Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

++//T I T A N I C\\++****เรือที่ไม่มีวันจม..อุบัติเหตุหรือคำสาปกันแน่??****

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
ยาวหน่อยนะคะ ถ้าอยากรู้ก็ต้องอ่านให้จบ

ไททานิกเป็นเรือที่เปิดศักราชใหม่ให้กับอุตสาหกรรมเรือเดินสมุทร เนื่องจากเป็นเรือลำแรกๆ ของโลกที่สร้างโดยโลหะและรองรับผู้โดยสารได้ถึง 2433 คน ยาว 269.0622 เมตร กว้าง 28.194 เมตร หนัก 46328 ตันอิมพีเรียล(47071434.4681 กิโลกรัม) แบ่งเป็น 9 ชั้น เรียงจากชั้นบนลงชั้นล่างได้ดังนี้

9.ดาดฟ้า สงวนไว้ให้ผู้โดยสารชั้นหนึ่ง มีปล่องไฟ 4 ตัว สูงตัวละ 19 เมตร

8.ชั้นA ห้องนั่งเล่นของผู้โดยสารชั้นหนึ่ง

7.ชั้นB ห้องอาหารของผู้โดยสารชั้นหนึ่ง

6.ชั้นC ห้องสมุดของผู้โดยสารชั้นสอง ห้องเอนกประสงค์ของผู้โดยสารชั้นสาม

5.ชั้นD ห้องอาหารของผู้โดยสารชั้นสอง

4.ชั้นE ห้องนอนของผู้โดยสารชั้นหนึ่ง สอง สาม ลูกเรือ

3.ชั้นF ห้องอาหารของผู้โดยสารชั้นสาม ห้องออกกำลังกายส่วนรวม

2.ชั้นG สระว่ายน้ำส่วนรวม ห้องเก็บกระเป๋าเดินทาง

1.ชั้นห้องเครื่องมี 16 ห้อง หม้อน้ำรวม 29 ชุด ส่งเชื้อเพลิงให้เครื่องยนต์ 3 ตัว เครื่องยนต์ 3 ตัว หมุนใบจักร 3 ใบ รวม 50000 แรงม้า เร่งความเร็วเรือได้สูงสุด 24 น็อต(44.448 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) ห้องเครื่องทั้ง 16 ห้องมีกำแพงสูงถึงชั้น F และมีประตูกลซึ่งจะปิดลงมาทุกบานทั่วลำเรือเมื่อพบเหตุผิดปกติที่ห้องเครื่องใดห้องเครื่องหนึ่ง ซึ่งถ้าหากไม่เกิดรอยรั่วในหลายห้องเครื่องจนเกินไป ตามหลักการลอยตัวแล้ว เรือจะไม่จม ถึงแม้จะเป็นจุดอ่อนที่สุดของเรือซึ่งก็คือหัวเรือ ก็ยังรับรอยแตกได้ถึง 4 ห้องเครื่องติดกันโดยไม่จม

แต่ว่าเรือสำรองช่วยชีวิตหรือเรือบดนั้นเพียงพอสำหรับผู้โดยสารเพียง 1178 คนเท่านั้น

การเดินทางครั้งแรก เริ่มการเดินทางที่ เซาแธมทัน, อิงแลนด์ (Southampton, England) ในวันที่ 10 เมษายน ค.ศ. 1912 ควบคุมโดยกัปตัน เอ็ดเวิร์ด เจ. สมิธ (Edward J. Smith) เพื่อเดินทางไปยังนิวยอร์ก, สหรัฐอเมริกา ในการเดินทางครั้งนั้น มีผู้เดินทางรวมทั้งหมด 2217 คน แบ่งเป็นผู้โดยสารชั้น 1, ผู้โดยสารชั้น 2, ผู้โดยสารชั้น 3 และลูกเรือ

วันที่ 14 เมษายน ค.ศ. 1912 ขณะเดินทางอยู่ทางใต้ของแกรนด์แบงค์ ของนิวฟันด์แลนด์ เวลา 23.39 น. เวรยามที่เสากระโดงแจ้งว่าได้พบภูเขาน้ำแข็งขนาดใหญ่อยู่ข้างหน้าเรือ ลูกเรือจึงได้เลี้ยวลำเรือเพื่อหลบเลี่ยง แต่เนื่องจากใบจักรและหางเสือที่มีขนาดเล็กเมื่อเทียบกับขนาดของเรือ ทำให้ผู้บังคับเรือซึ่งยังไม่ชินกับการบังคับเรือใหญ่ขนาดนี้ทำให้กะขนาดการเลี้ยวผิด และชนเข้ากับภูเขาน้ำแข็ง ที่ 41 องศา 46 ลิปดาเหนือ 50 องศา 14 ลิปดาตะวันตก เมื่อ23.40 น.

เรือได้ชนกับภูเขาน้ำแข็งทางกราบขวาหัวเรือ ซึ่งเป็นจุดอ่อนทนรอยแตกได้ไม่อึดเท่าจุดอื่นๆ และห้องเครื่องส่วนหัว 5 ห้องเครื่องแรกก็เกิดรอยรั่ว แต่หัวเรือเป็นจุดอ่อนที่สุดในเรือที่สามารถรับรอยแตกต่อเนื่องจากหัวเรือได้เพียง 4 ห้อง วิศวกรผู้สร้างเรือบอกว่า น้ำจะท่วมห้องเครื่องทั้งห้าสูงขึ้นเรื่อยๆ และเมื่อท่วมมิดชั้นF เริ่มไหลขึ้นชั้นE น้ำจึงเข้าท่วมห้องเครื่องที่ 6 และท่วมไปทีละห้องๆ และจมในที่สุด ลูกเรือก็คิดว่าเรือคงจะจมเร็วมาก จึงปล่อยเรือบดออกทั้งๆที่ยังใส่คนไม่เต็มลำ

เวลา 02.20 น. ของวันที่ 15 เมษายน ค.ศ. 1912 เรือทั้งลำจมลงสู่มหาสมุทรแอตแลนติกเหนือ ผู้โดยสารและลูกเรือ 2217 ชีวิต รอดชีวิตเพียง 704 ชีวิต เสียชีวิตทั้งหมด 1513 ราย

เวลาประมาณ 04.20 น. เรือโดยสารขนาดใหญ่ชื่อ "อาร์เอ็มเอส คาร์พาเธีย" (RMS Carpathia) ได้เข้าไปช่วยเหลือผู้รอดชีวิตบนเรือบดทั้งหมด และพาสู่นิวยอร์ก ในวันที่ 18 เมษายน ค.ศ. 1912 จากนั้น ในเดือนกันยายน ค.ศ. 1985 ซากเรือไททานิคได้ถูกค้นพบอีกครั้ง

___________________________th.wikipedia.org__________________

อันล่างนี้แปลเองจาก fwd.mail จากเพื่อนที่ออสเตรเลียค่ะ เลยไม่ทราบว่ามาจากเว็บไหน
__________________________________________________________

มีตำนานที่เล่าต่อๆกันมาอาจจะไม่น่าเชื่อสำหรับใครบางคนแต่มันเป็นเรื่องจริง!!!

ดังที่ทราบกันว่าเรือไททานิคนั้นอัปปางโดยการชนก้อนน้ำแข็งและจมหายไป ในมหาสมุทรพร้อมชีวิตผู้คนอีกมากมาย โดยตำนานไม่ได้กล่าวถึงมัมมี่ของเจ้าหญิงอาเมน-รา(Amen-Ra)ที่ใต้ท้องเรือว่าเกี่ยวข้อง

กับสาเหตุการจมแต่อย่างใด

เจ้าหญิงอาเมน-รา

แต่ทว่าหนัวสือพิมพ์บางฉบับกล่าวถึงเรื่องการอัปปางของไททานิคว่าเกิดจากคำสาปมัมมี่ที่อยู่รูป ของสินค้าในเรือแห่งนี้ พ่อค้าที่ขาดจิตสำนึก ได้ลอบนำมัมมี่เข้าสู่อเมริกา เพื่อต้องการขายมัมมี่แก่พิพิธภัณฑ์ในนิวยอร์ก ตามที่ได้ตกลงราคาเป็นมูลค่าที่สูงถึง 500000ดอลลาร์ เขายังได้ตกลงแบ่งเงินจำนวนนั้นให้แก่หัวขโมยที่ลักลอบโจรกรรมสุสานแห่งนี้ โดยที่การลักลอบโจรกรรมครั้งนี้เทพอนูบิสทรงพิโรธเป็นอย่างยิ่งจากการที่มเหสีของฟาโรห์ถูกลักลอบขโมยไปและขายให้พิพิธภัณฑ์ในนิวยอร์กสเหมือนเป็นการหมิ่น พระเกียรติฟาโรห์อย่างมหันต์ ดังนั้นเพื่อจัดการทำลายล้างพวกที่ไม่เคารพ เทพอนูบิสจึงจมเรือไททานิคเพื่อให้มัมมี่จมลงสู่ทะเลพร้อมกับเรือแระผู้โดยสารโชคร้ายทุกคน นั่นคืออำนาจคำสาปแห่งเทพเจ้า ยังมีตำนานที่เล่าขานกันเพิ่มเติมว่า มัมมี่ได้ถูกนำขึ้นไปไว้อย่างปลอดภัยบทเรือชูชีพที่ช่วยชีวิตผู้โดยสาร ในขณะที่เรือไททานิคกำลังจมสู่ท้องทะเล จากนั้นได้มีการขนส่งต่อไปยังนิวยอร์ก แต่กลับเกิดเหตุประหลาดมากมาย จนทำให้เจ้าหน้าที่รับผิดชอบตักสินใจส่งกลับคืนสู่อียิปต์ด้วยเรือ เอ็กซ์เปรส ออฟ ไอร์แลนด์(Express of Ireland)และสุดท้ายเรือลำนี้ก็ได้จมลงสู่มหาสมุทรพร้อมกับชีวิตของลูกเรือทุกคน การอัปปางครั้งนี้มัมมี่ไม่ได้จมอยู่กับเรือหากแต่สามารถกู้ขึนมาได้โดยเรือชูชีพหลังจากนั้นมีความพยายาม ที่จะส่วมัมมี่กลับสู่อียิปต์อีกครั้งด้วยเรือลูซิทาเนีย ซึ่งก็อัปปางลงอีกจากฝีมือตอร์ปิโดในสงครามโลก แต่ครั้งนี้ไม่เป็นเช่นนั้น เพราะมัมมี่ที่ดำดิ่งสู่ก้นสมุทรไปพร้อมกับสัมภาระต่างๆของเรือลูซฺทาเนีย ด้วยเหตุนี้จึงมีการพิพากษ์กันว่า เคราะห์กรรมของไททานิคนั้นเนื่องมาจากคำสาปของมัมมี่จนเป็นตำนานที่เล่าขานที่โจษขานกันไม่รู้จบ

เจ้าหญิงอาเมน-รามีพระชนม์ชีพในช่วงประมาน 1500 ปีก่อน ค.ศ.เมื่อพระองค์สิ้นพระชนม์ พระศพได้รับการบรรจุลงในโกศหรือโลงพระศพไม้ ที่ประดับตกแต่งอย่างงดงามตระการตา จากนั้นมีการนำไปบรรจุในสุสานหลวงที่ลักซอร์ริมฝั่งแม่น้ำไนล์ จวบจนในช่วงปลายคริสต์ทศวรรษ1890กลุ่มหมาเศรษฐี 4 คน ได้มาเยี่ยมชมอุโมงค์บรรจุพระศพที่ลักซอร์ มีการยื่นเสนอข้อตกลงซื้อขายโลงบรรจพระศพมัมมี่ของเจ้าหญิงอาเมน-ราที่ประดับตกแต่ง อย่างอลังการนี้

เศรษฐีหนุ่มคนหนึ่งในกลุ่มผู้ร่ำรวยถูกรางวัลล็อตเตอรี่ได้จ่ายเงินซื้อโลง พระศพมัมมี่เนราคาหลายพันปอนด์และ ได้นำกลับมาเก็บไว้ที่โรงแรมที่เขาพักอยู่2ชั่วโมงต่อมาเขาได้เดินทางออกไปในทะเลทราย และไม่ได้หวนกลับมาอีกเลย ในวันรุ่งขึ้นหนึ่งในสามเศรษฐีที่เหลืออยู่ก็ถูกคนรับใช้ชาวอียิปต์ยิง โดยอ้างว่าเป็นอุบัติเหตุ บาดแผลที่ถูกยิงตรงแขนข้างหนึ่งของเขาเกิดเป็นแผลร้ายแรงจนต้องตัวแขนทิ้ง เศรษฐีหนุ่มคนที่สามถูกธนาคารยึดเงินฝากของเขาไว้ทั้งหมดเมื่อเดินทางกลับสู่บ้าน เศรษฐีคนสุดท้ายก็ต้องทนทุกข์ทรมานจากโรคร้ายและหมดเนื้อหมดตัว จนต้องออกมาขายไม้ขีดไฟตามท้องถนน

อย่างไรก็ดี โลงพระศพได้ย้ายมาสู่ประเทศอังกฤษตามคำสั่งซื้อของนักธุรกิจแห่งกรุงลอนดอน โดยที่ระหว่างการขนส่งก็เกิดเหตุประหลาดที่เป็นอุปสรรคตลอดเส้นทางหลังจากที่มัมมี่อยู๋อยู่มาอยู่สมาชิกในบ้านของนักธุรกิจนี้ 3 คนประสบอุบัติเหตุบนท้องถนนและบ้านก็ถูกไฟไหม้ นักธุรกิจผู้นั้นตัดสินใจบริจาคฌลงอาถรรพ์แก่พิพิธพันฑ์อังกฤษ แต่ขณะที่ย้ายลงจากรถบรรทุกในบริเวณสนามของพิพิธภัณฑ์รถก็พลิกคว่ำ แล้วพุ่งเข้าชนผู้คนบริเวณ ละแวกนั้น พอสิ้นความวุ่นวาย และเจ้าหน้าที่พิพิธภัณฑ์2คนกำลังกำลังขนบพระศพขึ้นบันไดนั้น คนหนึ่งเกิดพลาดตกลงมาขาหัก ส่วนอีกคนไม่เป็นอะไรแต่อีก2วันต่อมาเขากลับเสียชีวิตอย่างไม่ทราบสาเหตุ ครั้นเมื่อพระศพมัมมี่เจ้าหญิงประทับในห้องแสดงอารยธรรมอียิผต์ หายนภัยที่แท้จริงก็เริ่มต้นขึ้น

ยามรัษาความปลอดภัยพิพิธภัณฑ์ได้ยินเสียงกระทุ้งโลงอย่างรุนแรง และมีเสียงกุกกักปึงปังยามค่ำคืนโดยไร้สาเหตุ ยามคนหนึ่งได้ตายระหว่างรักษาการณ์ เป็นเหตุให้ยามคนอื่นๆอยากลาออก แม้กระทั่งพนักงานทำความสะอาดพลอยไม่อยากเข้าใกล้โลงพระศพ

ผู้เข้าชมพิพิธภัณฑ์มือบอนคนหนึ่งนำผ้าขี้ริ้ววางปิดภาพใบหน้าที่วาดบนโลงอย่างลบหลู่ หลังจากนั้นลูกของผู้เข้าชมอุตริผู้นั้นตายด้วยโรคหัด ท้ายที่สุดเจ้าหน้าที่พิพิธภัณฑ์ได้เคลื่อนย้ายพระศพมัมมี่ไปเก็บไว้ที่ห้องใต้ดิน ด้วยความคิดที่ไม่ต้องการให้ทำร้ายใครได้อีกต่อไปแต่ในอาทิตย์เดียวกันนั้น เจ้าหน้าที่คนหนึ่งที่มีส่วนช่วยเคลื่อนย้ายโลงพระศพก็ล้มป่วยลงด้วยอาการขั้นตรีทูต รวมทั้งผู้ดูแลการเคลื่อนย้ายก็เสียชีวิตคาโต๊ะทำงาน ก่อนหน้านี้มีข่าวลือว่านักข่าวหนังสือพิมพ์ที่เคยถ่ายรูปโลงมัมมี่เอาไว้แล้วนำไปล้าง ภาพนั้นมีใบหน้ามัมมี่ที่น่ากลัวปรากฏอยู่บนฝาโลงพระศพ ช่างภาพผู้เคราะห์ร้ายเข้าไปในห้องนอน และยิงตัวตาย ไม่นานจากนั้นทางพิพิธภัณฑ์ได้ขายมัมมี่ให้แก่นักสะสมเอกชน และหลังจากที่เคราะห์ร้ายความตายเกิดขึ้นต่อในครอบครัวทำให้นักสะสมผู้นั้นนำโลง พระศพไปเก็บไว้ยังห้องใต้หลังคา

ต่อมา มาดาม เฮเลนนา บลาวาตสกี ผู้วชาญโด่งดังด้านเรื่องเร้นลับได้มาเยือนอาคารที่เก็บมัมมี่อาถรรพ์ ขณะที่เข้าสู่อาคารเฮเลนาเป็นลมจับไข้ตัวสั่นเหมือนโดนผีเข้า จากนั้นจึงค้นหาที่มาของอำนาจชั่วร้ายที่มีพลังรุนแรงอย่างน่ากลัว ในที่สุดเฮเลนาก็มาหยุดอยู่ที่ห้องใต้หลังคาและได้พบกับโลงมัมมี่เจ้าของบ้านขอร้องเธอ ช่วยให้ช่วยขับไล่อำนาจปิศาจมัมมี่ออกไป

"ปิศาจนั้นย่อมเป็นปิศาจชั่วนิจนิรันดร์ ไม่มีผู้ใดสามารถจัดการได้ ฉันขอให้คุณรีบกำจัดปิศาจร้ายนี้โดยด่วน" ทว่าไม่มีพิพิธภัณฑ์ในอังกฤษแห่งไหนยอมรับมัมมี่เลย เนื่องจากข่าวที่แพร่ว่า มีคนตายถึง20คนแถมยังประสบเหตุเคราะห์ร้ายและหายนะจากการเก็บรักษาหรือ เกี่ยวข้องกับโลงพระศพมัมมี่นี้ตลอม10ปีที่ผ่านมา จนเป็นที่โจษขานกันถึงอำนาจชั่วร้ายนี้

ในที่สุดก็มีนักโบราณคดีอเมริกันผู้ไม่เชื่อถือในเรื่องอาถรรพ์ของมัมมี่ ยินดีจ่ายเงินจำนวนมหาศาล เพื่อเคลื่อนย้ายมัมมี่มาที่นครนิวยอร์ก สั่งให้ขนส่งสมบัติชิ้นใหม่นี้มาให้ในเดือนเมษายนปีค.ศ.1912 โดยเรือโดยสารของบริษัทไวท์สตาร์ ลำใหม่ที่หรูหรา นำเจ้าหญิงอาเมน-รามาสู่นครนิวยอร์ก

ในราตรีของคืนที่14 เมษายนปีนั้นเอง ความหายนะอันน่าสะพรึงอย่างไม่เคยมีมาก่อนก็ปรากฏขึ้น เจ้าหญิงแห่งอาเมน-ราพาผู้โดยสารอีก1500คนสู่ความตาย ในก้นบึ้งมหาสมุทรแอตแลนติกเรือโดยสารลำนี้มีชื่อว่า เรือไททานิค ที่พวกเรารู้จักกันอย่างดีนั่นเอง

แสดงความคิดเห็น

>

119 ความคิดเห็น

Angiizex 6 พ.ย. 50 เวลา 15:39 น. 1

เพิ่มเติม:: credit http://jeerawan.212cafe.com

มีนักโบรานคดีชาวอเมริกัน เดินทางไปอียิปต์เพื่อไปหานักอียิปวิทยาชาวอังกฤษชื่อว่า ดักลาส เมอร์เรย์อะนะ ที่กรุงไคโร อียิป จุดประสงค์ของเขาก็เพื่อขายสินค้าชิ้นนึง
สินค้านั้นก็คือ บพระศพของเจ้าหญิงไอยคุปต์โบราณองค์นึง
เมื่อนักอียิปวิทยาเห็นบพระศพถึงกับตะลึง เพราะมูลค่ามันมหาศาล
นักโบรานคดีเล่าว่าเขาพบที่วิหาร อะมอนรา(Amonra) ในธีบิส คาดว่าอายุราว1600ปี
เมอร์เรย์ตกลงจะซื้อ
นักโบรานคดีก็เลยบอกว่า "แต่มันมีอาถรรพ์หน่อยนะ"
เพราะสิ่งที่จารึกบนบมีข้อความว่า
"มันผู้ใดบังอาจรบกวนสถานที่ซึ่งเป็นที่ที่ร่างของข้าได้สถาปนาไว้ในอาณาจักรแห่งลุ่มน้ำไนล์ มันผู้นั้นจะต้องพบกับภัยพิบัติสยดสยองทุกวัน มันต้องตายทุกคน
ความที่เมอร์เรย์ไม่เชื่อคำสาบ จึงตัดสินใจซื้อบลง พร้อมทั้งดีใจที่ได้ซื้อมาในราคาที่ถูก
ต่อมาไม่กี่ชั่วโมง มีข่าวว่านักโบรานคดีชาวอเมริกันผู้ซึ่งขายบให้ จบชีวิตลงอย่างปริศนา
หรือเพราะคำสาป?
เมอร์เรย์ตัดความรู้สึกฉงนทิ้ง และ รีบที่จะส่งบไปกรุงลอนดอนเพื่อจัดแสดง เมอร์เรย์จึงตัดสินใจจ้างบริษัทเดินเรือเพื่อขนบไปนครลอนดอน
แต่ว่าสามวันหลังจากนั้น มีเหตุให้เขาได้ไปยิงปืนปรากฏว่า ปืนเกิดระเบิดขึ้นโดยไม่ทราบสาเหตุโดนแขนเขาเปงแผลแหวะ
หมอต้องตัดแขนทิ้งกลายเป็นคนพิการ
อุบัติเหตุคราวนี้ทำให้ต้องส่งบไปกับเรือล่วงหน้า ส่วนตัวเขาก็พักรักษาอาการที่ไคโรหลังจากที่เขาหายดีแล้ว
เขาก็รีบเดินทางไปลอนดอนแต่ระหว่างการเดินทางอยู่ในเรือ
เพื่อนของเขาที่มีส่วนในการขนบพระศพ2คน และ หญิงรับใช้ชาวอียิปอีก1 พร้อมใจกันตายโดยไม่ทราบสาเหตุ
อย่างไรก็ตาม พอเมอร์เรย์ไปถึงอังกฤษ เขาก็รีบจัดการนำบพระศพออกจากโกดังท่าเรือกลับบ้าน
เขาตัดสินใจเปิดบออกดู เขาถึงกลับผงะ
ก็เพราะว่า มัมมี่ที่เขาเห็นต่างจากที่เขาเห็นครั้งแรก
มันดูเหมือนใบหน้าของคนมีชีวิตอยู่ จ้องมองเขาเขม็งด้วยความอาฆาต
เมอร์เรย์จึงปักใจเชื่อสนิทเลยว่า
สิ่งที่เขาเห็นและสัมผัสทั้งหมดคือ คำสาป
เมอร์เรย์จึงรีบหาหนทางเอาบออกไปให้พ้นตัว หญิงร่วมชั้นเรียนของเขารับอาสาจะรับไว้เอง
ต่อมาแม่ของเธอล้มป่วยเสียชีวิต สามีทิ้ง แล้วตัวเธอก็เป็นประสาทไปเลย เมอร์เรย์เห็นท่าจะไม่ดีจึงคิดหาทางมอบต่อไปที่พิพิธภัณฑ์อังกฤษ
พิพิธภัณฑ์ก็แสนใจดีรับเฉยเลย แล้วก็เอามาจัดแสดง
เปิดให้นักท่องเที่ยวซื้อบัตรเข้าชม เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดขึ้น
ขณะที่นักท่องเที่ยวคนหนึ่งกำลังถ่ายภาพบพระศพอยู่ดีๆ
ก็มีอันล้มตึงขาดใจตายคาที่เลย แค่นั้นยังไม่พอ นักอียิปวิทยาที่แตะต้องบ ก็นอนตายตาเหลือกคาเตียง กลายเป็นข่าวไปทั่วอังกฤษเลย
ผู้อำนวยการพิพิธภัณฑ์อังกฤษเลยตัดสินใจมอบให้พิพิธภัณฑ์แห่งชาตินิวยอร์ค
โดยจัดส่งไปทางเรือที่ดีที่สุด ทันสมัยที่สุด และใหญ่ที่สุด
นั่นคือ 
                     เรือไททานิค
เรือไททานิค เรือที่กล่าวกันว่าไม่มีวันจม แต่ถ้าคนรู้ว่าขนย้ายบพระศพก็คงจะกลัวกันแล้วไม่กล้าขึ้น
เรือไททานิคเที่ยวแรกออกเดินทางจาก เซ้าแธมป์ตัน สู่นิวยอร์ค วันที่
15 เมษา คศ 1912 แล้วทั่วโลกก็ต้องตะลึงกะข่าวที่ว่า
เรือไททานิกชนภูเขาน้ำแข็งอัปปางลงกลางมหาสมุทรแอตแลนติก มีผู้โดยสารเสียชีวิต 1498 คน
ชะรอยเจ้าหญิงองค์นี้คงต้องการอยู่อย่างสงบ ปราศจากการรบกวน
เธอจึงเลือกท้องน้ำที่ลึกที่สุดพร้อมด้วยบริวารติดตามอีก 1498 คน

0
eV?E 6 พ.ย. 50 เวลา 16:40 น. 3

โฆยางมากเรยยยย

อ่านแล้วก้อน่ากัวๆ

แล้วตอนนี้

เค้างมขึ้นมาได้รึป่าว

ตอนนี้อยู๋ไหนหรอ

0
l3ellamY 6 พ.ย. 50 เวลา 18:00 น. 6

อืม เท่าที่เราฟังมามันบอกว่าถ้าเรือชนไปตรงๆ จะไม่มีการสูนเสียมากกว่านี้ เรือจะไม่อับปางเรวเท่านี้ ไม่น่าเล้ย

0
゙★ 美玉 6 พ.ย. 50 เวลา 18:57 น. 8

คำสาปอ่ะดิ  


PS.  การมีชีวิตอยู่บนโลกต้องไม่โกหกความรู้สึกของตนเอง แม้จะไม่เหลือใครก็จะไม่ร่ำร้อง ... เปลี่ยนเมล์ใหม่แล้วน้า~ R.m_zero@hotmail.com มีไรแอดมาได้ๆ ^^
0
Chese-ry 7 พ.ย. 50 เวลา 19:41 น. 11

อยากดูไททานิก 2 เหมือนกัน&nbsp แต่อ่านไปอ่านมาดูว่าเมือนว่าจะเอาพระประวัติของเค้าหญิง อาเมน-รา&nbsp มาให้อ่านแทนน่ะเนี้ย&nbsp แต่น่ากลัวจังเลยอ่ะ

0
1234MV 7 พ.ย. 50 เวลา 23:00 น. 12

-เวลาที่เหล็กโดนความเย็นมากๆจะเปราะ (ต่ำกว่า 0 องศา) วิทยาศาสตร์พิสูจน์ได้
-ในบริเวณนั้นเป็นไปไม่ได้ที่จะมีภูเขาน้ำแข็งเพราะห่างไกลจากขั้วโลกมากและอยู่ในบริเวณกระแสน้ำอุ่น อันนี้วิทยาศาสตร์พิสูจน์ไม่ได้

0
DominO 8 พ.ย. 50 เวลา 00:39 น. 14

น้ำแข็งในแก้วมันลอยอยู่แค่ 1/3

ในหนังภูเขาน้ำแข็งก้อใหญ่มากแล้วอ่า แสดงว่าในน้ำ มันใหญ่กว่าอีกอะ

0
mae_mung_tay 8 พ.ย. 50 เวลา 03:10 น. 15

ถ้าประเทศไทยมีแบบนี้บ้างก้อดี

พวกชอบตัดเศียรพระบ้าง...ขโมยเงินวัดบ้าง...ฆ่าพระ??!!

น่าจาโดนเวนกรรมตามทัน...ขอให้ไม่เจริน  พวกนี้....

*-* ไม่เชื่อก้อ.....

0
Dream_Of_Earth 8 พ.ย. 50 เวลา 10:45 น. 17

อ่า คห.5 รูปน่ากลัวง่ะ - -


PS.  ผ่านกาลเวลาที่ยาวนานนับแต่ปัจจุบัน แล้วเลยย้อนกลับไปสู่อดีต ที่นี่.. คือที่ๆเวลาทั้งหมดจะมาบรรจบกัน ณ. โลกแห่งความฝันที่ไม่มีทางเป็นจริง... โลกที่ใครๆต่างเรียกขานกันว่า.. ...จินตนาการ...
0
•l0lliPoP_fUfU• 8 พ.ย. 50 เวลา 12:14 น. 18

น่าอัศจรรย์&nbsp ส่วนเรื่องพระศพ คห.มรา 2 เป็นจริงใช่ปะ


PS.  He that gains time gainsall things. >>> ว่างๆ ไปเยี่ยมไอดี อ่านไดอารี่เค้าบางน้า แล้วก็บทความเกี่ยวกับ Phrasal VERBS กลุ่มคำกริยาภาษาอังกฤษ และอีกมากมาย
0