Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

เกร็ดความรู้ : ลดรอยแผลเป็นที่เกิดจาก "สิว"

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่


สาว ๆ หลายคน ที่มีปัญหาหน้ามัน นอกจากจะต้องระวังเรื่องของการเกิดสิวแล้ว อีกเรื่องหนึ่งที่สาวเจ้ามักเป็นกังวลอย่างที่สุดคือ ใบหน้าที่เป็นแผลเป็นจากการเกิดสิว ซึ่งนอกจากต้องโบ๊ะแป้งให้หนาขึ้นเป็น 2 ชั้นเพื่อปกปิดรอยผลเป็นแล้ว วันนี้ก็ยังมีวิธีที่จะช่วยลดรอยแผลเป็นที่เกิดจากสิวมาฝากด้วย

โดยการแก้ไขแผลเป็นจากสิวมีขั้นตอนตามความรุนแรงมากน้อยดังนี้

1. สำหรับรอยแผลเป็นที่มีการยุบตัวลงไป แล้วไม่มีการอักเสบหลงเหลือ การจะแก้แผลเป็นต้องพยายามกระตุ้นเนื้อเยื่อบริเวณนั้นฟื้นตัวขึ้นมา คล้ายนักวิทยาศาสตร์ฟื้นฟูให้กล้ามเนื้อของคนที่เป็นอัมพฤกษ์ ให้กลับมาทำงานใหม่ หากจะเปรียบเทียบกับคนเล่นกล้ามก็ได้ เช่น นักวิ่งจะมีโคนขาใหญ่ นักกล้ามจะมีกล้ามใหญ่ไปทั่ว ก็เพราะจากการกระตุ้น แต่การกระตุ้นกล้ามเนื้อนั้นง่ายกว่ามาก เพราะเพียงแต่ยกน้ำหนักให้กล้ามเนื้ออักเสบเล็กน้อย (อาการปวดที่รู้สึกหลังจากออกกำลังกาย) การอักเสบก็จะมีขบวนการทางเคมีสร้างเนื้อเยื่อเอง ส่วนการกระตุ้นแผลเป็นมีวิธีเดียวที่จะไม่ทำให้ผิวเสียก็คือ การใช้แสงเลเซอร์ที่มีช่วงคลื่นเฉพาะ ผ่านผิวหนังชั้นบนลงไปกระตุ้นท่อเลือดและท่อน้ำเหลืองให้บวมแดงอย่างสม่ำเสมอ หลังจากนั้นก็จะมีสารสำคัญในน้ำเหลือง ที่มีอยู่ใต้ผิวหนังออกมากระตุ้นให้เกิดการสร้างเนื้อเยื่อแบบเดียวกับการกระตุ้นกล้ามเนื้อ ส่วนผลจะได้แค่ไหนนั้น สามารถจะตรวจสอบได้คร่าว ๆ คือก่อนการรักษาให้ใช้นิ้วกางบริเวณแผลเป็นรอยยุบดู หากตึงขึ้นแล้วแผลเหล่านั้นหายไปได้ แผลนั้นก็น่าจะได้รับผลการรักษาที่ดี ส่วนรอยที่ไม่หายไปจะสังเกตเห็นว่าเหมือนรอยแทะ ต้องใช้วิธีอื่น ๆ เสริมในการรักษามากกว่าการใช้เทคนิคการกระตุ้นเนื้อเยื่อดังกล่าว

2. หากแผลเป็นจากสิวนั้น ยังมีรอยแดงอยู่พร้อมกับรอยบุ๋ม แต่ไม่มีการอักเสบคล้ายหนองหรือของสกปรกอยู่ข้างล่าง อาจเสริมการรักษาแผลเป็นด้วยการกระตุ้น เลเซอร์ชนิดพิเศษ ที่กล่าวข้างต้นไปพร้อมกันจะได้ผลดีมากกว่า ข้อที่ 1

3. หากแผลเป็นจากสิวนั้น มีรอยแดงและเจ็บ แสดงถึงว่ามีการอักเสบและของสกปรก ยังไม่ถูกกำจัดอออกจากผิวหนัง แพทย์จะต้องหาวิธีเอาของสกปรกนั้นออก เทคนิคที่นิยมคือการใช้เลเซอร์ผ่าตัด ที่สามารถทำให้เกิดโพรงคล้ายโพรงขนเล็ก ๆ บนผิวหนัง แล้วใช้เครื่องมือค่อย ๆ รีดเอาของเสียออกทางโพรงนั้น คล้ายการผ่าตัดทั่ว ๆ ไปที่เอาของเสียออก ส่วนแผลที่เหลือก็จะหายในเร็ววัน และกลายเป็นแผลชนิดที่ 2 สามารถวางแผนในการดูแลรักษาแผลเป็นได้ง่ายขึ้น

4. หากหัวสิวมีการอักเสบเท่านั้นไม่มีการแตก การที่จะขยายโพรงขนด้วยแสงเลเซอร์ผ่าตัดชนิดเดียวกับชนิดที่ 3 แล้วเอาหัวสิวออกเลย ก็นับว่าเป็นความคิดที่ฉลาด ทำให้ไม่ต้องเสี่ยงกับการเกิดแผลเป็นแบบที่ 3

สรุปการรักษาแผลเป็นของสิวจึงต้องมีขอบเขตโดยคร่าว ๆ ดังนี้

หากท่านกำลังมีรอยแผลเป็นชนิดใดก็ตาม จากข้อที่1 ถึง ข้อที่4 กรุณาทำความเข้าใจขั้นตอนการรักษาก่อน เพื่อว่าคุณจะได้มีผิวหนังที่สวยงาม ไม่มีแผลเป็นขรุขระ


PS.  หวังดีเสอม

แสดงความคิดเห็น

>

4 ความคิดเห็น

pia 3 ก.ค. 53 เวลา 16:09 น. 2

แผลเป็น หลุมสิว


แม้ผิวคนเราจะมีการซ่อมแซมตัวเองหลังได้รับบาดเจ็บ ไม่ว่าจากอุบัติเหตุ การผ่าตัด การเกิดสิว โรคบางชนิด เช่น อีสุกอีใส แต่บ่อยครั้งที่พบว่าการหายของแผลนั้นอาจไม่สมบูรณ์เกิดเป็นแผลเป็น ลักษณะเป็นสีแดงหรือสีน้ำตาล นูน หรือเป็นหลุมบางครั้งแผลเป็นอาจมีอาการคันและเจ็บปวดร่วมด้วย การปล่อยให้แผลเป็นจางลงเองตามธรรมชาติ แผลเป็นอาจหดและจางลงได้เองเพียงระดับหนึ่งเท่านั้น โอกาสเกิดแผลเป็นนั้นขึ้นกับความรุนแรงของแผล
ระดับความลึก ระยะเวลาการหายของแผล การดูแลรักษา รวมไปถึง เพศ อายุ พฤติกรรมและปัญหาสุขภาพ การรักษาแผลเป็นที่ได้ผลดีนั้นจำเป็นต้องรักษาทั้งจากภายนอกและภายใน ซึ่งอาจจำเป็นต้องใช้วิธีการผ่าตัด เลเซอร์ ร่วมกับการปรับสมดุลร่างกาย เพื่อกระตุ้นกระบวนการรักษาตัวเองของผิว

วิธีการรักษา มีหลายวิธี ดังนี้

1. CO2 Laser
คาร์บอนไดออกไซด์เลเซอร์ (CO2 Laser) เลเซอร์สำหรับผ่าตัดรักษาโรคผิวหนังประเภทหูด ไฝ ฝ้า กระเนื้อ ติ่งเนื้อ เนื้องอกผิวหนัง เนื้องอกของต่อมเหงื่อบริเวณใต้ตา เนื้องอกต่อมไขมัน และสิวหัวปิดที่ยากต่อการรักษา ชนิดต่างๆได้ผลดีและแม่นยำ


2. Cryocell
เทคโนโลยีใหม่ล่าสุด ผสมผสานการนำพาสารอาหารและสารสำคัญเข้าสู่ผิวอย่างล้ำลึก ร่วมกับการนำเอาความเย็นที่เหมาะสม กระตุ้นให้ผิวมีการสร้างคอลลาเจน พร้อมเพิ่มความเต่งตึง ความแข็งแรงให้กับผิว



3. Derma Roller
การกลิ้งลูกกลิ้งที่มีเข็มเล็กๆจำนวนมาก ไปบนผิวหนังด้วยความลึกที่พอเหมาะ จะเกิดแผลเล็กๆจำนวนมาก จุดมุ่งหมายเพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใหม่ในเนื้อเยื่อผิวชั้นหนังแท้ ผสานกับวิตามินและอาหารผิว ช่วยรักษารอยหลุมจากสิว ริ้วรอย ฝ้าลึก สภาพผิวโดยรวมดีขึ้น ดูอ่อนเยาว์ลง รูขุมขนกระชับขึ้น ริ้วรอยเล็กๆ รอบดวงตาดีขึ้น ผิวหน้าขาวใสขึ้น

4. Dermaplus
เทคโนโลยีใหม่ที่ในการนำสารสำคัญเข้าสู่ผิวได้อย่างปลอดภัย โดยใช้คลื่นกระแสไฟฟ้าในระดับคลื่นที่ปลอดภัย แต่มีประสิทธิภาพเทียบเท่าการฉีดยา ผลักสารสำคัญที่ยับยั้งขบวนการผลิตสีผิวได้อย่างโดยตรงในการรักษาฝ้า กระ จุดด่างดำ ผิวหมองคล้ำ ลดและชะลอการเกิดริ้วรอย



5. Dermapro
นวัตกรรมแห่งการผสมผสาน 3 เทคโนโลยี ในการนำพาสารสำคัญและวิตามินเข้าสู่เซลล์ผิว ทั้งช่วยกระตุ้นให้ผิวมีการสร้างคอลลาเจนโดยตรง ลดการอักเสบ ทำให้ผิวแข็งแรง กระชับ ละเอียดเนียนเรียบขึ้น

6. Erbium Yag Laser
สุดยอดนวัตกรรมในการปรับสภาพผิวและการรักษารอยแผลเป็นชนิดต่างๆ ปรับแต่งผิวหรือหลุมสิวที่มีลักษณะของขอบแผลนูนไม่เรียบให้สม่ำเสมอ ซึ่งให้ผลการรักษาได้ดีที่สุด

7. FT
โปรแกรมการยกกระชับผิวหน้าและกำจัดริ้วรอย โดยไม่ต้องพึ่งศัลยกรรมไม่ต้องอาศัยการฉีด ผ่านการทำงานของเครื่องมือทางการแพทย์ที่ใช้สำหรับกระตุ้นกล้ามเนื้อเป็นจังหวะที่พิสูจน์แล้วว่าปลอดภัยต่อผิว เหมาะสำหรับการดูแลผิวในระยะยาว เพื่อชะลอสัญญาณวัยชรา (Antiaging Facial Treatment)

8. Gentle Yag
เทคโนโลยีแสงเลเซอร์ช่วยในการคืนสภาพผิวให้มีความยืดหยุ่น เต่งตึงอย่างเป็นธรรมชาติโดยไม่ต้องอาศัยการผ่าตัด ทำให้ริ้วรอยเดิมค่อยๆตื้นขึ้น ยืดเวลาการเกิดริ้วรอยใหม่ กระชับรูขุมขน ช่วยเติมเต็มร่องหลุมและแผลเป็น ผิวจึงเรียบเนียน ตึงกระชับ

9. Oxy Reju
โปรแกรมการบำรุงผิวหน้าด้วยการเติมออกซิเจนบริสุทธิ์ พร้อมทั้งนำพาสารอาหารเข้าสู่ผิว ช่วยป้องกันการเกิดสารอนุมูลอิสระ ลดการทำลายเซลล์ผิว ทำให้ริ้วรอยลดลง และมีสุขภาพผิวที่แข็งแรง



10. RF-Smooth
เทคโนโลยีคลื่นวิทยุที่ช่วยในการกระตุ้นคอลลาเจนและอีลาสตินให้ผิว ริ้วรอยเล็กๆจึงจางลง ขณะเดียวกันยังเพิ่มการขยายตัวของหลอดเลือด ทำให้ระบบการไหลเวียนของระบบน้ำเหลืองดีขึ้นจึงช่วยลดอาการบวมฉุ ของผิวอันเกิดจากภูมิแพ้ และการอักเสบภายในระบบร่างกาย

11. Vbeam�
เลเซอร์อนุภาพสูงที่มีคุณสมบัติ ในการในการรักษารอยแดง อาการเส้นเลือดฝอย ปานแดง ความผิดปกติของเส้นเลือดอื่น ๆ รอยแผลเป็นใหม่รวมถึงแผลนูนและคีลอยด์ นอกจากนี้ยังใช้ในการรักษาฝ้าเลือดและฝ้าลึกได้เป็นอย่างดี



ไม่ว่าเราจะรักษาด้วยวิธีการใด ก่อนทำเราควรปรึกษาแพทย์ผู้เชียญชาญก่อนทุกครั้ง เพราะสภาพผิวแต่ละคนไม่เหมือนกัน

บทความดีๆ จาก : สถาบัน เมดดิไซน์ อัจจิมา คลินิก

0
เอิร์ธ 20 ก.พ. 54 เวลา 20:41 น. 3

กำลังจะทำตามที่บอกนะ...



แต่ขอบอกว่าอย่าบีบสิวเด็ดขาดเพราะจะทำให้เป็นแผลเป็นได้มีแค่นี้แหละค่ะ...



ใครสนใจอยากสอบถามเรื่องอื่นอีกเอาไปเลยค่ะ...



asdfg.6666@hotmail.com


asdza.5555@hotmail.com


sueyes.656@hotmail.com

เลือกอันไหนก้อได้แล้วแต่จะเลือกออนเกือบทั้งวัน

0