Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

+ เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับวัน Halloween +

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่

ความเป็นมาของวัน Halloween

วันที่ 31 ต.ค. เป็นวันที่ชาวเซ็ลด (Celt) ซึ่งเป็นชนพื้นเมืองเผ่าหนึ่งในไอร์แลนด์ ถือกันว่า เป็นวันสิ้นสุดของฤดูร้อน และวันต่อมา คือ วันที่ 1 พ.ย. เป็นวันขึ้นปีใหม่ ซึ่งในวันที่ 31 ต.ค. นี่เองที่ชาวเซ็ลดเชื่อว่า เป็นวันที่มิติคนตาย และคนเป็น จะถูกเชื่อมโยงเข้าด้วยกัน และวิญญาณของผู้ที่เสียชีวิตในปีที่ผ่านมา จะเที่ยวหาร่างของคนเป็นๆ เพื่อสิงสู่ เพื่อที่จะได้มีชีวิตขึ้นอีกครั้งหนึ่ง



ทีนี้ก็เดือดร้อนถึงคนเป็นละซิ ต้องหาทุกวิถีทางที่จะไม่ให้วิญญาณมาสิงสู่ร่างตน ชาวเซ็ลดจึงปิดไฟทุกดวงในบ้าน ให้อากาศหนาวเย็น และไม่เป็นที่พึงปรารถนาของบรรดาผีร้าย นอกจากนี้ ยังพยายามแต่งกายให้แปลกประหลาด ประมาณว่า ปลอมตัวเป็นผีร้ายไปเลย และส่งเสียงดังอึกทึก เพื่อให้ผีตัวจริงตกใจ หนีหายสาบสูญไปเลย บางตำนานยังเล่าถึงขนาดว่า มีการเผา 'คนที่คิดว่าถูกผีร้ายสิง' เป็นการเชือดไก่ให้ผีกลัวอีกต่างหาก แต่นั่นเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ก่อนคริสต์กาล ที่ความคิดเรื่องผีสางยังฝังรากลึกในจิตใจมนุษย์

ต่อมาในศตวรรษแรกแห่งคริสต์กาล ชาวโรมันรับประเพณีฮาโลวีนมาจากชาวเซ็ลด แต่ได้ตัดการเผาร่าง 'คนที่ถูกผีสิง' ออก เปลี่ยนเป็นการเผาหุ่นแทน กาลเวลาผ่านไป ความเชื่อเรื่องผีจะสิงสูร่างมนุษย์เสื่อมถอยลงตามลำดับ ฮาโลวีนกลายเป็นเพียงพิธีการ การแต่งตัวเป็นผี แม่มด สัตว์ประหลาดตามแต่จะสร้างสรรค์กันไป

ประเพณีฮาโลวีนเดินทางมาถึงอเมริกาในทศวรรษที่ 1840 โดยชาวไอริชที่อพยพมายังอเมริกา สำหรับประเพณี Trick or Treat นั้น เริ่มขึ้นในราวคริสต์ศตวรรษที่ 9 โดยชาวยุโรป ซึ่งถือว่า วันที่ 2 พ.ย. เป็นวัน 'All Souls' พวกเขาจะเดินร้องขอ 'ขนมสำหรับวิญญาณ' (Soul cake) จากหมู่บ้านหนึ่งไปยังอีกหมู่บ้านหนึ่ง โดยเชื่อว่า ยิ่งให้ขนมเค้กมากเท่าไร วิญญาณของญาติผู้บริจาค ก็ได้รับผลบุญ ทำให้มีโอกาสขึ้นสวรรค์ได้มากเท่านั้น

PS.  :: N0 0n3 ง+Ay !n +H3 d@rK f0r3v3R :: Y0u cAn f!nD +h3 l!gHt bY y0ur$3lf ::

แสดงความคิดเห็น

>

6 ความคิดเห็น

ღ [ข้]า[ว]ต[อ]ก[แ]ต[ก] ღ 13 ต.ค. 49 เวลา 21:47 น. 1

ตำนานของฟักทอง Halloween (Jack-o-lantern)


ดร.แจ๊กเกิ้ล & มิสเตอร์แลนเทิร์น เป็นชื่อฟักทองวันฮัลโลวีนที่ส่วนใหญ่จะเรียกว่า Jacko-o’-Lantern ที่มีการเรียกไม่เหมือนกันเพราะแต่ละที่ก็จะมีการเล่าประวัติต่างๆ กันออกไป

ตำนานที่เกี่ยวกับฟักทองนั้น เป็นตำนานพื้นบ้านของชาวไอริช ที่กล่าวถึง Jack-o-lantern ซึ่งเป็นนักเล่นกลจอมขี้เมา วันหนึ่งเขาหลอกล่อปีศาจขึ้นไปบนต้นไม้ และเขียนกากบาทไว้ที่โคนต้นไม้ ทำให้ปีศาจลงมาไม่ได้ จากนั้นเขาได้ทำข้อตกลงกับปีศาจ 'ห้ามนำสิ่งไม่ดีมาหลอกล่อเขาอีก' แล้วเขาจะปล่อยปีศาจลงจากต้นไม้ เมื่อแจ็คตายลง เขาปฏิเสธที่จะขึ้นสวรรค์ ขณะเดียวกันปฏิเสธที่จะลงนรก ปีศาจจึงให้ถ่านที่กำลังคุแก่เขา เพื่อเอาไว้ปัดเป่าความหนาวเย็นท่ามกลางความมืดมิด และแจ็คได้นำถ่านนี้ใส่ไว้ในหัวผักกาดเทอนิพที่ถูกเจาะให้กลวง เพื่อให้ไฟลุกโชติช่วงได้นานขึ้น ชาวไอริชจึงแกะสลักหัวผักกาดเทอนิพ และใส่ไฟในด้านใน อันเป็นอีกสัญลักษณ์ของวันฮาโลวีน เพื่อระลึกถึง 'การหยุดยั้งความชั่ว' Trick or Treat เพื่อส่งผลบุญให้กับญาติผู้ล่วงลับ และพิธีทางศาสนาเพื่อทำบุญวันปีใหม่ แต่เมื่อมีการฉลองฮาโลวีนในสหรัฐอเมริกา ชาวอเมริกาพบว่า ฟักทองหาง่ายกว่าหัวผักกาดมาก จึงเปลี่ยนมาใช้ฟักทองแทน หัวผักกาดจึงกลายเป็นฟักทองด้วยเหตุผลฉะนี้

ส่วนพวกเซลติก (คนพื้นเมืองในอังกฤษ) เชื่อว่าแจ๊กโกแลนเทิร์นเป็นวิญญาณของฟักทอง ซึ่งพวกเซลติกจะแกะสลักฟักทองให้ออกมาเป็นหน้าตาใจดี เพื่อแสดงให้รู้ว่าแจ๊กเป็นวิญญาณน่ารัก ไม่ได้ดุแบบผีทั่วไป


PS.  :: N0 0n3 ง+Ay !n +H3 d@rK f0r3v3R :: Y0u cAn f!nD +h3 l!gHt bY y0ur$3lf ::
0
ღ [ข้]า[ว]ต[อ]ก[แ]ต[ก] ღ 13 ต.ค. 49 เวลา 21:53 น. 2

ประเพณีต่าง ๆ ที่เป็นการฉลองเทศกาล Halloween

ประเพณี Trick or Treat

ในสหรัฐอเมริกาคือการละเล่นอย่างหนึ่งที่เด็กๆ เฝ้ารอคอย ในวันฮาโลวีนตามบ้านเรือนจะตกแต่งด้วยโคมไฟฟักทองและตุ๊กตาหุ่นฟางที่เป็นส่วนหนึ่งของเทศกาลประเพณีเก็บเกี่ยว (Harvest) ในช่วงเดียวกันนั้น แต่ละบ้านจะเตรียมขนมหวานที่ทำเป็นรูปเม็ดข้าวโพดสีขาวเหลืองส้มในเม็ดเดียวกัน เรียกว่า Corn Candy และขนมอื่นๆ ไว้เตรียมคอยท่า... ส่วนเด็กๆ ในละแวกบ้านก็จะแต่งตัวแฟนซีเป็นภูตผีมาเคาะตามประตูบ้าน โดยเน้นบ้านที่มีโคมไฟฟักทองประดับ (เพราะมีความหมายโดยนัยว่าต้อนรับพวกเขา) พร้อมกับถามว่า Trick or treat? เจ้าของบ้านมีสิทธิที่จะตอบ treat ด้วยการยอมแพ้ มอบขนมหวานให้ภูตผี(เด็ก)เหล่านั้น ราวกับว่าช่างน่ากลัวเหลือเกิน หรือเลือกตอบ Trick เพื่อท้าทายให้ภูตผีเหล่านั้นอาละวาด ซึ่งก็อาจเป็นอะไรได้ ตั้งแต่แลบลิ้นปลิ้นตาหลอกหลอน ไปจนถึงขั้นทำลายข้าวของเล็กๆ น้อยๆ แล้วอาจจบลงด้วยการ treat เด็กๆ ด้วยขนม ลูกกวาด ผลไม้ หรือ เศษสตางค์ในที่สุด

เด็กบางกลุ่มจะจัดกิจกรรม trick or treat นี้เพื่อองค์การยูนิเซพ (UNICEF) ซึ่งเป็นองค์การจัดหาเงินทุนเพื่อเด็กทั้งโลกที่ยากจนขององค์การสหประชาชาติ พวกเขาจะถือกล่องรับบริจาคเงินอย่างเป็นทางการขององค์การสหประชาชาติสีส้มดำ เพื่อนำเงินที่ได้จากการบริจาคไปจัดหาอาหาร ยารักษาโรค และการบริการด้านอื่นๆ เพื่อเด็กที่ขาดแคลนทั้งโลก


เพื่อความปลอดภัยของเด็ก ๆ ที่ออกไปทำกิจกรรม trick or treat เด็กๆ จะแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าสีอ่อน หรือเสื้อผ้าที่มีสีสะท้อนแสง เพื่อให้ผู้ขับขี่ยานพาหนะมองเห็นได้ง่ายเป็นการป้องกันการเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์อีกทางหนึ่ง ผู้ปกครองบางคนเกรงว่า การใส่หน้ากาก จะทำให้เด็กๆ มองเห็นได้ไม่ชัดเจน จึงนิยมใช้เครื่องสำอางแต่งหน้าให้เด็กๆ นอกจากนี้ผู้ปกครองมักจะเตือนให้เด็กๆ รับประทานเฉพาะขนมหรือลูกกวาดที่บรรจุใน X บห่ออย่างดีเท่านั้น ชุมชนบางแห่งประกาศเวลาการทำกิจกรรม trick or treat อย่างเป็นทางการ เพื่อให้ประชาชนเตรียมตัวรับการมาเยือนของเด็กๆ และเป็นการเตือนให้ผู้ขับขี่ยานพาหนะได้ระมัดระวังการใช้รถใช้ถนนในช่วงเวลาดังกล่าวเป็นพิเศษด้วย


เพื่อความปลอดภัยของเด็ก ๆ ที่ออกไปทำกิจกรรม trick or treat เด็กๆ จะแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าสีอ่อน หรือเสื้อผ้าที่มีสีสะท้อนแสง เพื่อให้ผู้ขับขี่ยานพาหนะมองเห็นได้ง่ายเป็นการป้องกันการเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์อีกทางหนึ่ง ผู้ปกครองบางคนเกรงว่า การใส่หน้ากาก จะทำให้เด็กๆ มองเห็นได้ไม่ชัดเจน จึงนิยมใช้เครื่องสำอางแต่งหน้าให้เด็กๆ นอกจากนี้ผู้ปกครองมักจะเตือนให้เด็กๆ รับประทานเฉพาะขนมหรือลูกกวาดที่บรรจุใน X บห่ออย่างดีเท่านั้น ชุมชนบางแห่งประกาศเวลาการทำกิจกรรม trick or treat อย่างเป็นทางการ เพื่อให้ประชาชนเตรียมตัวรับการมาเยือนของเด็กๆ และเป็นการเตือนให้ผู้ขับขี่ยานพาหนะได้ระมัดระวังการใช้รถใช้ถนนในช่วงเวลาดังกล่าวเป็นพิเศษด้วย

Jack-O'-Lanterns การทำ Jack-O'-Lanterns คือ การคว้านเมล็ดในของผลฝักทองออกให้หมด แล้วเจาะด้านหนึ่งของผลฝักทองให้เป็นรูปหน้าคนโดยมี ตา จมูก และปาก และใส่เทียนไข หรือโคมไฟประเภทอื่นๆ ไว้ภายใน เพื่อใช้เป็นเครื่องประดับตกแต่งบ้าน ชาวอังกฤษและชาวไอริชในสมัยโบราณเคยใช้หัวผักกาด (beets) มันฝรั่งและหัวเทอร์นิบ (turnips) เป็นโคมไฟในวันฮาโลวีน เมื่อเทศกาลฮาโลวีนแพร่หลายมาสู่ประเทศสหรัฐอเมริกาจึงเปลี่ยนมาใช้ผลฝักทองแทน

การทำนายโชคชะตา (Fortunetelling) การทำนายโชคชะตา เริ่มขึ้นในยุโรปหลายร้อยปีมาแล้ว และกลายเป็นส่วนสำคัญในเทศกาลฮาโลวีน การทำนายนี้ทำโดยการนำแหวนเงินเหรียญ หรือ ปลอกนิ้ว (สำหรับสตรีใส่เย็บผ้า) ไปซ่อนไว้ในขนมเค้กและอาหาร หากใครพบเหรียญจะเป็นผู้มีฐานะร่ำรวยในอนาคต ผู้ที่พบเหวนจะได้แต่งงาน ปัจจุบันนิยมทำนายโชคชะตาด้วยการอ่านจากไพ่หรือการอ่านลายมือมากกว่า

นอกเหนือจากกิจกรรมต่างๆ ดังได้กล่าวมาแล้ว ในประเทศอังกฤษมีการเล่นเกมส์คาบแอ้ปเปิล เพื่อเป็นรางวัลแก่ผู้ชนะอีกด้วย

ในอดีตคนส่วนใหญ่เชื่อว่า ปิศาจจะออกมาท่องเที่ยวในโลกมนุษย์ในคืนวันที่ 31 ตุลาคมเพื่อทำพิธีบูชาปีศาจทั้งหลาย แม้ว่าในปัจจุบัน ไม่มีใครเชื่อในเรื่องพ่อมดแม่มดหรือภูติผีปิศาจ สัญลักษณ์ต่าง ๆ ในวันฮาโลวีนก็ยังคงเป็นการแต่งกายเป็นปีศาจหรือพ่อมดแม่มดอยู่เช่นที่เคยปฏิบัติมา


PS.  :: N0 0n3 ง+Ay !n +H3 d@rK f0r3v3R :: Y0u cAn f!nD +h3 l!gHt bY y0ur$3lf ::
0
ღ [ข้]า[ว]ต[อ]ก[แ]ต[ก] ღ 13 ต.ค. 49 เวลา 21:57 น. 3

การทำโคมไฟฟักทอง

เทศกาล “ปล่อยผี” อย่างเทศกาลฮาโลวีนแบบนี้ มาตกแต่งบ้านให้สยองขวัญกันดีกว่า และเอกลักษณ์ที่โดดเด่นอย่างหนึ่งสำหรับงานเทศกาลสนุก ๆ ปนสยอง ๆ แบบนี้ก็คือ “โคมไฟฟักทอง” นั่นเอง

ก่อนอื่นเลยต้องไปหาอุปกรณ์มาให้ครบครันเพื่อสรรสร้างโคมไฟฟักทองเสริมสร้างบรรยากาศแห่งฮาโลวีนกัน เอาล่ะ ลิสท์รายชื่อดังนี้แล้วก็หามาให้ครบนะ
1. ฟักทอง
. มีดและช้อน
3. เทียนและไม้ขีดไฟ
4. ปากกา

เมื่อหามาครบแล้วก็ลงมือทำกันเลยโดยเริ่มจากทำความสะอาดฟักทองให้เรียบร้อยด้วยผ้าชุบน้ำพอหมาด ๆ จากนั้นก็ตัดส่วนบนของฟักทองออก โดยวาดไว้ก่อนด้วยปากกา แล้วใช้มีดวางมุมสัก 45 องศากับผลฟักทอง ตัดส่วนบนของฟักทองให้รอบ เวลาตัดต้องระมัดระวังเพราะถ้าตัดไม่ดีจะได้ฟักทองที่ไม่เรียบ ถ้าคุณตัดโดยรอบแล้วส่วนบนยังออกมาไม่หมด ให้ลองสอดมีดเข้าไปที่รอยตัดแล้วเลื่อยอีกครั้ง จนฝาเปิด


เมื่อเปิดได้ก็ใช้ช้อนตักเนื้อฟักทองออก เคล็ดลับสำคัญที่ห้ามลืมเลยก็คือการปรับระดับพื้นให้ราบเรียบ เพราะจะใช้เป็นฐานที่มั่นในการตั้งเทียน นั่นแน่! ส่วนเมล็ดฟักทองน่ะเก็บไว็ก็ได้นะ ล้างให้สะอาด แช่เกลือไว้ ตากแดดให้แห้งก็ได้ของว่างทานเล่น ๆ จะทานในงานฮาโลวีนก็ได้หรือจะเก็บไว้ทานวันอื่นก็ไม่ว่ากัน

หยิบปากกาขึ้นมาวาดรูป ตา ปาก จมูก ลงบนฟักทอง แต่ถ้าไม่วาดไว้ก่อนคุณต้องระมัดระวังให้มาก ๆ ถ้าจะใช้มีดเจาะเป็นรูปนั้นเลย

ขั้นตอนสุดท้าย คุณอาจจะตกแต่งส่วนบนของฟักทองที่ตัดออกไปก็เก๋ดี เพื่อนำมาครอบปิดส่วนบน จากนั้นเพิ่มความสว่างให้โคมไฟ ด้วยการติดตั้งเทียนไว้ข้างในโคมไฟฟักทองที่ตกแต่งเสร็จ ปิดไฟจากนั้นก็เริ่มสนุกกับบรรยากาศแบบฮาโลวีนกันได้เลย


PS.  :: N0 0n3 ง+Ay !n +H3 d@rK f0r3v3R :: Y0u cAn f!nD +h3 l!gHt bY y0ur$3lf ::
0
ღ [ข้]า[ว]ต[อ]ก[แ]ต[ก] ღ 13 ต.ค. 49 เวลา 22:13 น. 4

แนะนำการจัดปาร์ตี้ Halloween

ฮาโลวีน เทศกาลฝรั่งที่คนไทยชื่นชอบ ก็เพราะความน่าตื่นเต้นของรูปแบบงาน และตื่นตาของสีสันในปาร์ตี้ จนหนุ่มสาวเชื้อสายไทยยุคใหม่อดใจไม่ไหว ขอร่วมแจมความสนุกสไตล์สยองขวัญกับเขาด้วย แต่จะมันส์ทั้งที ต้องมันให้เต็มสูตร ด้วยเคล็ดลับ 5 ข้อต่อไปนี้ เพื่อเพิ่มดีกรีความสยองให้กับปาร์ตี้ของคุณ

1. เมื่อความมืดเริ่มคืบคลานเข้ามา ถึงเวลาต้องเปิดไฟ... แล้วบรรยากาศของบ้านจะน่ากลัวได้อย่างไร หากแสงสว่างเจิดจ้าด้วยหลอดฟลูออเรสเซนต์ เราคงต้องจัดแสงกันสักหน่อย เติมแสงสว่างเพียงสลัว ๆ ให้แก่ห้อง ด้วยหลอดไฟสีเขียว เพิ่มบรรยากาศเรื่อยเฉื่อย เงียบสงบ ด้วยอิทธิพลของสีเขียว ที่สำคัญ แสงสีเขียวนี่แหล่ะ ที่จะช่วยให้ใบหน้าของคนภายในห้องซีดเซียวอมเขียวได้เป็นอย่างดี

แต่หากว่าแสงสีเพียงเท่านี้ ยังไม่ถึงใจ ลองหาหลอดแบล็คไลท์ ติดตั้งบริเวณที่แต่งด้วยสีขาว อย่างเช่น ใยแมงมุม โครงกระดูก หรือแม้แต่ตัวคุณเองไปยืนแยกเขี้ยวอยู่ในรัศมีแสงแบล็คไลท์ แค่นี้ แขกที่มาร่วมงานก็สยองขวัญแล้ว

2. หาของแต่งบ้านสำหรับเทศกาลฮาโลวีน ที่ขาดไม่ได้ ก็คือ ใยแมงมุมพร้อมด้วยแมงมุม (พลาสติก)ตัวอ้วนเกาะอยู่ด้วย ป้ายสุสานหิน(จากกระดาษแข็ง หรือโฟม) พร้อมทั้งบรรดาลูกน้องท่านเคานท์แดรกคูล่าสักฝูงหนึ่ง ซึ่งทำได้โดยหาซื้อกระดาษสีดำ มาตัดเป็นรูปค้างคาวกางปีก จากนั้นก็ใช้เชือกแขวน ให้ได้ระดับสูงๆ ต่ำ ๆ สลับกันไป อ้อ... อย่าลืมสัญลักษณ์อีกอย่างหนึ่งของเทศกาลนี้ล่ะ นั่นก็คือ แจ็ค โอ-แลนเทิร์น หรือโคมไฟจากฟักทองนั่นเอง (วิธีทำนั้น ง่ายนิดเดียวค่ะ คลิกดูได้ที่นี่)

3. เตรียมเทปซาวนด์เอฟเฟ็กท์สำหรับสร้างบรรยากาศสยองขวัญไว้สักม้วน ซึ่งหาซื้อได้ไม่ยาก หรือหากจะทำเองก็ง่ายเหมือนกัน เสียงที่มักใช้กันก็มี เสียงหายใจแรง ๆ ดังฟืดฟาด... ฟืดฟาด.... เสียงหัวเราะแหลม ๆ เสียงเปิดประตู เอี๊ยด.... และตามสูตร จบด้วยเสียงปิดประตูปัง (ดังๆ) เสียงฝีเท้า เสียงหมาหอน ฯลฯ ถ้านึกไม่ออก ลองหาวีดีโอหนังสยองขวัญ อย่าง หมอผีเอ็กโซซิสต์มาดู ซึ่งมีซาวนด์เอฟเฟ็กต์ประกอบตลอดเรื่องทีเดียว

4. นอกเหนือไปจากบรรยากาศรอบ ๆ แล้ว บนโต๊ะอาหารก็สำคัญ จะเป็นอาหารธรรมดาสามัญ ก็หมดบรรยากาศสยองขวัญกันพอดี เลือกอาหารที่มีซ้อสมะเขือเทศเป็นส่วนประกอบ ทำทีเป็นเลือด เช่น สปาเก็ตตี้ มีทซ้อส อาจจะมีลูกชิ้น แต่งด้วยสีผสมอาหาร ให้คล้ายลูกตา ช่วยเพิ่มรสชาติความสยดสยองยิ่งขึ้น

5. สำคัญที่สุดคือ สมาชิกของปาร์ตี้ครั้งนี้ อย่าลืมกำชับให้เก็บเสื้อสายเดี่ยวไว้ที่บ้าน แล้วหาชุดแฟนซีผี ๆ มาใส่ ไม่ว่าจะผีพันธุ์ไหน ไทย จีน ฝรั่ง ก็ตาม ปาร์ตี้นี้ ความสวยไม่สำคัญ ความมันส์ต้องมาก่อน

เมื่อได้ไอเดียสำหรับปาร์ตี้ปล่อยผีแล้ว ก็เตรียมสนุกกันให้เต็มที่ ก็ความสนุกแบบนี้ ปีหนึ่งมีแค่หนเดียวเท่านั้น



ที่มา: มติชน , homeandy.com, wikipedia.com


PS.  :: N0 0n3 ง+Ay !n +H3 d@rK f0r3v3R :: Y0u cAn f!nD +h3 l!gHt bY y0ur$3lf ::
0
ohhoo_clubzaa 14 ต.ค. 49 เวลา 17:36 น. 6

อืมๆๆ ไช่ได้ความรู้มากเลยอ่ะ นี่ฉันก้อเกิดวันนี้อ่ะ นะ วัน Hellooween 31 ตุลาคม อิอิ คงไม่เกี่ยวกันหรอกมั้งเนอะ ธรรมเนียมไทยกะ ต่างชาติ แต่ ได้ความรู้ดีจิงๆๆ อิอิ

0