป็นละคร ทำไปเพราะรัก บลาๆๆ แล้วกอดกันรักกันร้องไห้กันแบบที่พี่เจอมา แล้วพอเป็นรุ่นพี่ก็มาทำกับน้องปีหนึ่ง ต้องส่งต่อกันเป็นวงจรอุบาทว์ต่อไป จบออกไปจนแก่แล้วก็มานั่งคุยกันถึงเรื่องที่โดนรับน้อง มานั่งบูม บลาๆๆๆๆๆ

พวกที่จบแล้วที่ผ่านวัฒนธรรมแบบซาดิสม์-มาโซคิสม์ มาดูจะชอบอะไรที่มันซาดิสม์-มาโซคิสม์แบบนี้ ชอบอยู่กับการเป็นทาส นายกับบ่าว ฯลฯ (พูดมากเดี๋ยวไปเฉี่ยวเรื่องการเมืองเข้า) เอาง่าย ๆ ชอบโดน "กดขี่" รู้สึกดีจังเลยที่โดนอะไรแบบนี้...

แล้วที่บอกว่า ไม่ได้รุนแรง รับน้องแบบสร้างสรรค์ ตามความสมัครใจ เอาจริงๆ นะเป็นจริงแบบนั้นหรือเปล่า??? สำหรับพี่คำตอบคือ "ไม่จริง" อีกอย่างนึง น้องเป็นเด็ก ม.ปลาย หรือเด็กอนุบาลที่ทำอะไรเองไม่ได้เลย โตจนจะเข้าคูหาเลือกผู้แทนได้แล้ว เด็กเมืองนอก ประเทศที่เขาเจริญแล้วเขาคิดนวัตกรรมสร้างฐานะกันร่ำรวยได้แล้ว พ่อแม่หมดเงินค่าติวไปเท่าไหร่ เสียพลังงานสมองไปเท่าไหร่กับการอ่านหนังสือจนสอบได้ บางคนคะแนนท็อป 100 ของประเทศ พ่อแม่เลี่ยงดูมาอย่างดีแต่น้องกลับให้คนที่แก่กว่าน้องแค่ 1-4 ปีมากดขี่น้อง

น้องไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอว่าน้องเป็นผู้ใหญ่แล้ว? น้องสอบเข้าได้ น้องขับรถได้ เดินทางมาเรียนได้ น้องก็ต้องดูแลตัวเองได้สิ (กูเกิลแมพก็มี) ทำไมต้องให้รุ่นพี่มาคอยดูแลราวกับเด็กประถม อนุบาลอีก (จากบ้านน้องไปมหาลัยต้องเดินผ่านดงกับระเบิดเหรอ ถึงต้องมีคนพาไป) สิ่งนี้มันบอกว่าเด็กที่สอบเข้ามหาลัยไปได้ ขออภัยที่ต้องพูดแรง ๆ "ไม่มีวุฒิภาวะอะไรเลยหรือ?" จะต้องเกาะรุ่นพี่ทั้งพี่รหัส ลุงรหัส ป้ารหัส นับญาติโกโหติกากันวุ่นวาย เข้ามหาวิทยาลัยแล้ว ควรจะเข้มแข็ง เป็นตัวของตัวเองได้แล้ว ไม่ต้องไปสนระบบรุ่นพี่ดซตัสอะไรแล้ว เพราะคุณแก่อ่อนกว่าเขาไม่เกิน 4-6 ปี มันมีความหมายแค่ว่ารุ่นพี่มันโตกว่าน้องแค่ไม่กีปีแค่นั้น ไม่มีความหมายอะไรเลยในทางอรรถ (denotation) เป็นแค่ความหมายโดยนัย (Connotation) ที่รุ่นพี่มันสร้างขึ้นเอง หรือน้องไปสร้างตามด้วยก็ไม่รู้

ดูแลตัวเองน้อง พ่อแม่ที่ดูแลส่งเสีย ญาติพี่น้องเขาดูแลคุณคุณอยู่ จะต้องไปง้อรุ่นพี่ลูกป้าข้างบ้านก็ไม่ใช่มาดูแลทำไม

พี่บอกไว้เลยว่าพี่ก็ช่วยน้องไม่ได้ มีแต่น้องเท่าน้องที่ต้องยืนยันตอกหน้ารุ่นพี่กลับไปว่า
"ฉันเป็นมนุษย์ที่ไม่พิสวาสระบบอุปถัมภ์ ที่ต้องเกาะเครื่อข่ายรุ่นพีรุ่นน้องเพื่อจะมีงานทำในอนาคต"

โลกแห่งการทำงานในสมัยนี้มันไม่ได้แค่ นายจ้างกับลูกจ้าง น้องสามารถทำงานผ่านเทคโนโลยี น้องมีสติปัญญาที่ล้ำเลิศ สามารถคิดอะไรใหม่ ๆ ที่สร้างรายได้ให้น้อง โดยที่ไม่ต้องไปง้อคนที่ไม่ใช่แม้แต่ลูกป้าข้างบ้านด้วยซ้ำ สังคมอุปถัมภ์มันเป็นอดีตไปแล้ว อย่าเอาตัวเองไปอยูกะลา แล้วคิดแต่ว่าต้องให้รุ่นพี่มันมาว้ากเช้าว้ากเย็น

ถ้าน้องสมยอมกับรุ่นพี่ วัฒนธรรมรับน้องก็อยู่ต่อไป แล้วกรรมมันจะส่งไปหาใครล่ะไอน้องเอ๊ย ลูกของน้องไงที่ต้องมาโดนคนที่ไม่ใช่แม้แต่หลานป้าข้างบ้านมาว้ากๆๆๆๆๆๆๆ ใส่ ถ้าน้องไม่รวมตัวกันน้องก็จะโดนเหยียบย่ำศักดิ์ศรีแบบทีเป็นข่าวนั่นแหละ

สุดท้าย น้องลองดูสิว่า มหาลัยท็อบ 100 ของโลกที่ไหนบ้างเขาต้องมามีรับน้องแบบบ้านเรา การเรียนในอุดมศึกษามันคือการแสวงหาปัญญา ตั้งคำถามกับสิ่งที่อยู่รอบตัว คิดค้นสิ่งใหม่ๆ ขึ้นจากความรู้ที่อาจารย์ท่านได้สั่งสอน คิดดูครับน้อง พี่จะไม่ว้ากน้องเมือ่ถึงวันนั้น พี่อยากให้น้องผนึกกำลังกัน มันไม่ได้ส่งผลแค่สิทธิเสรีภาพ ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของน้อง แต่มันจะเปลี่ยนอะไรมากกว่านั้นอีก

แสดงความคิดเห็น

>