Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

[:::แก้ตัว:::] สุดรัก...สุดดวงใจ ละครดีสร้างสรรค์สังคมที่อยากจะแนะนำให้ดู

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่

แก้ตัว ::::::::::::::::::::
หลังจากส่งข้อความไปตอนตีหนึ่งกว่า  ผลปรากฏว่าเน็ตเป็นอะไรมิทราบ   ทำให้ส่งข้อความไม่ได้เลย...
ทำให้ไม่สามารถส่งข้อความแบบหั่นไปได้...จึงขอแก้ตัวด้วยการนำข้อความมาโพสต์  หวังว่าคงไม่ว่ากันนะครับ...
เพราะอันที่แล้วข้อความไม่ขาดตอบยาวไป   อาจจะทำให้ไม่น่าสนใจ
ตั้งใหม่เลยแล้วกัน...
ต้องขอกราบอภัยมา ณ ที่นี้ด้วย =_="





   หนังสือคณิตศาสตร์ปิดพร้อมๆ กับละครโทรทัศน์เรื่อง 'สุดรัก...สุดดวงใจ' จบ    สารภาพตามตรงว่าดูละครไปด้วยอ่านหนังสือไปด้วย   อ่านเข้าใจมากเลย  (อาศัยอ่านตอนมันพักโฆษณาอ่ะนะครับ) จะพาราโบล่า  วงรีมาโลด!!! ขำขำ   แต่ถ้าไม่ดูละครไปด้วย  อ่านหนังสือไปด้วย  คงจำได้ไม่ดีแน่เลย...
   เรื่องฉายตัวอย่างตอนต่อไป   นายสุข (ลุงหนิง  นิรุตติ์ ศิริจรรยา) กำลังจะยกสมโชค (พี่อั้ม อภิชาติ  ชุมนานนท์)  ให้กับหมอไชยสิทธิ์ (พี่ดุ๊ก  ภาณุเดช  วัฒนสุชาติ)  ด้วยเพราะว่าต้องการจะให้สมโชคได้ไปอยู่คนดีๆ ดีกว่าจะต้องทนอยู่กับคนเก็บขยะอย่างแก  สักพักก็นึกขึ้นได้....วันนั้น  แม่ใช้ให้ไปซื้อเรื่องย่อละครเรื่องนี้มาอ่าน (บ้านนี้เค้าบ้าละครช่องสามกันจริงๆ)  แล้วค่ำวันนั้น  แม่แกก็ร้องไห้ตาปูดตาบวม (สาบานได้  แม่ไม่ได้เอาเบ้าตาแม่ไปโขกกับเหลี่ยมเตียงนะ)  แกแบบอ่านไปแล้วก็ร้องไห้  สงสารสมโชคกับสุขอะไรประมาณนี้   แต่ตอนนั้นกำลังไม่มีอารมณ์อยากจะอ่านเรื่องเท่าไหร่  เลยแค่พูดครับๆ เป็นอันรับรู้เฉย   แต่วันนี้  เกิดอารมณ์อยากอ่านมากมาย   อยากรู้เรื่องจะเป็นยังไง...ว่าแล้วก็กุลีกุจอวิ่งขึ้นไปบนบ้าน   เปิดประตูห้องแม่ ผัวะ!!! พรวดเข้าไปทั้งๆ ที่ไม่ได้เปิดไฟ   คว้าเรื่องย่อละคร 'สุดรัก...สุดดวงใจ' ออกมาจากกองหนังสือเรื่องย่อ เรือนรัก เรือนทาส  สาวเปิ่น เจ้าเสน่ห์ และบริษัท  ประกันรัก 100%  ก่อนจะรีบวิ่งลงมาข้างล่าง...แล้วเริ่มต้นอ่านมันอย่างเอาจริงเอาจัง.............

    




   'สุดรัก...สุดดวงใจ' เป็นงานเขียนจากปลายปากกาของ 'เพ็ญศิริ' ซึ่งแน่นอน   ชื่อของท่านคงคุ้นหูติดตานักอ่านนักดูละครมากมายพอควร...  ผลงานของท่านก็มีเยอะ   อย่าง 'แก๊งตี๋ตระกูลซ่ง' (ชื่อถูกเปล่า...ที่เป็นหนังสืออ่ะนะ  ไม่ใช่ละคร  ถ้าละครรู้สึกจะชื่อว่าตี๋ตระกูลซ่งเฉยๆ)  เรื่องไหนอีก 'เขยมะริกัน' (ใช่เปล่าหว่า  จำไม่ได้  ห่างเหินจากวงการมานาน)  ซึ่งแน่นอนครับ  งานของท่านทุกเรื่องตราตรึงใจนักอ่านและนักดูละครเป็นอย่างยิ่ง.............
   และ 'สุดรัก...สุดดวงใจ' ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งจากคมสมองของท่าน 'เพ็ญศิริ'   เนื้องเรื่องของเรื่องนี้   มีจุดสนใจหลายอย่าง   เรื่องความกตัญญู  ความมานะพากเพียร  ความเป็นคนดี (มันโคปเวอร์หลายอย่างอ่ะนะ) และอื่นอีกจิปาถะ   จนทำให้ว่า...ละครเรื่องนี้เป็นอีกเรื่องที่แนะนำให้เยาวชน 'ดู' กันครับ (ดีกว่าไปดูละครไร้สาระ  แนวรักๆ ใคร่ๆ บันเทิงจิตใจ แต่บ่อนทำลายฟรอนทันด์ โลบ  เกี่ยว??????)

   เนื้อเรื่อง...ขอเอาเป็นย่อที่สุด  เพราะไม่อยากดูข้อหา 'สปอยต่อหน้าธารกำนัล' (และผู้ใหญ่บ้าน เกี่ยว?????)
   เนื้อเรื่อง...นายสุข(ลุงหนิง นิรุตติ์  ศิริจรรยา)  เดิมทีอดีตเป็นคนงานก่อสร้าง  แต่ต่อมาเกิดเหตุไฟไหม้ที่บ้านในชุมชนแออัด  ทำให้แก้วและโจ  ภรรยาและลูกชายของสุขเสียชีวิตในอุบัติเหตุครั้งนั้น   นายสุขเสียใจมากในการจากไปของภรรยาและลูกชายของตนจนกลายเป็นคนขี้เหล้าเมายา   นายสุขจึงลาออกจากการเป็นคนงานก่อสร้าง  มาเร่ร่อนเก็บขยะอยู่ไม่เป็นหลักแหล่งจนสุพจน์ (ลุงกล้วย  เชิญยิ้ม) และเต็มดวง (ป้าปัทมา  ปานทอง)ซึ่งเป็นนายจ้างเก่าของนายสุข  ได้ชักชวนให้สุขไปปลูกเพิงในชุมชนย่านหนึ่งในละแวกเดียวกัน
   อยู่มาวันหนึ่ง  ขณะที่นายสุขกำลังเก็บขยะเพื่อไปขายดำรงชีวิตอยู่นั้น   เขาได้พบกับเด็กทารกเพศชายคนหนึ่ง..ซึ่งถูกทิ้งไว้อยู่บนกองขยะ  นายสุขด้วยความเอ็นดูจึงอุ้มเด็กขึ้นมาและเมื่อมองดูทารกเพศชายคนนั้นก็ยิ่งทำให้เขานึกถึงลูกชายของตน  ทำให้สุขอยากจะนำเด็กคนนั้นมาเลี้ยงเพราะเชื่อว่าเป็นลูกของตนกลับชาติมาเกิด   โดยอาศัยให้สุพจน์และเต็มดวงช่วยเหลือในเรื่องการรับเด็กและติดต่อทำเอกสารเกี่ยวกับตัวเด็กกับทางราชการ

   สุขตั้งชื่อเด็กทารกคนนั้นว่า 'สมโชค' (ซึ่งมีหลายรุ่นมาก  ไม่รู้ว่าน้องอะไรแสดงเป็นตอนเด็ก...แต่ตอนโตเป็นพี่อั้ม  อภิชาติ ชุมนานนท์)  และสุขก็เลี้ยงสมโชคมาตลอดด้วยความรัก   โดยมีสุพจน์ เต็มดวงและนางเหมือน(ป้าพิมพ์พรรณ  บูรณะพิมพ์) คอยดูแล   ............   สมโชคตอนจนเป็บเด็กได้กี่ขวบก็ไม่รู้แหละ (ชักมึน)  เขาก็ได้เข้าโรงเรียน  โดยอาศัยเข้าเรียนพร้อมกับแพร (ตอนเด็กไม่รู้ว่าน้องอะไรแสดง  แต่น่ารักมากมาย  ตอนโตก็น่ารักมากมายพี่หยาด  หยาดทิพย์ ราชปาลรับบท) แพรนั่งอายุน้อยกว่าสมโชค...(แต่แพรนี่เรียนตามเกณฑ์นะ  นายสมโชครู้สึกว่าจะแก่กว่าสองปี  ต้องเห็นใจนายสุข เพราะ เค้าไม่มีเงินให้สมโชคเรียนได้ในตอนนั้น) แต่แพรไม่เคยเรียกสมโชคว่าพี่เลย   แพร  ลิขิตและอ๊อด  มักจะรวมหัวกันแกล้งสมโชคเป็นประจำ
   ตัดไปตอนโต (ขี้เกียจพิมพ์  ตอนนี้ขอเกริ่นว่าประมาณ ม.๔ แล้วกัน)  สมโชคก็เข้าเรียนในโรงเรียนแห่งหนึ่ง...เขาเป็นคนที่หัวดีมาก  ขยันเรียน  เป็นเด็กเรียนดี อื่นๆ อีกมากมาย   โอ๊ย!!! ขี้เกียจพิมพ์แล้ว (ใครใช้ให้เอ็งพิมพ์???) เอาเป็นว่าเล่าย่อเลยแล้วกัน  แล้วสมโชคอ่ะก่อนไม่ไปอยู่กับหมอไชยสิทธิ์เพราะนายสุขยกให้หมอไป  ด้วยเพราะอยากให้สมโชคได้เรียนสูงๆ
   แล้วก็ Blah Blah Blah Blah Blah..............ไม่ย่อต่อแล้ว  เพราะในโทรทัศน์มันถึงตอนนี้   พูดอีกเดี๋ยวเรื่องมันจะกร่อย  เอาเป็นว่าตัดเข้าคอลัมน์ 'ดูละครดีกะอีธนทศ' มันเลยก็แล้วกัน


   เชื่อมั้ยครับ  ว่าผู้ชายอกสามวา  ขาสามศอกอย่างผมอ่านเรื่องนี้แล้วร้องไห้  น้ำตาไหลมาอะ X ด อะ X ดเลย....
   " ไม่เชื่อ "   คนที่นั่งข้างๆ จู่ๆ มันก็พูดแทรกขึ้น   ชวนให้คีย์บอร์ดลอยไปหานัก
   " เมิงไม่เชื่อก็หุบปากไป  กุจะพิมพ์ให้คนเข้ากระทู้อ่าน "   ผมด่ามันไปด้วยอาการเคืองๆ  แล้วมันก็หุบปากไป  ผมก็เลิกสนใจมัน

   เรื่องนี้ผมขอเทความสงสารมาทีนายสุขนะครับ  ซึ่งเป็นแค่ซาเล้งไม่มีจะกิน  หาเงินเลี้ยงตัวเองพอซื้อเหล้ากินไปวันๆ เท่านั้น   แต่กลับไปเก็บเด็กที่ถูกทิ้งมาเลี้ยง  แถมยังรักอย่างกับเป็นลูกแท้ๆ ในไส้ของตัวเองอย่างไรอย่างนั้น   เรื่องนี้ความซื่อสัตย์  ความดีของสมโชคก็เป็นจุดขายและได้คะแนนสงสารไปไม่น้อยเช่นกัน
  
   จุดแรกที่ผมแล้วร้องไห้เลย   ถ้าให้ที่ดูเรื่องนี้แล้ว...บางทีอาจจะไม่ร้องไห้  รู้สึกเฉยๆ  แต่ขอโทษครับ  ผมมันSensitiveไปนิด  ให้อภัยกันบ้างนะครับ
   " เหรอ? "   ไอ่คนข้างๆ มันก็ช่างสอด   ผมไม่สนใจมันหรอก   เอากับมาพูดต่อ   ฉากที่ผมร้องไห้ฉากแรกคือ  ตอนที่นายสุขสัญญากับสมโชคว่าจะเลิกเหล้า  แต่ก็ทำไม่ได้...แพรวิ่งมาบอกสมโชคว่าพ่อตัวกำลังกินเหล้าอยู่  แล้วพาสมโชคไปดู   พอสมโชคเห็นก็ร้องไห้  ทั้งเสียใจทั้งโกรธไม่ยอมเข้าบ้านเพราะพ่อคือสุขผิดสัญญา  สมโชคหนีไปนอนอยู่บนเรือใกล้บ่อบัว   แล้วพอสุขกลับบ้าน...หาลูกไม่เจอ
   " คุณเข้าใจความรู้สึกของคนเป็นพ่อมั้ย ?  ว่าพอเข้าบ้านแล้วหาลูกไม่เจอ  และรู้อีกว่าที่ลูกหายไปเพราะลูกโกรธที่คุณผิดสัญญา "
   นายสุขก็เลยตามหาสมโชคเป็นการใหญ่   แถมฝนยังสาดเทลงมาอีก   แล้วตอนนั้นนายสุขเป็นลมเพราะพิษไข้พอดี   อตนนี้แหละที่เศร้า...ตอนที่แพรไปบอกสมโชคว่าสุขเป็นลมนอนหมดสติอยู่หน้าบ้านของแพร   แล้วสมโชคก็รีบวิ่งมาหาพ่อทันทีเพราะเป็นห่วงพ่อ  พอพ่อลูกเจอกัน...ตรงไหนแหละที่ผมเศร้า

   " ลูกพ่อ...ลูกหายไปไหนมา  รู้มั้ย...ว่าพ่อเป็นห่วงแค่ไหน "
   " พ่อเป็นอะไรเหรอ ? "
   " พ่อไม่เป็นอะไรหรอกลูก "
   " ไม่จริง...แพรบอกว่าพ่อเป็นลมด้วย  พ่อเป็นอะไร "
   ..........
   " หนูขอโทษนะพ่อ  เพราะหนูพ่อถึงไม่สบาย "
   " ไม่หรอกลูก  พ่อไม่ดีเอง...พ่อผิดสัญญากับลูก "
   " หนูไม่อยากให้พ่อกินเหล้า  หนูอยากให้พ่ออยู่กับหนูไปนานๆ "
   " พ่อขอโทษ...พ่อจะไม่ทำให้ลูกผิดหวังอีกแล้ว "

   น้ำตาเล็ด (ที่จริงตรงบรรยายนะที่ทำให้ผมร้องไห้  บทพูดมันแค่เสริมๆ)   ตรงนี้แหละร้องไห้  ความรักของสุขที่มีให้สมโชค  ฮือๆๆๆๆๆๆ

   เรื่องนี้  ผมค่อนข้างจะประทับใจอยู่อย่าง  อย่างแรกก็ต้องความรักของพ่อ  ตรงนี้แน่นอน...มันมีตั้งแต่ต้นเรื่องยันจบเรื่อง
   แต่สิ่งหนึ่งที่ผมซึ้งก่อนนั้น  ด้วยความที่ผมกำลังอยู่ช่วง Ad(มิด)mis(จริงๆ ชีวิต)sion อยู่ด้วย  ก็เห็นถึงความอุตส่าห์พยายามของสมโชค  ที่แม้ว่าจะเป็นแค่ลูกคนเก็บขยะ...แต่ก็มีมานะอ่านหนังสืออย่างหนัก พอดูละครแล้วย้อนดูตัวเอง
   " กูจะทำได้เปล่าหว่าเนี่ยะ ?????? "
   " ทำไม่ได้หรอก "   ไอ่เวรที่นั่งข้างๆ เนี่ยะมันรนหาที่ตายเหรอไงฟร่ะ?  คนกำลังซึ้งเดี๋ยวพ่อเหนี่ยวเข้าให้   " พูดมาก  ไปหยิบทิชชู่มาให้หน่อย  คนกำลังอิน "
   นึกถึงฉากตอนที่คุณหมอไชยสิทธิ์เอาหนังสือเรียนมาให้สมโชค (กรี๊ด! เล่มเหลืองของ อ.ช่วง  เจ้ยอยากได๋!!!!  ของ อ.นรินทร์ก็มี  เจ้ยอยากได๋!!!!!!!) เห็นแล้วก็นึกสงสาร  ที่นึกสงสารก็เพราะผมเองก็เคยขี่จักรยานไปบ้านพี่สาวที่แอดติดไปเมื่อปีที่แล้ว  ไปขอหนังสือพี่เค้ามา  ได้ประมาณยี่สิบเล่มได้แน่ะ  ดูละครแล้วย้อนดูตัว...ตอนที่ได้หนังสือดีใจมากเลย (ตอนนี้ดีใจไม่หาย  ได้หมอนมาเยอะแยะเลย  โธ่! ไอ่บ้า!!!!!!)
   สมโชคเค้ามีความมุมานะมาก   จนในที่สุด...เค้าก็ Ent' (น่าจะเอ็นท์  ไม่ใช่แอด  เพราะถ้าแอดต้องหน้ายุ่งกว่านี้แน่ะ เหอะๆๆๆ แถม GPA ฉุดคะแนนอีก O-net ก็สอบได้ครั้งเดียว  กลุ้มตาย 5 แถมยังมีโครงการ O-net ใหม่เพิ่มศิลปะ การงานพฐ.อาชีพมากด้วยอีก ตาย 5 กว่าเดิมอีก   พอๆ ก่อน  กำลังแนะนำละครดี  ไม่ใช่พูดเรื่องการศึกษาไทยวันนี้  ผิดประเด็น!!!!)  เค้า Ent' ติดแพทย์ด้วย   มองดูละครแล้วย้อนดูตัวเอง  กุคงไม่ติดอย่างเค้าหรอก  (ฮ่าๆๆ กุจะเอาวิศวะอยู่แล้ว แพทย์ไม่ค่อยสนอ่ะนะ)  แล้วจุดประสงค์ที่สมโชคพยายามที่จะสอบเข้าคณะแพทย์อีกเหตุผลก็คือ
   " เพื่อจะได้เลี้ยงดูพ่อ  พ่อจะได้สบายนั่นเอง "

   " แต่กุรู้ว่าอย่างเมิง...ต่อให้พ่อลำบากแทบตาย เมิงก็ไม่เอาแพทย์ "   ขอโทษอย่าเจื๋อก...กำลังพิมพ์   ว่าแล้วก็นกกระโหลกไอ่คนข้างๆ ไปหนึ่งที  เห็นดาวพลูโตเลยมั้ยแก...

   สมโชคของเราจะโดนกลั่นแกล้งบ่อยมาก  ทั้งเรื่องขโมยของ (สายไฟของเถ้าแก่ฮง อ่านแล้วก็เจ็บใจ  ผูใหญ่อะไรใจดำชะมัด  เด็กมันโดนแกล้งก็ไม่เข้าใจ  จะจับส่งตำรวจอีท่าเดียว   นี่แหละสังคมที่เป็นจริง  ต้องดูตากเงาสะท้อน  นักเขียนคือเงาสะท้อนของสังคม)  เรื่องทำผู้หญิงท้อง (อันนี้ก็มุขโบราณดี  ชอบอ่ะครับ)  รวมถึงเรื่องคุณวงเดือนกลั่นแกล้งสมโชคด้วย (ตอนนี้สนุก  เหมือนดาวพระศุกร์โดนกลั่นแกล้งเลยอ่ะ)   ก็ต้องเข้าใจ  ละครก็คือละคร...แต่คนอ่านมันก็อินอ่ะนะ  ไม่นึกโทษแม่ค้าในตลาดหรอกที่ขว้างเปลือกทุเรียนใส่นางร้ายตอน(นักแสดง)นางร้ายไปเดินจ่ายตลาด   ผมก็ยังอินที่ป้าสุรางคณาแสดงเลย  ทำไมร้ายอย่างงี้...แต่ก็ร้ายไม่มากหรอก  หลังๆ ป้าเค้าก็ดี......เรื่องนี้คนดูอาจจะรำคาญเล็กน้อย  เพราะสมโชคโดนแกล้งจุกจิกจนเกิดความรู้สึกว่า
   " กุไม่เป็นคนดีหรอก   กุกลัวโดนลั่นแกล้ง "   เรื่องกลั่นแกล้งจุกจิก   แต่ก็รอดมาได้ทุกอย่าง (ก็บอกแล้วว่ามันคือละคร)  เอาเถอะ  ขำขำ

   สุขจะพยายามหลบหน้าสมโชคเป็นประจำ  เพราะสุขไม่อยากให้เรื่องของตนไปรบกวนเรื่องการเรียนของลูกชาย...
   จุดนี้ทำให้ผมหลั่งน้ำตาเป็นกะละมังเลย......ความรักของพ่อ   พ่อยอมที่จะไม่เจอหน้าลูก  ทั้งๆ ที่อยากจะเจอหน้าลูกใจจะขาด   อยากรู้ว่าลูกเป็นยังไง  กินดีอยู่ดีไหม  สบายดีหรือเปล่า   แต่พ่อก็จำทนต้องหลบหน้า   เพื่ออนาคตที่ดีของลูก........
   หลายฉาก  ที่พ่อลูกเหมือนจะได้พบกัน   แต่พ่อก็มักจะหนีหน้าลูกไปก่อน    ทำให้ลูกเสียใจไม่น้อย   ลูกเองก็ไม่เคยลืมความรักของพ่อ   ยังถวิลหาอยู่ตลอดเวลา  แม้สำเร็จได้รับชัยชนะมาไม่ว่าจะเป็นอะไร  เกียรติบัตรก็ยังส่งเอาไปให้พ่อชื่นชมเสมอๆ
   ตรงนี้น้ำตาคลอ   สมโชคช่างเป็นคนดีมาก   โอ้ว!!!! (สารภาพตามตรง   อ่านไปไม่เคยจินตนาการว่าพี่อั้มแสดงเลย  ไม่รู้ทำไม)

   เรื่องนี้ไคลแมกซ์ของเรื่องอยู่ที่ตรงนี้.....พื้นเรื่องเลย   สมโชคไม่รู้ว่าตนเองเป็นเด็กที่สุขเก็บมาเลี้ยง  สมโชคคิดเสมอว่าตนเป็นลูกของสุข   แต่จู่ๆ วันหนึ่งสมโชคก็รู้ว่าตนไม่ใช่ลูกของสุข   ผ่านทางเทปที่พ่อและแพรส่งมาให้   ก็ทำให้เค้าช็อคไปไม่น้อย  และก็พานโกรธพ่อ (เป็นใครใครไม่คิดล่ะ)   แต่หลังๆ เขาก็คิดได้  ตรงนี้ที่สมโชคเปรยกับละอองดาว   น้ำตาซึมเลย

   " พี่ไม่ได้โกรธ...พี่สำนึกบุญคุณท่านอยู่ตลอด  ถ้าพ่อไม่เก็บพี่มา  พี่คงนอนตายอยู่ข้างกองขยะ...ถ้าพ่อไม่ขายพี่ให้คุณหมอ  พี่ก็คงไม่มีวันนี้  พี่เข้าใจทุกอย่าง  แต่มัน...ไม่รู้สิ...พี่บอกความรู้สึกไม่ถูกเหมือนกัน...อยู่ๆ  พ่อก็ไม่ใช่พ่อของพี่...นี่มันเรื่องตลกอะไร   มันเหมือนพี่ไม่มีใครเลย...เหมือนพี่มีตัวคนเดียวในโลก "
   สมโชคเอ่ยทั้งน้ำตา  จนละอองดาวสงสารจึงจับมือสมโชคเอาไว้อย่างปลอบประโลมใจ...............

   แล้วตอนนี้ก็เสียใจเอามากพอควรนะครับ   อ่านก็สงสารทั้งสองฝ่าย   พ่อ...พ่อรู้ว่าลูกรู้ว่าตนไม่ใช่พ่อที่แท้จริงของลูก  พ่อก็ไม่กล้าที่จะเจอหน้าลูก  ไม่แต่ฝากสิ่งของไปกับคนรู้จัก  แถมยังฝากเงินก้อนใหญ่ไปให้   ที่พ่ออุตส่าห์หามาทั้งชีวิต...เพื่อลูก   ตรงนี้แหละที่ผมน้ำตานอง

   พ่อลูกไม่ได้พบกันเลยหลังจากนั้น  จนสมโชคล้มป่วยเพราะทำงานหนัก   แล้วแพรก็นำเรื่องที่สมโชคป่วยไปบอกสุข  สุขก็ร้อนใจใหญ่  อยากจะมาเยี่ยมลูกแต่ก็ไม่กล้า  กลัวลูกจะโกรธตนเอง  คิดดู  พ่อกลัวว่าลูกจะโกรธตัวเอง  น้ำตานองรอบสอง  แต่ในที่สุดสุขก็มาเยี่ยมสมโชคที่โรงพยาบาล  ตอนนี้แหละ  เศร้า...เอาเป็นว่ามันเศร้าจริงๆ  ขี้เกียจพิมพ์  เอาเป็นว่าคอยดูเอาเลยเถอะ

   (ตกลงมันเป็นคอลัมน์แนะนำละคร  หรือ  คอลัมน์พล่ามกันแน่เนี่ยะ  ตกลง  ขออภัยนะครับ  มือใหม่หัดเขียน =_=")






    ผมอยากให้เยาวชนคนรุ่นใหม่สมัยนี้  ดูละครเรื่องนี้กันเยอะๆ  หลายคนอาจจะมีอคติกับพี่อั้ม (ยกตัวอย่าง  ผมเป็นต้น...ฮ่าๆๆ พระเอกชื่อเป็นได้ทั้งดาราชาย-หญิง พระเอกปากแดง ฮ่าๆๆๆ)  กับพี่หยาด (อันนี้คนแอนตี้  แฟนclub(ไล่).....เยอะ  แต่ผมเฉยๆ ก็ชอบบ้างไม่ชอบบ้างบางเวลา...ช่างเถอะ)  แต่เรื่องนี้มีข้อคิดและให้อะไรบางอย่างดีๆ ซึ่งมีคุณค่าและส่งเสริมความมีคุณธรรมให้คนถือควรปฏิบัติ   หากวัยรุ่นไทย...เป็นได้กึ่งหนึ่งของสมโชค   ผมคิดว่าประเทศชาติคงเจริญอย่างแน่นอน   อยากให้ติดตามเรื่องนี้กันครับ  เพราะเป็นละครสร้างสรรค์สังคมสมควรที่จะแนะนำให้เยาวชนดู
   เดี๋ยวนี้วัยรุ่นไทย (อาจจะเหมารวมไปบ้าง  ต้องกราบขอโทษมา ณ ที่นี่ด้วย  แต่ก็ถือว่าส่วนใหญ่ค่อนข้างจะเป็นจริง) ห่างเหินจากสถาบันครอบครัว   เดี๋ยวจะมีคนเถียงว่าวัยรุ่นไทยห่างเหินจากสถาบันครอบครัวได้ยังไง...เดี๋ยวนี้เค้าอยู่กินกันเป็นครอบครัวกันทั้งนั้น  อุตสาหกรรมในห้องเรียนส่งเสริม OCOM (One Classroom One Product  เวร!!!)  ยังจะว่าวัยรุ่นห่างเหินสถาบันครอบครัวอีก..น้องพี่รู้  พี่อนาถกว่าเดิมอีก   หลายคนนึกถึงพ่อแม่ทีหลัง  เมื่อสำเร็จ  เมื่อมีความสุข...เมื่อความทำอะไรสำเร็จวิ่งโร่บอกเพื่อน  บอกแฟนก่อนจะบอกพ่อแม่เสียอีก...ทำไมถึงเป็นกันอย่างนั้น  เราลืมนึกถึงใครบางคนที่รักเราอย่างไม่มีเงื่อนไข   รักอย่างไม่หวังสิ่งตอบแทน  ไม่หวังว่าลูกจะมีความรักตอบหรือไม่ท่านไม่สน   ความรักของพ่อแม่เป็นความรักที่บริสุทธิ์...  

   จบเสียที...หลายคนอาจจะงงว่าผมพิมพ์ขึ้นมาเพื่อ????  เอาเถอะครับ  ความรู้สึกของผู้ชายคนหนึ่งที่ร้องไห้ให้กับละครเรื่องนี้  อ่านแล้วเศร้าจริงๆ  ก็แค่ไม่มีที่ระบาย  ก็พิมพ์มัยลงบอร์ดนี่แหละครับ  =_=" 
   สามารถติชมได้นะครับ   เสรี   มีความคิดความเป็นอย่างไร  มองดูแล้วมันไร้สาระไปหรือเปล่า  หรือพล่ามไปเพื่อ???  ไม่เกิดประโยชน์  เปลืองแบรนด์วิชไปก่อนเท่านั้น  แนะนำมาได้ครับ   จะปรับปรุงแก้ไขตอนเห็นสมควรครับ   ขอบคุณครับ ^__^

Thanatos zephyR
ธนทศ  กิตติ์จรัลธรณ์

เอกสารอ้างอิง ::: เรื่องย่อละครสุดรัก...สุดดวงใจ
บท review  ละครสุดรัก...สุดดวงใจ  จากนิตยสารดาราภาพยนตร์
www.thaicool.com


PS.   7วันเว้นอ่านซึ้ง เคมี ฟิสิกส์ 5 วันหนี เนิ่นช้า 3วันจากวิทย์ชี- วะเป็น อื่นเฮย สอบติดแพทย์คงบ้า ขนาดแท้ ชีวิตกรู

แสดงความคิดเห็น

>

7 ความคิดเห็น

Thanatos zephyR 11 ธ.ค. 49 เวลา 16:48 น. 1

ไม่มีเกี่ยวประวัติส่วนตัวท่านเพ็ญศิริ...มีแต่คล้ายๆ บท Interview  ก้อปมาให้อ่านนะครับท่าน
อ้างอิง  ประพันธ์สาส์น



   เพ็ญศิริ ซ้ายจันทึก เจ้าของบทประพันธ์ "สะใภ้ไร้ศักดินา" ที่ถูกนำมาสร้างเป็นละครทีวีโด่งดังไปแล้วทั่วเมือง พร้อมสร้างชื่อให้ผู้เขียนเป็นที่รู้จักของเหล่านักอ่านมากขึ้น ตลอดระยะเวลากว่า 10 ปี เธอได้สร้างสรรค์นวนิยายออกมามากมาย และหลายเรื่องกำลังถูกจับจองมาทำละครทีวีไม่ว่าจะเป็น บ่วงเล่ห์ เสน่ห์หา ซึ่งใช้อีกนามปากกาว่า "รมณีย์กร" หรือ คุณชายทรานซิสเตอร์, เพลิงทรนง, และ คุณแจ๋วกะเพราไก่ คุณชายไข่ดาว เป็นต้น วันนี้เธอจะมาเผยถึงบรรดาหนังสือที่เธอหลงใหลจนถึงขั้นเป็นเล่มโปรดให้เรารับรู้กัน…
1. เป็นหนึ่งในหัวใจคุณ เขียนโดย แมนดิ นอร์วูด แปลโดยสุดตระการ ธนโกเศศ เรียบเรียงโดย เกศินี สุทธาวรางกูล เป็นหนังสือที่สร้างสรรค์ให้กำลังใจแก่ผู้อ่านซึ่งไม่มั่นใจในตัวเองเท่าที่ควร ทุกครั้งที่เหนื่อยจะหยิบหนังสือเล่มนี้ขึ้นมาอ่านเสมอ เนื้อหาบอกให้เรารู้ว่าแท้ที่จริงแล้ว มนุษย์ทุกคนย่อมมีค่าอยู่ในตัวเองทั้งสิ้น ช่วยทำลายปมด้อยต่าง ๆ ซึ่งความจริงแล้ว เราอาจคิดและสร้างขึ้นมาเอง แต่มันไม่มีความหมายอะไรสำหรับเราเลย ทำให้เราก้าวขึ้นไปสู่ความสำเร็จซึ่งคนทุกคนสามารถทำได้ จนกระทั่งเราก้าวขึ้นไปสู่ความเป็น "หนึ่ง" ในเสี้ยวหนึ่งของชีวิตที่เราเกิดขึ้นมา
2. หน้าต่างสู่โลกกว้าง "ทวีปยุโรป" แปลโดย จิตศมน เฟลตัน เป็นหนังสือสารคดีเกี่ยวกับความเป็นไปของประเทศต่าง ๆ ในยุโรป รวมทั้งอารยธรรมความเป็นอยู่ สถานที่ท่องเที่ยว ศิลปและโบราณคดีในศตวรรษต่าง ๆ อ่านแล้วได้ประโยชน์มาก ทำให้เรารู้ถึงชีวิตความเป็นอยู่ สภาพบ้านเมืองของยุโรป สามารถเอามาประยุกต์ใช้กับงานได้ดีทีเดียว
3. เก้าพระราชประวัติรัชกาลและพระบรมราชินีไทย เขียนโดย ธนากิต เป็นหนังสือสารคดีเกี่ยวกับประวัติศาสตร์กษัตริย์และราชวงศ์จักรีของไทยตั้งแต่รัชกาลที่หนึ่ง รวมทั้งสภาพบ้านเมือง ความเป็นอยู่ของคนไทยในยุคสมัยเหล่านั้น และกฎหมายต่าง ๆ ที่เมืองไทยเคยใช้ปกครองประเทศ สามารถนำมาใช้ในงานเขียนนวนิยายในแนวพีเรียดได้อย่างดี
4. งูพิษในประเทศไทย เป็นหนังสือสารคดีเกี่ยวกับเรื่องงูต่าง ๆ ของทุกภาคในประเทศไทย ให้ความรู้ความเป็นอยู่ ชีวิตจิตใจของงูทั้งหลาย และแนวทางแก้ไขหากว่าเราต้องเผชิญหน้ากับมันในสถานการณ์ต่าง ๆ โดยไม่คาดฝัน การครองชีวิตของพวกมันว่าอยู่กันอย่างไร งูแต่ละประเภทชอบอยู่ในสภาวะเช่นไร มีจุดอ่อน และปฏิกิริยาบุคลิกประจำของมันอย่างไรกัน เล่มนี้ดิฉันเก็บเอาไว้อย่างดี เพราะต้องนำมาใช้ในงานเช่นกัน
5. นิตยสาร "ขวัญเรือน" เป็นนิตยสารรายปักษ์ ที่ดิฉันอ่านเสมอ ชอบสารคดีมากมายที่ให้ความรู้แก่ผู้อ่าน และนวนิยายของนักเขียนชั้นแนวหน้าทุกท่าน รวมทั้งเรื่องแปลต่าง ๆ
6. หนังสือเกี่ยวกับฟาโรห์ ไอยคุปต์ของประเทศอียิปต์โบราณ อ่านทุกเล่มที่พบเจอ ชอบอ่านเรื่องลี้ลับสลับซับซ้อนของประเทศนี้มาก จนเอามาเขียนเป็นนวนิยายเรื่อง "ฝังไว้ใต้เงาจันทร์" ยิ่งอ่านยิ่งรู้สึกเหมือนถูกมนต์เสน่ห์ของสิ่งลี้ลับเหล่านี้เสียแล้ว ถ้าพบเจอหนังสือเหล่านี้อีกก็จะหาซื้อมาอ่านอีก
7. นวนิยายแปลจากต่างประเทศ ชอบอ่านเรื่องโรมานซ์ และเรื่องสยดสยองน่ากลัว ที่อ่านเพราะชอบสำนาวของนักเขียนแปลบางท่าน ซึ่งเขียนออกมาได้กระชับ ซาบซึ้ง ถึงแก่นและเสนอแนวเรื่องตรงไปตรงมาดี
8. นวนิยายของคุณแก้วเก้า ชอบแทบทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็น "เรือนมยุรา" "เรือนนพเก้า" ที่ชอบเพราะท่านสามารถผูกเรื่องระหว่างอดีตกับปัจจุบันได้เก่งและลึกซึ้งกลมกลืนกันดีมาก ท่านให้ความรู้เรื่องบ้านเมืองไทยในสมัยอดีตได้ดี ชัดเจน สำนาวนสนุก เนื้อเรื่องเร้าใจดีมากค่ะ
9. หนังสือพิมพ์ต่าง ๆ หนังสือเหล่านี้ขาดแทบไม่ได้ เพราะทำให้เราทราบว่าในแต่ละวันนั้น มีอะไรเกิดขึ้นในบ้านเมืองเรา หรือในโลกของเราบ้าง ความเคลื่อนไหวต่าง ๆ ก้าวไปถึงไหนแล้ว ทั้งเรื่องเศรษฐกิจ เรื่องรัฐบาล เรื่องภาษี(เรื่องนี้ชอบศึกษามาก) และเรื่องบันเทิง คือขาดไม่ได้เลย อ่านมากอ่านน้อยก็ต้องอ่าน
10. หนังสือบันเทิงดาราทั้งหลาย อ่านบ้างพอสมควร เนื่องจากเวลาที่จะอ่านมีไม่มากนัก แต่ก็อยากทราบว่าวงการบันเทิงคืบหน้าไปถึงไหน มีพัฒนาการไปถึงไหนบ้างแล้ว รวมทั้งหนังและละครต่าง ๆ ด้วย

::::::::::: หมดแล้ว  แค่นี้แหละครับ ::::::::::::::::::::::
PS.   7วันเว้นอ่านซึ้ง เคมี ฟิสิกส์ 5 วันหนี เนิ่นช้า 3วันจากวิทย์ชี- วะเป็น อื่นเฮย สอบติดแพทย์คงบ้า ขนาดแท้ ชีวิตกรู
0
ฝ ฝ้าย 11 ธ.ค. 49 เวลา 20:46 น. 2

ยาวขี้เกียจอ่านแต่ก็ดูอยู่นะซึ้งกินใจดี


PS.  รักสงบแต่ไม่สยบใคร ถ้าใครคิดมาสยบจะตบกลับไป
0
My' 11 ธ.ค. 49 เวลา 21:04 น. 3

ซึ้งมากค่ะ ดูแล้วอิน แต่แม่อินกว่า


PS.  ....อันความกรุณาปราณี...จะมีใครบังคับก็หาไม่....
0
Thanatos zephyR 11 ธ.ค. 49 เวลา 22:56 น. 4

ฮ่าๆๆๆ มีคนมาคอมเม้นท์แล้ว
คุณ ฝ ฝ้าย...เอาเถอะครับ  แค่มาแนะนำ  ไม่เป็นไรหรอก  มันก็ยาวจริงแหละ =_=" กระทู้ไม่ยาวไม่สนชื่อนายธนทศ ฮ่าๆๆๆ
คุณ watermelon_ka...แม่ผมก็อิน  ฮ่าๆๆๆๆ ลูกชายยิ่งแล้วใหญ่ =_="


PS.   7วันเว้นอ่านซึ้ง เคมี ฟิสิกส์ 5 วันหนี เนิ่นช้า 3วันจากวิทย์ชี- วะเป็น อื่นเฮย สอบติดแพทย์คงบ้า ขนาดแท้ ชีวิตกรู
0
jinsaya 14 ธ.ค. 49 เวลา 15:11 น. 5

ไม่ได้อ่านทั้งหมดหรอกค่ะ...ขี้เกียจเพ่งน่ะ
แต่ก็ดูบ้างไม่ดูบ้าง พอดีๆไม่ค่อยชอบดูละครเท่าไร


PS.  _+*~*+_hayo_daosiri@hotmail.com _+*~*+_
0
pou 31 ธ.ค. 49 เวลา 14:29 น. 7

ซิ้งมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

0