สมัยก่อนคนไทยแต่งชุดดำไปงานศพหรือเปล่า
ตั้งกระทู้ใหม่
ในหนังสือ บันทึกเรื่องความรู้ต่างๆ สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระยาริศรานุวัดติวงศ์ ทรงบันทึกไว้ตอนหนึ่งว่า เรื่องไว้ทุกข์ของเรา เป็นเรื่องสับปลับยากใจเป็นที่สุด เอาอะไรแน่ไม่ได้เลย ถ้าสังเกตแบ่งก็แบ่งได้เป็นสองทาง คือไว้เฉพาะแต่ไปเข้างานศพทางหนึ่ง กับไว้ประจำวันอีกทางหนึ่ง การไว้ไปเข้างานศพก็คือนุ่งขาวนุ่งดำ เข้าใจว่าเราจำเขามา นุ่งขาวพูดกันว่าเอาอย่างจีน แต่ถามพวกจีนเขาก็ว่า เขาไม่ได้นุ่งขาว ตกลงจะมาแต่ไหนก็ไม่ทราบ แต่นุ่งดำนั้นจำฝรั่งมาแน่ และเป็นแน่ว่าเกิดขึ้นในรัชกาลที่ 5 ด้วย ที่นุ่งสีกุหร่า สีนกพิราบ และสีน้ำเงินอะไรเหล่านี้ เชื่อว่าเป็นของเราคิดขึ้นเอง เพื่อจะเดินให้เป็นสายกลาง แต่ฉันไม่เล่นด้วย เห็นว่าแต่งขาว แต่งดำเท่านั้นก็ลำบากพออยู่แล้ว ไฉนจะไปรับเอาอย่างอื่นมาพอกให้ลำบากยิ่งขึ้นอีกเล่า เดิมทีเราเห็นจะไม่ได้แต่งไว้ทุกข์กัน เพราะเคยเห็นพระเมรุใหญ่ๆ แต่ก่อนมา นุ่งสมปักลายสีต่างๆ คาดเสื้อครุยกันทั้งนั้น
การแต่งชุดดำเพิ่งมีขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 แล้วในปัจจุบันก็กลายเป็นประเพณีการแต่งกายไปงานศพของชาวไทยเราไปเรียบร้อยแล้ว
38 ความคิดเห็น
ขอบคุณสำหรับความรู้ขอรับ
PS. บางสิ่งบางอย่างต้องการ"กรอบ"แต่มิใช้ทุกสิ่ง สิ่งที่ควรให้กรอบมากที่สุดคือ"การกระทำ" แต่จงอย่าให้"ความคิด"ถูกจำกัดด้วยกรอบ
เป็นความรู้ที่ดีมากๆนะครับ
สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทูล สมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมพระนริศรานุวัดติวงศ์
มีเรื่องที่หม่อมฉันทูลผัดไว้อีกเรื่อง ๑ คือที่ตรัสถามถึงหลักการนุ่งขาวนุ่งดำดำและสีกุหร่าในงานศพนั้น หม่อมฉันคิดใคร่ครวญดูตามที่เคยรู้เห็น เห็นว่าการนุ่งขาวในงานศพน่าจะมีมาก่อนก่อนเก่าช้านาน ข้อนี้พึงเห็นด้วยประเพณีนุ่งขาวในงานศพมีทุกประเทศทางตะวันออกนี้ ตั้งแต่อินเดียไปจนตลอดเมืองจีน เมื่อคิดต่อไปว่าเหตุใดจึงนุ่งขาว เห็นว่าผ้าขาวเป็นคั่นต้นของเครื่องนุ่งห่มที่ใช้กันในบ้านเมืองเป็นสามัญ คือเอาฝ้ายอันธรรมชาติเป็นสีขาวมาปั่นทอเป็นผืนผ้า จึงเป็นสีขาวนุ่งห่มกันเป็นปกติ การนุ่งหแมด้วยสิ่งอื่น เช่นใบไม้ก็ดี คากรองก็ดี เป็นของมีมาก่อนรู้จักทอผ้า เป็นแต่คงนุ่งห่มตามแบบเดิมที่นุ่งห่มผ้าย้อมฝาด ก็เพื่อรักษาให้ผ้าทนทาน เพราะอัตคัดผ้าขาวนุ่งห่ม ต่อบุคคลที่มั่งมีศรีสุขหาผ้าขาวได้ง่าย ปรารถนาจะแต่งตัวให้สวยงามกว่าเพื่อน จึงคิดทำผ้านุ่งห่มย้อมสีสรรเขียนลวดลายต่างๆเสมออย่างเป็นเครื่องประดับ ตลอดจนทำเสื้อแสงปักลวดลายก็เพื่อให้สวยงามอย่างเป็นเครื่องประดับในทำนองเดียวกัน ไม่แต่งในเวลามีทุกข์โศก คงแต่ผ้าขาวที่นุ่งห่ม นอกจากไว้ทุกข์ยังมีกรณีอื่นอีกหลายอย่างที่นุ่งขาวห่มขาว แต่พิเคาระห์ดูก็อยู่ในการงดเครื่องประดับทั้งนั้น จึงเห็นว่าการงดเว้นเครื่องประดับเป็นมูลของการนุ่งขาว ที่ทูลนี้อาจจะเป็นความเห็นอย่างฟุ้งซ่าน เมื่อคิดขึ้นทูลตามความคิดเห็น
อนึ่งการนุ่งขาวในงานศพน่าสันนิษฐานว่าแต่เดิมเห็นจะนุ่งหมดทั้งครัวเรือน ตั้งแต่พ่อแม่พี่น้องจนบ่าวไพร่ของผู้ตาย แต่ต่อมาน่าจะเป็นเพราะเหตุใดยังคิดไม่เห็น จึงดกำหนดให้นุ่งขาวที่อายุอ่อนกว่าผู้ตายกับบ่าวไพร่ ถึงกระนั้นถ้าผู้ใหญ่ในสกุลจะนุ่งขาวก็นุ่งได้ตามใจสมัคร มีตัวอย่างในเมืองพม่าปรากฏว่าพระเจ้ามินดงทรงขาวในงานพระศพอัครมเหสีด้วยความอาลัย แล้วเลยทรงขาวไว้ทุกข์ต่อมาจนตลอดพระชนมายุ ในเมืองไทยนี้ก็มีตัวอย่างปรากฏในพงศาวดารรัชกาลที่ ๑ ว่าเมื่องงานพระศพสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้า กรมหลวงศรีสุนทรเทพใน พ.ศ. ๒๓๕๒ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ทรงพระภูษาลายพื้นขาวทุกวัน ดำรัสว่า "ลูกคนนี้รักมากต้องนุ่งขาวให้ เรื่องที่กล่าวมานี้ส่อให้เห็นว่าประเพณีในสมัยนั้น การนุ่งขาวในงานศพ ไม่นุ่งแต่เฉพาะผู้ที่อ่อนกว่าผู้ตายอย่างเช่นถือกันในปัจจุบันนี้ และมีปัญหาน่าคิดต่อไปด้วยว่า หากมิใช่งานศพเจ้านายซึ่งทรงเสน่หาเท่าเจ้าฟ้ากรมหลวงศรีสุนทรเทพจะทรงพระภูษาสีไร ข้อนี้มีเค้าเงื่อนปรากฏอยู่ในสมัยเมื่อผู้หญิงยังไม่แต่งดำในงานศพ ผู้หญิงที่เป็นญาติชั้นผู้ใหญ่ย่อมนุ่งผ้าลายพื้นม่วง ผู้หญิงที่มิใช่ญาตินุ่งผ้าลายสีน้ำเงิน ห่มแพรสีขาวทั้ง ๒ พวก ส่อให้เห็นว่าในงานศพสมัยรัชกาลที่ ๑ ญาติผู้ชายชั้นเป็นผู้ใหญ่ก็เห็นจะนุ่งผ้าสีม่วงหรือสีอื่นที่ไม่ฉูดฉาดและคาดพุ่งสีขาว ใช้ประเพณีเช่นนั้นมาจนรัชกาลที่ ๓
ถึงรัชกาลที่ ๔ มีการเปลี่ยนแปลงด้วยเรื่องเครื่องแบบแต่งตัว เริ่มด้วยให้ใส่เสื้อในการงาน ปัญหาน่าจะเกิดขึ้นในสมันนี้ ว่าในงานศพควรจะใส่เสื้อสีใด พวกชั้นที่นุ่งขาวต้องใส่สีขาวอยู่เองไม่มีปัญหา เป็นปัญหาแต่ญาติชั้นผู้ใหญ่ที่นุ่งผ้าสีม่วงจะใส่เสื้อสีใด จึงบัญญัติให้ใส่เสื้อสีแพรสีกุหร่า ด้วยสีหม่นใกล้กับสีม่วง ที่ทูลมานี้เป็นอธิบายตามคาดคะเน ด้วยเมื่อแต่งสีกุหร่ากันในรัชกาลที่ ๔ หม่อมฉันยังเด็กนักจำไม่ได้ แต่มีกรณีที่ได้เห็นเค้าเงื่อนครั้งหนึ่งเมื่องานพระเมรุสมเด็จพระนางสุนันทา ในรัชกาลที่ ๕ ในสมัยนั้นเจ้านายใช้ประเพณีทรงดำทรงขาวตามชั้นพระชันษาอยู่แล้ว สมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงทรงปรารภถึงสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ซึ่งเป็นหัวหน้าราชนิกุล จะให้แต่งตัวอย่างเจ้าก็ไม่เข้าระเบียบ จะให้แต่งตัวอย่างขุนนางสามัญซึ่งนุ่งสมปักลายใส่เสื้อขาว(หรือเยียรบับหม่อมฉันจำไม่ได้แน่)ก็ทรงเกรงใจ ดูเหมือนจะทรงปรึกษาสมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระยาบำราบปรปักษ์ เอาแบบแต่งสีกุหร่าอย่างแต่ก่อนมาใช้ มีรับสั่งให้ใส่เสื้อสีแก่ใกล้กับสีดำ หม่อมฉันได้เห็นนุ่งสมปักลาย(ดูเหมือนสีม่วง) ใส่เสื้อแพรสีน้ำตาลนั่งที่หน้าพลับพลาทุกวัน
หุหุ...
แต่ว่าพระที่ไปสวดนะเจ้าคะ คนอื่นเค้าแต่งขาวแต่งดำกันหมด พระมาที่สว่างโล่งเลยเจ้าค่ะ ส้มแปร๊ดด
(นังป่านทะลึ่งและเมิง) ...
PS. จะผูกอสรพิษท่านให้ผูกด้วยมนตรา ผูกไอยราท่านให้ผูกด้วยสายบาศ แต่ถ้าจะผูกคนท่านให้ผูกด้วยสายใยแห่งไมตรีจิต ด้วยไม่มีความเหนียวแน่นใดๆจะทรงพลังเท่า ...
เอ่อ คห. 4 เล่นพระเล่นเจ้ามันไม่ดีนะคร้าบ เด๋วนรกจะกินหัวเอา เหอะๆๆ ขอบคุณสำหรับความรู้ดี ๆ ที่นำมาให้กันนะคร้าบบ
PS. ไรอ่ะ!!!
PS. :: Baby Maybe :: หัวใจนี้ แลกมา...เพื่อรักเธอ (นายศิลา) http://my.dek-d.com/yushika/story/view.php?id=324256
งืมๆ ขอบคุงค่ะ
PS. ถ้าคนเราไม่กล้าที่จะเริ่มต้น...แล้วเรา..จะรู้จักปลายทางของถนนเส้นนั้นได้ยังไง พยายามเพื่อตนเอง....เพื่อคนที่เรารัก...คนที่รักเรา
ขอบคุณคับ
PS. เดินผ่านมาแล้วก้อเดินผ่านไป ~~ ฟิ้ววววว
http://www.dek-d.com/board/view.php?id=919393
อ่านจากเรื่อง ทวิภพ อ่ะ
ถ้าเราอายุมากกว่าผู้ที่เสียชีวิต ให้แต่งดำ
แต่ถ้าเราอายุน้อยกว่าผู้ที่เสียชีวิตนั้น ให้แต่งขาว นะ
ขอบคุณค่ะ
PS. Love is The fury of the stom The calm in the rainbow Love is the source of passion
- -*    ThaNK
PS. *+~ คน อย่างกรู รักคัย รักจิง ~+*
ขอบคุณสำหรับ
ความรู้ดีๆ
PS. -:- !!อยากรักเธอจนวันสุดท้าย แต่ฉันก็พอเข้าใจ!! -:-
ค.ห.4 ระวังนะ- -* (เราก้อคิดเหมือนกัน ว๊ะฮ่าฮ่าฮ่า- -* เลวละๆ)
ก็ดี เป็นความรู้ใหม่รอบตัวดี
เราเคยอ่านหนังสือ เขาบอกว่า ประเพณีการใส่ชุดดำไปงานศพเป็นประเพณีที่รับรูปแบบมาจากชาติตะวันตก
ขอบคุณสำหรับความรู้ดีๆจ้า...
PS. Hello kitty
-v- ขอบคุงคั้บ
ขออนุโมทนากับความรู้ดีๆนะครับ  อย่าลืมหาความรู้ดีๆมาให้อ่านอีกนะครับ
ขอขอบคุนคร้า
สำหรับความรุ้ดีๆนะ
PS. โหมด:อ้างว้าง /// ปากดี ขีเหงา เอาแต่ใจ
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?