Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

กลุ่มดาวในเทพนิยายกรีก

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่

2.  ตำนานดวงดาว

 

กลุ่มดาวที่สำคัญในเทพนิยายกรีก

กลุ่มดาวเปอร์ซิอุส (Perseus)
กลุ่มดาวเซฟิอุส (Cepheus)
กลุ่มดาวปลาวาฬร้าย (Cetus = the Whale)
กลุ่มดาวม้าปีก (Pegasus = the Winged Horse)
กลุ่มดาวแอนโดมิดา (Andromeda)
กลุ่มดาวแคสซิโอเปีย (Cassiopeia)
        

กลุ่มดาว 6 กลุ่มนี้อยู่ใกล้กันในบริเวณท้องฟ้าแถบเหนือ :  มีนิยายเกี่ยวข้องกันอยู่ในวรรณคดีกรีกตั้งแต่ 500 ปีก่อนคริสต์ศักราชมาแล้ว ชื่อกลุ่มดาว 6 กลุ่มเกี่ยวข้องกันดังต่อไปนี้
       กาลครั้งหนึ่งกษัตรย์ อะคริซิอุส (Acrisius) แห่งนคร อาร์กอส (Argos) ทรงมีความทุกข์ เพราะไม่มีราชโอรส พระองค์ทรงมีแต่ราชธิดาสิริโฉมงามยิ่ง ชื่อ แดนนี่ (Danae) องค์เดียวแม้จะทรงไปอ้อนวอนจอมเทพ อะพอลโล (Apollo) เพื่อประทานราชโอรส ก็ได้รับคำปฏิเสธโดยสิ้นเชิงและยังทรงเตือนไว้ด้วยว่า ไม่เพียงแต่จะไม่มีราชโอรสเท่านั้น หากธิดาแสนสวยมีบุตรชายเมื่อใด จงระวังบุตรชายของนาง หรือหลานชายนั่นแหล่ะจะฆ่าท่านให้ถึงตาย เมื่อกษัตริย์อะคริซิอุสทรงทราบเช่นนี้ ก็ทรงคิดกำจัดราชธิดา ครั้นจะใช้วิธีฆ่าฟัน พระทัยก็ไม่แข็งพอที่จะทรงกระทำได้ จึงทรงเพียงสั่งกักบริเวณให้อยู่ในห้องทำด้วยโลหะสร้างลึกลงไปใต้ดิน มีแต่หลังคาโผล่พ้นขึ้นมา พระนางแดนนีจำต้องอยู่ในห้องนี้เป็นเวลานาน วันหนึ่งเกิดปรากฏการณ์ประหลาด มีฝนทองคำร่วงหล่นลงมาจากฟากฟ้าหลั่งไหลเข้าไปในห้องที่ขังพระนาง แล้วฝนนั้นแปลงรูปเป็นเทพยเจ้า ซีอุส (Zeus) สมสู่อยู่กับพระนางแดนนี จนทรงคลอดโอรสชื่อ เปอร์ซิอุส (Perseus)      เมื่อกษัตริย์อะคริซิอุสทรงทราบ ก็ทรงนึกถึงคำของจอมเทพอะพอลโลว่า หลานชายคนนี้เติบใหญ่ขึ้นมาจะฆ่าพระองค์ จึงได้จับพระนางแดนนีและเปอร์ซิอุสใส่บลงเรือให้ลอยไปตามยถากรรม เรือลอยลำตามกระแสน้ำไปเกยตื้นของเกาะแห่งหนึ่ง มีชาวประมงใจอารีชื่อ ดิคติส (Dictys) มาพบเข้า เมื่องัดบเอาสองแม่ลูกออกมาแล้วก็พาไปอยู่กับภรรยา สองตายายเลี้ยงดูพระนางและเปอร์ซิอุสด้วยความปราณีดุจลูกหลานในไส้ กาลเวลาผ่านไปจนเปอร์ซิอุสเติบใหญ่ขึ้น เมื่อความล่วงรู้ไปถึง โปลีเดคเตส (Polydectes) ซึ่งเป็นผู้ครองเกาะและเป็นพี่ของพ่อเฒ่าดิคเตส มีความลุ่มหลงในความงามอยากได้แดนนีมาเป็นภรรยาและคิดจะกำจัดเปอร์ซิอุส
       วันหนึ่งโปลีเดคเตสจึงปรารภกับเปอร์ซิอุสว่า มีอสุรกายร้ายกาจฤทธิ์เดชมาก 3 ตน ชื่อ สะเธโน (Stheno) ยูรีเอล (Euryale) และ เมดุซ่า (Medusa) เรียกว่าพวก กอร์กอนส์ (Gorgons) อาศัยอยู่บนเกาะซาปิดอน เขาอยากได้หัวของอสุรกายสักหัวหนึ่งยิ่งกว่าสิ่งใดในโลก พร้อมกันนั้นก็บอกวันกำหนดประกาศหมั้นกับแดนนี และขอเชิญเปอร์ซิอุสไปร่วมงานด้วย เมื่อถึงวันกำหนดบรรดาแขกที่ได้รับเชิญต่างก็จัดหาของขวัญนานาชนิดมาให้เจ้าภาพ เว้นแต่เปอร์ซิอุสไม่มีอะไรติดมือมาเลยเขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จึงประกาศด้วยความหยิ่งในศักดิ์ศรีของความเป็นหนุ่มที่ห้าวหาญว่า เขาจะมอบสิ่งล้ำค่าคือ หัวของเมดุซ่า ซึ่งเป็นอสุรกายตัวเมียดุร้ายในพวกกอร์กอนส์ แขกแหรื่อที่ได้ยินคำประกาศต่างก็ตระหนกตกใจมาก เพราะเมดุซ่าเป็นอสุรกายที่มีฤทธิ์เดชเหลือหลาย บนหัวมีงูร้ายเป็นเส้นผม เพียงใครเหลือบมองคนนั้นจะกลายเป็นหินไปในบัดดล สิ้นเสียงประกาศแล้วเปอร์ซิอุสเดินอย่างองอาจออกไปท่ามกลางผู้คนที่กำลังตะลึงในความห้าวหาญของเขา เขาลงเรือแล่นตรงไปกรีกถามหาอสุรกายว่ามีที่หลบซ่อนอยู่ที่ใดก็ไม่มีใครทราบจึงเดินทางเรื่อยไปจนพบ เฮอร์เมส (Hermes) ซึ่งอาสาเป็นผู้นำทางและเตือนว่าจะต้องมีอาวุธอย่างดีครบครัน พร้อมกับพาหนะที่จะช่วยให้หนีอย่างรวดเร็ว เฮอร์เมสจึงให้ดายคมกริบอย่างดีและรองเท้าปีกสวมเหาะเหินเดินอากาศได้ เมื่อเฮอร์เมสพาไปพบเทพี เอเธนา (Pollas Athena) ก็ได้รับโล่ขัดมันวาวสำหรับใช้สะท้อนแสงดูเมดุซ่าแทนการมองดูตรงๆ เพื่อจะไม่ต้องกลายเป็นหิน แล้วเฮอร์เมสก็พาข้ามทะเลไปยังเกาะสาวสยองขวัญ (Terrible Sister's Island) อันเป็นที่อยู่ของพวกอสุรกาย

       นับว่าโชคดีมาก ขณะเปอร์ซิอุสไปถึงเป็นเวลาที่พวกอสุรกากำลังหลับ เปอร์ซิอุสจึงใช้โล่ขัดมันเป็นเครื่องสะท้อนแสงตรวจดูเห็นอสุรกายเหล่านี้ต่างก็มีเส้นผมเป็นงูเลื้อยยั้วเยี้ยเต็มหัว และมีเกล็ดแข็งหนาหุ้มอยู่รอบตัวเหมือนกันไปหมดเมื่อเฮอร์เมสกระซิบบอกให้ว่าอสุรกายตนใดคือเมดุซ่า ซึ่งเป็นอสุรกายที่จะฟาดฟันให้ตายได้ เปอร์ซิอุสจึงสวมรองเท้าปีกส่วนตานั้นจองเขม็งอยู่ที่โล่และล่องลอยเข้าใกล้เมดุซ่า เมื่อได้ทีก็เงื้อดาบอันคมกริบตัดคอหลุดจากบ่า เลือดเมดุซ่าที่หลั่งไหลออกมากลายเป็นม้าลอยตระหง่านอยู่ เปอร์ซิอุสจึงคว้าหัวเมดุซ่าขึ้นม้าปีกเหาะหนีเหล่าอสุรกายได้ แล้วอำลาเฮอร์เมสมุ่งหน้ากลับบ้าน ขณะที่เปอร์ซิอุสขี่ม้าปีกเหาะข้ามทะเล ใกล้จะถึงนครเอธิโอเปียมองเห็นสาวงามถูกล่ามโซ่ติดอยู่ที่ชายหาด และกลางทะเลนั้นมีปลาวาฬร้ายเวียนว่ายอยู่ เมื่อลงมาเจรจากันจึงทราบว่าน้องนางชื่อ แอนโดรมิดา (Andromeda) ธิดาสาวแห่งพระเจ้า เซฟิอุส (Cepheus) กับพระนาง แคสซิโอเปีย (Cassiopeia) ผู้ครองนครเอธิโอเปีย การที่แอนโดรมิดา ต้องถูกล่ามโซ่รอให้ปลาวาฬร้าย (Cetus) ขึ้นมากิน เพราะแคสซิโอเปียผู้เป็นมารดาชอบโอ้อวดว่า แอนโดรมิดามีสิริโฉมงดงามยิ่งกว่าธิดาของ เนเรอุส (Nereus) ซึ่งทำให้เทพยเจ้าแห่งทะเลกริ้วเป็นอย่างยิ่งถึงกับกำหนดโทษให้แคสซิโอเปียนั่งเก้าอี้ไม่มีพนัก ห้อยเท้าเปล่าตลอดไป และจะต้องยกแอนโดรมิดาเป็นเครื่องสังเวยแก่ปลาวาฬ มิฉะนั้นจะส่วนสัตว์ป่ามากินผู้คนพลเมืองให้หมดเกาะ แอนโดรมิดาจึงยอมสละชีวิตเพื่อความปลอดภัยของประชาชน
       เมื่อเปอร์ซิอุสได้สนทนาพาทีกับแอนโดรมิดา ก็เกิดความสงสารจึงอาสาจะช่วยโดยขอแต่ให้หลับตานิ่งเฉย เปอร์ซิอุสเตรียมตัวพร้อมอยู่ใกล้ๆ พอเห็นปลาวาฬร้ายโผล่พ้นน้ำขึ้นมาก็ชูหัวของเมดุซ่าขึ้น ทันทีที่ปลาวาฬมองมายังหัวเมดุซ่า ร่างของปลาวาฬก็กลายเป็นหินไป เสร็จจาการปราบปลาวาฬร้ายแล้ว เปอร์ซิอุสจึงปลดเปลื้องโซ่และพาแอนโดรมิดากลับบ้านกลับเมืองเพื่อสู่ขอเป็นภริยา บิดามารดาแอนโดรมิดาเรื่องโดยตลอดจึงเต็มใจยกให้ด้วยความปีติยินดี แล้วทั้งสองก็ทูลลาเพื่อเดินทางกลับไปหาแดนนีผู้เป็นมารดา
       ครั้นเปอร์ซิอุสและแอนโดรมิดาพากันลงเรือมาถึงบ้านชาวประมงที่เคยอาศัยมาแต่เล็กน้อย ปรากฏว่าไม่พบใครเลยภรรยาชาวประมงผู้มีใจอารีสิ้นชีวิตไปนานแล้ว พ่อเฒ่าซึ่งเลี้ยงดูเขาดุจบิดาบังเกิดเกล้าก็ไม่อยู่ แม้แดนนีผู้มารดาก็หลบหนีไปอยู่ที่อื่น เพราะนางไม่ยอมแต่งงานกับผู้ครองเกาะใจร้ายนั้น จนเมื่อเปอร์ซิอุสมีโอกาสไปร่วมสโมสรของผู้ครองเกาะ พอย่างเข้าสู่ท้องพระโรงและทุกคนมองมาที่ตัวเขาแล้ว เขาจึงชูหัวของเมดุซ่าขึ้น ทำให้ผู้ครองเกาะและข้าราชบริพารที่ร่วมอยู่ ณ ที่นั้นกลายร่างเป็นตุ๊กตาหินไปหมด ครั้งแล้วเปอร์ซิอุสพระนางแดนนีและแอนโดรมิดาก็พากันกลับเมืองอาร์กอสเพื่อเยี่ยมกษัตริย์อะคริซิอุสผู้เป็นพระเจ้าตา พอถึงเมืองอาร์กอสได้ข่าวว่าพระเจ้าตาถูกขับออกจากเมือง ไม่ทราบว่าระเหเร่ร่อนไปอยู่แห่งใดระหว่างนั้นกษัตริย์แห่ง นครลาริสสา (Larissa) ซึ่งอยู่ทางเหนือนครอาร์กอส กำลังจัดงานประลองฝีมือ เปอร์ซิอุสจึงเดินทางไปร่วมประลองการพุ่งแหลน ปรากฏว่าแหลนของเขาไปตกท่ามกลางผู้ชมคนและปักอกชายคนหนึ่งถึงแก่ความตาย เมื่อเข้าไปดูศพจึงทราบว่าผู้เคราะห์ร้ายนั้นคือ กษัตริย์อะคริซิอุสผู้เป็นคุณตาของเขาและสุดที่จะแก้ไขประการใดได้ นับว่าเป็นไปตามคำทำนายของเทพยเจ้าอะพอลโลที่ทรงกล่าวไว้แต่หนหลัง เสร็จจากการได้ชัยชนะจากการประลองฝีมือก็กลับมาอยู่กับแอนโดรมิดาด้วยความผาสุก

       "ตำนานดวงดาว" เราเคยฟัง พี่ชายมักจะเอาหนังสือเกี่ยวกับเรื่องดวงดาวและอวกาศอันไกลโพ้น มาอ่านให้ฟัง ก่อนนอนเสมอ ๆ ในสมัยที่เรายังเป็นเด็ก 10 กว่าขวบ ยังจำไม่เคยลืมเลือน พี่ชื่อ "โจนาธาน ทัตสึมิ อิมัย" พี่ชายสุดที่รักของเราไม่อยู่บนโลกนี้อีกแล้ว คนที่เคยหอมแก้มเราก่อนจะหลับทุกคืน จากเราไปนานเหลือเกิน  เวลา 5 ปีที่จากกัน ดูเนิ่นนานในความรู้สึกเหมือนเป็นร้อยปี พันปีได้ มีแต่ความทรมานเพราะความคิดถึง อย่างไม่อาจจหาใครมาทดแทนได้ ที่จริงเราเริ่มห่าง ๆ กันก่อนหน้า 5 ปีนั้น เพราะพี่ต้องไปทำวิทยานิพนธ์ที่สหรัฐฯ เพื่อให้จบดอกเตอร์ เมื่อจบดร.ก็ได้ทำงานเกี่ยวข้องกับองค์การนาซ่า เป็นนักชีววิทยา ผู้ช่วยศาสตราจาร์ยที่สถาบันวิจัยค้นหาสิ่งมีชีวิตนอกโลก ที่ประสานงานร่วมกับองค์การนาซ่าของสหรัฐ  แล้วความฝันที่ต้องการไปให้ถึงดวงดาวของพี่ก็สำเร็จ พี่ได้รับคัดเลือก ให้ร่วมเดินทางไปพร้อมกับยานอวกาศ ที่มุ่งหน้าไปสร้างนิคมดวงดาวบนดาวอังคาร ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2025 จากนั้นมาก็ไม่สามารถพบเจอกับพี่ได้อีกเลย

       ค.ศ. 2030 เราไล่ตามความฝันของพี่มาที่สหรัฐได้ อีกไม่ไกลเกินเอื้อม ความพยายามที่จะเอื้อมคว้าไปหาพี่คงมีทางสำเร็จเข้าสักวัน 
"สวัสดีครับ ผมนาวาโทการันต์ ทัตสึมิ ครับ" 
"คุณเองเหรอ นักบินจากกองทัพอากาศญี่ปุ่น ที่มาฝึกขับเครื่องบินไอพ่นที่สหรัฐ
ประสบการณ์ทางด้านการขับเครื่องบินไอพ่นใช้ได้นี่ แถมยังเป็นน้องชายของดร.โจนาธารอีก แต่ว่าวงการนักบินอวกาศนี่ มันไม่สามารถใช้เส้นสายฝากงานกันได้ และก็ไม่มีอภิสิทธิ์ให้กับญาติหรอกนะ ถ้าอยากสมัครเป็นนักบินอวกาศขององค์การนาซ่า  คุณต้องขอสัญชาติอเมริกันให้ได้ก่อน  ผมจะสรุปคุณสมบัติการเป็นนักบินอวกาศขององค์การนาซ่าให้คุณฟัง เป็นข้อ ๆ แล้วกัน" อันวา โทมัสเจ้าหน้าที่ควบคุมการบินภาคสนาม ขององค์การนาซ่า ซึ่งรู้จักกันดีกับ ดร.โจนาธาน พี่ชายเราอธิบาย เมื่อเรามาเยี่ยมหลังเลิกงาน แค่ฟังคุณสมบัติของผู้จะสมัครเป็นนักบินอวกาศ เราก็รู้แล้วว่าเจอปัญหาใหญ่ ที่ยากยิ่งสำหรับการจะได้รับเลือกให้เข้าเป็นนักบินอวกาศ ขนาดถูกหวยรางวัลที่ 1 ยังจะถูกได้ง่ายกว่า อันวาได้บอกคุณสมบัติคร่าว ๆ ของการจะได้รับคัดเลือกให้เป็นนักบินอวกาศมีดังนี้

       "คุณสมบัติข้อที่ 1
การที่จะมาเป็นนักบินของกระสวยอวกาศนั้น คุณต้องมีประสบการณ์ทางด้านการบินของเครื่องบินไอพ่น มากพอสมควร ซึ่งหมายถึงคนที่เคยขับเครื่องบินรบมาก่อน ซึ่งถ้าคุณไม่มีคุณสมบัติดังกล่าว ก็อย่าไปสมัครเป็น นักบินกระสวยอวกาศ ยกเว้นถ้าคุณจะดึงดันที่จะเป็นให้ได้จริงๆ อย่างไรก็เถอะ คุณก็สามารถที่จะเป็น ผู้วชาญงานพิเศษ (Mission Specialist) เพื่อที่จะไปทำการทดลองวิจัยต่างๆ ในอวกาศได้

       คุณสมบัติข้อที่ 2
ถ้าคุณมิใช่คนสัญชาติอเมริกัน แต่มีโอกาสมาทำงานที่อเมริกา ก็ควรจะ ขอสัญชาติอเมริกันให้ได้ ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นมากในกรณีนี้ หลังจากนั้น อย่าลืมว่ามีคนต้องการที่จะเป็นนักบินอวกาศมากกว่าจำนวนผู้ที่จะเป็นได้ ปัญหาของนาซา มิใช่ว่าไม่สามารถหาคนที่มีคุณสมบัติเหมาะสมมิได้ แต่ปัญหาก็คือจะคัดเลือกบุคคลที่มีคุณสมบัติที่เหมาะสมให้เหลือใน จำนวนที่พอจะเอามาบริหารได้ แค่ทำตัวให้มีคุณสมบัติตามที่นาซาต้องการ ยังไม่เพียงพอ คุณยังต้องพยายามที่จะหลีกเลี่ยงมิให้ถูกคัดทิ้งไม่ว่าจะด้วย เหตุผลใดก็ตาม ซึ่งบางเหตุผลที่โดนตัดออกอาจมิได้เกี่ยวกับเรื่องงานเป็น นักบินอวกาศแต่อย่างใด

       คุณสมบัติข้อที่ 3
พยายามเรียนให้ได้ปริญญาเอกเพื่อที่จะเป็นผู้วชาญทางด้านใดด้านหนึ่งได้ยิ่งดี ไม่ใช่แค่วชาญทางตำรานะครับ อย่างน้อยต้องทำอะไรลุยด้วยตัวเองได้ด้วย ในทางปฏิบัติ อย่าไปสนเรื่องเกี่ยวกับการเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์มาก เพราะส่วนใหญ่แล้วจะมีการจัดการจากภาคพื้นดินทั้งหมด มีปริญญาในด้าน ใดด้านหนึ่ง หรือมีหลายด้านก็ดี และมีความวชาญผ่านการทำงานทางด้านอื่น ยิ่งเป็นคุณสมบัติที่มักจะได้รับคัดเลือก

       คุณสมบัติข้อที่ 4
สภาพร่างกายที่ฟิตแข็งแรง สายตาดี และไม่ต้องไปหาเรื่องผ่าตัดตาด้วยเลเซอร์ หรือ อื่น ๆ เพื่อที่จะทำให้สายตาดีขึ้นนะครับ เพราะคุณไม่รู้ว่าเวลามีการเปลี่ยน ความกดดันทางอากาศอย่างฉับพลัน จะมีผลกระทบต่อตาที่เคยผ่าตัดมาก่อนหรือเปล่าในระยะยาว ด้วยเหตุดังกล่าว พยายามอย่าไปเสี่ยงกับการรักษา ทางการแพทย์ใหม่ ๆ ที่ยังไม่มีการพิสูจน์ตรวจสอบที่ดีพอ แล้วถ้าคุณสามารถผ่าน การตรวจความฟิตแบบนักบินรบ ไอพ่นได้ คุณก็โอเค 

       คุณสมบัติข้อที่ 5
นอกจากนี้ยังต้องฝึกพูดในที่ชุมชนให้เก่ง และต้องทำตัวสุภาพ เตรียมตัวคุณให้พร้อม ที่จะแสดงตัวเองให้คณะกรรมการคัดเลือกที่คอยจ้องจะจับผิดคุณตลอดเวลา คุณต้องแสดงให้เห็นว่าคุณนั้นดีกว่าคนอื่นๆ อีกหลายร้อย และถ้าคุณได้รับคัดเลือก คุณก็ต้องแสดงให้เขาเห็นว่าคุณจะมีส่วนช่วยทำให้นาซาให้พัฒนาดีขึ้น เรื่องการประชาสัมพันธ์ก็เป็นส่วนสำคัญของงานที่คุณจะทำ และภาพพจน์ของนาซา ก็เป็นทางการและเรียบร้อยสุภาพดังนั้นคุณต้องทำตัวเองให้เป็นคนเรียบร้อย แต่งตัวสุภาพ และบ้ากับงาน และในวันหนึ่งคุณก็ต้องได้รับการตรวจสอบว่า คุณเคยทำผิดกฎหมายอะไรหรือไม่ เพราะฉะนั้นทำตัวให้ดี อย่าให้มีประวัติเสียเกิดขึ้นนะครับ

       คุณสมบัติข้อที่ 6
พยายามเอาใบขับขี่เครื่องบินให้ได้ และให้การขี่เครื่องบินนี่เป็นงานอดิเรกหลักเลยจะดีมาก

       คุณสมบัติข้อที่ 7
ถ้ามีโอกาสได้ทำงานกับนาซาจะดีมาก นักบินอวกาศจำนวน 45 คนที่ ได้รับการคัดเลือกในช่วง 4-5 ปีมานี่ มี 43 คนที่เคยทำงานอยู่กับกองทัพ หรือทำงานอยู่กับนาซ่า อีกสองคนเป็นที่ปรึกษาของนาซ่า ถ้าคุณสมัครโดยที่คุณเป็น คนนอกของนาซ่าแล้วไม่ผ่าน แต่นาซ่าเสนองานอื่นให้คุณทำที่นาซ่า ก็เอาเลยครับ อาจจะหมายถึงว่าคุณก็ดูน่าสนใจแต่เขาก็อยากจะรู้จักคุณให้มากกว่านี้หน่อยก่อน

       คุณสมบัติข้อที่ 8
พยายามคิดอะไรทุกสิ่งทุกอย่างให้เกี่ยวกับอวกาศเสมอ นาซ่าต้องการคนที่ มีความกระตือรือร้น ดังนั้นพยายามที่จะแสดงความกระตือรือร้นของคุณเกี่ยวกับ เรื่องนี้ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

       คุณสมบัติข้อที่ 9
พยายามสมัครเข้าไว้ นักบินอวกาศหลายๆ คนไม่ได้ผ่านการคัดเลือกในการสมัครครั้งแรก อย่าเพิ่งเลิกล้มความตั้งใจง่ายๆ นะครับถ้ารักจะเป็นนักบินอวกาศจริงๆ

       นอกจากคุณสมบัติ 9 ข้อข้างต้นที่กล่าวไปแล้ว ผู้ที่ต้องการเป็นนักบินอวกาศ ก็จะต้องผ่านคุณสมบัติพื้นฐานบางอย่าง เช่น ส่วนสูงต้องอยู่ในช่วง 162-193 เซนติเมตร ถ้าจะเป็นผู้ชำนาญการพิเศษก็อยู่ในช่วง 150-193 เซนติเมตร สายตาต้องดี ความดันปกติ นี่เป็นคุณสมบัติคร่าว ๆ เท่านั้นนะครับ"

       จะว่าไปแล้วก็ไม่น่าหนักใจ ทุกข้อที่กล่าวมา เรามีความพร้อมพอทุกด้าน ส่วนสูงก็ได้ 180 เซนติเมตร แต่ข้อที่หนักใจที่สุดเห็นจะเป็นข้อ 2 เราเป็นคนสัญชาติญี่ปุ่นตามพ่อ และเชื้อชาติไทยตามแม่ ไม่มีความเกี่ยวพันทางด้านเชื้อชาติกับอเมริกันเลย มาฝึกขับเครื่องบินไอพ่นนี่ก็แค่ 2 ปี ขอสัญชาติอเมริกันไม่ได้แน่นอน แต่เราอยากตามพี่ชายไปที่ดาวอังคารเดี๋ยวนี้เลย ! ถ้าสามารถทำได้ 
"ทำหน้าเศร้าเลยนะครับ ผมว่าคุณยังไม่หมดหวังหรอก ผมได้ข่าวจากวงในมาว่า มีบริษัทเอกชนของญี่ปุ่นรวมตัวกันสนับสนุน โครงการวิจัยทางด้านอวกาศ เห็นว่าเพื่อจะไปตั้งนิคมดวงดาวที่ดาวอังคารเหมือนขององค์การนาซ่า มีการมาขอซื้อตัวนักบินอวกาศขององค์การนาซ่าด้วย แต่ทางนาซ่ายังไม่อนุมัติ คุณคงจากบ้านเกิดเมืองนอนมานาน เลย
ไม่รู้ข่าว บางทีเขาอาจเปิดรับนักบินอวกาศก็ได้นะ คุณลองกลับไปญี่ปุ่นบ้านเกิดคุณ อาจจะพบโอกาสที่ดีก็ได้" อันวากล่าว จุดประกายความหวังของเราให้เจิดจ้าขึ้นมาในทันใด โอกาสจะได้ไปเจอพี่ชายที่ดาวอังคารกำลังจะมาถึงแล้ว 

 

แสดงความคิดเห็น

>

2 ความคิดเห็น

นิรนาม 5 ก.ย. 50 เวลา 20:37 น. 1

พี่ได้รับคัดเลือก ให้ร่วมเดินทางไปพร้อมกับยานอวกาศ ที่มุ่งหน้าไปสร้างนิคมดวงดาวบนดาวอังคาร ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2025 จากนั้นมาก็ไม่สามารถพบเจอกับพี่ได้อีกเลย

&nbsp &nbsp &nbsp  ค.ศ. 2030 เราไล่ตามความฝันของพี่มาที่สหรัฐได้ อีกไม่ไกลเกินเอื้อม ความพยายามที่จะเอื้อมคว้าไปหาพี่คงมีทางสำเร็จเข้าสักวัน

ค.ศ. 2025 <<<=====ปีนี้มันเพิ่งค.ศ2007ไม่ใช่หรอค่ะ?????

0
The_Graveyard_Of_Death 12 ก.ย. 50 เวลา 19:51 น. 2

ง่ะ&nbsp ปี ค.ศ.2025 มันยังไม่ถึงไม่ใช่รึ?&nbsp เอ...หรือว่า b-ber จะล่วงรู้อนาคต&nbsp โอ้&nbsp ม่ายนะ เราเจอหมอเดา เอ้ย&nbsp หมอดู&nbsp หรือเนี่ย??? คริๆ&nbsp ล้อเล่นเจ้าค่ะ&nbsp แหะๆ&nbsp ขอบคุณนะที่ให้ข้อมูลเรื่องดวงดาว


PS.  ยามที่ชีวิตของเราอยู่ในช่วงที่ตกต่ำที่สุด จงจำไว้ว่า....ชีวิตยังต้องก้าวเดินต่อไป....
0