Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

(รก)นี่เพื่อนๆ รู้ไหมว่าผีอิสลามกลัวอะไร

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
ไม่ใช่คำถามกวน....นะค่ะ แบบว่าเราอยากรู้จริงๆ ค่ะ เผื่อเจอจะได้เอาตัวรอดได้ ^^  (ยิ่งชอบเจออะไรแปลกๆ) เพราะผีจีน ผีไทย  ผีฝรั่งก็รู้อยู่ว่ากลัวอะไรกัน  แต่ผีอิสลามนี่สิไม่รู้เลยจริงๆ เจอขึ้นมาซวยระดับโลกเลย แต่เราเคยคิดนะว่าถ้าเจอจะลองโยนเนื้อหมูใส่ ^^ ไม่รู้จะได้ผลไหม ก็อยากถามน่ะค่ะ ว่าจริงๆ แล้วเขากลัวอะไร?
PS.  ฉันไม่กลัวว่าจะเสียอะไรไป! เมื่อก่อนฉันก็คิดแบบนี้ เป็นเพราะฉันมั่นใจว่าเพื่อนของฉันจะไม่มีในทิ้งฉันไป วันนี้ฉันก็คิดแบบนี้แต่เป็นเพราะฉันได้เสียทุกสิ่งไปจนหมดแล้ว...แล้วฉันยังต้องกลัวจะเสียอะไรไปอีก?

แสดงความคิดเห็น

>

45 ความคิดเห็น

555 9 ต.ค. 49 เวลา 08:11 น. 1

ฉีดน้ำมันหมูใส่แทนดิ พวกโจรใต้ก็เหมือนกัน แทนที่จะตำรวจจะให้ปืนใส่กระสุนยิง ก็ใช่ปืนฉีดน้ำใส่น้ำมันหมูยิงแทน 555+ แค่เสนอความคิดนะ

0
ผมเป็นมุสลิม 4 ก.ค. 51 เวลา 00:08 น. 6

ผมขอยกย่องความคิดเห็นที่ 6 มาก ๆเลยครับ ผมอยากให้พวกกาเฟรได้เจอประโยคของคุณความคิดเห็นนี้จังเลย เขาจะได้รู้ว่าอย่าพูดในสิ่งที่ตัวเองไม่รู้ และการที่เอาน้ำมันหมูมาฉีดใส่มุสลิมน่ะ ชาวมุสลิมก็ไม่ต้องกลัวน่ะครับ เพราะเป็นแค่หมูไม่ใช่น้ำลายสุนัข
ถ้าโดนหมูก็ให้ใช้น้ำสะอาดชำระให้สะอาด ฟอกสบู่ด้วยก็เป็นอันเสร็จไม่เป็นนะยิส
แต่ถ้าโดนน้ำลายสุนัขนี่ต้องไปเอาน้ำดินมาล้าง 1 ครั้ง แล้วน้ำสะอาดอีก 6 ครั้ง รวมเป็น 7 ครั้ง
เหตุผลที่ต้องใช้น้ำดิน เพราะในดินมีสารชนิดหนึ่งที่สามารถฆ่าเชื้อโรคในน้ำลายของสุนัขได้
ผมขอจบการอธิบายเพียงเท่านี้ครับ

&nbsp &nbsp &nbsp วัสลาม
&nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp ซอยสวนหลวง คลองตัน

0
เอ็ม 24 ก.ค. 51 เวลา 15:10 น. 7

คุๆๆได้โดนด่าเเทนความรู้เลยไหมละ เเต่นะคนตายที่ยังไม่ไปเกิดก็มีอยู่จริงนะ ไม่สมควรว่าเขานะคับเพราะเขาไม่รู้จริงๆ
ต้องพุดด้วยความเข้าใจกันมากกว่า มุสลิมคือผู้อ่อนน้อมนิคับ

0
punna 13 ก.พ. 52 เวลา 15:02 น. 8

ผู้ไม่รู้ย่อมไม่ผิด ที่ถามเนี่ยเขาไม่ได้แสดงความโง่ แต่ไม่รู้แล้วถามจะได้รู้ อิสลามก็มีเรื่องที่ไม่รู้มิใช่หรือ และในฐานะที่เป็นอิสลามน่าจะรู้ดีก็บอกเขาไป ไม่เห็นต้องว่า อิสลามไม่ได้วิเศษนักหรอก

0
Sun,,__KwonYul * 18 ต.ค. 52 เวลา 11:29 น. 9

อิสลามไม่มีผีหรอกค่ะ
หรือจะบอกได้ว่า
ผีไม่มีในโลกหรอกนะค่ะ
เพราะเราคิดเองทั้งนั้นเลยอ่ะ


PS.  เพียงคุณได้ลองทำดูสักครั้ง คุณจะพบว่า ความวิตกกังวลในตอนแรกนั้น ไม่ใช่ปัญหาอย่างที่คิดไว้ก่อนหน้านั้นเลย^^
0
ross 29 ม.ค. 53 เวลา 23:48 น. 10

ผมจะบอกไห้ สัตว์ทุกชนิดในโลก ล้วนสกปรกหมด แต่สิ่งที่ทัไห้มันสะอาด และนํามาประกอบอาหารได้ คือกระบวนการทําอาหารต่างหาก มนุษย์เกิดมามีสมองสูงกว่าสัตว์ ถ้าเชื่อเรื่องพระเจ้า ก็ต้องเชื่อสิงที่พระเจ้าประทานไห้เราต่างจากสัตว์ด้วย สมองไงครับ ทําอะไรเชื่ออะไร ถามสิ่งที่พระเจ้าประทานไห้สิครับ ฝึกไช้มันไห้มีประสิธิภาพสิครับ ไม่ไช้เชื่อแต่สิ่งที่สืบๆกันมา และก็ความกลัวกับขี้ขลาด ถ้าพระเจ้ามีจริงๆคงชอบอยู่หลอกคนขี้ขลาดน่ะ เนื้อหมูมันกะโปรตีนชนิด1 ย่อยยาก กะส่วนย่อยยากสิ เกี่ยวอะไรกับสกปรก แล้วคุณค่าทางอาหารละครับไม่มีหรือ ดีกว่าเนื้อไก่ชีดยาเสียอีก ในอดีตมีบุคคลตั้งหลายคนที่อยากจะเป็นศาสดา ทั่งที่ดังละไม่ดังบอกว่ามาจากพระเจ้า ถ้าสมัยนี้มีคนออกมาบอกว่า เจอพระเจ้ามันคงบ้าแน่นอน คิดสิครับ ทําไมชอบไห้ความเชื่อของบรรพบุรุษ มากําหนดชีวิตจัง ถ้าหลงผิดไม่หลงไปกันทั้งโคตรหรือครับ เมื่อไรมันจะสว่าง ขี้ขลาดกันอย่างนี้ สงสารลูกหลานหน่อยสิครับ ใช้สมองที่พระเจ้าที่พวกคุณเชื่อ คิดหน่อยสิครับถามท่านสิครับ พระเจ้าให้ใครมาอ้างอย่างไม่มีเหตุผลได้หรือครับ แล้วประทานสมองมาไห้เราทําไมครับคิดสิ.. และอีกเรื่อง 1 มนุษย์คนแรก ชื่อ อดัม กะ อีฟใช่ไหม แล้วทําไม พระเจ้าชื่อว่า อัลเลาห์ละ มันคนละภาษาเลย

1
จิราวดี 9 ก.ค. 61 เวลา 05:54 น. 10-1

แบบนี้ ตายไปก็เหมือนสัตว์ทั่วไป ไม่ศาสนา ไม่มีวัฒนธรรม เกิดมาเพื่อตายไม่มีการชดใช้ปาบที่ตนเองกระทำ อย่างนี้คนก็ทำปาบโดยไม่กลัว เพาะสุดท้ายก็ตายเหมือนสัตว์ ถูกห้ามไม่ให้กินหมูนั้นเป็นบทสอบของพระเจ้า ซึ่งเราไม่กินก็ไม่ได้ขาดสารอาหารไก่ เนื้อ ผัก ผลไม้ กินได้

เรื่องผีอิสลามเรียกว่าญิณ เล่าจากที่เราเรียนศาสนามานะ อธิบายง่ายๆว่าณิณถูกสร้างให้มีบนโลกเดียวกับเรา เราไม่เห็นมัน แต่มันเห็นเรา นิสัยของญินไม่ได้ต่างจากมนุษย์เราดีก็มีร้ายก็มี เหมือนโลกคู่ขนาน ณินที่หน้าตาเหมือนพวกเรามี มีสิ่่งต้องศึกษามากมายอย่าตัดสินจากเรื่องเล่า จขกท ไม่รู้ไม่ผิดค่ะ สนใจศึกษาก็ดีค่ะ ดีกว้าเข้าใจผิดไปตลอด

0
ross 29 ม.ค. 53 เวลา 23:49 น. 11

แล้วก็เรื่องวัยต่างๆ ในมนุษย์มี วัยทารก วัยเด็ก วัยรุ่น วัยหนุ่มสาว วัยกลางคน วัยชรา ถ้าพระเจ้าสร้างมานุษย์มาโดยกําหนดวัยต่างๆ

มา มีเรื่องวุฒิภาวะ ในด้านต่างๆ ผมถามหน่อยเอาตรงๆ พระเจ้าสร้างให้ มุฮัมหมัด มาเอาเด็ก 9ขวบเป็นเมียหรือ

แล้วเรื่องมีเมียได้4คน แสดงว่าพระเจ้าสร้างหญิงชายมาไม่เท่าเทียมใช่ไหม มันประเสริฐนักหรือมีเมีย4คน ผมว่ามันเป็นความเห็นแก่ตัวของผู้ชายมากกว่า นันแสดงว่า มูฮัมหมัดมันเห็นแก่ตัว ในความเป็นจริงคนเรารักเดียวใจเดียว มันไม่ประเสริฐน่ายกย่องกว่าหรือ เอาความจริงมาพูด ถ้าวันพรุงนี้คุณกับเมียของคุณ เกิดการสลับเพศกัน แล้วเมียของคุณซึ่งกลายเป็นผัวคุณไปแล้ว ไปหาเมียมาอีก3คน ถึงแม้จะสามารถรับผิดชอบได้ทั้งหมดก็ตาม คุณคิดว่ามันประเสริฐกว่าการมีเมียเดี่ยวผัวเดียวใช่ไหม ถ้าโลกนี้กลายเป็นโลกที่กลับด้าน เมียคุณไปมีผัวอีก3คนคุณจะรู้สึกอย่างไร ตอบสิ (ถ้าอยากประเสริฐ อย่าเห็นแก่ตัว)

0
อ่านสะมุสลิม 29 ม.ค. 53 เวลา 23:55 น. 12

ตาลิบันได้ออกคำสั่ง สำหรับผู้หญิงชาวอัฟกานิสถานทุกคนให้ทำหน้าที่เป็นมุสลิมที่ดี ดังต่อไปนี้
1.ห้ามผู้หญิงทุกคน ทำงานการใดๆ โดยเด็ดขาด 2.โรงเรียนทุกโรงเรียนที่เปิดสอนเด็กผู้หญิงตั้งแต่อายุ 8ขวบขึ้นไปทุกแห่ง จะต้องปิดให้หมดและห้ามมีการเรียนการสอนเป็นอันขาด นักศึกษาหญิงที่กำลังเรียนอยู่ในมหาวิทยาลัยทุกคนจะต้องลาออกและยุติการศึกษาโดยสิ้นเชิง 3. ห้ามผู้หญิงทุกคนออกจากบ้านตามลำพังหรือจะออกไปได้ก็จะต้องไปกับญาตผู้ชายที่มีความใกล้ชิดเท่านั้น 4. ผู้หญิงทุกคนที่มีที่อยู่อาศัยในบริเวณที่มีบ้านผู้คนผ่านไปมา ต้องทาหน้าต่างทุกบานเป็นสีดำและให้สวมเสื้อผ้าที่เรียกว่า ชุดเบอร์การ์ หรือชาดารี ที่สามารถคลุมร่างได้ทั้งหมดตั้งแต่ข้อเท้าจนถึงศีรษะให้เหลือไว้แต่ช่องสำหรับให้ตามองเห็นอะไรข้างหน้าได้เท่านั้น 5. ห้ามผู้หญิงทุกคนได้รับการรักษาใดๆ จากแพทย์ที่เป็นผู้ชาย ห้ามแพทย์ผู้หญิงและนางพยาบาลทุกคนทำงานในโรงพยาบาล
ใครละเมิดกฎจะต้องถูกลงโทษเพื่อให้เข็ดหลาบดังนี้......
1.หญิงที่เปิดโรงเรียนสองเด็กผู้หญิงจะต้องถูกจับไปยิงทิ้งต่อหน้าผัว ูลูก พร้อมด้วยนักเรียนทั้งหมดให้รับรู้ด้วย
2.ผู้หญิงที่พยายามหลบหนีออกไปจากอัฟกานิสถานกับผู้ชายที่ไม่มีความใกล้ชิด จะต้องถูกก้อนหินทุบให้ตายไปในข้อหาคบชู้ และสำส่อน
3.ผู้หญิงที่สวมเสื้อผ้าไม่มิดชิด และปล่อยน่องให้มองเห็นได้ จะต้องถูกเฆี่ยนด้วยลวดสลิงขนาดเขื่องจนกว่าขาจะหักและเดินต่อไปไม่ได้ หรือพิการไปเลย
4.ผู้หญิงอัฟกานิสถาน ถ้าเจ็บไข้ หรือป่วยจะต้องตายเพียงอย่างเดียว เพราะหมอผู้ชายจะรักษาไม่ได้ ต้องดูแลตัวเอง
เพราะถูกกฎเกณฑ์และข้อห้ามเหล่านี้ ทำให้ผู้หญิงอัฟกานิสถานส่วนใหญ่ เลือกหาวิธีฆ่าตัวตายโดยน้ำยาทำความสะอาดครัวเรือนหรือน้ำยาซักผ้าที่สามารถจะทำให้ตายได้เด็ดขาด และไม่ทรมานเกินไปนัก
ผู้หญิงอัฟกานิสถานเมื่อก่อนหน้านั้นมักจะมีการศึกษาดี หรือได้รับการศึกษา ถึงระดับ ดร.ก็มีมาก โดยรวมแล้วผู้หญิงอัฟกานิสถาน 50%จะมีการศึกษา 60%ยังเป็นนักศึกษาและเป็นครู 50%เป็นข้าราชการ และ 40%เป็นหมอ
แต่ปัจจุบันนี้ผู้หญิงอัฟกานิสถานทุกคนจะออกไปทำมาหากินใดๆ ไม่ได้ ไม่มีกินก็ต้องอดเอา เฉพาะผู้หญิงที่หัวหน้าครอบครัวถูกบังคับให้ไปเป็นทหารหรือถูกฆ่า จะมีทางเลือกเหลือให้อีก สองทาง เท่านั้นคือ ต้องออกไปนั่งขอทาน โดยไม่ให้มองเห็นหน้าตารูปร่างได้ และทางสุดท้านคือไปเป็น "โสเภณี" ได้เงินมากหรือน้อย หรือไม่ได้เงินก็ต้องไปเป็นเพราะเป็นทางเดียวที่เหลือ

0
MUsLim 23 เม.ย. 53 เวลา 05:18 น. 13

ทำไมมุสลิม(คนที่นับถืออิสลาม)ไม่กินหมู
&nbsp &nbsp &nbsp  ใครที่ถามแบบนี้ถือว่าเป็นการตั้งคำถามที่ ถูกต้องครับ เพราะมุสลิมไม่กินหมู แต่ถ้าใครถามว่า “ทำไมมุสลิมกลัวหมู?”&nbsp แบบนี้ถือว่าตั้งคำถามผิดนะครับ เพราะมุสลิมไม่ได้กลัวหมู แต่คนไทยเรามักเข้าใจผิดๆโดยไปจดจำมาจากหนังตลกว่ามุสลิมกลัวหมู และต้องวิ่งหนีหัวซุกหัวซุนเมื่อเห็นหมู!

&nbsp &nbsp &nbsp ส่วน คำตอบที่ว่าทำไมมุสลิมไม่กินหมูก็คือพระเจ้าสั่งห้ามนั่นเองครับ และสิ่งที่พระเจ้าสั่งห้ามก็ย่อมเป็นประโยชน์แก่มนุษย์อย่างไม่ต้องสงสัย ซึ่งในบางเรื่องนั้นมนุษย์ก็ไม่รู้เหตุผลด้วยซ้ำ หรือในบางเรื่องมนุษย์ก็สามารถค้นพบหาเหตุผลได้ด้วยกระบวนการศึกษาธรรมชาติ หรือที่เรียกว่าวิทยาศาสตร์

&nbsp &nbsp  ยุค ปัจจุบันมีการใช้กล้องจุลทรรศน์ส่องดูเนื้อสัตว์ก็พบว่าเนื้อสัตว์ทุกชนิดมี พยาธิตัวเล็กๆที่ตามนุษย์มองไม่เห็นอยู่มากน้อยต่างกันไป แต่ในเนื้อหมูมีพยาธิบางชนิดซึ่งมีเกราะที่เกิดจากไขมันในเนื้อหมูห่อหุ้ม มันอยู่ ซึ่งความร้อนจากการหุงต้มไม่สามารถทำลายมันได้&nbsp พยาธิเหล่านี้จะเข้าไปฝังอยู่ในร่างกายมนุษย์หลังจากที่กินเนื้อหมูเข้าไป และรอฟักตัวออกมาทำอันตรายร่างกายมนุษย์ เช่น ประสาทตาและประสาทสมอง เป็นต้น

&nbsp &nbsp  มุสลิม ในยุคก่อนเขาไม่ทราบถึงเหตุผลเหล่านี้ แต่เขาน้อมรับและปฏิบัติตามข้อบัญญัติที่มาจากพระเจ้า และหมูเป็นสัตว์ที่น่ารังเกียจ(กินขี้และนอนคลุกอยู่กับขี้ของมัน)ซึ่งพระ เจ้าระบุไว้ว่าเป็นสัตว์สกปรก(นะญิส) ก็เท่านั้น เพราะฉะนั้นไม่ใช่ว่ามุสลิมไม่กินหมูเพราะเหตุผลที่ว่าหมูมีพยาธิ ดังนั้นถึงแม้ในอนาคตจะสามารถทำให้เนื้อหมูปลอดจากพยาธิชนิดนี้ได้ หรือจะเลี้ยงหมูอย่างดีไม่ต้องให้กินขี้และนอนคลุกอยู่กับขี้ แต่มุสลิมก็จะยังคงไม่กินหมูอยู่ดีเนื่องจากเป็นสิ่งที่พระเจ้าบัญญัติห้าม

&nbsp &nbsp ... แล้วถามว่าทำไมต้องห้ามน่ะหรือครับ? ก็เนื่องจากเป็นการพิสูจน์ความศรัทธาครับ มนุษย์ที่ศรัทธาในพระเจ้าเขาก็จะน้อมรับกฎระเบียบที่พระเจ้าบัญญัติไว้ เขาจะไม่กินตามปากอยาก แต่เขาจะเลือกกินโดยพิจารณาว่าพระเจ้าอนุญาตให้กินหรือไม่

&nbsp  ...และอาจมีบางคนตั้งคำถามว่า ใน เมื่อไม่ให้กินหมูแล้วพระเจ้าจะสร้างหมูมาทำไม? คืออย่างนี้ครับ พระเจ้าสร้างสิ่งมีชีวิตมาหลากหลายชนิด แต่ไม่ใช่ว่าสัตว์ทุกชนิด จะถูกสร้างมาเพื่อเป็นอาหารสำหรับมนุษย์นะครับ สัตว์บางชนิดเกิดมาเพื่อรักษาความสมดุลของระบบนิเวศน์ สัตว์บางชนิดถูกสร้างมาเพื่อกินสัตว์กินพืช ไม่เช่นนั้นแล้วสัตว์กินพืชก็จะกินใบไม้หมดป่า ซึ่งป่าไม้และพืชนั้นก็ทำหน้าที่ซับน้ำ, ผลิตออกซิเจน, รักษาชั้นบรรยากาศของโลก และยังเป็นอาหารให้มนุษย์ด้วย ทำนองนี้เป็นต้นครับ&nbsp ดังนั้นเราจึงต้องเลือกครับว่าสิ่งใดพระเจ้าอนุญาตให้กิน สิ่งใดพระเจ้าไม่อนุญาตให้กิน ซึ่งในเรื่องของอาหารแล้ว สิ่งใดที่พระเจ้าไม่ได้บัญญัติห้ามสิ่งนั้นถือว่าอนุญาตให้กินได้โดยปริยายครับ

ส่วนสิ่งอื่นที่พระเจ้าบัญญัติห้ามกิน ได้แก่

1.)สิ่งมึนเมาทุกชนิด

2.)เลือด

3.)สัตว์บกที่ตายโดยไม่ได้ถูกเชือด

4.)สัตว์บกที่ไม่ได้กล่าวนามพระเจ้าขณะเชือด

5.)สัตว์บกที่ใช้กรงเล็บหรือเขี้ยวล่าสัตว์กินเป็นอาหาร

6.)เนื้อลา

7.)สัตว์ที่พระเจ้าระบุว่าเป็นสิ่งสกปรกน่ารังเกียจ(นะญิส) เช่น หมา

8.)อาหารใดก็ตามที่ได้มาโดยไม่ชอบธรรม เช่นขโมยมา หรือซื้อมาด้วยทรัพย์สินที่ได้มาโดยผิดหลักการศาสนา (เช่นเงินดอกเบี้ย เป็นต้น)

&nbsp  ซึ่งทั้งหมดถูกบัญญัติในอัล-กุรอานและหะดีษทั้งสิ้น&nbsp ..และนอกจากสิ่งที่กล่าวมาแล้วนี้รวมทั้งสัตว์น้ำทั้งหมดก็เป็นที่อนุญาตให้ กินได้

เห็นไหมครับว่าที่ว่ากันว่า มุสลิมไม่กินหมูนั้น ไปๆมาๆไม่ใช่แค่หมูนะครับที่มุสลิมไม่กิน ดังนั้นคงหายสงสัยแล้วสินะครับว่าทำไมมุสลิมจึงมักจะหาแต่ร้านที่เป็นร้าน อาหารอิสลาม แต่เห็นกฎระเบียบเยอะอย่างนี้คุณคงว่าสิ่งที่ศาสนาอิสลามบัญญัติห้ามนั้นมี เยอะเหลือเกิน แต่ที่จริงหากคุณนับถือศาสนาพุทธน่าจะลองเปิดพระไตรปิฎกดูมั่งนะครับว่า จริงๆแล้วศาสนาพุทธห้ามกินอะไรบ้าง? ซึ่งหากจะให้ผมนำมากล่าวในหนังสือเล่มนี้ก็คงจะไม่ไหวแน่ เพราะมีเยอะมาก! หรือคนที่นับถือศาสนายิวหรือคริสต์ก็เช่นกันหากเขาจะปฏิบัติตามคัมภีร์ล่ะก็ มีสัตว์หลายชนิดครับที่คัมภีร์ระบุว่าห้ามกิน และที่สำคัญไม่เคยมีใครถามเลยว่าทำไมชาวยิวและชาวคริสต์ ปัจจุบันกินหมูกันซะแล้ว? ทั้งๆที่ในไบเบิล พันธสัญญาเก่าได้ระบุไว้ชัดเจนว่าห้ามกินหมู! (ในบทเลวีนิติ)

0
MUsLim 23 เม.ย. 53 เวลา 05:39 น. 14

อัลลอฮฺ : ความสำคัญของการรู้จักอัลลอฮฺ
การรู้จักอัลลอฮฺ (มะอฺรีฟะตุลลอฮฺ) เป็นรากฐานของชีวิตและจิตวิญญาณ เราได้รู้จักนบีและรอซูล รู้จักหน้าที่และคุณลักษณะของพวกเขา รู้ถึงความจำเป็นของมนุษย์ที่ต้องมีต่อสาส์นของอัลลอฮฺ รู้จักมั๊วะญิซัต กะรอมะฮ์ คัมภีร์จากฟากฟ้า รู้จักมาลาอีกะฮฺ ญิน และวันอาคีเราะฮฺ

คน ที่รู้จักอัลลอฮฺ (ซ.บ.) แน่นอนเขาย่อมรู้ถึงเป้าหมายของชีวิตว่า เขาถูกสร้างขึ้นมาทำไม และเขาต้องอยู่บนโลกนี้เพื่อเป้าหมายใด ด้วยเหตุนี้เขาจะไม่ถูกล่อลวงโดยความรื่นรมย์ของโลกดุนยา จะไม่ลุ่มหลงกับทรัพย์สินที่มีอยู่บนโลกนี้ แต่สำหรับผู้ที่ไม่รู้จักอัลลอฮฺ แน่นอนพวกเขาจะถูกล่อลวงและหลงระเริงไปกับความสวยงามของโลกดุนยาดังที่อัลกุ รอ่านได้กล่าวว่า

يَا مَعْشَرَ الْجِنِّ وَالإِنسِ أَلَمْ يَأْتِكُمْ رُسُلٌ مِّنكُمْ يَقُصُّونَ عَلَيْكُمْ آيَاتِي وَيُنذِرُونَكُمْ لِقَاء يَوْمِكُمْ هَـذَا قَالُواْ شَهِدْنَا عَلَى أَنفُسِنَا وَغَرَّتْهُمُ الْحَيَاةُ الدُّنْيَا وَشَهِدُواْ عَلَى أَنفُسِهِمْ أَنَّهُمْ كَانُواْ كَافِرِينَ

"หมู่ญินและมนุษย์ทั้ง หลาย! บรรดาร่อซูลจากพวกเจ้ามิได้มายังพวกเจ้าดอกหรือ? โดยที่พวกเขาจะบอกเล่าแก่พวกเจ้า ซึ่งบรรดาโองการของข้า และเตือนพวกเจ้า ซึ่งบรรดาโองการของข้า และเพื่อนพวกเจ้า ซึ่งการพบกับวันของพวกเจ้านี้ พวกเขากล่าวว่า พวกข้าพระองค์ขอยืนยันแก่ตัวของพวกเข้าพระองค์เองและชีวิตความเป็นอยู่แห่ง โลกนี้ได้หลอกลวงพวกเขาและพวกเขาก็ได้ยืนยันแก่ตัวของพวกเขาเองว่าแท้จริง พวกเขานั้นเป็นผู้ปฏิเสธการศรัทธา"
&nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp (อัล- อันอาม : 130)
&nbsp &nbsp  เขาจะหมดชีวิตไปกับการแสวงหาดุนยา ความเอร็ดอร่อยของมันประหนึ่งสัตว์โลกทั่วไป ดังที่อัลกุรอ่านได้กล่าวว่า

إِنَّ اللَّهَ يُدْخِلُ الَّذِينَ آمَنُوا وَعَمِلُوا الصَّالِحَاتِ جَنَّاتٍ تَجْرِي مِن تَحْتِهَا الْأَنْهَارُ وَالَّذِينَ كَفَرُوا يَتَمَتَّعُونَ وَيَأْكُلُونَ كَمَا تَأْكُلُ الْأَنْعَامُ وَالنَّارُ مَثْوًى لَّهُمْ

" แท้จริงอัลลอฮ.จะทรงให้บรรดาผู้ศรัทธาและกระทำความดีทั้งหลายเข้าสู่สวน สวรรค์หลากหลาย ณ เบื้องล่างสวนสวรรค์มีลำน้ำหลายสายไหลผ่าน ส่วนบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธานั้นพวกเขาจะหลงระเริงและกินเยี่ยงปศุสัตว์กันและ ไฟนรกคือที่พำนักของพวกเขา"
&nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp (มูหัมหมัด : 12)

&nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp  ผู้ที่รู้จักอัลลอฮฺเขาจะรู้สึกถึงความกว้างของชีวิตไม่ว่าจะอยู่ใน สถานการณ์ใดก็ตาม หากพวกเขาเป็นผู้ยากไร้เขาจะอดทน เพราะเขารู้ว่าเบื้องหลังชีวิตที่มีความเสียหายนี้ยังมีชีวิตที่นิรันดร์ อยู่ ซึ่งเป็นสถานที่อันบรมสุข หากเขาเป็นเศรษฐี เขาจะขอบคุณ (ชูกูร) เพราะวัตถุปัจจัยที่เขามีอยู่ ณ วันนี้ มันคือของฝากจากพระเจ้าที่ได้ทรงมอบความไว้วางใจ (อามานะฮ์) แก่เขา ดังที่ท่านรอซูล กล่าวว่า

“น่าอัศจรรย์สำหรับมุมิน ซึ่งทั้งหมดเป็นความดีสำหรับเขา เมื่อเขาประสบภัยเขาก็จะอดทน (ซอบัร) และเมื่อเขาได้รับความสุขเขาจะขอบ คุณ”&nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp (รายงานโดย มุสลิม)

0
MUsLim 23 เม.ย. 53 เวลา 05:43 น. 15

การรู้จักอัลลอฮฺ
การรู้จักอัลลอฮฺ (มะอฺรีฟะตุลลอฮฺ) เป็นรากฐานของชีวิตและจิตวิญญาณ เราได้รู้จักนบีและรอซูล รู้จักหน้าที่และคุณลักษณะของพวกเขา รู้ถึงความจำเป็นของมนุษย์ที่ต้องมีต่อสาส์นของอัลลอฮฺ รู้จักมั๊วะญิซัต กะรอมะฮ์ คัมภีร์จากฟากฟ้า รู้จักมาลาอีกะฮฺ ญิน และวันอาคีเราะฮฺ

คน ที่รู้จักอัลลอฮฺ (ซ.บ.) แน่นอนเขาย่อมรู้ถึงเป้าหมายของชีวิตว่า เขาถูกสร้างขึ้นมาทำไม และเขาต้องอยู่บนโลกนี้เพื่อเป้าหมายใด ด้วยเหตุนี้เขาจะไม่ถูกล่อลวงโดยความรื่นรมย์ของโลกดุนยา จะไม่ลุ่มหลงกับทรัพย์สินที่มีอยู่บนโลกนี้ แต่สำหรับผู้ที่ไม่รู้จักอัลลอฮฺ แน่นอนพวกเขาจะถูกล่อลวงและหลงระเริงไปกับความสวยงามของโลกดุนยาดังที่อัลกุ รอ่านได้กล่าวว่า

"หมู่ญินและมนุษย์ทั้ง หลาย! บรรดาร่อซูลจากพวกเจ้ามิได้มายังพวกเจ้าดอกหรือ? โดยที่พวกเขาจะบอกเล่าแก่พวกเจ้า ซึ่งบรรดาโองการของข้า และเตือนพวกเจ้า ซึ่งบรรดาโองการของข้า และเพื่อนพวกเจ้า ซึ่งการพบกับวันของพวกเจ้านี้ พวกเขากล่าวว่า พวกข้าพระองค์ขอยืนยันแก่ตัวของพวกเข้าพระองค์เองและชีวิตความเป็นอยู่แห่ง โลกนี้ได้หลอกลวงพวกเขาและพวกเขาก็ได้ยืนยันแก่ตัวของพวกเขาเองว่าแท้จริง พวกเขานั้นเป็นผู้ปฏิเสธการศรัทธา"
&nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp (อัล- อันอาม : 130)
&nbsp &nbsp  เขาจะหมดชีวิตไปกับการแสวงหาดุนยา ความเอร็ดอร่อยของมันประหนึ่งสัตว์โลกทั่วไป ดังที่อัลกุรอ่านได้กล่าวว่า

" แท้จริงอัลลอฮ.จะทรงให้บรรดาผู้ศรัทธาและกระทำความดีทั้งหลายเข้าสู่สวน สวรรค์หลากหลาย ณ เบื้องล่างสวนสวรรค์มีลำน้ำหลายสายไหลผ่าน ส่วนบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธานั้นพวกเขาจะหลงระเริงและกินเยี่ยงปศุสัตว์กันและ ไฟนรกคือที่พำนักของพวกเขา"
&nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp (มูหัมหมัด : 12)

&nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp  ผู้ที่รู้จักอัลลอฮฺเขาจะรู้สึกถึงความกว้างของชีวิตไม่ว่าจะอยู่ใน สถานการณ์ใดก็ตาม หากพวกเขาเป็นผู้ยากไร้เขาจะอดทน เพราะเขารู้ว่าเบื้องหลังชีวิตที่มีความเสียหายนี้ยังมีชีวิตที่นิรันดร์ อยู่ ซึ่งเป็นสถานที่อันบรมสุข หากเขาเป็นเศรษฐี เขาจะขอบคุณ (ชูกูร) เพราะวัตถุปัจจัยที่เขามีอยู่ ณ วันนี้ มันคือของฝากจากพระเจ้าที่ได้ทรงมอบความไว้วางใจ (อามานะฮ์) แก่เขา ดังที่ท่านรอซูล กล่าวว่า

“น่าอัศจรรย์สำหรับมุมิน ซึ่งทั้งหมดเป็นความดีสำหรับเขา เมื่อเขาประสบภัยเขาก็จะอดทน (ซอบัร) และเมื่อเขาได้รับความสุขเขาจะขอบ คุณ”&nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp (รายงานโดย มุสลิม)

0
MUsLim 23 เม.ย. 53 เวลา 05:44 น. 16

ตรงกันข้ามกับผู้ที่ไม่รูจักอัลลอฮฺ เขาจะรู้สึกว่าโลกนี้มันคับแคบ ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใด ดังที่อัลลอฮฺกล่าวว่า

“และ ผู้ใดผินหลังจากการรำลึกถึงข้า แท้จริงสำหรับเขาคือ การมีชีวิตอยู่อย่างคับแค้น และเราจะให้เขาฟื้นคืนชีพในวันกิยามะฮ์ในสภาพของคนตาบอด”
&nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp (ฏอฮา : 124)
&nbsp &nbsp 
&nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp &nbsp ผู้ที่รู้จักอัลลอฮฺเขาจะแสวงหาความพอพระทัยจากอัลลอฮ์ในทุกกิจการงานเสมอ ในการดำรงชีวิตเขาจะไม่ทำสิ่งใดนอกจากสิ่งนั้นต้องเป็นที่โปรดปรานของอัล ลอฮฺ (ซ.บ.) แต่คนที่ไม่รู้จักอัลลอฮฺเขาจะทำสิ่งใดขึ้นอยู่กับอารมณ์และความต้องการ (นัฟซู) ของพวกเขา พวกเขาเอาอารมณ์เป็นพระเจ้าแทนอัลลอฮฺ

0
MUsLim 23 เม.ย. 53 เวลา 06:31 น. 17

ความคิดเห็นที่สสิบสาม
ทีคุณเขียนกระทู้ขึ้นมานั้นคุณยืนยันได้ใหมว่ามันเป็นความจริง
ถ้าสิงที้คุณกล่าวหาเป็นความจริงผมขอให้คุณยกหลักฐานมาเพือยืนยันคำพูดของคุณหากไม่แล้ว
คุณก็เป็นพวกที่ชอบใส่ร้ายคนอื่นแล้วเมือเป็นเช่นนั้นแล้วคุณคิดว่าคุณประเสร็ทเหรอ
อิสลามคือสั๗ธรรมที่แท้จริง และถ้าคุณจะยกเรืองเกียวกับอิสลามคุณต้องยกท่านนบีมูฮัมหมัด(ขอความสันติจงมีแด่ท่าน)เป็นตัวอยางเพราะแบบอย่างของอิสลามคือนบีมูฮัมหมัด(ขอความสันติจงมีแด่ท่าน)แบบอยางทีบริสุทธ์

0
sara 17 ก.ค. 53 เวลา 16:29 น. 18
&nbsp &nbsp &nbsp &nbsp ถ้าคุณที่ไม่รู้เรื่องศาสนาของคนอื่นจริงก็อย่าพยามยามกล่าวหา

&nbsp &nbsp  เพราะว่าเราก็ไม่เคยคิดทีจะกล่าวหาศาสนาของคุณเลย


&nbsp &nbsp เพราะเราก็มีเพื่อนที่ต่างศาสนากันมากมายไม่เห็นมีเพื่อนคนไหนจะมากล่าวหากันเลย

&nbsp เพราะเราอยู่ด้วยความเข้าใจกันมีมิตรภาพที่ดีต่อกันขนาดเพื่อนที่เป็นคนละศาสนาจะเลี้ยงข้าวแต่พอดีไม่ใช่ร้านอิสลามเราไม่ทาน

เขาก็บอกว่าเขาก็ไม่ทานเหมือนกันเพราะเราอธิบายให้เขาฟัง&nbsp ทั้งๆที่เขาหิวมาก และได้ไปทานร้านอาหารที่เป็นร้านอิสลาม

อ็อลืมบอกไปว่าเพื่อนคนนี้เป็นผู้หญิงนับถือศาสนาคริสต์&nbsp  เขาเป็นคนทานหมู&nbsp แต่ไม่เห็นเขาจะว่าอะไรเลย เพราะเขาถามเหตุผลว่าทำไม
เราก็อธิบายให้ฟังและอีกอย่างอิสลามกับโจรใต้เกี่ยวกันตรงไหนไม่ทราบ&nbsp และจะบอกหั้ยรู้ว่าถึงแม้จะเป็นคนอิสลามแต่หัวใจก็รักบ้านเกิดเมืองนอนของตัวเอง&nbsp ประเทศไทยไม่หยิ่งหย่อนไปกว่าคนอื่นหรอก
0
myj;wx 22 ก.ค. 53 เวลา 16:20 น. 20

อิสลาม&nbsp .... ฆ่าคนต่างศาสนา&nbsp ...&nbsp ไม่บาป&nbsp .... ได้ขึ้นสวรรค์อีกต่างหาก

0