แฉอีกรับน้องหื่น พี่ว้ากเกอร์ ปลุกข่มขืนนศ.ปี1
ตั้งกระทู้ใหม่
นายเอกชาต สมพงษ์ รองอธิการบดีฝ่ายกิจการนักศึกษา มหาวิทยาลัยรังสิต นายพงษ์พัฒน์ รักอารมณ์ คณบดีคณะบริหารจัดการ และนายวิทยากร เชียงกูล คณบดีวิทยาลัยนวัตกรรมสังคม ร่วมกันแถลงข่าวถึงภาพกิจกรรมรับน้อง ที่กำลังอยู่ในความสนใจของประชาชน
นายเอกชาต สมพงษ์ กล่าวว่า ขอแสดงความเสียใจและขอรับผิดชอบ ต่อภาพที่มีการนำมาเผยแพร่ทางสื่อมวลชน และยอมรับว่าภาพดังกล่าวเป็นภาพที่เกิดขึ้นในมหาวิทยาลัยรังสิต มหาวิทยาลัยมิได้นิ่งนอนใจ ได้มีการตรวจสอบจนทราบชัดเจนว่าภาพดังกล่าว เป็นภาพกิจกรรมรับน้องใหม่ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปีที่แล้ว ชาวมหาวิทยาลัยรังสิตเสียใจเป็นอย่างยิ่งที่เกิดภาพเช่นนี้ขึ้น ที่ผ่านมาได้มีการประชุมวางรูปแบบและเปลี่ยนแปลงมาตรฐานในกิจกรรมต่างๆเหล่านี้ ซึ่งมหาวิทยาลัยรังสิตเป็นมหาวิทยาลัยแรกที่ประกาศแนวทาง ในการจัดกิจกรรมรับน้องใหม่และการประชุมเชียร์ โดยออกมาตรการ 9 ข้อในการปฏิบัติ เพื่อให้กิจกรรมรับน้องใหม่ของมหาวิทยาลัยเป็นไปอย่างสร้างสรรค์ ไม่กระทบต่อการเรียนการสอน ตั้งอยู่บนพื้นฐานของความสามัคคี การเคารพสิทธิและศักดิ์ศรีแห่งความเป็นมนุษย์ โดยเริ่มปฏิบัติกันมาก่อนที่จะมีการประกาศห้ามของสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา
รองอธิการบดีฝ่ายกิจการนักศึกษามหาวิทยาลัยรังสิตกล่าวต่อว่า สำหรับภาพที่ปรากฏตามสื่อต่างๆเป็นกิจกรรมที่เกิดขึ้นเมื่อปีที่แล้ว และได้มีการสอบสวนอย่างละเอียด จนทราบว่ามีนักศึกษาที่ร่วมกิจกรรมนั้นเป็นผู้กระทำ และนักศึกษาผู้นั้นได้มีความรู้สึกสำนึกผิดพร้อมกับรับว่าจะไม่ประพฤติปฏิบัติอีก เมื่อเขารู้สำนึกและยอมรับผิด คณาจารย์เองก็รู้สึกเสียใจและยอมรับผิดในเรื่องที่เกิดขึ้น แต่คงจะไม่ถึงกับเอาเขามาประจานหรือเอามาลงโทษ นักศึกษาสำนึกและเสียใจถึงกับร้องไห้ เราก็ควรให้อภัย ขอยืนยันว่าจะไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก เมื่อมีการห้ามจัดกิจกรรมดังกล่าว ก็คงงดกิจกรรมที่เป็นส่วนกลาง แต่อาจจะมีบางคณะที่จัดกิจกรรมเสริมของคณะนั้นๆ ที่ผ่านมามหาวิทยาลัยมีกิจกรรมดีๆ มากมาย เช่น กิจกรรมไหว้ครู บายศรีสู่ขวัญ ชุมชนสัมพันธ์ ซึ่งยึดถือ และปฏิบัติมาตลอด เพราะเป็นกิจกรรมที่สร้างสรรค์สังคม
ทางด้านนายพงษ์พัฒน์ รักอารมณ์ คณบดีคณะบริหารจัดการ กล่าวว่า จากการตรวจสอบเข้าไปในเว็บไซต์ทราบว่า ภาพดังกล่าวถ่ายเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2547 มีการโพสลงในเว็บไซต์เมื่อเดือนธันวาคม 2547 ชัดเจนว่าเป็นภาพเก่าที่ถ่ายเมื่อปีที่แล้ว และจริงๆแล้วจากการตรวจสอบก็ทราบว่าทั้งนักศึกษาชายและหญิงไม่ได้ใกล้ชิดกันอย่างที่เห็น แต่เพราะเป็นการถ่ายจากทางด้านหลังจึงทำให้ดูใกล้ชิดกันมาก
น.ส.บี (นามสมมติ) อายุ 19 ปี นักศึกษาคณะบริหาร สาขาคอมพิวเตอร์ ปี 2 เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ดูภาพข่าวทางหน้าหนังสือพิมพ์แล้ว พบว่าเป็นภาพนักศึกษารุ่นตนที่ทำกิจกรรมรับน้องใหม่เมื่อปีที่แล้ว ที่บริเวณหน้าตึก 2 อาคารประสิทธิรัตน์ ไม่คิดว่าภาพจะมาปรากฏจนเป็นเรื่องอื้อฉาว ตนคิดว่าการทำกิจกรรมอย่างอื่นก็ยังมีอีกมากมาย ไม่จำเป็นต้องปฏิบัติท่าทางเช่นนี้ ที่สำคัญ ยังมีท่ากิจกรรมรับน้องที่น่าเกลียดอีกท่าหนึ่ง เรียกว่าท่า ปั่นนม เป็นท่านักศึกษาชายยืนเอามือไปประกบใกล้หน้าอกนักศึกษาหญิง แล้วทำท่าปั่นเต้านม และยังมีท่าแมงมุม เป็นท่าให้นักศึกษาหญิงนอนหันหน้าทับกัน หรือให้นักศึกษาชายนอนหันหน้าทับกัน แล้วก็ให้ทำจังหวะกระเด้งเอวใส่กัน ท่าพิสดารเหล่านี้ไม่น่านำมาใช้ในการรับน้องอีกต่อไป ส่วนการทำกิจกรรมรับน้องของมหาวิทยาลัยนั้น ทำกันมาทุกปี และจัดกันอย่างสร้างสรรค์ มีการออกพื้นที่ทำกิจกรรมร่วมกับชุมชน กิจกรรมต้านยาเสพติด ที่ผ่านมาก็อาจมีบ้าง ที่หลุดรอดสายตาอาจารย์ผู้ควบคุม ภาพที่ปรากฏทางสื่อมวลชนนั้น เป็นการถ่ายจากทางด้านหลัง ทำให้ดูว่าใกล้ชิดกันมาก แต่ที่จริงไม่ใกล้ชิดกัน เป็นเพียงมุมกล้องเท่านั้นเอง
สำหรับบรรยากาศที่มหาวิทยาลัยรังสิต เมื่อวันที่ 15 มิ.ย. หลังจากมีภาพการรับน้องสุดพิเรนทร์ เผยแพร่ออกไป ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีนักศึกษาพากันวิพากษ์วิจารณ์ถึงท่าเต้นในภาพ และก่อนการแถลงข่าวของผู้บริหารมหาวิทยาลัย มีการห้ามสื่อมวลชนบันทึกภาพบริเวณอาคารที่ปรากฏในภาพ คืออาคารประสิทธิรัตน์ หรืออาคาร 2 ที่ตั้งของคณะบัญชีและคณะบริหารธุรกิจ อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจากอาจารย์ มหาวิทยาลัยรังสิต ซึ่งขอไม่เปิดเผยนามคนหนึ่งว่า ผู้ที่บันทึกภาพการรับน้องแบบสุดอุบาทว์ คือนักศึกษาโครงการแลกเปลี่ยนชาวเวียดนามคนหนึ่ง ที่ปัจจุบันไม่ได้ศึกษาแล้ว โดยบันทึกขณะมีการเต้นประชันกันระหว่างคณะ หรือช่วงของการเปลี่ยนฐานเชียร์ไปยังอาคารของแต่ละคณะ จึงต้องมีการแสดงออกอย่างเต็มที่ เพื่อเรียกเสียงเฮและรอยยิ้มจากรุ่นน้อง แต่เมื่อมีการเรียกนักศึกษาที่อยู่ในเหตุการณ์นี้มาพูดคุย ปรากฏว่าเด็กเองก็ถึงกับเสียขวัญ บรรดาอาจารย์เห็นว่าเป็นเรื่องที่ผ่านมาแล้วเมื่อปีที่แล้ว จึงไม่อยากให้มีการลงโทษ
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า สำหรับการรับน้องแต่ละคณะยังคงมีตามปกติ ส่วนใหญ่จะเป็นการเรียกประชุมเชียร์ ของรุ่นพี่ และมีการประกาศเตือนว่า ให้งดกิจกรรมหรือเพลงเชียร์ที่ส่อไปในทางสองแง่สองง่าม
วันเดียวกัน นายภาวิช ทองโรจน์ เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา กล่าวว่า ภาพรับน้องที่แสดงท่าทางอนาจาร ที่มหาวิทยาลัยรังสิตออกมายอมรับนั้น สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษาไม่มีอำนาจจะสั่งลงโทษได้ แต่จะแนะนำตักเตือนมหาวิทยาลัยว่า ปล่อยให้เกิดเหตุการณ์ ลักษณะนี้ได้อย่างไร และให้สอบสวนว่าเป็นการยินยอมของนักศึกษาเอง หรือเป็นการบังคับฝืนใจ ส่วนที่มองกันว่าสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา ออกหนังสือเวียนเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุนั้น เพราะนักศึกษาที่เป็นต้นเหตุของกิจกรรมรับน้อง ไม่มีการปรับปรุงวิธีการให้ สร้างสรรค์ อีกทั้งมหาวิทยาลัยต่างๆก็ตอบรับหนังสือเวียนเป็นอย่างดี แสดงให้เห็นว่าผู้บริหารมหาวิทยาลัยต่างก็เหลืออดกับพฤติกรรมรับน้องของนักศึกษาแล้ว มหาวิทยาลัยใดยังมีการรับน้องอยู่ อยากให้มีการดูแลอย่างเข้มงวด หากเกิดเหตุการณ์รุนแรงเหมือนเหตุการณ์รับน้องที่ผ่านมา สำนักงานยินดีเป็นโจทก์ยื่นฟ้องมหาวิทยาลัยให้
ที่คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย น.ส. กชวรรณ ชัยบุตร ตัวแทนสหพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทยหรือ สนนท. แถลงข่าวจุดยืนของ สนนท.ต่อกิจกรรมรับน้องว่า กิจกรรมรับน้องที่มีรูปแบบเพื่อช่วยน้องใหม่ให้รู้จักชีวิตในมหาวิทยาลัยควรมีอยู่ แต่ต้องเป็นกิจกรรมสร้างความอดทน ความรัก ความสามัคคีระหว่างรุ่นพี่กับรุ่นน้อง ไม่ควรใช้ความรุนแรงหรือการว้ากเป็นเครื่องมือสร้างความรักความสามัคคี และเสนอให้นำน้องใหม่ทำกิจกรรมที่สร้างสรรค์ เช่น เก็บขยะ ก็สามารถร่วมทุกข์ร่วมสุขกันระหว่างรุ่นพี่รุ่นน้องได้เช่นกัน
น.ส.กชวรรณกล่าวด้วยว่า ในวันที่ 16 มิ.ย. สนนท. จะยื่นหนังสือต่อนายอดิศัย โพธารามิก รมว.ศึกษาธิการ เรียกร้องให้นายอดิศัยตั้งคณะกรรมการขึ้น โดยมีตัวแทนจากทุกฝ่าย ร่วมกันวางแนวทางการรับน้องที่ชัดเจน เพื่อไม่ให้มีการอ้างว่า การกระทำบางอย่างเป็นการรับน้อง เพราะในวันที่ 15 มิ.ย. ได้รับโทรศัพท์จากกรรมการบริหาร สนนท.คนหนึ่งว่า ได้รับแจ้งจากน้องใหม่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งว่า ถูกรุ่นพี่ซึ่งเป็นว้ากเกอร์ปลุกให้ตื่นนอนจากหอพักตอนกลางคืน อ้างว่าจะเรียกไปประชุมเชียร์ แต่กลับนำไปข่มขืน ซึ่ง สนนท.จะเข้าไปตรวจสอบเรื่องนี้ เบื้องต้นได้รับการยืนยันว่าเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง
ขณะที่ น.พ.ทศพร เสรีรักษ์ ที่ปรึกษา รมว.ศึกษาธิการ กล่าวว่า ได้รับแจ้งเรื่องนี้เช่นกัน แต่ขณะนี้เจ้าตัวยังไม่พร้อมมาพบ ซึ่งตนบอกไปว่า ยินดีให้ความช่วยเหลือ เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องรุนแรงที่หากเกิดขึ้นจริงต้องดำเนินคดีอาญากับรุ่นพี่ที่ก่อเหตุ พร้อมกันนี้ สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา อยากขอความร่วมมือกับนักศึกษาผู้เสียหาย หรือผู้ปกครองให้แจ้งเบาะแสมายังสำนักงานฯ โดยจะปกปิดข้อมูลไว้เป็นความลับ ส่วนภาพรับน้องพิเรนทร์ที่มหาวิทยาลัยรังสิตออกมายอมรับว่า เป็นภาพที่เกิดขึ้นในมหาวิทยาลัยเมื่อปีที่แล้ว จะไปพูดคุยกับผู้บริหารมหาวิทยาลัยรังสิต เพื่อให้มีมาตรการดูแลและบทลงโทษรุ่นพี่ที่ทำเกินกว่าเหตุ
ในส่วนความเคลื่อนไหวของมหาวิทยาลัยในภูมิภาค นายจรินทร์ ชาติพันธ์ รองอธิการบดี รับผิดชอบงานกิจการนักศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ เผยว่า มหาวิทยาลัย จัดประชุมตัวแทนนักศึกษารุ่นพี่ทุกชั้นปี ชี้แจงและขอความร่วมมือในการงดจัดกิจกรรมรับน้องใหม่ทุกรูปแบบ หากมีนักศึกษารุ่นพี่ฝ่าฝืนจัด มหาวิทยาลัยจะแต่งตั้งคณะกรรมการดำเนินการ ตามวินัยนักศึกษา ซึ่งมีบทลงโทษตั้งแต่การภาคทัณฑ์ พักการเรียน และให้ออก ซึ่งถือเป็นที่สุด
ส่วนมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) นายวิรุณ ตั้งเจริญ อธิการบดี กล่าวว่า หากน้องใหม่ที่เห็นว่ากิจกรรมบางอย่างรุนแรง ลามก ลวนลาม ก็ไม่ควรทำตาม นิสิต นักศึกษา ต้องรู้จักไตร่ตรอง ไม่ใช่รุ่นพี่สั่งให้ทำ อะไรก็ทำ อยากเห็นน้องใหม่ปี 1 หัดลุกขึ้นมาประท้วงการกระทำที่ใช้ไม่ได้ของรุ่นพี่บ้าง ไม่ใช่ทำตามทุกเรื่อง น้องใหม่ต้องรู้จักรวมพลังประท้วงการกระทำ ที่คิดว่าลวนลามหรือลามก ทั้งนี้ การแก้ปัญหาการรับน้องต้องแก้ไขจริงจัง ไม่ใช่ทำแบบไฟไหม้ฟาง
ทางด้านความคิดเห็นของนิสิตนักศึกษา ต่อกรณีการรับน้องนั้น นายปิยะวงศ์ เศรษฐวงศ์ นิสิตคณะแพทยศาสตร์ ปี 1 มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ กล่าวว่า กิจกรรมการรับน้องควรเป็นการจัดกิจกรรมที่เกิดประโยชน์ต่อสาธารณะ เช่น ขุดลอกคลอง ทำความสะอาด ออกค่าย เยี่ยมเยียนเด็กและคนชรา อย่างไรก็ตาม ถ้าน้องใหม่คนไหนหน้าตาดี ผิวพรรณ รูปร่างดี มักจะถูกรุมล้อมจากรุ่นพี่ ที่มีข่าวว่าบางมหาวิทยาลัย มีการลวนลามรุ่นน้องผู้หญิงนั้น มีส่วนเป็นไปได้มาก เพราะน้องใหม่ผู้หญิงที่เปลี่ยนสถานภาพจากนักเรียนมาเป็นนิสิตนักศึกษา เป็นสาวมากขึ้น ดังนั้น รุ่นพี่ผู้ชายควรจะมีข้อจำกัดว่า ตรงไหนถึงจะเหมาะสม และไม่ควรเข้ามาจับเนื้อต้องตัวน้องใหม่ที่เป็นผู้หญิง
จาก ไทยรัฐ
2 ความคิดเห็น
ที่ 1 เย้ดีใจมากๆๆๆ
การถอดร่าง
1.ทำหลังเที่ยงคืนเท่านั้น
2.จุดธูปไว้หัวนอน3ดอก
3.นอนหลับตาแล้วตั้งสมาธิให้ดี
4.นึกถึงที่ๆเราจะไปเปนอันดับแรก
5.กลั้นหายใจ10วินาที
6.จาดนั้นคุณก้อจะไปในที่ที่คุณต้องการ
7.เมื่อคุณรูสึกว่ากลิ่นธูปเริ่มหายไปให้มองหาแสงสีขาวแล้วเดินเข้าไป
8.ถ้าคุณกลับไปไม่ทันคุณจะกลับไปไม่ได้อีกเลย
9.ถ้าทำเกิน2ครั้งอายุของคุณจะสั้นครั้งละไป99วัน
ใครที่อ่านแล้วคิดดูให้ดีน่ะถ้าอยากจะสนุกก้อต้องมีอะไรแลกเปลี่ยนและนั่นก้อหมายถึงชีวิตของคุณเองนั้นแหละได้มาจากคัมภีย์เขมรโบราณ
คำเตือน ผู้ใดที่อ่านแล้วต้องนำไปโพสต่ออีก5ครั้งไม่งั้นอีก7วันต่อไปคุณจะมีอันเป็น ไปมีเรื่องของการถอดวิญญาณเพื่อออกจากร่างและคุณจะไปได้ทุกที่ๆต้อง
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?