Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

เคล็ดลับการเลือกบูชา พระเครื่อง

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่

อยากได้ พระเครื่อง จตุคาม องค์ จตุคามรามเทพ และ พระบูชา อื่น ๆ มาไว้เป็น เครื่องบูชา แต่ก็ ไม่รู้จะทำอย่างไร ถึงจะรู้ว่า พระ หรือ จตุคาม ที่เราจะเลือกบูชาเป็นของจริงหรือปลอม วันนี้ เรามี บทความ และ เคล็ดลับการเลือกบูชา จตุคาม องค์ จตุคามรามเทพ หรือ พระเครื่อง มาบอกกันค่ะ


สรุปประเด็นข่าวโดยกระปุกดอทคอม

          คำว่า พระเครื่อง หรือ พระบูชา นั้น มีความหมายที่ต้องการสื่อถึงรูปสมมุติและสัญลักษณ์ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบนโลกมนุษย์ เพื่อเคารพสักการะและเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ ต่อผู้ที่เลื่อมใสศรัทธาในพุทธศาสนา

          ประวัติการสร้างวัตถุมงคลในพุทธศนาบนแผ่นดินไทย มีการสันนิษฐานว่าน่าจะมีการสร้างภายหลังการสร้างพระพุทธรูป ราวปี พ.ศ. 500 ดังหลักฐานที่มีปรากฎในสมัยทวารวดี โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นรูปสมมุติแทนการสิ่งระลึกถึงคำสอนของพระพุทธเจ้า ในเวลาต่อมา รัชกาลที่ 5 ทรงสั่งเครื่องจักรจากยุโรปเพื่อผลิตเหรียญกษาปณ์ จึงเริ่มมีการผลิตเหรียญของพระอาจารย์ที่พิมพ์แบบจากเครื่องงจักร ทำให้เรียกพระพิมพ์เหล่านี้ว่า พระเครื่อง ในเวลาต่อมา

          ส่วนใหญ่พระเครื่องที่สร้างขึ้นจะมีขนาดเล็ก เหตุที่เป็นเช่นนั้นพราะหากพุทธศานาเสื่อมลงหรือพุทธสถานต่าง ๆ พังทลายลง จะยังคงมีพระเครื่องเป็นรูปสมมุติแทนองค์พระพุทธเจ้า สืบทอดความเจริญรุ่งเรืองต่อไป ต่อมาคนโบราณนิยมนำมาเป็นเครื่องรางเพื่อให้รอดพ้นอันตรายจากการอกศึกสงคราม สืบเนื่องมาในปัจจุบันนิยมนำมาห้อยคอเพื่อคุ้มครองป้องกันภัย

          พระเครื่องในประเทศไทยมีการสร้างขึ้นในหลายลักษณะ ทั้งการจำลองรูปเคารพขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าหรือรูปลักษณะของเกจิอาจาย์ที่มีชื่อเสียงโด่งดัง บ้างนำไปทำเลื่อมกรอบห้อยคอ หรือกลัดติดกระเป๋า ส่วนพระบูชา มักจะมีขนาดใหญ่กว่า นิยมนำมาตั้งบูชาอยู่ในบ้านเรือนหรืออยู่กับวัดวาอารามต่างๆ



พระสมัยทวารวดี

พระเครื่องรางที่เป็นที่นิยม

          - พระกรุต่างๆ (ที่ขุดได้จากพุทธเจดีย์ โบราณสถาน) เช่นพระสมัยทวารวดี ศรีวิชัย ลพบุรี สุโขทัย กำแพงเพชร อู่ทอง อยุธยา รัตนโกสินทร์

          - พระสมเด็จ เช่น พระสมเด็จวัดระฆัง พระสมเด็จบางขุนพรม พระสมเด็จเกศไชโย พระสมเด็จปิลันทร์ พระสมเด็จวัดหลวงปู่ภู พระผง ๙ สมเด็จเป็นต้น

          - พระสมเด็จจิตรลดา

          - พระสมเด็จนางพญา สก.วัดบวรนิเวศวิหารพระสมเด็จนางพญา วัดบวรนิเวศวิหาร มวลสารจิตรลดา

          - หลวงปู่ทวด เหยียบน้ำทะเลจืด

          - เหรียญที่ระลึกรูปพระพุทธรูป เช่น หลวงพ่อโต (อยุธยา) พระพุทธชินราช หลวงพ่อโสธร หลวงพ่อวัดบ้านแหลม หลวงพ่อวัดเขาตะเครา

          - เหรียญที่ระลึกรูปพระเกจิอาจารย์ (รูปพระภิกษุสงฆ์) เช่น หลวงปู่ศุข หลวงปู่เอี่ยม หลวงพ่อฉุย เป็นต้น

          - เหรียญหล่อ เช่น หลวงพ่อไปล่ วัดกำแพง หลวงพ่อทา วัดพะเนียงแตก หลวงพ่อเงิน บางคลาน เป็นต้น

          - พระปิดตา (พระภควัมบดี)เช่น หลวงปู่โต๊ะ หลวงปู่ทับ หลวงปู่นาค เป็นต้น

          - พระกริ่ง/พระชัย เช่น พระกริ่งวัดสทัศน์ เป็นต้น

          - พระของขวัญวัดปากน้ำ หลวงพ่อสด พระมงคลเทพมุนี

          - พระอื่นๆ เช่น หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว หลวงพ่อพรหม วัดช่องแค หลวงพ่อพริ้ง วัดบางปะกอก เป็นต้น

พระผงสุพรรณ

พระรอด

 
วิธีสังเกตพระเครื่อง

          1. อย่าเช่าตอนกลางคืน เพราะเงาแสงจะหลอกตา

          2. อย่าเช่าพระที่ยังเลี่ยมกรอบไว้ โดยเฉพาะเหรียญ และเนื้อดิน

          3. อย่าแลกพระกับเซียนถ้าไม่รู้จริง เพราะเซียนจะมีพระชุดหนึ่งไว้แลก บางครั้งที่แขวนคอก็ไว้แลกเช่นกัน

          4. เวลานำพระมาโชว์เซียน ถ้ารู้ว่าพระนั้นดีจะไม่ตื่นตูม จะแค่เพียงทักบอกเราแต่จะเงียบทำทีสนใจองค์อื่น บางทีอาจจะเช่าพระเก๊ของท่านทั้งๆ ที่รู้ หรือยอมเสียเปรียบนำพระราคาสูงกว่ามาแลกกับพระที่ไม่มีราคาของท่านดีใจเล่น แต่จริงๆ เขาจะเล็งพระอีกองค์เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจนั่นเอง

พระสมเด็จวัดระฆัง


 สิ่งสำคัญในการดูและเช่าพระเครื่อง

          1. อย่าชื่นชอบพระเครื่องจนถึงกับบ้าคลั่ง มีทรัพย์สินมากน้อยเพียงไหนก็นำมาเช่าพระทั้งหมด

          2. อย่าจับพระมาถูเหงื่อ ให้จับขอบพระ เพราะเจ้าของจะมักจะหวงและ แสดงว่าเราไม่ถนอม หรือขาดหลักในการอนุรักษ์ที่ดี

          3. อย่าไถหรือหลอกขอพระมาฟรีๆ โดยที่เจ้าของเขาไม่เต็มใจ        

          4. พิสูจน์ว่าใครเป็นเซียนตัวจริง โดยนำพระแท้จากคนที่สามารถให้ยืมได้หรือพระของผู้ที่วงการยอมรับเชื่อถือมาใส่กรอบพลาสติก ปนมากับพระเก๊ แล้วให้ลองวิจารณ์

มือใหม่ควรระวัง

          1. เซียนเปิดร้าน แต่พอถามพระในร้านกลับบอกว่าอันนี้ดูไม่เป็น (อย่าเชื่อ เพราะพระในร้านถึงดูไม่เป็นก็รู้อยู่แล้วว่าแท้หรือปลอม เซียนพระมักมีเครือข่ายตรวจสอบของจริง ของเก๊ได้)

          2. ถามพระในร้านบอกว่ามีคนฝากมาปล่อย การันตีไม่ได้ (อย่าเชื่อ เพราะถ้าถ้าเป็นพระแท้ก็สามารถการันตีให้แล้ว)

          3. พระรุ่นนี้มีหลายบล็อก (อันนี้ควรระวังหน่อย หากไม่ใช่บล็อกนิยมหรือก็จะเป็นของปลอมไปเลย)

          4. ถ้าปลอมเอามาเปลี่ยนได้ (สุดท้ายต้องเอาพระมาเปลี่ยนองค์อื่นๆ ในร้าน ส่วนใหญ่ไม่ได้เงินคืน)

          5. มือใหม่ควรเริ่มต้นจากการอ่านหนังสือพระ ไม่ต้องรีบร้อนตามหาพระในหนังสือมาครอบครอง อ่านให้เข้าใจก่อนแล้วค่อยทยอยเก็บ
 

ข้อมูลและภาพประกอบจาก

- วิกิพีเดีย
- กระปุกแสนรู้
- ศูนย์พระดอทคอม 


PS.  #จงฝันให้สูงถึง...>>>*พระจันทร์ แต่ถ้าหากผิดหวัง ? ก็ยังอยู่ท่ามกลาง+++[ดวงดาว]+++

แสดงความคิดเห็น

>

1 ความคิดเห็น

mmmm 28 ต.ค. 50 เวลา 09:33 น. 1

ประวัติจตุคามรามเทพ&nbsp 
ปฐมบทแห่งตำนาน

&nbsp &nbsp &nbsp &nbsp ในสมัยนั้นมีกลุ่มพ่อค้าคนจีน 4-5 คน ในจังหวัดนครศรีธรรมราช มักนิยมชมชอบในเรื่องเสี่ยงโชค เรื่องลาภผลต่างๆ มีบุคคลกลุ่มหนึ่งได้ทรงเจ้าขึ้นที่วัดนางพระยา บ้านปากนคร โดย ท่านสรรเพชญ(ปัจจุบันคือ พล.ต.ท.สรรเพชญ ธรรมาธิกุล) ขอติดตามไปสังเกตการณ์ด้วย คืนหนึ่งได้มีวิญญาณมาประทับทรง และบอกว่า “กูคือพระยาชิงชัย เป็นแม่ทัพรักษาเมืองด้านทิศตะวันออก” ท่านสรรเพชญไม่เชื่อ จึงได้จุดธูป 1 กำมือ จ่อทิ่มไปที่ตัวคนทรงปรากฏว่าไม่มีอาการสะดุ้งหรือมีแผลพุพองแต่ประการใด

&nbsp &nbsp &nbsp &nbsp คืนวันที่ 2 ท่านสรรเพชญมาร่วมเดินทางไปอีกครั้ง คราวนี้ดวงวิญญาณที่มาประทับทรงเป็นใครไม่ทราบ บอกว่า “กูใหญ่กว่าอ้ายชิงชัย มันมาโม้ให้พวกสูฟัง กูนี่แหละใหญ่กว่า ไปหากระดาษมาวาดใบหน้ากู กูจะบอกลักษณะ แล้วพวกสูพาไปถามอ้ายหนวดดูอ้ายหนวดรู้จักกูดี”
&nbsp &nbsp &nbsp &nbsp พวกในคณะพอจะทราบแล้วว่า อ้ายหนวด หมายถึง ท่านพลตำรวจตรีขุนพันธรักษ์ราชเดช มือปราบผู้เกรียงไกร มีวิชาอาคมขลังและคงกระพันชาตรี ผู้ล่วงไปแล้วเมื่อไม่นานมานี้
&nbsp &nbsp &nbsp &nbsp รุ่งขึ้นอีกวัน ท่านสรรเพชญและคณะพากันไปที่บ้านท่านขุนพันธ์ฯ ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับโรงพักในซอยราชเดช พอไปถึงประตูรั้วบ้านท่านขุนพันธ์ฯ รออยู่ก่อนแล้ว เหมือนเทวดาดลใจ หลังจากทำความเคารพและแนะนำตัวกันแล้ว ท่านขุนพันธ์ฯ จึงถามถึงกิจธุระท่านสรรเพชญได้ยื่นกระดาษที่เขียนภาพใบหน้าของดวงวิญญาณในร่างทรงเมื่อคืนนี้ให้ดูพร้อมกับถามว่า “นี่คือรูปของใครครับ”
ท่านขุนพันธ์ฯ ยกรูปขึ้นดูก็ตกใจ รูปหล่นลงบนพื้น พร้อมกับถามว่า “ท่านผู้กำกับนำรูปนี้มาจากไหน รูปนี้เป็นอดีตกษัตริย์ แห่งอาณาจักรศรีวิชัย มีพระนามว่า จตุคามรามเทพ หรือจันทรภาณุ” ท่านสรรเพชญจึงเล่าความเป็นมาต่างๆ ให้ขุนพันธ์ฯ ทราบ

&nbsp &nbsp &nbsp &nbsp คืนที่ 3 ณ วัดนางพระยา องค์จตุคามรามเทพที่ท่านขุนพันธ์ฯ บอกได้เสด็จมาประทับทรงอีก กิริยาท่าทางดุมากและบอกว่า
“บ้านเมืองลุกเป็นไฟ กูรอมาเป็นพันปีแล้ว กูอยากให้ช่วยสร้างหลักเมืองทำจากไม้ตะเคียนทอง งอกอยู่ทางทิศเหนือของเมืองนครฯ บัดนี้มันรออยู่”
&nbsp &nbsp &nbsp &nbsp และนี่คือจุดเริ่มต้นแห่งความศักดิ์สิทธิ์ ที่เลาขานสืบต่อกันมาอีกหลายสิบปีนับจากนั้น
&nbsp &nbsp &nbsp &nbsp ปัจจุบันศาลหลักเมืองประดิษฐานเด่นเป็นสง่าอยู่กลางเมืองนครศรีธรรมราช ให้ผู้คนได้กราบไหว้บูชา ส่วนวัตถุมงคลของศาลหลักเมืองสร้างเมื่อปีพุทธศักราช 2530 ด้วยเจตนาอันบริสุทธิ์ เพื่อสมนาคุณเด่ผู้ร่วมทำบุญบริจาคสร้างศาลหลักเมือง โดยมุ่งหวังจะสร้างศาลหลักเมืองให้เสร็จสิ้นสมบูรณ์โดยเร็ว ด้วยจิตอันเป็นกุศล ด้วยแรงศรัทธาและความสามัคคีของพี่น้องชาว

&nbsp &nbsp &nbsp &nbsp นครศรีธรรมราช ความเสียสละของคณะกรรมการจัดสร้าง ศาลหลักเมืองจึงแล้วเสร็จโดยสมบูรณ์ องค์เทวราชโพธิสัตว์ ผู้ปกปักรักษาอำนวยอวยชัยให้วัตถุมงคลชุดจตุคามรามเทพทรงอิทธิคุณเข้มขลัง บังเกิดประสบการณ์อภินิหารเป็นที่ประจักษ์สืบเนื่องกันมายาวนาน ถือเป็นการเผยแพร่พระเกียรติคุณของ “องค์พ่อจตุคามรามเทพ” ในคราวนั้น
&nbsp &nbsp &nbsp &nbsp บัดนี้ผ่านมาเป็นเวลาหลายปีแล้วความนิยมและความศรัทธาได้แผ่ขยายออกไปในกลุ่มนักนิยมสะสมพระเครื่องทั่วประเทศอย่างรวดเร็ว ความนิยมที่เพิ่มขึ้นทำให้ค่านิยมทวีสูงขึ้นตามไปด้วย วัตถุมงคลชุดจตุคามรามเทพพิธีศาลหลักเมืองนครศรีธรรมราช ได้จัดทำขึ้นหลายแบบหลายพิมพ์ เปี่ยมไปด้วยคุณค่าทางศิลปะอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวตามคติธรรมของอาณาจักรศรีวิชัย
ตำนานองค์จตุคามรามเทพ

&nbsp &nbsp &nbsp &nbsp จตุคามรามเทพ, ราชันดำ หรือองค์พ่อ พระนามที่ได้รับการเรียกขานด้วยความเคารพศรัทธา พระองค์คือเทวราชโพธิสัตว์ผู้ปกปักรักษาอาณาจักรศรีวิชัยมาแต่ครั้งโบราณ ทรงเป็นผู้ดูแลรักษาพระบรมสารีริกธาตุที่วัดพระบรมธาตุ จังหวัดนครศรีธรรมราช ท่านมีบริวารเป็นทหารกล้าสี่คน คือ พญาชิงชัย พญาหลวงเมือง พญาสุขุม พญาโหรา เป็นกำลังหลักในการปราบปรามพวกพราหมณ์ ที่ปกครองเมืองตามพรลิงค์อยู่ก่อน
&nbsp &nbsp &nbsp &nbsp เมื่อได้บ้านเมืองแล้วจึงเป็นพระบรมธาตุฯ สถาปนาเมือง 12 นักษัตร หรือกรุงศรีธรรมโศก ลงหลักปักฐานพระพุทธศาสนาอย่างถาวร บนแผ่นดินศรีวิชัยสุวรรณภูมิ จนได้รับเทิดพระเกียรติให้เป็น “พญาศรีธรรมาโศกราช” ภายหลังพระองค์ยังทรงเป็น พระเสื้อเมือง พระทรงเมือง คอยดูแลรักษาพระบรมสารีริกธาตุที่วัดพระบรมธาตุ จังหวัดนครศรีธรรมราชเป็นสิ่งเคารพนับถืออย่างยิ่งของชาวจังหวัดนครศรีธรรมราชและประชาชนไทยทั่วประเทศ
&nbsp &nbsp &nbsp &nbsp เรื่องราวของอาณาจักรตามพรลิงหรือนครศรีธรรมราช ปรากฏชัดเจนในหลักศิลาจารึกหลักที่ 24 (จารึกพระเจ้าจันทรภาณุ) ในสมัยพุทธศตวรรษที่ 18 พระเจ้าจันทรภาณุ เป็นองค์เดียวกับพญาศรีธรรมาโศกราช อาณาจักรตามพรลิงค์มีความเจริญรุ่งเรืองทางพระพุทธศาสนาสูงสุด และเป็นเมืองแห่งนักปราชญ์ มีแสนยานุภาพทางทหาร โดยเฉพาะกองทัพเรือ สามารถยกทัพไปตีลังกาถึงสองครั้ง พญาศรีธรรมาโศกราชมีความสัมพันธ์กับอาณาจักรทางเหนือ เช่น ดินแดนในเขตลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาไปจนถึงสุโขทัย ความสัมพันธ์ส่วนหนึ่ง เกิดจาก ความสัมพันธ์ในระบบเครือญาติหรือการอภิเษกสมรส นอกจากนี้นครศรีธรรมราชยังเป็นศูนย์กลางพระพุทธศาสนาลัทธิลังกาวงศ์ มีพระสงฆ์และนักปราชญ์ได้ เข้าไปเผยแพร่คำสอนถึงเมืองสุโขทัย

อิทธิคุณเกริกไกร ในวัตถุมลคลจตุคามรามเทพ

&nbsp &nbsp &nbsp &nbsp องค์พ่อจตุคามรามเทพท่านเป็นเทพซึ่งทรงความเมตตา บารมีของพระองค์ท่านส่งผลให้เกิดความเจริญรุ่งเรืองต่อคณะศิษย์มาแล้วมากมาย
&nbsp &nbsp &nbsp &nbsp วัตถุมงคลองค์จตุคามรามเทพทุกชนิดประกอบด้วยบุญฤทธิ์ด้วยอำนาจแห่งมหาอิทธิคุณ มนตราอาถรรพณ์ของพระเทวราชโพธิสัตว์จตุคามรามเทพ จะช่วยคุ้มครอบป้องกันอันตรายทั้งหลายทั้งปวงแก่ผู้ที่มีไว้ติดตัว หรือบูชาประจำเคหสถาน ช่วยให้การประกอบอาชีพบังเกิดผลดีอย่างน่าประหลาดใจ
&nbsp &nbsp &nbsp &nbsp มีอิทธิคุณโด่งดังในเรื่องของมหาโชค มหาลาภ ความร่ำรวย ดลบันดาลให้ธุรกิจการค้าเจริญรุ่งเรือง มีความมั่งมีศรีสุขตามวาสนาบารมีของแต่ละคน นอกจากนั้นยังสามารถคุ้มครองป้องกันภัยได้รอบด้านเพราะความศักดิ์สิทธิ์ขององค์พ่อจตุคามรามเทพย่อมีปาฏิหาริย์อยู่เหนือฟ้าเหนือดิน สามารถบันดาลให้สมปรารถนาได้นานัปการ แต่ต้องไม่เกินวาสนาบารมีหรืออำนาจกรรมของตน ตามหลักสัจธรรมของพุท

0