ความเห็นต่อภาพ"ภิกษุสันดานกา"
ตั้งกระทู้ใหม่
โดย ดรี บุนนาค
ผู้เขียนเริ่มจากเดินชมผลงานทุกชิ้นอย่างคร่าวๆ รอบหนึ่งก่อน เพื่อปูพื้นฐานการรับรู้ของตนเองเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวในงานศิลปกรรมของไทยว่าแนวคิดของศิลปินเป็นอย่างไร การผลิตผลงานมีการเชื่อมโยงกับรากฐานทางวัฒนธรรมอย่างไร
นึกขอบคุณคณะกรรมการคัดเลือกและตัดสิน ซึ่งกว่าจะคัดเลือกและตัดสินผลงานทั้งสี่ประเภท 309 ชิ้น มาเป็นผลงานที่ได้รับรางวัลและเข้าร่วมแสดงรวมทั้งสิ้น 109 ชิ้นนั้น ไม่ใช่งานง่ายๆ
การแสดงศิลปกรรมแห่งชาติเริ่มต้นมาตั้งแต่ พ.ศ.2492 ก็สามารถกระตุ้นให้ประชาชนชาวไทยมีความรู้ความเข้าใจในศิลปะสมัยใหม่ได้มากขึ้น เห็นได้จากจำนวนและคุณภาพของผลงานแข่งขันที่มีเพิ่มและพัฒนาขึ้นจนทัดเทียมนานาอารยประเทศ
สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น เมื่อใช้เวลาส่วนใหญ่พิจารณาชุดภาพผลงานของศิลปินเหรียญทอง คุณอนุพงษ์ จันทร ชื่อภาพ "ภิกษุสันดานกา" และ ภาพ "หมา-นุษย์" ซึ่งผู้นำเสนอผลงานได้แสดงแนวคิดในการสร้างสรรค์ไว้ว่า
"ข้าพเจ้าต้องการแสดงภาพลักษณะของเปรตที่แฝงอยู่กับผู้คนในสังคมปัจจุบัน โดยนำความเชื่อเรื่อง "เปรตภูมิ" ซึ่งเป็นกุศโลบายที่ใช้เตือนสติให้มนุษย์มีความเกรงกลัวต่อผลแห่งกรรม และสร้างสำนึกให้ตั้งอยู่บนรากฐานของศีลธรรมมาเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ผลงานเพื่อถ่ายทอดความคิด อารมณ์ และความรู้สึกตามทัศนคติส่วนตนออกมาเป็นผลงานศิลปะไทยร่วมสมัย"
ผู้เขียนพิจารณาอย่างใคร่ครวญ ขนาดของภาพ 200x2.90 เมตร ที่ได้รับการสร้างสรรค์องค์ประกอบภาพอย่างมีจังหวะ สี แสง-เงา กับเนื้อหา และเทคนิคการผสมผสานส่วนประกอบเหล่านั้นให้เกิดเป็นภาพด้วยวิธีจุดประเล็กๆ จนเต็มพื้นที่ได้อย่างงดงาม
เป็นศิลปะที่สมบูรณ์ด้วยคุณค่าและประณีตเป็นที่สุด
หากศิลปินผู้สร้างผลงานชิ้นนี้ไม่ได้รับการบ่มเพาะตนเองเรื่องเบญจศีล-เบญจธรรม ให้เป็นผู้อุดมด้วยความวิริยะ อุตสาหะ ประกอบกับการทำความเข้าใจคำสั่งสอนของพระผู้มีพระภาคเจ้าว่าด้วยสัมมาทิฏฐิ มิจฉาทิฏฐิ อย่างละเอียดตามความหมายในพระพุทธศาสนาและนำมาประกอบกับปรากฏการณ์ของสังคมปัจจุบันแล้ว คงไม่เกิดแรงบันดาลใจจนกล้าแสดงความรู้สึกอย่างบริสุทธิ์ใจต่อพฤติกรรมอันไม่เหมาะสมของพระสงฆ์ (สมมติสงฆ์) ที่อาศัยผ้าเหลืองทำให้พุทธศาสนาในแผ่นดินไทยมัวหมอง
พิจารณาภาพจิตรกรรมชุดนี้เกิดอารมณ์สะเทือนใจ คือ สลด-สังเวชใจ และปีติ สลับกันไปถามเพื่อนที่ไปด้วยกัน ถามลูกๆ ได้ความรู้สึกคล้ายๆ กัน คือ หดหู่ใจและเห็นเป็นธรรมดา
ถามชาวต่างประเทศที่บังเอิญพบกันในหอแสดงงาน ว่ารู้สึกอย่างไร เขาก็ตอบว่าเป็นงานที่ประณีต งดงาม เขาไม่ได้ใส่ใจในสาระ
สำหรับผู้เขียน รู้สึกสลด-สังเวชใจในความไม่เปลี่ยนแปลงของกิเลสมนุษย์ ไม่ว่าอยู่ในสถานะใด ซึ่งพระผู้มีพระภาคเจ้าได้เตือนให้เห็นภัยไว้แล้วตั้งแต่พระองค์ประกาศศาสนา รู้สึกปีติและขอบคุณอาจารย์อนุพงษ์ ซาบซึ้งในความมีจิตใจอันงดงามของท่าน การสื่อภาพตรงตามแนวคิดและข้อเท็จจริง ไม่ใช่เป็นเนื้อหาที่แต่งเติมตามใจชอบ เคารพในการศึกษาหาความรู้ กล้าแสดงการปกป้องพระพุทธศาสนาอีกรูปแบบหนึ่งแม้ว่าจะเสี่ยงต่ออาชีพในประเทศตนก็ตาม
ดูภาพแล้วก็เตือนตนในทันทีไม่ให้ประมาทในการใช้เวลาขัดเกลาตนเอง เร่งอดทนให้ตั้งตนไว้ชอบ คบหากัลยาณมิตร พยายามศึกษาให้เข้าใจหลักการสูงสุดของพระพุทธศาสนา เพื่อตั้งปณิธานที่ถูกทางต่อๆ ไป
กลับถึงบ้านก็รีบค้นคว้าหาหนังสือที่เกี่ยวข้อง ได้เล่มสำคัญคือ เรื่องขุมทรัพย์จากพระโอษฐ์ของท่านพุทธทาสภิกขุ (พิมพ์ครั้งที่ 8 พ.ศ.2534) ซึ่งท่านผู้รวบรวมได้สรุปใจความสำคัญของหนังสือเล่มนี้ว่า
เป็นคำชี้ขุมทรัพย์ที่ตรัสเอง ไม่มีคำเรียบเรียงของผู้แต่งคละปน เพราะเป็นที่รวบรวมเฉพาะพระพุทธภาษิต ที่ตรัสขนาบและชี้ชวนไว้ด้วยพระองค์เอง จากพระไตรปิฎกล้วน เลือกเก็บเอามาร้อยกรองให้เป็นหมวดหมู่ ติดต่อ กันตามลำดับ เพื่อสะดวกแก่การศึกษาของผู้ขุดค้นขุมทรัพย์ เพื่อเป็นกำลังใจของผู้เหน็ดเหนื่อย ในการขุดค้นขุมทรัพย์ และเพื่อเป็นเครื่องกลับตัวของผู้ที่ขุดค้นขุมทรัพย์ อยู่ในวิธีที่นอกทาง เป็นส่วนพิเศษ
"สันดานกา" บาลี พระพุทธภาษิต ทสก. อํ 24/159/771 ตรัสแก่ภิกษุทั้งหลาย (อ้างจากขุมทรัพย์จากพระโอษฐ์หน้า 166-167) พระพุทธองค์ได้เล่าถึงสันดานกา และทรงแสดงว่า
ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุลามก ก็เช่นเดียวกับกานั้นแหละ เป็นคนประกอบด้วยอสัทธรรมสิบประการ สิบประการอะไรกันเล่า? สิบประการคือ เป็นคนทำลายความดี เป็นคนคะนอง เป็นคนทะเยอทะยาน เป็นคนกินจุ เป็นคนหยาบคาย เป็นคนไม่กรุณาปรานี เป็นคนทุรพล เป็นคนพูดเสียงอึง เป็นคนปล่อยสติ เป็นคนสะสมของกิน
มีการทักท้วงต่อไปว่า มีภาพในชุดนี้ชื่อ "หมา-นุษย์" อีกภาพหนึ่งด้วย ก็ในพระไตรปิฎกอีกนั่นแหละให้ความรู้แก่ผู้ศึกษาให้ทราบว่า มีพระอรหันตสาวกผู้เป็นเอกทางด้านมีทิพยจักขุ มองไปในอบายภูมิเห็นสีเหลืองทองกองเช่นภูเขา จึงเข้าเฝ้าและถามพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์ทรงอธิบายว่าสีเหลืองทองที่เห็นกองสูงเช่นภูเขานั้น เป็นจีวรของภิกษุทุศีล
พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงสั่งสอนด้วยวิธีถาม-ตอบ ให้รู้เหตุและผลว่าเกี่ยวข้องกันอย่างไร แม้ความเป็นมาของพระองค์ในภพภูมิต่างๆ ทั้งสูง-ต่ำ พระองค์ก็ทรงเปิดเผยเอง แล้วทำไมจึงมีกลุ่มบุคคลและพระสงฆ์กลุ่มหนึ่งใช้สิทธิปิดกั้นการรับรู้ การสะท้อนข้อเท็จจริงซึ่งมีมาแต่พุทธกาล พุทธศาสนิกชนที่ไม่แสดงออกไม่ใช่เขาไม่มีความรู้ในพระไตรปิฎก แต่ไม่รู้จะจัดการอย่างไรกับระบบการให้การศึกษาที่สอนให้เชื่อ มากกว่าให้ค้นคว้าในบ้านเมืองเราต่างหาก
ท่านพุทธทาสภิกขุได้แสดงไว้ด้วยคำนำในการพิมพ์หนังสือขุมทรัพย์จากพระโอษฐ์ครั้งแรก (พ.ศ.2499) ไว้ดังนี้
".....การรักษาขุมทรัพย์ของพระพุทธศาสนาไว้ให้ได้นั้น ตกเป็นภาระของบรรพชิตโดยเฉพาะนั่นเอง ฆราวาสมีส่วนให้ความสนับสนุนให้เหมาะสมแก่เพศของตนๆ ก็นับว่าเพียงพอ แต่ทั้งนี้ต้องหมายถึงการไม่ร่วมมือหรือสนับสนุนผู้แสวงหาขุมทรัพย์อันผิดทางด้วย ฉะนั้น จึงต้องมีความรู้ในเรื่องนี้อย่างเพียงพอดุจกัน"
ผู้เขียนเห็นว่า อย่ามัวแต่กราดเกรี้ยวกันเลย มาให้เวลาสร้างสรรค์สังคมพุทธศาสน์ด้วยการศึกษาพุทธรรมให้ถ่องแท้ และเน้นการเผยแผ่พระพุทธศาสนา เริ่มต้นด้วยกาลามสูตร กับสัมมาทิฏฐิก่อนจะดีกว่า มิฉะนั้นพุทธศาสนิกชนที่มั่นคงและใฝ่ใจในการหาความรู้ มีการปฏิบัติศีลธรรมอีกจำนวนมากจะงุนงง ว่าท่านเคลื่อนไหวให้กับภิกษุดีหรือภิกษุทุศีลกันแน่
จาก มติชน หน้า 7
PS. ความรักไม่มีวันตาย มันจะทำให้เรามีความสุขตลอดไป แม้จะโดนหักอกแต่ก็จะจำช่วงเวลาดีๆไปตลอดกาล เข้ามาอ่านนิยายเราบ้างเน้อ ช่วงนี้เงียบเหงาชักกล - -"
11 ความคิดเห็น
พระภิกษุสันดานกา(กา-กะ-สู-โร) กล้าเพียงดังกา  ผมเห็นด้วยกับภาพนี้เลยครัล
PS. สรรพชีวิตล้วนมีสภาวจิตอันบริสุทธิ์ สามารถสำเร็จเป็นพุทธได้ตลอดเวลา
พระภิกษุสันดานกา(กา-กะ-สู-โร) กล้าเพียงดังกา  ผมเห็นด้วยกับภาพนี้เลยครัล  ลองเข้าไปดูกะทู้ http://community.buddhayan.com/index.php/topic,564.msg2307/topicseen.html#new
PS. สรรพชีวิตล้วนมีสภาวจิตอันบริสุทธิ์ สามารถสำเร็จเป็นพุทธได้ตลอดเวลา
ถ้าตนเองไม่ได้เป็นภอกษุสันดานกา แล้วจะมาประท้วงทำไมล่ะ
PS. ชีวิตนี้เพื่อโลกของทุกชีวิต
ก็มันจริงอ่ะ
PS. เอาแต่ใจ โวยวาย ขี้วีน!!
ใช่
สะท้อนถึงสังคมปัจจุบันมากๆๆ
คนวาดเค้าไม่ได้บอกว่าหมายถึงพระทั้งหมดซะหน่อย
เราก็ไม่เห็นว่าจะเสียหายนะ เค้าแค่สะท้อนสังคมออกมาอ่ะ
ศิลปะสะท้อนสังคม
จริง ๆ แล้ว เราไปดูงานของศิลปินคนนี้ตั้งแต่ได้รางวัลเมื่อปีที่แล้ว ถ้าให้ดูที่ฝีมือการวาดนั้นถือว่าใช้ได้ แต่เราอึ้งกับการใช้ผ้าจีวรเขียนแทนผ้าใบวาดรูปธรรมดา จริงอยู่ที่ศิลปินมักจะใช้ความคิดสร้างสรรค์ในการแสดงออก บางคนใช้ผ้าถุง หรือวัสดุอื่น ๆ แทนผ้าใบ แต่เราว่าก็น่าจะเป็นวัสดุที่สมควรด้วย ผ้าจีวรสำหรับเรา เวลาเราไปทำบุญตอนเด็ก ๆ กับมา จนถึงปัจจุบันนี้ แม่เราก็จะถวายจีวรพระด้วยเกือบทุกครั้ง เราจะยกขึ้นจบอธิษฐาน การที่ศิลปินนำผ้าจีวรมาวาดรูปพระสงฆ์นอนตาก และโดนกาจิกอวัยวะต้องห้ามนั้น เรารู้สึกรับไม่ได้ จริงอยู่ที่ว่าศิลปินสะท้อนบางมุมของพระสงฆ์ที่เกิดขึ้นจริง แต่ในการเสนอภาพวาดนี้คนดูสามารถตีความรวมได้ถึงเหล่าภิกษุหลายองค์ ซึ่งในปัจจุบันนี้เราว่าศาสนาก็เสื่อมลงมากพอสมควรอยู่แล้ว การกระทำเช่นนี้มุมนึงอาจเป็นข้อเตือนใจให้พระ แต่อีกมุมนึงก็ทำให้คนรุ่นใหม่หรือเด้ก ๆ เกิดความรู้สึกในด้านลบและลบหลู่ศาสนามากขึ้่น แม้จะมีพระภิกษุที่ไม่ดีอยู่จริง แต่การที่เด็ก ๆ มีจิตใจที่ยึดมั่นในศาสนาน่าจะเป็นสิ่งที่ดีกว่าการที่เค้าไปเข้าผับ บาร์ ติดยา หมกมุ่นกับร้านเกมส์ ถ้าเค้าเห็นว่าศาสนาก็ไม่ดีเหมือนกัน เค้าจะมีอะไรไว้ยึดถือได้ เค้าไปเที่ยวเล่นสนุกไปวัน ๆ ไม่ดีกว่าหรือ ตอบมายาวเพราะอยากแสดงทรรศนะของเราในอีกมุมนึงบ้าง ศิลปินไม่ควรสร้างความดังให้ตัวเองโดยอาศัยเครื่องมือที่เป้นประเด็นอ่อนไหวต่อสังคม ถ้ามีฝีมือดีจริงวันนึงก็ต้องดังอยู่แล้ว อีกอย่าง คณะกรรมการควรพิจารณาด้วยว่าภาพที่ได้รางวัลโดยการนำจีวรซึ่งเป็นผ้าของพระพุทธเจ้านั้น มาป้ายสีสรรที่สร้างความมัวหมองแก่ศาสนานั้นสมควรไหม ไม่ใช่แค่พยายามผลักดันให้ศิลปินได้รางวัล 2 ปีซ้อน เพื่อในับสนุนให้รูปขายได้แพง ๆ เพราะคณะกรรมการตัดสินนั้นก็มีส่วนได้ส่วนเสียในการได้เปอร์เซ็นจากการขายรูปด้วย (บางคน โดยเฉพาะคนที่ออกมาตอบคำถามนั่นแหละ) ถ้าศิลปินคนนี้ได้รางวัลอีก เวลาเค้านำรูปอื่น ๆ ของศิลปินคนนั้นมาจัดแสดงในแกลอรี่เค้า เค้าก็จะได้เปอร์เซ็นที่มากไปด้วย ยิ่งเกิดกระแสสังคมเช่นนี้ งานยิ่งแพง เหมือนเป็นการปั่นราคา ซึ่งเราว่าไม่สมควรอย่างยิ่งที่นำเอาพระพุทธศาสนามาเป็นเครื่องมือเพื่อผลประโยชน์ของคนบางกลุ่มเช่นนี้
ภาพนี้ ดี และมีประโยชน์ต่อพระศาสนามาก ครับ ขอย้ำว่า..มีประโยชน์มาก ๆ
แต่ ..แต่ ...แต่ ต้องให้พระภิกษุสามเณรดูเพียงเท่านั้น ....ห้ามให้เยาวชนดูเป็นอันขาด
และ...ที่ท่านทั้งหลาย กำลังวิจารณ์พระสงฆ์ด้วยจิตอกุศล..สร้างบาปให้ตนเองอยุ่ในขณะนี้ ...ก็เพราะภาพนี้เป็นเหตุมิใช่หรือ
เดี๋ยวนี้ เยาวชน เปลี่ยนศาสนากันเยอะมากครับ แต่พวกเขายังไม่กล้าบอกพ่อแม่...ลองเข้าไปเว็ปคริสต์ดู...
อยู่มาวันหนึ่ง ลูกมาบอกว่า เขารับพระเจ้ามา 10 ปีแล้วครับ .....คุณจะรู้สึกอย่างไร
หยุดว่าพระเถอะ ถือศีล5ให้ครบก่อนเถอะ ใช้สมองตรองคำพูดก่อนเถอะ โลกเราที่ตกต่ำทุกวันนี้ไม่ใช เพราะคนไม่เกรงกลัวบาปหรอกหรืใครทำดีก็ได้ดีทำชั่วก็ได้ชั่ว
ไม่ต้องไปด่าไปว่ากรรมมันจะตามเอง
อย่าเอาบาปมาใส่ตัวเลย
ขอให้ทุกท่านพบพานแต่สิ่งดี
...เพราะชาวพุทธ ไม่ศึกษาคำสอนของพระพุทธเจ้า ที่เรียกกันว่า "พระไตรปิฏก" จึงไม่รู้สิ่งต่างๆที่พุทธะได้สอนและบัญญัติเอาไว้ให้ พุทธศาสนิกชน ได้รู้วิธีการปฏิบัติตนเองในการดำเนินชีวิต
สิ่งที่ควรเปิดเผยต่อชาวพุทธ คือ การรณรงค์ให้ชาวพุทธ ศึกษาคำสอน(พระไตรปิฏก) ให้ "ครบถ้วน" ไม่ใช่ แค่ "บางบท"
ชาวคริส ยังให้อ่านคำภีร์ไบเบิ้ล...
ชาวอิสลาม ยังให้อ่าน คำภีร์อัลกุรอาน...
ชาวพุทธ ละ??
------------------------------------
ภิกษุสันดานกา 10 ประการ (กากสูตร) 38/250/9
http://www.tripitaka91.com/91book/book38/201_250.htm#250
-: กากสูตร :- ว่าด้วยอสัทธรรม ๑๐ ประการ
[๗๗] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย กาประกอบด้วยอสัทธรรม ๑๐
ประการ ๑๐ ประการเป็นไฉน คือ เป็นผู้มักขจัด ๑ คะนอง ๑ ทะเยอ
ทะยาน ๑ กินจุ ๑ หยาบช้า ๑ ไม่มีกรุณา ๑ ไม่แข็งแรง มักร้อง ๑
เผลอสติ ๑ สั่งสม ๑ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย กาประกอบด้วยอสัทธรรม ๑๐
ประการนี้แล
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ลามกก็ประกอบด้วยอสัทธรรม
๑๐ ประการ ฉันนั้นเหมือนกันแล ๑๐ ประการเป็นไฉน คือ เป็นผู้ขจัด ๑
คึกคะนอง ๑ ทะเยอทะยาน ๑ กินจุ ๑ หยาบช้า ๑ ไม่มีกรุณา ๑ ไม่
แข็งแรง ๑ มักร้อง ๑ เผลอสติ ๑ สั่งสม ๑ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
ภิกษุผู้ลามกประกอบด้วยอสัทธรรม ๑๐ ประการนี้แล.
จบกากสูตรที่ ๗
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?