Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

ประวัติสาสตร์โลก"ไททานิค"

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
ไททานิค

           เรือโดยสาร "ไททานิค" จัดเป็นเรือโดยสารที่หรูหราประเภทเรือสำราญขนาดใหญ่ที่สุดในโลกในขณะนั้น ออกแบบ สร้างประกอบโดยอู่ต่อเรือของบริษัท Harland and Wolff ประเทศ North Ireland ปล่อยลงน้ำเมื่อวันที่ ๓๑ พฤษภาคม ค.ศ.๑๙๑๑ มีระวางขับน้ำ ๔๖,๓๒๘ ตัน มีเครื่องจักรไอน้ำที่มีกำลังแรงถึง ๔๖.๐๐๐ แรงม้า สามารถทำความเร็วสูงสุดในการเดินทางได้ถึง ๒๔ น็อต โดยมีค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างสูงถึง ๗.๕ ล้านเหรียญสหรัฐฯ การ เดินทางเที่ยวนี้เป็นการเดินทางเที่ยวปฐมฤกษ์ข้ามมหาสมุทแอตแลนติกจากเมืองเซาท์แธมตัน ประเทศอังกฤษไปยังนครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา โดยเริ่มถอนสมอออกเดินทางเมื่อวันที่ ๑๑ เมษายน ค.ศ.๑๙๑๒ เวลา ๑๓.๓๐ น. มีผู้โดยสารและพนักงานประจำเรือทั้งสิ้นประมาณ ๒,๒๑๗ คน
          ความใหญ่โตมโหฬารมีรูปลักษณะแข็งแกร่งทนทานมหาศาลนี้ ทำให้บริษัทเจ้าของเรือมีความภาคภูมิใจมากถึงกับขนานนามเรือลำนี้ว่า "Unsinkable Ship หรือ เรือที่ไม่มีวันจม" และชื่อของเรือ "ไททานิค" นั้นก็ได้นำมาจากคำว่า "Titan" ซึ่งเป็นชื่อของอสูรเทพที่ทรงพลัง บุตรของเทพเจ้า Uranus และ Gaia ตามเทพนิยายกรีกโบราณ
         ในระหว่างการเดินทางนับตั้งแต่วันที่ ๑๒ เมษายนฯ เป็นต้นมา เรือ "ไททานิค" ได้รับสัญญาณวิทยุเตือนภัยให้ระวังเรื่องภูเขาและกลุ่มก้อนน้ำแข็งที่ปรากฏลอยอยู่เกลื่อนกลาด ทั่วไปในเส้นทางการเดินทางจากเรือลำอื่นๆ มาโดยตลอด เมื่อคืนวันที่ ๑๔ เมษายนฯ เวลา ๒๒.๓๐ น.พนักงานวิทยุประจำเรือ "คาลิฟอร์เนียน" ซึ่งกำลังติดอยู่ในกลุ่มก้อนน้ำแข็งห่างจากเรือ "ไททานิค" ประมาณ ๑๙ ไมล์ทางเหนือ ได้ส่งสัญญาณเตือนภัยให้แก่เรืออื่นๆ ซึ่งกำลังเดินทางอยู่ในเส้นทางที่ใกล้เคียงให้ระมัดระวังภัยพิบัติที่อาจจะเกิดจากการชนภูเขาน้ำแข็งภายในบริเวณนี้ได้ ขณะที่ กำลังเรียกขานเรือ "ไททานิค" เพื่อแจ้งให้ระมัดระวังเหตุภัยพิบัตินี้เช่นกัน ก็ได้รับสัญญาณตอบกลับมาในลักษณะที่ไม่ค่อยสุภาพว่า "...ให้หยุดเตือนเสียที เพราะสัญญาณเข้าไปรบกวนการทำงาน(ของเขา)กับ Cape Race..." พนักงานวิทยุประจำเรือ "คาลิฟอร์เนียน" จึงเลิกทำการติดต่อ และปิดเครื่องวิทยุเมื่อเวลา ๒๓.๓๐ น.
          เมื่อเวลาประมาณ ๒๓.๔๐ น. ด้วยความเร็ว ๒๒ น็อตครึ่ง เรือ "ไททานิค" ได้พุ่งเข้าชนภูเขาน้ำแข็งซึ่งมีความสูงพ้นระดับน้ำ ๕๕-๖๐ ฟิต ที่ Longitude 50o 14' W Lattitude 41o 27' N ทำให้ตัวเรือแตกน้ำทะเลไหลท่วมท้นเข้ามาในตัวเรือมีระดับสูงกว่ากระดูกงู ๑๔ ฟิต ภายใน ๑๐ นาที แล้วไหลทะลักเข้าไปสู่ห้องต่างๆ อย่างรวดเร็วเป็นเหตุให้เรือเริ่มอับปาง พนักงานวิทยุประจำเรือฯ ได้ส่งสัญญาณวิทยุแจ้งเหตุร้ายขอความช่วยเหลือไปยังเรือและสถานีฝั่งในอาณาบริเวณ เรือหลายลำที่ได้รับสัญญาณวิทยุขอความช่วยเหลือจากเรือ "ไททานิค" จึงเปลี่ยนเส้นทางมุ่งหน้าไปยังสถานที่เกิดเหตุโดยเร็ว

          วันที่ ๑๕ เมษายน ค.ศ.๑๙๑๒ เวลา ๐๐.๐๕ น. กัปตันเรือ "ไททานิค" ได้สั่งสละเรือใหญ่ เรือลำนี้ถึงแม้ว่า จะได้เตรียมเรือชูชีพไว้จำนวนมากแต่ก็สามารถจุได้เพียง ๑,๑๗๘ คนในจำนวนผู้โดยสารและพนักงานประจำเรือทั้งหมด ๒,๒๑๗ คน เท่านั้น และถึงแม้ว่า จะมีเรือหลายลำเข้าไปช่วยเหลือได้ในระยะเวลาอันสั้น การอับปางของเรือ "ไททานิค" ครั้งนี้ก็ยังเป็นเหตุโศกนาฏกรรมครั้งยิ่งใหญ่ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตมากถึง ๑,๕๑๓ คน ในจำนวนนี้มีมหาเศรษฐีอเมริกันรวมอยู่ด้วยถึง ๓ คน คือ John Jacob Astor, Benjamin Gugenheim และ Isidor Straus
           เมื่อได้นำเหตุการณ์สำคัญครั้งนี้มาศึกษาวิเคราะห์ตามหลักวิชาโหราศาสตร์ ดวงดาวในส่วนที่เกี่ยวข้องกับอิทธิพลของคราสที่ใช้ในการพยากรณ์ดวงเมือง หรือ Mundane Astrology โดยการคำนวณ และพล็อตลงในแผนที่หาเส้นทางโคจรของดาวพระเคราะห์ผ่านส่วนต่างๆของโลกในวันที่เกิดคราสแล้ว น่าเชื่อว่า คราสที่มีอิทธิพลส่งผลเป็นทุกข์โทษให้เกิดโศกนาฏกรรมครั้งนี้ คือ สุริยคราสเต็มดวงที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ ๒๘ เมษายน พ.ศ.๒๔๕๔ (ค.ศ.๑๙๑๑) เวลา ๒๒.๒๗ น.(เวลา Greenwich)
          ในแผนที่ประกอบบทความนี้ จะเห็นได้ว่า ณ จุดพิกัดซึ่งเรือ "ไททานิค" ประสบอุบัติเหตุชนภูเขาน้ำแข็งจนอับปางคือ Longitude 50o 14' W Lattitude 41o 27' N ได้มีดาว พระเคราะห์ต่างๆ โคจรผ่านคือ ดาวอาทิตย์ ดาวจันทร์ ดาวพฤหัสบดี และดาวเสาร์ นอกจากนี้ ยังมีดาวพุธโคจรผ่าน และมีแนวเงาดำของคราส หรือ ราหู พาดผ่านในเส้นทางที่ไม่ห่างไกลนัก เมื่อพิจารณาตามความหมายของแต่ละพระเคราะห์แล้ว ดาวอาทิตย์มีความหมายเกี่ยวกับอัคคีภัย ดาวจันทร์ มีความหมายเกี่ยวกับน้ำ การเดินทางทางน้ำ การผสมผสานความหมายของดาวอาทิตย์กับดาวจันทร์จึงหมายถึงไอน้ำด้วย ดาวพฤหัสบดีมีความหมายเกี่ยวกับเศรษฐี ความฟุ่มเฟือยหรูหรา ดาวเสาร์มีความหมายเกี่ยวกับโศกนาฏกรรม ความมืด ความหนาวเย็น น้ำแข็ง ภูเขาน้ำแข็ง ความทุกข์ทรมาน ความหวาดกลัว ดาวพุธมีความหมายเกี่ยวกับกลุ่มชนที่ร่วม กิจกรรมเดียวกัน ร่วมเคราะห์กรรมด้วยกัน และราหูมีความหมายเกี่ยวกับลมพายุ เมื่อได้ผูกเป็นดวงชะตาตามหลักวิชาแล้ว ดาวพระเคราะห์เหล่านี้ รวมทั้งราหู ยกเว้นดาวพฤหัสบดีจะเกาะกลุ่มรวมตัวกันอยู่ในเรือนที่ ๑๒ ซึ่งเป็นภพวินาศ มีความหมายเกี่ยวกับการสูญเสีย การถูกจองจำกักกัน ส่วนดาวพฤหัสบดีได้สถิตอยู่ในเรือนที่ ๖ ซึ่งเป็นภพเกี่ยวกับกิจการเดินเรือ ประชาชนที่มีส่วนร่วมในการสูญเสีย ทำมุมเล็งประมาณ ๑๘๐ องศากับกลุ่มดาวดังกล่าว ดังนั้น เมื่อนำเอาความหมายของดาวพระเคราะห์รวมทั้งราหู และเรือนหรือภพที่เกี่ยวข้องทั้งหมด มาผสมผสานเข้าด้วยกันแล้วจึงเป็นคำตอบ และสามารถสร้างจินตนาการให้เห็นภาพที่ชัดเจนของเหตุการณ์เรือเดินทะเลซึ่งมีลักษณะเป็นเรือสำราญขนาดใหญ่ มีผู้โดยสารเป็นจำนวนมาก ส่วนใหญ่เป็นเศรษฐี ผู้มีชื่อเสียงเกียรติยศ (ดาวพฤหัสบดีสถิตอยู่ในเรือนที่ ๖) ได้ประสบภัยพิบัติชนภูเขาน้ำแข็งในคืนที่หนาวเย็นและมืด (ดาวเสาร์) น้ำทะเลที่ไหลทะลักเข้าไปในเรือ ได้ท่วมท้นเข้าไปในห้องเครื่องจนทำให้หม้อน้ำขนาดใหญ่ในเรือ และเตาเชื้อเพลิงซึ่งเป็นพลังสำคัญที่ใช้ในการ ขับเคลื่อนของเรือจำนวนมากเกิดระเบิด พ่นไอน้ำร้อนออกครอบคลุมไปทั่ว (ดาวอาทิตย์และดาวจันทร์) ท่ามกลางเสียงกรีดร้องร่ำไห้โหยหาขอความช่วยเหลือด้วยความหวาดกลัวภยันตราย (ดาวเสาร์) ของผู้โดยสารที่ต้องประสบเคราะห์กรรมร่วม (ดาวพุธ) จำนวนไม่น้อยไม่สามารถหนีรอดออกมาได้ เพราะถูกกักกันติดอยู่บนเรือ จนในที่สุดต้องถูกไอน้ำลวก และจมน้ำสูญเสียชีวิต (เรือนที่ ๑๒)
          ที่น่าสังเกตอีกประการหนึ่งก็คือ ในวันที่เกิดสุริยคราสครั้งนี้ และในวันที่เกิดเหตุ ดาวพฤหัสบดีกำลังโคจรถอยหลัง ซึ่งตามหลักวิชาดาราศาสตร์แล้วหมายความว่า ดาวพฤหัสบดีกำลังโคจรเข้ามาใกล้โลกมาก จึงเป็นการเพิ่มอิทธิพลของคราสครั้งนี้ให้รุนแรงยิ่งขึ้น ท่านผู้อ่านที่เคยอ่านบทความของผมเรื่อง "ก่อนจะสิ้นพิษคราส" คงจะจำได้ถึงบทบาทของดาวพฤหัสบดีที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ต่างๆ ของประเทศไทยซึ่งได้รับผลกระทบจากอิทธิพลของสุริยคราสเมื่อวันที่ ๑๒ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๓๙ ในช่วงเวลาที่ยังอยู่ในพิษคราส ดาวพฤหัสบดีนี้ได้โคจรเข้ามาใกล้โลกมากที่สุดเช่นกัน
          ถึงแม้ว่า สุริยคราสครั้งนี้จะเกิดขึ้นเมื่อวันที่ ๒๘ เมษายน พ.ศ.๒๔๕๔ (ค.ศ.๑๙๑๑) ก่อนหน้าวันเกิดเหตุคือ วันที่ ๑๔ เมษายน พ.ศ.๒๔๕๕ (ค.ศ.๑๙๑๒) ประมาณ ๑ ปี ก็ตาม แต่ตามหลักวิชาโหราศาสตร์ไทย และฮินดูได้ระบุไว้ว่า สุริยคราสจะส่งอิทธิพลแสดงผลให้เห็นเป็นทุกข์โทษ หรือเป็นคุณได้ภายในเวลานานประมาณ ๑ ปี ถ้าเป็นจันทรคราสจะส่งอิทธิพลให้เห็นภายในเวลานานประมาณ ๓ เดือน ดังนั้น ในกรณีนี้ พิษของคราสจึงจะยังมีโอกาสแสดงผลให้เห็นได้ไปจนถึงปลายเดือนเมษายน พ.ศ.๒๔๕๕ (ค.ศ.๑๙๑๒) เป็นอย่างเร็ว
          เป็นที่น่าสังเกตประการหนึ่ง ในวันที่เกิดสุริยคราสครั้งนี้ ปรากฏว่า มีดาวพระเคราะห์จับกลุ่มรวมกันอยู่ในราศีเมษรวม ๔ ดวง คือ ดาวอาทิตย์ ดาวจันทร์ ดาวพุธ และดาวเสาร์ ทั้งราศีเมษนี้ยังถูกเส้นทางของราหูพาดผ่านด้วย นอกจากนี้ กลุ่มดาวพระเคราะห์เหล่านี้ยังถูกดาวพฤหัสบดีที่สถิตอยู่ราศึตุลย์ทำมุมเล็งประมาณ ๑๘๐ องศา ซึ่งตามวิชาโหราศาสตร์ถือว่า ให้ผลเช่นเดียวกับการสถิตอยู่ในราศึเดียวกัน ทั้งดาวพฤหัสบดียังได้โคจรเข้ามาใกล้โลกมากด้วย ปรากฏการณ์ที่ดาวพระเคราะห์หลายดวงโคจรมาร่วมกลุ่มอยู่ในราศีเดียวกันในลักษณะนี้ มีอยู่เป็นประจำ ในปี ค.ศ.๒๐๐๐ ก็จะมีปรากฏการณ์ในลักษณะนี้เช่นกัน จนทำให้เกิดความหวาดวิตกกันว่า โลกจะแตกเพราะอิทธิพลแรงดึงดูดของดาวพระเคราะห์ที่มาจับกลุ่มอยู่ในราศีเดียวกันในลักษณะนี้ ผมได้ตรวจสอบดูจุดที่ตั้งของดาวพระเคราะห์เหล่านี้ในท้องฟ้าโดยละเอียดแล้ว ปรากฏว่า มีดาวบางดวงมิได้อยู่ในระนาบ (Plane) เดียวกัน ทั้งยังมีระยะห่างระหว่างกันมากทีเดียว จึงเชื่อว่า โลกของเราจะประสบความวิกฤติกันถึงขนาดนั้นตามที่เล่าลือกัน หากโลกจะแตกจริงก็น่าจะเกิดขึ้นในปีที่เรือ "ไททานิค" อับปางมากกว่า
          โลก และระบบสุริยจักรวาลของเรานี้มีโอกาสที่จะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ได้เหมือนกันตามทฤษฎีปรมาณูขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่คงจะอีกเป็นหลายพันล้านปีข้างหน้า ตายแล้วเกิดใหม่อีกไม่รู้กี่สิบกี่ร้อยชาติ โลกก็ยังไม่แตกดอกครับ

แสดงความคิดเห็น

>

87 ความคิดเห็น

กิ่วๆ 14 มิ.ย. 50 เวลา 08:14 น. 1

อืมๆๆ อ่านไปตอนแรกๆก็สนุกดีหรอกนะ แต่ไปๆมาๆทำไมมันไปเกี่ยวอะไรกับความเชื่อด้วยอ่ะ งงเลย

0
อริสรา 1 ต.ค. 50 เวลา 09:52 น. 2

ตอนเเรกดีดีเเต่ตอนหลังเป็นดวงดาว มันเกี่ยวอะไรกับดวงดาวง่ะเรือไททานิคมันเกี่ยวไรกับดวงดาวง่ะบ้ า
อ่ะเปล่า ว ะ&nbsp &nbsp 

0
คนที่เข้าใจ 18 ต.ค. 51 เวลา 18:49 น. 8

ทำไมจะไม่เกี่ยวกับโหราศาสตร์อ่ะ&nbsp เพราะว่าในนั้นมันบอกว่า ได้มีดาว พระเคราะห์ต่างๆ โคจรผ่านคือ ดาวอาทิตย์ ดาวจันทร์ ดาวพฤหัสบดี และดาวเสาร์ นอกจากนี้ ยังมีดาวพุธโคจรผ่าน และมีแนวเงาดำของคราส หรือ ราหู พาดผ่านในเส้นทางที่ไม่ห่างไกลนัก เมื่อพิจารณาตามความหมายของแต่ละพระเคราะห์แล้ว ดาวอาทิตย์มีความหมายเกี่ยวกับอัคคีภัย ดาวจันทร์ มีความหมายเกี่ยวกับน้ำ การเดินทางทางน้ำ การผสมผสานความหมายของดาวอาทิตย์กับดาวจันทร์จึงหมายถึงไอน้ำด้วย ดาวพฤหัสบดีมีความหมายเกี่ยวกับเศรษฐี ความฟุ่มเฟือยหรูหรา ดาวเสาร์มีความหมายเกี่ยวกับโศกนาฏกรรม ความมืด ความหนาวเย็น น้ำแข็ง ภูเขาน้ำแข็ง ความทุกข์ทรมาน ความหวาดกลัว ดาวพุธมีความหมายเกี่ยวกับกลุ่มชนที่ร่วม กิจกรรมเดียวกัน ร่วมเคราะห์กรรมด้วยกัน และราหูมีความหมายเกี่ยวกับลมพายุ เมื่อได้ผูกเป็นดวงชะตาตามหลักวิชาแล้ว ดาวพระเคราะห์เหล่านี้ รวมทั้งราหู ยกเว้นดาวพฤหัสบดีจะเกาะกลุ่มรวมตัวกันอยู่ในเรือนที่ ๑๒ ซึ่งเป็นภพวินาศ มีความหมายเกี่ยวกับการสูญเสีย การถูกจองจำกักกัน ส่วนดาวพฤหัสบดีได้สถิตอยู่ในเรือนที่ ๖ ซึ่งเป็นภพเกี่ยวกับกิจการเดินเรือ ประชาชนที่มีส่วนร่วมในการสูญเสีย ทำมุมเล็งประมาณ ๑๘๐ องศากับกลุ่มดาวดังกล่าว ดังนั้น เมื่อนำเอาความหมายของดาวพระเคราะห์รวมทั้งราหู และเรือนหรือภพที่เกี่ยวข้องทั้งหมด มาผสมผสานเข้าด้วยกันแล้วจึงเป็นคำตอบ และสามารถสร้างจินตนาการให้เห็นภาพที่ชัดเจนของเหตุการณ์เรือเดินทะเลซึ่งมีลักษณะเป็นเรือสำราญขนาดใหญ่ มีผู้โดยสารเป็นจำนวนมาก ส่วนใหญ่เป็นเศรษฐี ผู้มีชื่อเสียงเกียรติยศ (ดาวพฤหัสบดีสถิตอยู่ในเรือนที่ ๖) ได้ประสบภัยพิบัติชนภูเขาน้ำแข็งในคืนที่หนาวเย็นและมืด (ดาวเสาร์) น้ำทะเลที่ไหลทะลักเข้าไปในเรือ ได้ท่วมท้นเข้าไปในห้องเครื่องจนทำให้หม้อน้ำขนาดใหญ่ในเรือ และเตาเชื้อเพลิงซึ่งเป็นพลังสำคัญที่ใช้ในการ ขับเคลื่อนของเรือจำนวนมากเกิดระเบิด พ่นไอน้ำร้อนออกครอบคลุมไปทั่ว (ดาวอาทิตย์และดาวจันทร์) ท่ามกลางเสียงกรีดร้องร่ำไห้โหยหาขอความช่วยเหลือด้วยความหวาดกลัวภยันตราย (ดาวเสาร์) ของผู้โดยสารที่ต้องประสบเคราะห์กรรมร่วม (ดาวพุธ) จำนวนไม่น้อยไม่สามารถหนีรอดออกมาได้ เพราะถูกกักกันติดอยู่บนเรือ จนในที่สุดต้องถูกไอน้ำลวก และจมน้ำสูญเสียชีวิต (เรือนที่ ๑๒)&nbsp แล้วคำทำนายของโหราศาสตร์มันตรงกับวันที่เกิดเหตุอ่ะ

0
Phon 14 ธ.ค. 51 เวลา 13:11 น. 9

ความจริงเเล้ว เเจ็ค กับ โรส ไม่มีจริง เป็นตัวประกอบหนังเอามาเฉยๆๆ นะครับ เรือ Titanic บันทุกคน ได้ 2250 คน

พอ Titanic ออกข่าวว่าเรือได้จมลง&nbsp บนเรือ มี 2250 ราย รอดชีวติ เพียง 704 ราย เสียชีวิต 1513 ราย

Titanic&nbsp เกิดเรื่องตอน ปี 1912 มีคนไปค้นพบเจอตอน ปี 1987 เเล้วเอามาทำเป็นหนังปี 1997 หรือเทียบ กับปีไทยก็คือ2540 นั้นเองนะครับ

ประวัติศาสตร์ โลกจริงๆนะครับ

0
Phon 14 ธ.ค. 51 เวลา 13:16 น. 10

การต่อเรือ

&nbsp &nbsp &nbsp เรือไททานิคลงน้ำเมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2454&nbsp การต่อเรือในตอนต้นศตวรรษที่ 20 นั้น ใช้วิธีประกอบด้วยหมุดย้ำ (ริเว็ท) ที่ทำด้วยเหล็กรอท&nbsp เพื่อยึดแผ่นเหล็กเข้ากับกรอบเหล็กเหนียว ตัวกรอบเหล็กถูกยึดเข้าด้วยกันด้วยหมุดเหล็กรอทเช่นเดียวกัน&nbsp มีการเจาะรูที่ตำแหน่งที่เหมาะสมในกรอบเหล็กและแผ่นเหล็กเพื่อใส่หมุด&nbsp  หมุดแต่ละตัวถูกอบให้ร้อนแล้วจึงสอดเข้าไปในรูที่เป็นคู่กัน&nbsp และถูกบีบอัดด้วยไฮโดรลิกให้เต็มรู และทำให้บานออกเป็นหัวหมุด&nbsp ใช้หมุดทั้งหมดสามล้านตัว



เรือไททานิคที่อยู่ระหว่างต่อที่อู่ต่อเรือของบริษัทฮาร์แลนด์ แอนด์โวลฟ์ประเทศไอร์แลนด์

&nbsp &nbsp  วันที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2455&nbsp เรือไทนานิคแล่นออกจากเมืองเบลฟาสต์ไปยังเมืองเซาแธมป์ตัน&nbsp เพื่อฟาสต์ไปยังเมืองเซาแธมป์ตัน&nbsp เพื่อลองเครื่องในทะเลไอริช&nbsp หลังจากอยู่ในทะเลสองวัน&nbsp เรือพร้อมลูกเรือและเจ้าหน้าที่ประจำการก็มาถึงเมืองเซาแธมป์ตัสและจอดโยงไว้ที่ท่าเทียบเรือโอซันด็อค เมื่อวันที่ 4 เมษายน&nbsp หลายวันต่อมามีการเตรียมเสบียงอาหารและเตรียมการสำหรับการเดินทางครั้งแรก

ของ รศ. ไพลิน&nbsp ฤกษ์จิรสวัสดิ์&nbsp  วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เช้าวันที่ 10 เมษายน&nbsp พ.ศ. 2455&nbsp ผู้โดยสารและลูกเรือที่เหลือก็มาถึงท่าเรือโอซันด็อคเพื่อลงเรือเที่ยวแรกก่อนเที่ยงเล็กน้อยเรือก็ถูกปลดเชือกโยงและเกือบชนกับเรือโดยสารชื่อนิวยอร์กที่จอดเทียบท่าอยู่ (น้ำที่ซัดเมื่อเรือใหญ่แล่นผ่าน)&nbsp ก่อนที่จะแล่นไปยังน่านน้ำของเซาแธมป์ตันเข้าไปในโซเลนท์&nbsp แล้วแล่นต่อไปยังช่องแคบอังกฤษ&nbsp เย็นวันที่ 10 เมษายน&nbsp เรือจอดเป็นครั้งแรกที่เมืองแชร์บูร์กประเทศฝรั่งเศส&nbsp และจอดเป็นครั้งที่สองในตอนเช้าของวันถัดมาที่เมืองควีนส์ทาวน์ (ปัจจุบันคือเมืองโคบบ์)&nbsp ของไอร์แลนด์&nbsp เพื่อรับผู้โดยสารและพัสดุไปรษณีย์เพิ่มเติม&nbsp แล้วจึงมุ่งหัวไปทางทิศตะวันตกบนเกรทเซอร์เคิลรูทเพื่อไปยังเรือทุ่นชื่อแนนทัคเก็ตที่อยู่ไปทางทิศใต้เป็นระยะทาง&nbsp 68 กิโลเมตร&nbsp ของเกาะแนนทัคเก็ตนอกฝั่งของรัฐแมสซาซูเซตส์ของสหรัฐฯ&nbsp โดยทิ้งฝั่งทะเลไอรัชไว้เบื้องหลังตอนย่ำค่ำของวันที่ 11 เมษายน




ไททานิคจม

&nbsp &nbsp &nbsp &nbsp  การศึกษาเบื้องต้นเสนอว่าเรือไททานิคจมเพราะกระแทกกับภูเขาน้ำแข็ง&nbsp ทำให้เกิดแผลลึกยาว 100 เมตรที่ต่อเนื่องกันในตัวเรือ&nbsp แต่การศึกษาในภายหลังแย้งว่า&nbsp แผลที่ยาว 100 เมตรนั้นไม่ต่อเนื่องกัน&nbsp หลังเรือจมเอ็ดเวิร์ด&nbsp ไวล์ดิ้ง&nbsp วิศวกรผู้ออกแบบของบริษัทฮาร์แลนด์แอนด์โวล์ฟ&nbsp ได้ประมาณอัตราการท่วมของน้ำจากรายงานของผู้โดยสารที่รอดชีวิตว่าการชนภูเขาน้ำแข็งทำให้เกิดช่องโหว่ซึ่งมีบริเวณกว้าง 1.115&nbsp ตารางเมตร&nbsp ที่เพียงพอที่จะให้เรือจม&nbsp แฮคเก็ตต์ และเบดฟอร์ดได้คำนวณด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์&nbsp จากคำบอกเล่าของผู้รอดชีวิตกลุ่มเดียวกัน&nbsp โดยแบ่งความเสียหายของ 6 ห้องแรกออกเป็นส่วน ๆ แยกกัน&nbsp ได้ตัวเลขของพื้นที่ที่เสียหายทั้งหมด&nbsp 1.171&nbsp ตารางเมตร&nbsp ซึ่งมากกว่าที่ประมาณการไว้โดยไวล์ดิ้งเล็กน้อย

&nbsp &nbsp &nbsp  ตอนเกิดอุบัติเหตุผู้รอดชีวิตมีความเห็นไม่ตรงกัน&nbsp บางคนว่าเรือแตกออกเป็นสองเสี่ยงขณะจม&nbsp บางคนว่าเรือจมทั้งลำ&nbsp วันที่ 1 กันยายน&nbsp 2528&nbsp รอเบิร์ด&nbsp บัลลาร์ดพบเรือไททานิคบนพื้นมหาสมุทรที่ความลึก 3,700 เมตร&nbsp เรือแตกหักเป็นสองท่อนใหญ่&nbsp อยู่ห่างกันประมาณ 600 เมตร&nbsp ระหว่างกันเป็นลานเศษที่พังทับถม&nbsp ทั้งเศษเหล็กจากตัวเรือที่แตกหักและแผ่นเหล็กลำเรือ&nbsp หมุดย้ำที่กระเด็นหลุดออกมา&nbsp ชุดมีดโต๊ะและเครื่องถ้วยชามกระเบื้องจากห้องอาหาร&nbsp เฟอร์นิเจอร์จากห้องพักผู้โดยสารและจากดาดฟ้า&nbsp รวมทั้งเศษอื่น ๆ ด้วย

0
ทิว 1 ม.ค. 52 เวลา 21:25 น. 11

หากดวงดาวเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้ทำไมไม่พิสูจน์ล่ะครับถ้ากัปตันฟังคำเตือนของเรือดังกล่าวแล้วจะเกิดเหตุการณ์นี้ป่าวลองเอาไปคิดเล่นๆดูดิครับ

0
แพม 20 มี.ค. 52 เวลา 22:15 น. 12

เรายังไม่เคยดูเลย อยากดูเหมือนกันเลยจะมาถามชาว IT ทุกคนว่า หนังเรื่อง ไททานิค สนุกหรือป่าว

เราจะได้ไป เช่ามาดู น่ะคะ ช่วยตอบหน่อยค่ะ1

0
... 30 ส.ค. 52 เวลา 11:08 น. 14

โรสกะแจ็คมีจริงไม่ใช่เหรอ

เห็นได้ยินเค้าบอกว่าอย่างนั้นนะ

หนังโคตรซึ้งเลยอ่า

TT

เพลงก้อเพราะจับใจ

อิอิ

ชอบจังเยย10

0
ฟ้า 17 ต.ค. 52 เวลา 02:41 น. 16

ตกลงแล้วมีแจ็คกะโรสจิงหรือป่าว
แล้วเอามาทำเป็นหนังได้ไง งงอ่ะ
แต่เป็นเรื่องที่ชอบมากเลยนะสนุกสุดซึ้ง
เพลงก้อเพราะด้วย10

0
บ้านหม้อ 19 ธ.ค. 52 เวลา 15:11 น. 18

แรกๆก็ดีน่ะ...........อ่านแล้วชวนติดตามให้อ่านไปเรื่อยๆ พอพักหลังอา.............รายว่ะ ไปเกี่ยวกับดวงดาวเชยเลย จะอ่านเรื่องไททานิคน่ะค่ะไม่ใช่เรื่องดงเรื่องดาวอะไร.......................เซ็งง้าว

0
BAKKAYARO 19 ม.ค. 53 เวลา 19:29 น. 20

คัยเท่ยังมิ๊ดั่ยดูหนังเรื่องนี้อยากไห้ดูกัลมากๆเรยเพาะว่าหนังเรื่องนี้สุดยอดนัยปะวัดสาดเรยก็ว่าด้าย

0