Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

~>>ครอบครัวหมอ..ฟ้อง"น้องเปมิกา"เรียก 200 ล้าน ฐานเป็นชู้สามีคนอื่น

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
จาก http://hilight.kapook.com/view/8087

ฟ้อง "เปมิกา" เรียก 200 ล้าน ฐานเป็นชู้สามีคนอื่น

สรุปประเด็นข่าวโดยกระปุกดอทคอม
ภาพประกอบจากหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

          หลังจากที่ ศาล มีคำสั่งยกคำร้องที่ พ.ต.ท. ฐิติเดช อินทรแป้น พนักงานสอบสวน สบ.3 สน.บางซื่อ ยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งปล่อยตัว น.พ.ประกิตเผ่า ทมทิตชงค์ ผู้อำนวยการสถาบันกวดวิชาชื่อดัง แอพพลาย ฟิสิกส์ ที่ถูกควบคุมตัวใน รพ.ศรีธัญญา โดยมิชอบด้วยกฎหมาย โดยศาลให้เหตุผลว่า ผู้ถูกควบคุมตัว คือ น.พ.ประกิตเผ่า มีอาการป่วยทางจิตจริง จำเป็นที่จะต้องอยู่ในการดูแลของแพทย์ จึงเห็นควรให้ยกคำร้องและถือว่าคำร้องดังกล่าวไม่มีมูล ส่วนญาติจะนำตัวน.พ.ประกิตเผ่า เข้ารับการรักษาตัวที่ใดขึ้นอยู่กับความเห็นของครอบครัว

          อย่างไรก็ตาม หลังศาลมีคำสั่งยกฟ้อง น.ส.เปมิกา ซึ่งช่วงแรกเดินควงแขนไปกับพ่อแม่ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส ถึงกับหน้าสลดลงไปทันใด โดย น.ส.เปมิกากล่าวเพียงสั้นๆ ว่า ไม่รู้สึกเสียใจกับการที่ศาลยกคำร้อง และคงไม่สามารถที่จะทำอะไรต่อไปได้ 


          ด้าน นางอลิสา ทมทิตชงค์ ภรรยา นพ.ประกิตเผ่า กล่าวว่า ส่วนตัวเชื่อว่าเหตุที่สามีป่วยทางจิต เนื่องมา จากการไปคบหาสมาคมเพื่อนกลุ่มนี้ ที่พาไปนั่งสมาธิ ซึ่งตัวเองเชื่อในเรื่องจิตวิทยาหมู่ เรื่องที่เกิดไม่เคยคิดโกรธ น.ส.เปมิกา แต่รู้สึกสงสารมากกว่า ตนรู้ดีว่าสิ่งที่สามีพูด และแสดงออกมาระยะหลัง ก่อนเข้ารักษาตัวที่ โรงพยาบาลศรีธัญญานั้นเกิดจากความผิดปกติทางจิต ไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริง และไม่รู้สึกโกรธที่หมอจะขอหย่าร้าง และเชื่อว่าสามีจะหายขาด ซึ่งตนจะเป็นกำลังใจให้ เมื่อสามีหายป่วยก็พร้อมจะกลับมาใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน

          ขณะที่นายทองหลาง แพงศรีละคร ทนายความครอบครัวทมทิตชงค์ กล่าวว่า ในช่วงบ่ายวันที่ 13 มี.ค. จะเดินทางไปยื่นฟ้อง น.ส.เปมิกา ต่อศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง ฐานละเมิดเรียกค่าเสียหายประมาณ 200 ล้านบาท จากการประพฤติตนโดยเปิดเผยในทำนองชู้สาวกับสามีของบุคคลอื่น ส่วนการฟ้องร้องคดีอาญา หรือการเรียกร้องค่าเสียหายในคดีแพ่งที่ครอบครัวทมทิตชงค์ ได้รับความเดือดร้อนเสื่อมเสียชื่อเสียงจะพิจารณาดำเนินการฟ้องร้องต่อไป



ข่าวที่เกี่ยวข้อง

- เผย 4 โฉมหน้า ของ “เปมิกา”
- “นักเรียน-ผู้ปกครอง” ยัน ยังเชื่อมั่นสถาบันกวดวิชา “ประกิตเผ่า”
- กรมสุขภาพจิตมั่นใจศาลวินิจฉัย "หมอเผ่า" จันทร์หน้า
- แม่เผยสบายใจ “ลูกเผ่า” ป่วยจริง!
- อ.จุฬาฯ เรียก “เปมิกา” แจงข้อหามือที่ 3 กับหมอเผ่า
- ส่งรูป “เปมิกา” โพสว่อนเน็ต
- ศาลสั่ง! ส่งตัว "หมอเผ่า" รักษาที่กัลยาราชนครินทร์
- ตั้งแพทย์กลาง เช็ก “ประกิตเผ่า” เป็นโรคจิตจริงหรือไม่
- คดีจับ “หมอประกิตเผ่า”  ส่อวุ่น! บ้า หรือไม่บ้า?
- โรงพยาบาลศรีธัญญา แถลง “หมอเผ่า” ติวเตอร์คนดัง ป่วยทางจิต
- พิลึก! จับแพทย์ชื่อดังส่งศรีธัญญา เจ้าตัวลั่นไม่ได้บ้า



ข้อมูลและภาพประกอบจาก
 


~>>ปล.ก็ทำกับหมอทั้ง2ฝ่ายไม่ใช่หรอ??

PS.  >>ม า ย ไ ด อ า รี่ http://no-problem.storythai.com เม้นๆ มิสๆ คลิกๆ

แสดงความคิดเห็น

>

160 ความคิดเห็น

sakuraai *0* 13 มี.ค. 50 เวลา 15:34 น. 1

อืม.....สุดท้ายเรื่องก็จบอยางนี้เหรอ???


ไม่เข้าใจ เปมิกาจริง ๆ นะ

SHE เรียนก็สูง สถาบันก็ดี แต่ทำไมถึงไม่ใช้สมองบ้างเลยว่า ถ้าคนเป็นบ้าจริง อย่างไงก็เป็นบ้า


อีกอย่าง เธอก็น่าจะรู้นะว่า สู้คดีไปก็แพ้ เพราะความจริงเรื่องนี้มันสามารถพิสูจณ์ได้ว่าบ้าหรือไม่


แต่ก็นับถือ เธอมากเลยนะ ให้สถานการณ์เป็นอยางไง เทอ ก็ยิ้มสู้ทุกเวลา จนทำให้เรารุ้สึกหมั่นไส้อย่างไงชอบกล


แพ้คดีแล้วก็ยังยิ้มอย่างสบายใจ ............. ว่าแต่ 200 ล้านนี้มันเยอะปะ สักสงสัยว่าทำไมเทอถึงไม่เดือดร้อนเลย

0
333 13 มี.ค. 50 เวลา 15:47 น. 2

นี่เราไม่ได้เข้าข้างใครนะ

มีคนเล่าให้เราฟังว่า

หมอให้เปมิกาเป็นคนสอนในโรงเรียนของหมออะ

แล้วคบกัน พอแม่หมอรู้

แม่หมอก้มาโวยวาย

เค้าบอกว่า แม่ของหมอร้ายมากก

คนที่บอกเราเค้ามีหลานเรียนอยู่ที่นั่นอ่า



เราก้ไม่รู้ดิ

0
~-*-~ ปากกาสีชมพู ~-*-~ 14 มี.ค. 50 เวลา 11:16 น. 5

เค้าเรียกเงินแค่  20 ฝ่าล้านมิใช่หรือ

200 ล้านมากเว่ออ้ะ ไคจะหามาได้ ??

(( 20 ล้านยังมากเว่อเลย - -* ))


PS.  ____ http://di_e_patt.storythai.com ,, ฝากด้วยค๊าบ :3
0
เบื่อนิสัยคนไทย(บางคน) 14 มี.ค. 50 เวลา 14:17 น. 7

ตอนนี้...ข่าวที่ออกมา ตบหน้าทุกๆคนที่ตอนแรกออกมาด่าครอบครัวคุณหมอ ด่ารพ.ศรีธัญญา



คนไทยก็อย่างงี้ ชอบตัดสินไปก่อนรู้ความจริง ไม่สนใจความเจ็บปวดของคนที่ถูกกล่าวหาเลย



ก้ไม่ได้เข้าข้างแม่หมอประกิตเผ่าหรอกนะ แต่ความจริงก็คือหมอมีอาการทางจิตจริงๆ ไม่ใช่จู่ๆครอบครัวเขาจับยัดเข้าโรงพยาบาลซะหน่อย



ข่าวออกมาอย่างนี้แล้วเป็นไงล่ะ หุบปากสนิทไปเลย พวกชอบด่าชาวบ้านแบบไม่รู้จริง

0
๐E-whnnz~ซ่าส์๐ 14 มี.ค. 50 เวลา 14:30 น. 8

~>>อันนี้ล่าสุดวันนี้นะค่ะ ทางทนายออกมาตกลงใหม่อีกครั้งหนึ่ง โดยใช้คดีทางกฏหมายมาเป็นตัวกำหนดค่าเสียหายที่ถูกต้อง (เราว่าทนายพูดดีมากๆเลยค่ะ)  ที่มา http://news.sanook.com/crime/crime_109214.php


ฟ้องเปมิกา เรียก 27 ล้าน ฐาน ชู้สาว

โดย ไทยรัฐ วัน พุธ ที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2550 06:37 น.
หลังจากศาลอาญามีคำวินิจฉัยชี้ขาด สรุปว่า นพ. ประกิตเผ่า ทมทิตชงค์ เจ้าของสถาบันกวดวิชา "แอพพลายด์ฟิสิกส์" มีอาการป่วยทางจิตจริงจำเป็นต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์ต่อไป และให้ยกคำร้องขอปล่อยตัวของพนักงานสอบสวน สน.บางซื่อ และ น.ส.เปมิกา วีรชัชรักษิต เพื่อนสาวคนสนิทของหมอประกิตเผ่า เป็นเหตุให้ ครอบครัว "ทมทิตชงค์" เตรียมยื่นฟ้องกลับ น.ส.เปมิกา ฐานประพฤติตนทำนองชู้สาวกับสามีคนอื่น เรียกค่า เสียหาย 200 ล้านบาท

"อลิสา" ฟ้อง "เปมิกา" เป็นชู้

ที่ศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง ท้องสนามหลวง เมื่อเวลา 13.00 น. วานนี้ (13 มี.ค.) นายทองหลาง แพงศรีละคร ทนายความของนางอลิสา ทมทิตชงค์ ภรรยาของ นพ.ประกิตเผ่า ทมทิตชงค์ เดินทางไปเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง น.ส.ศิวพร หรือเปมิกา เหลืองเรณูกุล หรือวีรชัชรักษิต นิสิตชั้นปีที่ 4 คณะจิตแพทย์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นจำเลย ฐานแสดงตนทำนองชู้สาว และเรียกค่าทดแทนจำนวนทุนทรัพย์ 27 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ตามฟ้องโจทก์บรรยายสรุปว่า นางอลิสา ทมทิตชงค์ เป็นภรรยาโดยชอบด้วยกฎหมายของ นพ.ประกิตเผ่า ทมทิตชงค์ โดยสมรสกันตามประเพณีอยู่กินฉันสามีภรรยา ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2537 มีบุตรด้วยกัน 2 คน โจทก์กับสามี พร้อมด้วยนายช่วง และ รศ.เพลินจิต ทมทิตชงค์ ซึ่งเป็นบิดาและมารดาของสามี รวมทั้ง นพ.ประกิตพันธ์ ทมทิตชงค์ พี่ชายของสามี ได้เปิดกิจการโรงเรียนกวดวิชาร่วมกัน ใช้ชื่อว่าสถาบันกวดวิชาแอพพลายด์ฟิสิกส์ เป็นสถาบันกวดวิชาที่มีชื่อเสียงปรากฏแพร่หลาย ได้รับการยอมรับในความเป็นเลิศทางวิชาการจากนักศึกษาและบุคคลทั่วไป ทั้งนี้ โจทก์สำเร็จการศึกษาชั้นปริญญาโท และมีประสบการณ์ในการทำงาน จึงได้ลาออกจากงานที่มั่นคงเพื่อมาร่วมทำกิจการสถาบันกวดวิชาดังกล่าวกับครอบครัวด้วย

โผล่ตีสนิทแสดงตัว

ต่อมาประมาณกลางปี พ.ศ.2549 จำเลยเข้ามาตีสนิทกับ นพ.ประกิตเผ่า สามีโจทก์ และมีความสัมพันธ์ สนิทสนมกันมากขึ้น จนกระทั่งถึงต้นปี พ.ศ. 2550 มาจนถึงวันฟ้องคดีนี้ จำเลยบังอาจแสดงตนเปิดเผยต่อสาธารณชนและบุคคลทั่วไปว่า มีความสัมพันธ์กับสามีโจทก์ ในทำนองชู้สาว กล่าวคือจำเลยได้แสดงออกอย่างเปิดเผยต่อบุคคลทั่วไปอ้างความสัมพันธ์ในทำนองชู้สาวระหว่างจำเลยกับสามีโจทก์ โดยแจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงานตำรวจว่า การที่มารดาและพี่ชายของสามีโจทก์นำ นพ.ประกิตเผ่าไปรักษาที่ รพ.ศรีธัญญา นั้นเป็นการสมคบร่วมกันนำตัวไปคุมขังโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ทั้งที่ความจริง นพ.ประกิตเผ่าป่วยเป็นโรคจิตเวช อันนำมาซึ่งผลแห่งคดีนี้ จำเลยมุ่งหวังที่จะเอา นพ.ประกิตเผ่าไปอยู่กับจำเลย อันเป็นการใช้สิทธิที่มีแต่จะก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ บิดา มารดา และพี่ชายของ นพ.ประกิตเผ่า และยังเกิดความเสียหายแก่ รพ.ศรีธัญญา

ไม่สนถูกมองว่า "เมียน้อย"

นอกจากนี้ จำเลยยังได้ให้ข่าวต่อสื่อมวลชนทุกแขนง โดยเปิดเผยถึงความสัมพันธ์ในทำนองชู้สาว ระหว่างจำเลยกับ นพ.ประกิตเผ่าอีกหลายครั้ง สรุปความได้ว่า นพ.ประกิตเผ่ามีปัญหากับครอบครัวแล้วภรรยาไม่ดูแล เอาแต่เงิน มีปัญหาทะเลาะกันตลอด อันไม่เป็นความจริงตามที่จำเลยอ้าง ทั้งนี้ จำเลยอ้างว่า นพ.ประกิตเผ่ามาระบายและปรึกษากับจำเลย ทำให้ นพ.ประกิตเผ่าและจำเลยเข้าใจกัน ชอบพอกัน นพ.ประกิตเผ่าต้องการหย่าขาดกับโจทก์ ประกอบกับจำเลยยังได้ให้ข่าวถึงความสัมพันธ์กล่าวอ้างไปถึงเหตุการณ์ในครอบครัวโจทก์หลายประการว่า สามีโจทก์ไม่มีเพื่อนที่ไหน เมื่อมีความทุกข์ ก็มาปรับทุกข์กับจำเลย โดยไม่สนใจว่าใครจะหาว่าจำเลยเป็นมือที่สาม หรือเป็นเมียน้อย และยังได้กล่าวไปถึงความสัมพันธ์ทางเพศว่า ทุกครั้งที่ นพ.ประกิตเผ่าหลั่งออกมานั้น จะออกมาเป็นเลือด จำเลยมีความสัมพันธ์กับสามีโจทก์เกินกว่าเพื่อนสนิท การกระทำของจำเลยทั้งหมดนี้ ได้แสดงตนชัดเจนเปิดเผย โดยที่โจทก์ไม่รู้เห็นเป็นใจและยินยอมให้สามีและจำเลยกระทำดังกล่าว ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายต่อความสัมพันธ์อันดี และการกินอยู่ฉันสามีภรรยา ยังความเสียหายไปยังบิดา มารดา ญาติมิตรของโจทก์ และสามีโจทก์อีกด้วย

ต้องชดใช้ 27 ล้านบาท

ท้ายคำฟ้องระบุด้วยว่า โจทก์ขอให้ศาลใช้อำนาจบังคับให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ดังนี้ ค่าทดแทนจัดการที่จำเลยมีความสัมพันธ์กับสามีโจทก์โดยเปิดเผยในทำนองชู้สาว จำนวน 12 ล้านบาท ค่าเสียหายจากการกระทำให้โจทก์และบุตรของโจทก์ต้องทุกข์ระทม ตรมใจอย่างแสนสาหัสอันเป็นความเสียหายต่อสุขภาพจิต และอนามัยของโจทก์และบุตรทั้งสองเป็นจำนวน 10 ล้านบาท ค่าเสียหายเกี่ยวกับเกียรติยศ ชื่อเสียงวงศ์ตระกูล และทางทำมาหาได้ โดยโจทก์ต้องถูกตำหนิ ติฉินนินทาจากสังคมที่ไม่รู้ความจริง หลังจากที่จำเลยกล่าวหาโจทก์ ไปในทางเสียหาย ไม่ทำหน้าที่เป็นภรรยาที่ดี ไม่ดูแลสามี เอาแต่เงิน จนสามีต้องมาระบายและปรึกษากับจำเลย โจทก์ขอคิดค่าเสียหายเป็นจำนวน 5 ล้านบาท รวมค่าเสียหายตามฟ้องจำนวน 27 ล้านบาท และคิดดอกเบี้ยในอัตรา 7.5 ต่อปี ของเงินต้นนับจากวันฟ้องเป็นต้นไป โดยศาลรับพิจารณาคำฟ้องแล้วนัดพร้อมคู่ความ ในวันที่ 22 พ.ค. 50 เวลา 09.00 น.

ทำเสียเกียรติเรียกคืนไม่ได้

นายทองหลาง แพงศรีละคร ทนายความของภรรยา นพ.ประกิตเผ่า ทมทิตชงค์ เปิดเผยว่า เหตุที่ยื่นฟ้อง เนื่องจาก นางอลิสาไม่ได้รับความเป็นธรรมจาก น.ส.เปมิกา วีรชัชรักษิต เพราะต้องเลี้ยงลูก 2 คน ที่ได้รับความบอบช้ำ ถูกสังคมตราหน้าว่า มีบิดาเป็นคนวิปริตเป็นบ้าจนถูกเพื่อนล้อเลียนจึงฟ้องเรียกความเสียหายออกเป็น 3 ส่วน คือ 1. ความเสียหายที่ต้องมาอับอายขายหน้า 2.เกียรติภูมิของครอบครัวที่ถูกทำลาย 3.ความเจ็บป่วยทางด้านจิตใจที่ต้องทนทุกข์ทรมานจากเหตุการณ์ที่ผ่านมา จึงฟ้องเรียกเงิน 27 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย เงินจำนวนนี้ไม่ได้สูงไปเมื่อเทียบกับ น.ส.เปมิกาที่กระทำ เพราะนางอลิสาเป็นแม่ที่ต้องเลี้ยงดูลูกต้องได้รับความสูญเสียทางชื่อเสียงเกียรติคุณที่ไม่อาจเรียกเอากลับคืนมาได้ จะว่าไปแล้วเป็นจำนวนเงินมากกว่านี้หลาย 10 เท่า แต่ที่ฟ้องแค่ 27 ล้านบาท เพื่อให้ น.ส.เปมิการับรู้ว่า สิ่งที่ทำลงไปเป็นความเสียหายมากเพียงใด และยังไม่นับความเสียหายในการไขข่าวซึ่งจะฟ้องเป็นคดีแพ่ง ฐานละเมิดเรียกค่าเสียหายต่อศาลแพ่งอีกครั้ง

สู้เพื่อลูกไม่ใช่เงิน

ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่ผ่านมามีทรัพย์สินที่ต้องสูญเสียไปจากการกระทำของ น.ส.เปมิกาเป็นจำนวนเงินเท่าไร นายทองหลางกล่าวว่า เรื่องนี้นางอลิสาได้แจ้งความต่อพนักงานสอบสวนกองปราบปรามไว้แล้วว่า มีทรัพย์สินสูญหายไปเป็นจำนวนเงินตัวเลขกว่า 10 หลัก ที่ผ่านมา มารดากับภรรยา นพ.ประกิตเผ่าก็รับทราบถึงการสูญเสียส่วนนี้ แต่หาก น.ส.เปมิกาออกมายอมรับและแสดงความสำนึกผิด มารดากับภรรยา นพ.ประกิตเผ่าก็อาจจะให้อภัย เหตุที่ต้องสู้กับความไม่เป็นธรรมที่ น.ส.เปมิกาก่อไว้ก็เป็นการสู้เพื่อลูก ไม่ใช่เพราะเป็นตัวเงิน ต่อข้อถามว่า คดีพอจะมีทางไกล่เกลี่ยกันได้หรือไม่ นายทองหลางกล่าวว่า ในขณะนี้คงไม่ เพราะยังไม่ทราบนโยบายของตัวความ เอาเป็นว่าวันที่ 22 พ.ค.นี้ ฝ่ายตนจะยื่นบัญชีระบุพยานบุคคล พยานเอกสาร พยานวัตถุกว่า 100 รายการ ส่วนจะเอา นพ.ประกิตเผ่ามาเบิกความเป็นประโยชน์ฝ่ายตนหรือไม่นั้น เท่าที่สังเกตดู นพ.ประกิตเผ่ายังมีอาการยังไม่หายดี ภายในเดือน พ.ค.นี้แน่ จึงจะไม่ทำการใดๆอันเป็นการกระตุ้นให้อาการป่วยเจ็บกลับกำเริบขึ้นมาอีก

ศรีธัญญาจะเอาข้อหาหนัก

นายชนินทร์ แก่นหิรัญ ทนายความของ นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ผอ.รพ.ศรีธัญญา ที่เดินทางมาพร้อมกับทนายของนางอลิสา ทมทิตชงค์ กล่าวว่า ได้รับมอบหมายจาก นพ.เกียรติภูมิให้ศึกษารูปคดีเพื่อเตรียมยื่นฟ้อง น.ส.เปมิกา วีรชัชรักษิต ในส่วนคดีอาญาเป็นหลัก โดยเอาข้อเท็จจริงทั้งหมดมาปรับเป็นฐานความผิดอาญาข้อหาหนัก แต่คงไม่ฟ้องในคดีหมิ่นประมาทที่มีอายุความเพียง 3 เดือน เหตุที่ต้องฟ้องอาญาในเรื่องนี้ เพราะ น.ส.เปมิกาสร้างความเสียหายต่อ รพ.ศรีธัญญา ที่ได้รับความเชื่อถือจากสังคมมานาน แพทย์ต้องเสื่อมเสียชื่อเสียงเกียรติคุณ ทำให้คนทั่วไปได้รับข้อมูลคลาดเคลื่อนเข้าใจผิดว่าที่ผ่านมาโรงพยาบาลและแพทย์ไม่มีความรู้ความสามารถ

ครอบครัวหมอพบ "เสรีพิศุทธ์"

ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ บ่ายวันเดียวกันรศ.เพลินจิต ทมทิตชงค์ นพ.ประกิตพันธ์ ทมทิตชงค์ และนางอลิสา ทมทิตชงค์ แม่ พี่ชาย และภรรยา ของ นพ.ประกิตเผ่า ทมทิตชงค์ เดินทางเข้าพบ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส รักษาการแทน ผบ.ตร. โดยมี พ.ต.อ.อนุชัย เล็กบำรุง รอง ผบก.ป.ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนตรวจสอบหาที่มาของสารเอฟริดีน และ พ.ต.ท.ฐิติเดช อินทรแป้น พงส. (สบ 3) สน.บางซื่อ พนักงานสอบสวนเจ้าของคดีที่ยื่นคำร้องต่อศาลกรณี นพ.ประกิตเผ่าถูก รพ.ศรีธัญญา กักขังโดยมิชอบ เข้าร่วมหารือในสำนักงาน พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ประมาณ 1 ชั่วโมง

เผยเริ่มสบายใจขึ้น

นพ.ประกิตพันธ์ ทมทิตชงค์ กล่าวว่า เดินทางมาพบ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส รักษาการแทน ผบ.ตร. เพื่อหารือเรื่องการฟ้องร้องดำเนินคดีกับพนักงานสอบสวน สน.บางซื่อ ที่ทำคดีนี้ แต่ครอบครัวตนได้ตกลงจะไม่ฟ้องแล้ว เพราะ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์รับจะดูแลเรื่องทั้งหมดให้ ขณะที่ รศ.เพลินจิต ทมทิตชงค์ มารดาเจ้าของสถาบันกวดวิชาฟิสิกส์ชื่อดังกล่าวว่า ครอบครัวเริ่มสบายใจขึ้น แต่พูดอะไรมากไม่ได้ เพราะรักษาการแทน ผบ.ตร.ขอไว้จะเป็นผลต่อรูปคดี

ให้กองปราบฯดูสำนวนคดี

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส รักษาการแทน ผบ.ตร. กล่าวถึงการเข้าพบของครอบครัวทมทิตชงค์ ว่า ทั้งหมดได้ติดต่อตนเพื่อให้ช่วยแก้ไขปัญหาและนัดหมายให้มาพูดคุยร่วมกับ พนักงานสอบสวนกองปราบปรามและ สน.บางซื่อ เจ้าของพื้นที่รับเรื่องถึงความชัดเจนเกี่ยวกับขั้นตอนการดำเนินการ ตนจึงสั่งให้กองปราบปรามเป็นผู้ตรวจสอบดำเนินคดีให้พนักงานสอบสวน สน.บางซื่อรวบรวมหลักฐานทั้งหมดที่มีอยู่ให้กองปราบปราม พร้อมยังให้มารดา นพ.ประกิตเผ่านำพยานบุคคลหรือพยานเอกสารไปชี้แจงต่อกองปราบปราม แต่หากมีปัญหาระหว่างการดำเนินคดี มีปัญหาไม่พอใจหรือไม่ถูกใจอะไรให้มาบอกจะได้ช่วยแก้ปัญหา

"ฐิติเดช" ยันทำตามหน้าที่

ด้าน พ.ต.ท.ฐิติเดช อินทรแป้น พนักงานสอบสวน (สบ3) สน.บางซื่อกล่าวว่า ที่ทำไปนั้นเป็นการกระทำตามหน้าที่ เพราะเมื่อมีผู้มาร้องทุกข์กล่าวโทษแล้ว พนักงานสอบสวนต้องดำเนินการสืบสวนสอบสวนตามหน้าที่ ขอยืนยันว่าไม่ได้รู้จักกับใครมาก่อน และไม่ได้รับสินบนแน่นอน หากมีใครจะฟ้องดำเนินคดีกับพนักงานสอบสวนด้วยนั้น ไม่กังวลแต่อย่างใด เพราะถือเป็นสิทธิตามกฎหมายที่ใครจะทำก็ได้

"เป" เก็บตัวหายเงียบ

ส่วนความเคลื่อนไหวของ น.ส.เปมิกา วีรชัชรักษิต เพื่อนสาวคนสนิท นพ.ประกิตเผ่า ทมทิตชงค์ ผู้สื่อข่าวพยายามติดตามหาตัวตลอดทั้งวัน แต่ น.ส.เปมิกากลับเก็บตัวเงียบไม่ยอมเข้าห้องพักที่โนเบิลไรท์ คอนโดมิเนียมหรูหรา ย่านซอยอารีย์ เมื่อติดต่อทางโทรศัพท์ มือถือก็ไม่มีผู้รับสาย คาดว่าอยู่ระหว่างหารือกับ น.อ.วีรชาติ เหลืองเรณูกุล บิดาและทนายความ เพื่อหาช่องทางสู้คดีที่โดนนางอลิสา ทมทิตชงค์ ภรรยา นพ.ประกิตเผ่า ยื่นฟ้องศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง เรียกค่าเสียหายเป็นเงิน 27 ล้านบาท มีพนักงานรักษาความปลอดภัยคนหนึ่งที่เฝ้าอยู่ด้านหน้าคอนโดมิเนียม เปิดเผยว่า น.ส.เปมิกาขับรถเก๋งโตโยต้า รุ่นอัลติส ทะเบียน วอ 2229 กรุงเทพมหานคร ออกไปจากอาคารเมื่อเวลา 08.17 น. วันที่ 12 มี.ค. แล้วไม่ได้กลับเข้าอีกเลย ส่วนรถเก๋งโตโยต้า รุ่นคัมรี สีดำ ทะเบียน ษห 9999 กรุงเทพมหานคร ที่มีข่าวว่าเป็นรถอีกคันหนึ่งของ น.ส.เปมิกานั้น ไม่พบว่ามีการเข้า-ออกที่คอนโดมิเนียมนี้เลย

รปภ.ระบุ "หมอเผ่า" มาหาบ่อย

พนักงานรักษาความปลอดภัยรายเดียวกันนี้ยังเผยด้วยว่า ไม่อยากเชื่อว่า นพ.ประกิตเผ่าจะมีอาการทางจิต เพราะทุกครั้งที่เดินทางมาหา น.ส.เปมิกา จะทักทายด้วยความสุภาพ ยังนึกว่าเป็นคนในเครื่องแบบ เพราะบุคลิกและการแต่งตัวดูดีมาก โดยจะขับรถมาหลายคัน ทั้งรถเบนซ์และรถสปอร์ต ที่ล้วนทะเบียน 9999 ทุกคัน เข้ามาเวลาประมาณ 2 ทุ่ม บางครั้งเห็นขับรถออกไปตอนเช้า ตอนมาครั้งแรกๆจะจอดรถหน้าคอนโดมิเนียม เมื่อสอบถามจะบอก "มาหาแฟน" ระยะหลังมาบ่อยจนจำได้ และก่อนที่จะตกเป็นข่าวไม่นานยังเห็นขับรถมาด้วย

แม่บอก "ยังไม่ตาย"

อย่างไรก็ตาม นางวิลาวรรณ ปรียากร มารดาของ น.ส.เปมิกา วีรชัชรักษิต ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ ถึงเรื่องที่นางอลิสา ทมทิตชงค์ ภรรยา นพ.ประกิตเผ่า ทมทิตชงค์ ยื่นฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากลูกสาวเป็นเงินถึง 27 ล้านบาทว่า ใครจะทำอะไรหรือจะฟ้องร้องก็ปล่อยไป ตอนนี้ น.ส.เปมิกาขอพักผ่อนก่อน และคงไม่ทำอะไร รวมทั้งจะไม่ชี้แจงอะไรในตอนนี้ สำหรับอาการของลูกสาว หลังศาลยกคำร้องก็ยังสบายดี โดยนางวิลาวรรณกล่าวติดตลกด้วยว่า "ยังไม่ตาย ไม่ต้องเป็นห่วง"

จุฬาฯ ยังไม่เอาผิด

นายเกื้อ วงศ์บุญสิน รองอธิการบดีฝ่ายบริหาร จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวถึงกรณีครอบครัว นพ. ประกิตเผ่า ทมชิตชงค์ ยื่นฟ้อง น.ส.เปมิกา วีรชัชรักษิต นิสิตจุฬาฯ ทำนองมีพฤติกรรมชู้สาวว่า มหาวิทยาลัยยังไม่ได้พิจารณา หรือลงโทษเอาผิด น.ส.เปมิกาเรื่องระเบียบวินัยนิสิต เนื่องจากตอบไม่ได้ว่ามีพฤติกรรมเช่นนั้นจริง ศาลก็ยังไม่พิจารณา จึงไม่สามารถสรุปก่อนได้ ขณะนี้เป็นแค่เพียงคำกล่าวหา ต้องรอให้ศาลตัดสินก่อน และหากตัดสินว่าผิด ก็ต้องมาดูระเบียบมหาวิทยาลัยว่าจะถือเป็นความผิดในระดับใด และจะมีมาตรการลงโทษในระดับต่างกัน คณะจิตวิทยาต้องให้คณะกรรมการกิจการนิสิตทำหน้าที่คณะกรรมการตรวจสอบวินัยเป็นผู้พิจารณาก่อนส่งเรื่องต่อมาให้มหาวิทยาลัย

ชี้ไม่ส่งผลต่อภาพสถาบัน

ผู้สื่อข่าวถามว่า การฟ้องร้อง น.ส.เปมิกาในข้อหาดังกล่าวจะกระทบต่อภาพพจน์ของมหาวิทยาลัยหรือไม่ นายเกื้อกล่าวว่า การจะมองจุฬาฯในภาพใดนั้นเป็นความคิดเห็นของแต่ละบุคคล แต่ส่วนตัวคิดว่า นิสิตจุฬาฯมี 4 หมื่นกว่าคน ซึ่งมุ่งเน้นความรู้คู่คุณธรรมมาโดยตลอด พฤติกรรมของคนๆหนึ่ง คงไม่ทำให้มหาวิทยาลัยเสื่อมเสีย แต่ก็ไม่ได้ละเลย เพราะหากศาลตัดสินว่าผิดจริง มหาวิทยาลัย ก็จะตั้งกรรมการสอบ แต่ในเมื่อศาลยังไม่ตัดสิน ก็ไม่ควร ไปตีความในทางลบที่ไม่เป็นการยุติธรรมต่อนิสิต

"ประกิตเผ่า" ยิ้มพบหน้าลูก

สำหรับบรรยากาศที่สถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์ สถานที่รักษาอาการทางจิตของ นพ.ประกิตเผ่า ทมทิตชงค์ ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก นพ.ศิริศักดิ์ ธิติดิลกรัตน์ ผอ.สถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์ว่า พญ.ดวงตา ไกรภัสสร์พงษ์ แพทย์เจ้าของไข้รายงานว่า เมื่อช่วงเช้าวันเดียวกันนี้ ได้อนุญาตให้ ด.ช.ปรินทร หรือน้องเบนซ์ ทมทิตชงค์ และ ด.ญ.อรณิชา หรือน้องน้ำหวาน ทมทิตชงค์ บุตรชายและบุตรสาวของ นพ.ประกิตเผ่า เข้าเยี่ยมอาการป่วย ตามการร้องขอของ นพ.ประกิตเผ่าแล้ว เมื่อเห็นลูกๆมาเยี่ยม นพ.ประกิตเผ่าถึงกับแสดงสีหน้าดีใจและสดชื่นขึ้นมาก พร้อมให้ความร่วมมือกับการรักษาเป็นอย่างดี ส่วนกรณีญาติจะให้ นพ.ประกิตเผ่าไปรักษาที่ใดต่อไปนั้น เป็นสิทธิของญาติ ขณะนี้ สถาบันได้ดูแลความเป็นอยู่ของผู้ป่วยอย่างดี และพยายามให้ นพ.ประกิตเผ่าผ่อนคลายมากที่สุด ในการเยี่ยมคนไข้จึงต้องให้ พญ. ดวงตา แพทย์เจ้าของไข้อนุญาตให้เข้าเยี่ยมได้เท่านั้นเพื่อผลดีในการรักษาพยาบาล


 
สนับสนุนเนื้อหาโดย
 
สนุก!รวมสุดยอดโหรพยากรณ์
ศาสตร์แห่งการทำนายดวงชะตา กับนักพยากรณ์ชื่อดัง
คลิกที่นี่
http://1900.sanook.com
รายได้ 100,000 บ./ด.
ทำงานผ่านเนท
ไม่กระทบงานประจำ/เรียน
http://www.scandicon.net
 
  เรื่องที่เกี่ยวข้อง
ฟ้อง"เปมิกา"เรียก200ล.วันนี้ ฐานประพฤติเป็นชู้สามีคนอื่น (13 มี.ค. 50)
ศาลตัดสินหมอเผ่า ป่วยจริง ฟ้องเปมิกา 200 ล. (13 มี.ค. 50)
ศาลนัดฟังคำสั่ง15.00น.วันนี้ ลุ้นปล่อย-ไม่ปล่อย หมอเผ่า (12 มี.ค. 50)
ศาลไต่สวนอีกวันนี้เผย4โฉมของเปมิกา (12 มี.ค. 50)
กองปราบฯสอบ ด.ต.ไขปริศนาคดีหมอเผ่า (12 มี.ค. 50)
ตำรวจสิ้นท่าหาสารอีเฟดรีน รอหมอประกิตเผ่าหายแฉเอง (11 มี.ค. 50)
บุกคอนโดจุดนัดหมอเผ่า-เป (11 มี.ค. 50)
''นพ.มล.สมชาย'' ชี้คดีหมอประกิตเผ่า ทำให้สังคมเข้าใจปัญหาสุขภาพจิตมากขึ้น (10 มี.ค. 50)
ขึ้นศาล-เบิกความ อลิสา-เปต่างฝ่ายงัดข้อมูลเด็ด (10 มี.ค. 50)
นัด 12 มีค. ปล่อย-ไม่ปล่อย 'หมอเผ่า' (10 มี.ค. 50)
เปมิกายันไม่เคยพาหมอเผ่า นั่งสมาธิ - เกี่ยวข้องยาเสพติด (9 มี.ค. 50)
ส่งจิตแพทย์แจงศาลประกิตเผ่าอาการยังไม่เป็นปกติ (9 มี.ค. 50)
ตร.สอบ เปมิกา 15 มี.ค.หมอเผ่ายังไปศาลไม่ได้ (9 มี.ค. 50)
ล่าก๊วนวางยาหมอเผ่า (8 มี.ค. 50)
เปมิกาโผล่โต้เงิน20ล้านโทรนัดอ.จุฬาฯคุยนอกมหาวิทยาลัย (8 มี.ค. 50)
จุฬาฯเรียกสอบแล้ว บี้เปมิกาชี้แจงพัวพันหมอเผ่า (7 มี.ค. 50)
แพทย์ ระบุหมอประกิตเผ่าอาการดีขึ้น (6 มี.ค. 50)
แม่ร้องกองปราบหาที่มายาเอฟริดีนอยู่ในตัวหมอประกิตเผ่า (6 มี.ค. 50)
แฉหมอเผ่า ถูกแก๊งนั่งสมาธิ จับมอมยา (6 มี.ค. 50)
เปมิกา ปฏิเสธมอมยาประกิตเผ่าไม่รู้เรื่องสาร-เงิน20ล. (5 มี.ค. 50)
เปิดอดีตเปมิกา เปลี่ยน3ชื่อ เพิ่งขับคัมรี่ป้ายแดง (5 มี.ค. 50)
แม่แฉหมอเผ่าเพ้อ ถูกคุณไสย ทั้งตะปู-น็อต-มีดโกน (4 มี.ค. 50)
ยัน คดีหมอประกิตเผ่า พลิกประวัติศาสตร์วงการสุขภาพจิตไทย (3 มี.ค. 50)
ครอบครัว ประกิตเผ่า วอนขอความเป็นธรรมจากสังคม (3 มี.ค. 50)
ยังไม่ปล่อยประกิตเผ่าให้ย้าย รพ.เพื่อเป็นธรรมกับทุกฝ่าย (3 มี.ค. 50)
ศาลรุดพบหมอเผ่า สั่งย้ายรพ.พ้นจากศรีธัญญา (3 มี.ค. 50)
อธิบดียัน หมอประกิตเผ่า จิตไม่ปกติจริงๆ (2 มี.ค. 50)
ยืนยันนพ.ประกิตเผ่า ป่วยจริง ผอ.ศรีธัญญา ฟันธง (28 ก.พ. 50)


แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 14 มีนาคม 2550 / 15:24

PS.  >>ม า ย ไ ด อ า รี่ http://no-problem.storythai.com เม้นๆ มิสๆ คลิกๆ
0
๐E-whnnz~ซ่าส์๐ 14 มี.ค. 50 เวลา 14:52 น. 9

แล้วอันนี้น่าอ่าน-สนใจมากค่ะ ..บทสัมภาษณ์ "รักล้นใจ" นพ.ประกิตเผ่า-อลิสา ทมทิตชงค์

ขอบคุณคุณ ยาหยอดตา มากๆสำหรับบทความดีๆที่คุณหามา ที่มา http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A5191182/A5191182.html


____________________________________________________________________________

ครอบครัวอุ่นรัก: "รักล้นใจ" นพ.ประกิตเผ่า-อลิสา ทมทิตชงค
ฉบับที่ 671 ปีที่ 28 ปักษ์หลัง เดือนกันยายน พ.ศ. 2546

คุณหมอป๊อบ : "...ผมมีคำมั่นสัญญากับแอนไว้ว่า ผมจะไม่ทำปัญหาทางด้านชู้สาวให้เขา เช่น ผมจะไม่มีภรรยาน้อย แต่ผมขอไว้อย่างหนึ่งว่า บางครั้งผมอาจมีการเที่ยวกลางคืนบ้าง เช่นไปกินข้าว กินเหล้ากับเพื่อนก็อย่าว่ากัน อย่าถามว่าจะไปไหน จะกลับกี่โมง ซึ่งในความเป็นจริง ผมแต่งงานกับแอนมา 10 ปี ผมเคยเที่ยวกลางคืน 3 ครั้ง ด้วยความที่พาเพื่อนไปกินข้าวและนั่งคุยกันเพลินไปถึงเที่ยงคืน โดยปกติผมไม่ใช่คนเที่ยวกลางคืนนะ สองทุ่ม-สามทุ่มผมก็หลับแล้ว..."

ความรักของ "คุณหมอป๊อป"...นายแพทย์ ประกิตเผ่า ทมทิตชงค์ ผู้บริหารสถาบันแอพพลายดิ์ ฟิสิกส์ โรงเรียนกวดวิชาที่ได้รับความนิยมสูงสุดในเมืองไทยกับคุณแอน...อลิสา ผู้เป็นภรรยา เริ่มขึ้นเมื่อทั้งสองฝ่ายอายุ 15 ปี คุณหมอป๊อบเป็นรุ่นพี่ ม.5 ห้อง 823 โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา คุณแอนเป็นรุ่นน้อง ม.4 เลขห้องเดียวกันแต่ห่างชั้นปี ตามธรรมเนียมของทุกปีรุ่นพี่ต้องเข้าไปแนะนำตัวและบอกวิธีการเรียนหนังสือให้กับรุ่นน้อง และปีนี้ก็กลายเป็นปีที่พิเศษสำหรับคุณหมอป๊อบ เพราะบังเอิญไปสบตากับรุ่นน้องหน้าตาน่ารัก อย่างคุณแอน จนกามเทพรีบควานหาศร แผลงไปปักกลางใจคุณหมอป๊อบเข้าอย่างจัง

คุณหมอป๊อบ : "...ตอนนั้นพี่ๆทุกคนยืนอยู่หน้าห้อง กำลังแนะนำตัวและคุยกับน้องๆ ผมก็มองไปแอนก็มองมา ผมก็ยิ้มให้แอน ความรู้สึกตอนนั้นบอกตัวเองเลยว่าชอบผู้หญิงคนนี้จัง หน้าตาหมวยๆดี (หัวเราะ) แต่ด้วยความจีบผู้หญิงไม่เป็น ผมจึงไม่เคยเข้าไปคุยอะไร เพียงแต่เดินสวนกันไปมา ผมเคยโทรศัพท์ไปหาแอนครั้งหนึ่ง ไม่รู้จะเริ่มต้นพูดอะไรดี เลยจดสคริปท์ไว้ว่าจะพูดอย่างนี้ อย่างนี้ (หัวเราะขำ) ประมาณ 3-4 บรรทัด ปกติผมเป็นคนนอนแต่หัวค่ำสองทุ่มครึ่งก็นอนแล้ว แต่วันนั้นยอมนอนดึก โทรศัพท์ไปหานอนตอนสามทุ่ม 4 บรรทัดก็คุยได้ประมาณ 3 นาที แล้วก็วางหู ผมโทรศัพท์ไปคุยกับแอน 3-4 ครั้ง โทร.ไปทุกครั้งก็ปากคอสั่น (ฮากันครืน) เราไม่รู้ว่าเขาจะชอบเราหรือเปล่า...

คุณแอน : "...ตอนนั้นใจแอนก็ชอบเขาอยู่บ้างแล้วล่ะ เพียงแต่เรามีความรู้สึกว่าเรายังเด็กต้องเรียนหนังสือก่อน เราจึงไม่อยากคิดอะไรมาก ก็กลัวเหมือนกันว่าพี่ป๊อบเขาจะเป็นผู้ชายกะล่อนหรือเปล่าแต่ดูไปสักพักก็เห็นว่าเขาเป็นคนเรียบร้อย เด็กห้องคิงส์ เรียนเก่ง เรียบร้อย..."

คุณหมอป๊อบ : "...ต่อมาใกล้สอบเข้ามหาวิทยาลัย เราก็เริ่มห่างกันไป ผมสอบติดคณะแพทยศาสตร์ ศิริราช ก็ไปเรียนและไม่ได้พบแอนอีกเลยเกือบสองปี มาพบกันอีกครั้งในงานศพของเพื่อนผมซึ่งเป็นรุ่นพี่ของแอน เมื่อพบกันผมคิดว่าถ้าผมไม่จีบเขาตอนนี้ ก็ไม่รู้ว่าจะจีบเขาตอนไหน จากนั้นอีก 2 วัน ผมก็โทรศัพท์ไปหาแอน แล้วใช้แม่สื่อ (หัวเราะ) รุ่นน้องผมซึ่งเป็นเพื่อนของแอนนั่นล่ะไปทาบทามแอนว่า "พี่ป๊อบอยากชวนแอนไปดูหนัง แอนจะไปไหม..."

คุณแอน : "...เพื่อนแอนมาบอกแอนว่า" เรามีหนังสืออยู่เล่มหนึ่งฝากเธอไปคืนพี่ป๊อบหน่อยนะ "แอนก็สงสัยว่าทำไมต้องเป็นแอนล่ะ แต่รับปากเรื่องที่พี่ป๊อบชวนดูหนังแอนก็ไปนะ จะได้เอาหนังสือไปคืน (หัวเราะ) ตอนนั้นแอนเรียนอยู่ปี 1 จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พี่ป๊อบเรียนอยู่ปี 3 ศิริราช ที่เรียนห่างกันมากเพราะแอนสอบมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แล้วรู้สึกไม่ชอบวิชาที่เลือกเรียน จึงมาสอบเอ็นทรานซ์ใหม่ ยอมเป็นเด็กฟอสซิล..."
ต่างฝ่ายต่างใส่ตัวโน้ตลงบนดนตรีแห่งความรักคนละตัวสองตัว จนสามารถบรรเลงเป็นเพลงไพเราะหวานซึ้งฟังแล้วไม่มีสะดุด 7 ปี ที่คบกันมาหลายครั้งที่คุณหมอประกิตเผ่าพบปัญหา คุณอลิสา จะเป็นผู้อยู่เคียงข้างคอยให้กำลังใจ และในที่สุดก็มีเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้น เป็นจุดที่ทำให้ทั้งคู่ตัดสินใจใช้ชีวิตร่วมกัน

คุณหมอป๊อบ : "...ครอบครัวของแอนเป็นพลเมืองของประเทศสหรัฐอเมริกา (American citigen) ทุกคนอยู่ที่โน่นกันหมดเลย เหลือแอนอยู่ที่ประเทศไทยคนเดียว อยู่เพื่อผมนะครับ (เหลือบสายตาหวานฉ่ำไปที่ภรรยานิดหนึ่ง) ตอนที่จบปริญญาตรีจากจุฬาลงกรณ์ แอนจะไปเรียนต่อปริญญาโทที่อเมริกาผมก็ขอแอนว่า อย่าไปได้ไหมเรียนต่อที่ศศินก็ได้ แอนเขาก็ยอม แต่ในที่สุดก็ต้องถึงวันที่เขาต้องไปอเมริกาจริงๆเพราะต้องไปใช้สิทธิกรีนการ์ด ผมจึงบอกว่า "แอนคงต้องเลือกแล้วล่ะ เพราะถ้าแอนเลือกไปอยู่อเมริกา เราคงต้องเลิกกัน" คือผมคิดว่ามันจะมีระยะห่างระหว่างเรามากเกินไป แล้วเราไม่รู้เลยว่าชีวิตเราสองคนจะมีเรื่องอะไรเข้ามาในขณะที่เราต้องอยู่ห่างกัน...

คุณแอน : "...ครอบครัวแอนอยู่ที่อเมริกา ถ้าแอนเลือกไปอยู่ที่นั่นแล้ว จู่ๆจะขอแม่กลับมาเมืองไทยมันเป็นเรื่องแปลกๆ เพราะเราไม่มีญาติอยู่ที่นี่ แม่คงจะถามว่าเราจะกลับมาทำไมญาติพี่น้องก็ไม่มีช่วงนั้นแอนสับสนพอสมควร แอนพยายามยื้อแม่มาตลอดนะ เขาบอกให้ส่งใบเกิดก็ไม่ยอมส่งไปขอแม่ว่ายังไม่ไปนะจะอยู่ทำงานที่นี่ก่อน งานดีมากเลย ชอบงาน จนครอบครัวแอนสงสัยว่ามีอะไรแน่ๆ

คุณหมอป๊อบ : "...พี่น้องแอนทุกคนไปอยู่อเมริกาไม่มีใครกลับมาเมืองไทยเลย เรียน ทำงาน และแต่งงานมีครอบครัวกันไป ใช้ชีวิตอยู่ที่อเมริกาตลอด ผมมองดูแล้วว่าถ้าแอนไปคงไม่มีโอกาสกลับมา ผมจึงบอกแอนว่า ถ้าแอนตัดสินใจอยู่ที่นี่ ผมจะเลี้ยงดูแอนให้ดีที่สุด แต่ถ้าแอนเลือกไปอเมริกาเราต้องเลิกกัน..."

คุณแอน : "...แอนตัดสินใจทันทีเลยค่ะ แอนเสียดายเวลา เราคบกันมา 7 ปี แอนไม่อยากไปเริ่มต้นกับใครใหม่ แอนคิดว่าชีวิตที่แอนเลือกเป็นชีวิตที่ดีที่สุดสำหรับแอน..."
คุณหมอป๊อบ : "...ผมกับแอนแต่งงานกันตอนเราอายุ 25 ปี วัยเบญจเพสด้วยแต่ผมไม่ใช่คนถือโชคลาง ไม่ว่าจะซื้อรถยนต์ เปิดสำนักงาน ผมไม่เคยดูดวง ผมมีงานสอนทุกวัน ว่างแค่วันจันทร์กับวันศุกร์ ผมก็บอกแอนว่าเราแต่งงานกันในช่วงนี้แล้วกัน ผมไม่อยากหยุดสอน แต่งงานกันวันศุกร์ปุ๊บ วันเสาร์ผมก็ไปทำงานต่อเลยไม่มีฮันนีมูน แอนเขาไม่ได้เรียกร้องอะไรเลยนะ ผมจบแพทย์มา 3 ปี มาทรัพย์สินไม่มากนะ แต่ผมว่าผมมีวุฒิภาวะพอสมควร ที่จะเลี้ยงดูเขาได้เป็นอย่างดี ตอนนี้แอนทำงานอยู่ที่การปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย

คุณแอน : "...วันแต่งงานบรรยากาศก็วุ่นวายพอสมควร คุณแม่เป็นคนจีน ท่านจะให้มีพิธีตึ๋งฉู่ คือวันแต่งงานแอนห้ามเข้าหอ ต้องกลับไปอยู่กับแม่ก่อน เขามีความเชื่อว่า ถ้าไม่กลับไปอยู่กับแม่ จะทำให้แม่ลูกไม่ได้เจอกัน แอนก็พยายามคุยให้แม่เข้าใจ ตอนเช้าเรามีพิธียกน้ำชาตั้งแต่หกโมงเช้า จากนั้นเป็นพิธีสงฆ์ที่โรงพยาบาลจุฬา ถวายสังฆทานพระ ตอนค่ำเรามีงานเลี้ยงที่โรงแรมโนโวเทล สยามสแควร์ ห้องที่เราจัดเลี้ยงอยู่ติดสระว่ายน้ำ เราก็เปิดไปจนถึงสระน้ำ แขกเหรื่อมากันเยอะมาก..."


คุณหมอป๊อบ : "...ผมมีคำมั่นสัญญากับแอนไว้ว่า ผมจะไม่ทำปัญหาทางด้านชู้สาวให้เขา เช่น ผมจะไม่มีภรรยาน้อย แต่ผมขอไว้อย่างหนึ่งว่า บางครั้งผมอาจมีการเที่ยวกลางคืนบ้าง เช่นไปกินข้าว กินเหล้ากับเพื่อนก็อย่าว่ากัน อย่าถามว่าจะไปไหน จะกลับกี่โมง ซึ่งในความเป็นจริง ผมแต่งงานกับแอนมา 10 ปี ผมเคยเที่ยวกลางคืน 3 ครั้ง ด้วยความที่พาเพื่อนไปกินข้าวและนั่งคุยกันเพลินไปถึงเที่ยงคืน โดยปกติผมไม่ใช่คนเที่ยวกลางคืนนะ สองทุ่ม-สามทุ่มผมก็หลับแล้ว..."

คุณแอน : "...สัญญาอีกข้อคือเขาเป็นคนชอบรถยนต์กับปีน เขาขอไว้ว่าถ้าเขาจะซื้อรถซื้อปืนอย่าว่าเพราะชอบมาตั้งนานแล้ว แอนก็ตกลง..."
คุณหมอป๊อบและคุณแอนมีลูกสาวคนโตชื่อ "น้องน้ำหวาน" เด็กหญิงอรณิชา ทมทิตชงค์ และลูกชายคนเล็กชื่อ "น้องเบนซ์" เด็กชายปรินทร ทมทิตชงค์ ทั้งคู่ผลัดกันเล่าถึงการเลี้ยงลูกด้วยความรัก ความเอาใจใส่ให้เราฟังด้วยน้ำเสียงรื่นเริง เป็นความสุขที่สัมผัสได้ยามใครสักคนพูดถึงคนที่ตนรัก

คุณแอน : "...คุณป๊อบอยากมีลูกสาวมาก เขาขอให้แอนรีบมีลูกเลย แอนเองรู้สึกว่าเรายังไม่ได้ใช้ชีวิตคู่เลยนะ แล้วก็ค่อนข้างกังวลเพราะแม่แอนไม่ได้อยู่ที่นี่ คุณป๊อบบอกว่าเขาขอร้องล่ะเพราะคุณพ่อคุณแม่ของเขาอายุมากแล้ว ถ้ามีหลานให้คุณแม่เลี้ยง คุณแม่จะได้มีความสุข ตอนที่แอนคลอด แอนก็นอนคิดถึงแม่ แต่เมื่อคลอดออกมาแล้ว คุณแม่ของคุณป๊อบท่านช่วยดูแล สอนแอนทุกอย่าง..."

คุณหมอป๊อบ : "...ตอนคลอดผมเข้าไปดูด้วยครับ ไปถ่ายรูป ถ่ายวิดีโอไว้ ผมไม่ตื่นเต้นอะไรมากเพราะเคยทำคลอดมาประมาณ 8-9 ราย สมัยที่ผมเป็นนักเรียนแพทย์ ผมอยากเป็นหมอสู (สูตินารีแพทย์) จึงฝึกเรื่องนี้มาเยอะ ผมให้แอนคลอดโดยวิธีธรรมชาติ เพราะเป็นการคลอดที่ปลอดภัยที่สุดและคุณแม่ก็ฟื้นเร็ว โชคดีมากที่เราได้คุณหมอ เสาวรส อัจจิมากรณ์ ท่านยอมมานั่งกับคนไข้ตั้งแต่เช้าจนถึงเวลาประมาณบ่าย 3 โมงกว่าแอนจะคลอด คุณหมอส่วนใหญ่แล้วจะนัดคนไข้หลายๆคนมาผ่าตัดด้วยวิธีสะดวกคุณหมอ ในขณะที่คนไข้ผ่าตัด จะมีบาดแผลเสียเลือดเยอะ และต้องพักฟื้นนาน ตอนแอนเบ่งผมจะคอยพากย์ไปด้วย เบ่งอีกนิดนะ เบ่งอีกนิด ลูกจะออกแล้ว (หัวเราะครื้นเครง)..."

คุณแอน : "...ท้องลูกสาวคนโตแอนชอบทานผักกับแกงจืด ปรากฏว่าลูกสาวออกมาก็ชอบทานผักและผลไม้มาก ส่วนลูกชายคนเล็กแอนไม่แต่งหน้าแต่งตัวเลย เขาก็ออกมาเป็นผู้ชาย คุณป๊อบจะดูแลพยายามไม่ให้มีอะไรกระทบใจแอนเลย เขาอยากให้แอนอารมณ์ดีให้มากที่สุด แล้วมีผลจริงๆนะคะลูกๆแอนอารมณ์ดี ยิ้มง่าย ขี้เล่น สนุกสนาน มองโลกในแง่ดี ไม่งอแงไม่ขี้โมโห..."

คุณหมอป๊อบ : "...ลูกผมมีพัฒนาการที่เร็วมาก คือตอนผมเป็นนักเรียนแพทย์ ผมท่องหนังสือมาว่าเด็กจะมีพัฒนาการตามวัยอย่างไรบ้างสองเดือน เบิกตามอง สามเดือน ยิ้มย่องผ่องใส สี่เดือนพลิกคว่ำเองได้ ปรากฏว่าสองเดือนลูกผมพลิกตัวแล้ว เราก็เอ๊ะ! ไม่ใช่พลิกตัวตอน 4 เดือนเหรอ (หัวเราะกันครืน) เด็กปกติจะเดินได้ตอนหนึ่งขวบ แต่ 9 เดือนลูกผมเริ่มเดินแล้ว เดินในขวบ แล้วเขาจะเดินเร็วมากๆ เร็วเหมือนวิ่งตอนอายุสองขวบ เลิกฉี่รดกางเกง เราไม่ต้องใส่แพมเพิร์สให้เขาอีกเลย...
...ตอนนี้ลูกสาวคนโตอายุ 8 ขวบ ผมจะพูดกับเขาตลอดว่า พ่อแม่รักหนูนะแล้วจะอุ้มเขาบ่อยๆสัญญากับลุกสาวไว้ว่าจะอุ้มจนเขาอายุถึงยี่สิบ ลูกสาวจะชอบศิลปะ เชื่อฟังง่ายอ่อนไหวง่ายทุกวันเขาจะมีงานศิลปะมาให้คุณพ่อ ผมจะหอมแก้มให้รางวัลเขา ส่วนลูกชายจะมีความเป็นตัวของตัวเองสูงชอบซักถาม และชอบต่อสู้ เขามีนวมไว้ฝึกต่อยมวย เพราะผมปลูกฝังเขาไว้ว่าหน้าที่ของลูกผู้ชายคือปกป้องคนที่เรารัก เขาจะซ้อมมวยกับพ่อ เรียนเทควันโด แล้วมาเตะต่อยกับพ่อทุกคืน..."

คุณแอน : "...แต่การปลูกฝังเรื่องนี้ได้ผลนะคะ บางทีแอนต้องไปธุระ แอนจะบอกว่า "ดูแลพี่หวานด้วยนะลูก" เขาจะทำตัวเป็นพี่ใหญ่ คอยดูแลบ้านว่าประตูล็อคหมดหรือยัง เขาอายุแค่ 5 ขวบเองคุณพ่อติดโทรศัพท์วงจรปิดรอบบ้าน เขาจะคอยดูว่ามีใครเข้ามาหรือเปล่า แล้วลุกๆ 2 คน จะมีความรับผิดชอบเรื่องการเรียนสูงมาก ลูกชายคนเล็กคุณย่าไปรับที่โรงเรียนเมื่อกลับถึงบ้านสิ่งแรกที่เขาต้องทำคือ การบ้าน ส่วนลูกสาวคนโตเรียนอยู่ที่โรงเรียนสาธิตจุฬา อยู่ไกลบ้านหน่อย แอนจะเป็นคนไปรับ บางครั้งแอนไปถึงช้า เขาจะนั่งทำการบ้านรอ กลับมาบ้านขอดูการบ้านปรากฏว่าลูกสาวทำเสร็จหมดแล้ว..."

คุณหมอป๊อบ : "...แต่เราไม่ได้ผลักดันลูกเรื่องการเรียนเลยนะครับ ผมถือว่าช่วงสิบปีแรกของชีวิตเด็กควรได้มีความสนุกสนานอย่างเต็มที่ เพื่อที่เขาจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีทัศนคติ การมองโลกในแง่ดีผมจึงอยากให้เขาสนใจดนตรีหรือกีฬา สิ่งที่จะทำให้เขาสนุกสนาน เพลิดเพลิน มากกว่าเรื่องเครียดๆส่วนเรื่องเรียนผมจะปล่อยไปตามธรรมชาติ แต่ลูกสาวก็เรียนได้บัตรเกียรติยศนะครับตอนนี้อยู่ ป.3 เรียนได้เกรดเฉลี่ย 4.00 สี่เทอมซ้อน ลูกชายปีที่แล้วได้ที่ 1 ปีนี้ได้ที่ 2..."

คุณแอน : "...ซึ่งเราก็บอกเขาว่าถึงได้ที่ 2 ก็ยังเก่งอยู่นะ เราไม่ปลูกฝังให้เขารู้สึกว่าเขาต้องเป็นที่หนึ่งตลอด ไม่อยากให้ลูกรู้สึกว่าแพ้ไม่เป็น ในเรื่องความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ลูกสาวคนโตเป็นคนมีน้ำใจมากใครลืมปากกา ดินสอ มาหาน้ำหวาน เขาจะมีให้ขอยืม อาจารย์ยังออกปากชมว่ามีน้ำใจต่อเพื่อนฝูงมาก..."

คุณหมอป๊อบ : "...ในเรื่องการใช้จ่ายสตางค์ คุณแอนจะเป็นคนปลูกฝังให้ลูกต้องรู้จักแบ่งใช้แบ่งเก็บจนลูกชายคนเล็กเขาจะเป็นจอมเก็บเงิน เขามีเงินหลายหมื่นนะครับตอนนี้ ด้วยวิธีเก็บเศษสตางค์ที่ผมมาวางทิ้งไว้บนโต๊ะ สมมุติผมวางไว้ 6 เหรียญ เขาจะแบ่งกับพี่สาวคนละ 3 เหรียญไปใส่กระปุก บางทีคุณปู่คุณย่าให้ไม่ว่าจะเทศกาลอะไรเขาจะมาหยอดกระปุกไว้ และไม่ยอมเข้าธนาคารด้วย ไม่รู้จักธนาคาร รู้แต่ว่าจะมีใครก็ไม่รู้มาเอาเงินเขาไป เขายอมไม่ได้ (หัวเราะกันสนุกสนาน) ต้องอธิบายให้เขาฟังว่าเมื่อไรอยากได้เงินคืน หนูสามารถไปเบิกมาใช้ได้ จึงจะยอม แต่สมุดธนาคารต้องเก็บเองนะ ไม่ฝากใครทั้งนั้น กลัวไม่ได้คืน...
...เวลาไปเดินซื้อของตามห้าง ผมจะตกลงกับลูกไว้ก่อนว่า "ซื้อได้คนละหนึ่งชิ้นเท่านั้น" เมื่อเขาเลือกได้ของตามความต้องการคนละหนึ่งชิ้น ก็จบ เรื่องลงไปนอนดิ้นร้องงอแงยังไม่เคยมีครับลูกชายผมอยากไดของเล่นประเภทปืน ผมจะปลูกฝังตั้งแต่เขาจำความได้เลยว่า ปืนไม่ใช่ของเล่นและในบ้านผมจะไม่มีของเล่นที่เป็นปืนเลย ผมพาลูกเข้าสนามยิงปืนตั้งแต่ 3 ขวบ เพื่อให้เขารู้ว่าสิ่งที่พ่อมีอยู่มีความรุนแรงและมีอันตราย เพื่อให้เขารู้จักและเลือกใช้ได้อย่างถูกต้อง ลูกผมจะไม่จับปืนมาเล่นเลย เขาจะทราบว่าปืนมีไว้เพื่อต่อสู้กับคนร้ายเท่านั้น..."
ในอนาคตคุณหมอประกิตเผ่าและคุณอลิสา วางแผนไว้ว่า จะให้ลูกเรียนในเมืองไทยจนจบปริญญาตรีเสียก่อน แล้วจึงค่อยส่งให้ไปเรียนต่อปริญญาโทต่างประเทศ ด้วยเหตุผลที่ว่า...การทำงานจะประสบความสำเร็จได้ ไม่ใช่เพราะทำงานเก่งอย่างเดียว สิ่งสำคัญต้องมีเพื่อน ต้องมีสังคม จึงจะประสบผลสำเร็จได้การส่งเด็กๆไปใช้ชีวิตอยู่ในต่างประเทศนั้นเด็กจะมีอิสระในการใช้ชีวิตมาก ควรจะให้เขาเป็นผู้ใหญ่พอสมควรก่อนเพื่อเขาจะได้มีวิจารณญาณการใช้ชีวิตที่ถูกต้อง และสามารถเก็บเกี่ยวความรู้ ประสบการณ์ที่ดีกลับมาใช้ให้เป็นประโยชน์ต่อตัวเองและต่อประเทศชาติให้มากที่สุด



PS.  >>ม า ย ไ ด อ า รี่ http://no-problem.storythai.com เม้นๆ มิสๆ คลิกๆ
0
[-\'๑\'- PIM -\'๑\'-] 14 มี.ค. 50 เวลา 15:03 น. 10

เอ๋??? จริงอะตอนนั้นเราดูข่าว27ล้านนินา
หรือว่าเปลี่ยนแล้ว?
ถ้าไม่รู้ความจริงอย่าพึ่งทำอะไร
เกินเหตุหรือเวอร์ดีกว่า  ยังไม่รู้นิว่าตกลงใครทำหรือใครผิดอะไรยังไง

ถ้าเกิดรุ้มารุมประจานก็ไม่เสียหายเพราะผิดจริงๆนิ

0
ปลง 14 มี.ค. 50 เวลา 15:36 น. 12

พวกที่ออกมาด่าครอบครัว  ออกมาด่าโรงบาล คงรับไม่ได้ไปอีกนาน

ตอนแรกก็ออกมาด่าเค้าต่างๆนาๆ เสียๆหายๆ

ตอนนี้มีใครนึกขอโทษหรือเสียใจซักคนไหม

หยั่งงี้แหละนะนิสัยคนไทย


0
เกียดทมชิตชง 14 มี.ค. 50 เวลา 15:45 น. 13

จิงๆวะครอบครัวเค้ากลัวเปมิกาได้สมบัติคือทางแอพพรายอะหมอประกิบริหารอยู่คนเดียวแต่คราวนี้พอมีเปมิกามาช่วยสอนเค้าก้อกลัวทางเปมิกาจาหุบสมบัติเลยว่าลูกตัวเองบ้า

0
M.Miharu 14 มี.ค. 50 เวลา 15:56 น. 14

อ่า...

☆ปฏิบัติการ (L)รักษาหัวใจ(U)☆ เรื่องยาว
รักหวานแหวว
อัพเดท: 12 มี.ค. 50 , เข้าชม :74/74 , โพส : 4
แฟนพันธ์แท้ : 2 , Rating :4 />
คำอธิบาย : อะไรกันเนี่ย!! เพิ่งเข้าวงการมาใหม่แท้ๆ ดันมาทำซ่ากับเรา เกลียดเธอจังเลย...แต่พอได้รู้จักกับเธอ ลียองวอน ก็ทำให้ฉันรู้ได้ว่า ชีวิตเธอเจออะไรมาเยอะ ไม่เป็นไร!! ฉันคนนี้ซันคิมฮยองจะรักษาหัวใจเธอเอง!!
0
... 14 มี.ค. 50 เวลา 15:57 น. 15

เราเคยเรียนกะ อ.เผ่าที่แอพพลายห้องสดอะ อ.เค้ายังสอนอยู่หน้าห้องเลย มี อ.ช่วง กะอีกคนนึง อ.เผ่าเค้าไม่เห็นจะมีท่าทางเหมือนคนเปนโรคจิตเลยซักนิด อ.เค้าสอนดีด้วยนะ หนุกหนานดี เราเรียนฟิสิกข์รู้เรื่องได้เพราะ อ.เค้าจิงๆ วันสุดท้ายที่เรียนอะ อ.เค้ายังอวยพรนักเรียนทุกคนเลย เราไม่อะเชื่อว่า อ.เค้าเป็นอย่างในข่าว แหล่งข่าวทุกที่ไม่เห็นจาออกมาตรงกันเลย ไม่รู้จะเชื่อใครดี เชื่อตัวเองนี่แหละ เฮ้อ~

0
... 14 มี.ค. 50 เวลา 16:26 น. 16

แต่ก็พิสุจมาแล้วนิว่าหมอมีอาการป่วยทางจิตจริง อีกอย่างสมบัติของครองครัวอะไม่สมควรให้คนอื่น อีกอย่างน่าให้เปนคดีตัวอย่าง เพราะ จะได้มีคนเกรงกลัวการเป็นเมียน้อยอยู่บ้าง ไม่ใช้ว่าเหนรวยก็เปนเมียน้อยไม่คิดถึงจริยธรรม ศีลธรรม อีกอย่างถ้า นะ ถ้าเค้าบ้าจริง แร้วเปมิกามาฟ้องจนเรื่องใหญ่โตแบบนี่อะ ลูกเค้าโดนลอไม่ใหร๊อ ว่ามีพ่อเปนบ้า น่าสงสารเค้าจะตาย ก็สมควรแร้วละๆๆ

0
ลองคิดดูนะ 14 มี.ค. 50 เวลา 16:29 น. 17

เอ ถามหน่อยสิ ถ้าเกิดว่าเปมิกาผิด แล้วเปมิกาจะมาออกข่าว จะมาให้สอบสวนตั้งแต่แรกทำไมเหรอ มันเหมือนกับเอาตัวเองเข้าคุกตั้งแต่แรก เพราะว่า อาจารย์เผ่าก็เป็นคนดัง ยังไงคดีก็ต้องดังอยู่แล้ว

0
•• JAN-JAOW = แจนจ๊าว ,,* 14 มี.ค. 50 เวลา 16:43 น. 18

ในความคิดเห็นเรา ; สมน้ำหน้ามาก
ไม่ชอบการกระทำของเค้าอยู่แล้วอะ แบบเค้าเป็นใครอะ มาเผยตัวรู้นู่นรู้นี่ ยังไงก็เกินเพื่อน เค้าก็คงหมั่นไส้ด้วยละ -*-
แต่จะมองในมุมของเค้า ก็ถือว่าเค้าเรียกร้องเพื่อหมอประกิตเผ่า เพียงแต่ "ห่าม" ไปหน่อยแค่นั้นเอง


PS.  Jan-Jaow = แจนจ๊าว ,,* [[ ฝากฟิคโด้ย •๏• รักวุ่นๆของ5หนุ่มB5 •๏• id; 35470 ]]
0
๐E-whnnz~ซ่าส์๐ 14 มี.ค. 50 เวลา 16:52 น. 19


ออกทีวีหน้าบานเชียว~*

-*- ขอโทษนะ ที่คิดอะไรก็พูดออกมา เอ๊ะ..หรือหน้าบานเป็นปกติ อืมม


PS.  >>ม า ย ไ ด อ า รี่ http://no-problem.storythai.com เม้นๆ มิสๆ คลิกๆ
0