นับวันรอ! "ถอดรหัสไทย" นิทรรศการถาวรโฉมใหม่ @มิวเซียมสยาม

[lll-MiNt-lll]

       ถ้าถามหาพิพิธภัณฑ์เด็ดๆ ในเมืองไทย หลายคนต้องนึกถึงมิวเซียมสยามอย่างแน่นอน เกือบ 10 ปีที่ผ่านมากับนิทรรศการถาวรชุดเรียงความประเทศไทย ทำให้คนไทยตื่นตัวหันเข้าหาพิพิธภัณฑ์กันมากขึ้น ส่วนนักท่องเที่ยวต่างชาติไม่ต้องพูดถึง มาแล้วก็ประทับใจถ่ายรูปกันสนุกสนาน แต่นิทรรศการชุดนั้นได้ปิดปรับปรุงไปตั้งแต่ต้นปี 2559 กลับมาอีกทีสิ้นปีนี้ คนไทยจะได้เจอกับนิทรรศการชุดใหม่ "ถอดรหัสไทย" อลังการกว่าเดิม เพิ่มเติมคือ เนื้อหาในนิทรรศการชวนให้ขบคิดและสนุกมากขึ้น ซึ่งใช้เวลากว่าปีครึ่งในการครีเอตเนื้อหาและดำเนินการก่อสร้างกันเลยทีเดียว


       พี่มิ้นท์ ได้มีโอกาสรับเชิญไปร่วมชมนิทรรศการถาวรชุดใหม่ที่มิวเซียมสยามก่อนใครในโลก (ยกเว้นทีมงานคนสร้าง ฮ่าๆ) บอกเลยว่าตื่นเต้นมาก เพราะเคยมาที่นี่แล้วและชอบมากๆ ของเก่าก็ทำไว้ดีเหลือเกิน ทำให้คาดหวังไว้ว่านิทรรศการชุดใหม่ต้องเจ๋งไม่แพ้กัน แล้วก็ไม่ทำให้ผิดหวังจริงๆ ค่ะ แม้จะได้ชมเพียงส่วนหนึ่ง คือ 6 ห้องจาก 14 ห้อง แต่ก็ได้เห็นความพีค จนต้องตั้งคำถามว่านี่คือพิพิธภัณฑ์หรอเนี่ย? เพราะทันสมัย แปลกใหม่ แต่ไม่ทิ้งความรู้และความคิดสร้างสรรค์

 

 

"ถอดรหัสไทย" จะลบภาพมิวเซียมแบบเดิมๆ ที่เอาของมาตั้งโชว์ มีป้ายห้ามหยิบจับ และรับชมด้วยวิธีอ่าน แต่คราวนี้จะมาในรูปแบบที่มีการปฏิสัมพันธ์กับผู้เข้าชมมากขึ้น ดูด้วยตา มือต้องได้! โดยแต่ละห้องจะมีไฮไลท์วัตถุจัดแสดง และวิธีการนำเสนอที่แตกต่างกัน ไปดูตัวอย่าง 6 ห้องจัดแสดงเป็นน้ำจิ้มกันเลย

1. เลดี้กาก้าสวมชฎา

 

     เปิดมาห้องแรก จะได้เห็นหุ่นเลดี้กาก้าสวมชฎา ซึ่งเคยเป็นประเด็นในโลกออนไลน์พอสมควรว่าสิ่งที่เลดี้กาก้าทำสมควรหรือเปล่า ชฎา เป็นของไทย? แล้วเลดี้กาก้าสวมชฎา จะนับเป็น "ไทย" ด้วยหรือเปล่า? ในห้องนี้ เน้นให้ขบคิดเกี่ยวกับ "ความเป็นไทย" ว่าอะไรคือไทยแท้ วัดกันที่ตรงไหน เน้นการหยิบเรื่องราวที่เป็นประเด็นมานำเสนอให้คนไทยได้คิดตาม ตั้งคำถาม และหาคำตอบไปพร้อมกัน ซึ่งคุณปรามินทร์ เครือทอง ที่ปรึกษามิวเซียมสยาม ได้บอกอีกว่า ห้องนี้อาจจะมีการปรับเปลี่ยนวัตถุจัดแสดงได้ ถ้ามีประเด็นเกี่ยวกับความเป็นไทยประเด็นใหม่ๆ เข้ามา มารอบนี้เป็นเลดี้กาก้า มาคราวหน้าอาจเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นก็ได้

2. ห้องไทยแปลไทย

 

 

     เมื่อเข้ามาในห้องนี้ แม้จะเหมือนห้องจัดแสดงวัตถุทั่วไป แต่มันไม่ใช่แค่นั้น! กำแพงแต่ละฝั่ง จะมีตู้ลิ้นชักที่สามารถเปิดออกเพื่อดูสิ่งข้างใน ที่แสดงถึงความเป็นไทยในแต่ละช่วงยุคสมัย โดยไล่เลียงไปมาตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ ทวารวดี สุโขทัย อยุธยา รัตนโกสินทร์ตอนต้น จนถึงรัตนโกสินทร์ยุคปัจจุบัน ซึ่งยุคสมัยมีความหลากหลาย มีการผสมผสาน มีความเคลื่อนไหว นี่จึงเป็นเหตุผลว่า ทำไม "ความเป็นไทย" จึงไม่มีคำจำกัดความแบบสำเร็จรูปพร้อมใช้

 

 

3. ห้องโมดูลไฮดรอลิค


     เป็นห้องที่นำเสนอประวัติศาสตร์ชาติไทยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันผ่านเทคโนโลยีล้ำสุดๆ เบื้องหน้าเห็นเป็นลานไม้แบ่งเป็นบล็อคๆ แต่ใครจะไปรู้ ว่าอีกไม่กี่นาทีต่อมา จะมีโชว์การแสดงเล่าประวัติประเทศไทยในด้านต่างๆ ทั้งชาติ ศาสนา สถาบันพระมหากษัตริย์ เศรษฐกิจ การเมือง ให้คนไทยรุ่นใหม่ได้ซึมซับเรื่องราวในการก่อกำเนิดชาติไทย โดยมีบล็อคไม้ที่โผล่ขึ้นมาเพื่อประกอบเรื่องราว เรียกว่าเป็นการชมนิทรรศการที่แปลกใหม่และน่าสนใจ หูได้ฟัง ตาได้มอง และได้ผสมเรื่องราวแต่ละยุคสมัย เกิดการเรียนรู้ที่เข้าใจได้รวดเร็ว และยังสร้างความภูมิใจในความเป็นไทยได้ด้วย

 

4. ไทยดีโคตร


    ห้องนี้ตกแต่งด้วยสีโทนขาว สวย สบายตา กลางห้องจะมีโต๊ะที่มีแผ่นอะครีลิค สามารถเลื่อนมาซ้อนกันได้ คอนเซ็ปท์ในห้องนี้ เป็นการอธิบายว่า จริงๆ แล้วความเป็นไทยที่เราเข้าใจกัน ไม่ได้เกิดจากไทยเอง แต่ต้นทางความเป็นไทย อาจมาจากแดนไกล จากวัฒนธรรมอื่นๆ แต่เมื่อมาถึงแผ่นดินไทย เรามีการเลือกรับ ปรับ และสร้างสรรค์ จนได้ความเป็นไทยที่เป็นในแบบของไทย และสวยงามในสายตาของเรา อะครีลิคตรงนี้ น้องๆ สามารถทดลองเลื่อนดูความเปลี่ยนแปลงของพระปรางค์ จากจุดเริ่มต้น จนเป็นพระปรางค์แบบไทยๆ ในปัจจุบัน นอกจากนี้ รอบๆ ห้อง ยังมีภาพเคลื่อนไหวที่บอกวิวัฒนาการเกี่ยวกับความเป็นไทยหลายๆ อย่าง เช่น โจงกระเบนสมัยแรกจนถึงปัจจุบัน ตัวอักษรไทยในยุคแรกจนถึงปัจจุบัน เป็นต้น

 

 

5. Live Kitchen ห้องครัวมีชีวิต

 

     ห้องนี้เป็นอีกห้องที่น่าตื่นตาตื่นใจและสนุกสุดๆ เรามาทำความรู้จักกับอาหารไทย และอาหารที่คิดว่าเป็นอาหารไทย พร้อมกับโต๊ะอาหารสุดว้าว ที่แค่นำจานเปล่ามาวาง ก็จะได้เมนูลับมาอยู่บนจาน พร้อมบอกวิธีทำโดยละเอียด เป็นเทคโนโลยีที่คาดว่าน้องๆ น่าจะชอบกันค่ะ ความลับก็คือ ในจานเปล่าแต่ละใบ จะมี QR Code ด้านล่าง พอนำไปวางตรงตำแหน่งวางจาน เครื่องด้านล่างจะอ่านข้อมูลและแสดงผลบนจานเปล่านั่นเอง เรียกว่าล้ำ ทันสมัย และที่สำคัญ ทำเอาหิวเลย!

      ส่วนรอบๆ ห้องก็จะเมนูอาหารและเกร็ดความรู้เกี่ยวกับอาหารแต่ละเมนู งานนี้ ก่อนมาท้องว่างแค่ไหน ก็ได้อิ่ม...ความรู้ แน่นอน

6. ห้องเรียน 4 ยุค


     และห้องสุดท้ายที่พี่มิ้นท์ได้เข้าไปชมก่อนใคร ก็คือ ห้องเรียน 4 ยุค ที่บอกเล่าประวัติศาสตร์การศึกษาในระบบโรงเรียนของไทย ผ่านบรรยากาศ การตกแต่งห้องในแต่ละยุคสมัย ตั้งแต่ยุคโต๊ะไม้กระดานดำ ไปจนถึงยุคที่มีไวท์บอร์ด และคอมพิวเตอร์ช่วยสอน แต่จุดสำคัญของห้องนี้ ไม่ได้ให้ดูเพียงแค่รูปลักษณ์หรือบรรยากาศในห้องเรียน แต่จะได้ซึมซับถึงสิ่งที่โรงเรียนในแต่ละยุคปลูกฝังด้วย เช่น บางยุคเน้นเรื่องความเป็นพลเมืองดี บางยุคปลูกฝังให้เด็กไทยรักชาติ เป็นต้น

      และอีกไฮไลท์เด็ดก็คือ มีชุดนักเรียนให้ได้เปลี่ยนถ่ายรูปประกอบฉากห้องเรียนด้วยนะ พี่มิ้นท์ว่าชวนเพื่อนๆ มากันเยอะๆ สนุกแน่นอนค่ะ

 

 

      อ่านจบ อยากไปเที่ยวมิวเซียมสยามโฉมใหม่กันหรือยังคะ ปักหมุดไว้เป็นที่ท่องเที่ยวปลายปีนี้ได้เลย เริ่มเปิดให้เข้าอย่างเป็นทางการ 2 ธ.ค.2560 นี้ ติดตามรายละเอียดได้ที่ https://www.facebook.com/museumsiamfan/ แล้วรอไปถอดรหัสไทย พร้อมๆ กันนะคะ