อยากทราบข้อมูล รำเถิดเทิง ค่ะ
ตั้งกระทู้ใหม่
เปิดหาเท่าไหร่ก็ไม่มีเลยค่ะ
รบกวนผู้รู้ ช่วยบอกข้อมูลให้ได้ไหมค่ะ
ต้องเอาไปทำโครงงาน
ขอบคุณล่วงหน้าน่ะค่ะ
19 ความคิดเห็น
อยากรู้การแสดงการรำเถิดเทิงจังค่ะ
ประวัติความเป็นมา
การเล่นเถิดเทิง มีผู้สันนิษฐานว่าเป็นของพม่านิยมเล่นกันมาก่อน เมื่อครั้งพม่ามาทำสงครามกับไทย  ในสมัยกรุงธนบุรี หรือสมัยต้นแห่งกรุงรัตนโกสินทร์  เวลาพักรบพวกทหารพม่าก็เล่นสนุกสนานด้วยการเล่น ต่าง ๆ ซึ่งทหารพม่าบางพวกก็เล่น กลองยาว  พวกไทยเราได้เห็นก็จำมาเล่นกันบ้าง  ยังมีเพลงดนตรีเพลงหนึ่งซึ่งดนตรีไทยนำมาใช้บรรเลง  มีทำนองเป็นเพลงพม่า  เรียกกันมาแต่เดิมว่า  เพลงพม่ากลองยาว  ต่อมาได้มีผู้ปรับให้เป็นแบบแผนมากขึ้น ได้แก่ คุณหญิงแผ้ว สนิทวงศ์เสนีย์  อาจารย์ลมุล ยมะคุปต์  อาจารย์มนตรี ตราโมท  โดยกำหนดให้ผู้รำแต่งตัวใส่เสื้อนุ่งโสร่งตา  ศีรษะโพกผ้าสีชมพู (หรือสีอื่น ๆ บ้างตามแต่จะให้สีสลับกัน  เห็นสวยอย่างแบบระบำ)มือถือขวานออกมาร่ายรำเข้ากับจังหวะเพลงที่กล่าวนี้  จึงเรียกเพลงนี้กันอีกชื่อหนึ่งว่า  เพลงพม่ารำขวาน
อีกความหนึ่งมีผู้กล่าวว่า การเล่นเทิงบ้องกลองยาวนี้  เพิ่งมีเข้ามาในเมืองไทยเมื่อสมัยรัชกาลที่ 4  กรุงรัตนโกสินทร์นี้เอง  กล่าวคือ  มีพม่าพวกหนึ่งนำเข้ามาในรัชกาลนั้น  ยังมีบทร้องกราวรำยกทัพพม่า  ในการแสดงละครเรื่องพระอภัยมณี  ตอน  เก้าทัพ ซึ่งนิยมเล่นกันมาแต่ก่อน  สังเกตดูก็เป็นตำนานอยู่บ้างแล้ว  คือ  ร้องกันว่า
ทุงเล ฯ                ทีนี้จะเห่พม่าใหม่
ตกมาเมืองไทย        มาเป็นผู้ใหญ่ตีกลองยาว
ตีว่องตีไวตีได้จังหวะ        ทีนี้จะกะเป็นเพลงกราว
เลื่องชื่อลือฉาว        ตีกลองยาวสลัดได ๆ
เมื่อชาวไทยเราเห็นเป็นการละเล่นที่สนุกสนานและเล่นได้ง่าย  ก็เลยนิยมเล่นกันแพร่หลายไปแทบทุกหัวบ้านหัวเมือง  สืบมาจนตราบทุกวันนี้  กลองยาวที่เล่นกันในวงหนึ่ง ๆ มีเล่นกันหลายลูกมีสายสะพายเฉวียงป่าของผู้ตี  ลักษณะรูปร่างของกลองยาวขึงหนังด้านเดียวอีกข้างหนึ่งเป็นหางยาว  บานปลายเหมือนกับกลองยาวของชาวเชียงใหม่  แต่กลองยาวของชาวเชียงใหม่เป็นกลองยาวจริง ๆ ยาวถึงประมาณ  2 วา  ส่วนกลองยาวอย่างที่เล่นกันนี้  ยาวเพียงประมาณ  3  ศอกเท่านั้น  ซึ่งสั้นกว่าของเชียงใหม่มาก  ทางภาคอีสานเรียกกลองยาวชนิดนี้ว่า  กลองหาง
กลองยาวแบบนนี้ของพม่าเรียกว่า  โอสิ มีลักษณะคล้ายคลึงกับของชาวไทยอาหมในแคว้นอัสสัม  เว้นแต่ของชาวไทยอาหมรูปร่างคล้ายตะโพน คือ หัวท้ายเล็ก กลางป่องใบเล็กกว่าตะโพน  ขึ้นหนังทั้งสองข้าง  ผูกสายสะพายตีได้  ตามที่เห็นวิธีเล่นทั้งกลองยาวของพม่าและกลองของชาวไทยอาหม  ดูวิธีการเล่นเป็นแบบเดียวกัน  อาจเลียนแบบการเล่นไปจากกันก็ได้
เมื่อรัฐบาลไทยมอบให้คณะนาฏศิลป์ของกรมศิลปากรไปแสดงเพื่อเชื่อมสัมพันธไมตรี ณ นครย่างกุ้งและมัณฑเลย์  ระหว่างเดือนมีนาคมและเมษายน  พ.ศ.2509  ทางรัฐบาลพม่าได้จัดนักโบราณคดีพม่าผู้หนึ่งเป็นผู้นำชมพิพิธภัณฑ์สถานและโบราณสถานเรื่องกลองยาวได้กล่าวว่า  พม่าได้กลองยาวมาจากไทยใหญ่อีกต่อหนึ่ง
การละเล่นประเภทนี้ว่า เถิดเทิง เทิงบ้องนั้น คงเรียกตามเสียงกลองยาว กล่าวคือ  มีเสียงเมื่อเริ่มตีเป็นจังหวะ  หูคนไทยได้ยินเป็นว่า เถิด-เทิง-บ้อง-เทิง-บ้อง ก็เลยเรียกตามเสียงที่ได้ยินว่าเถิดเทิง หรือเทิงบ้องกลองยาวตามกันไป เพื่อให้ต่างกับการเล่นอย่างอื่น
คณะกลองยาวที่มีชื่อเสียงมากของชาวอำเภอพยุหะคีรี ได้แก่ คณะ บ.รุ่งเรืองศิลป์ ของนายบุญ เอี่ยมเวช ซึ่งได้ดัดแปลงท่าร่ายรำมาจากท่าร่ายรำของลิเก พร้อมได้ดัดแปลงประดิษฐ์ชุดแต่งกายขึ้น โดยเลียนแบบจากเครื่องแต่งกายของลิเกเช่นกัน และใช้ชื่อว่า กลองยาวประยุกต์ และได้นำออกแสดงเป็นครั้งแรกราวปี พ.ศ. 2500
ลักษณะการแสดง
ก่อนเล่นมีการทำพิธีไหว้ครู มีดอกไม้ธูปเทียน เหล้าขาว บุหรี่และเงินค่ายกครู  12 บาท  การไหว้ครูใช้การขับเสภา เมื่อไหว้ครูแล้วจะโห่ขึ้น 3 ลา แล้วเริ่มแสดง  โดยนักดนตรีประกอบเริ่มบรรเลงผู้ร่ายรำก็จะเดินและร่ายรำไปตามจังหวะกลอง มีท่าร่ายรำทั้งหมด  33 ท่า  ท่าที่หวาดเสียวและตื่นเต้นมากที่สุดก็เห็นจะเป็นท่าที่  30 - 31  คือท่าที่มีการต่อกลองขึ้นไป  3  ใบ  ให้ผู้แสดงคนหนึ่งขึ้นไปยืนบนกลองใบที่ 3 แล้วควงกลอง  และคาบกลอง ซึ่งผู้แสดงต้องใช้ความสามารพิเศษเฉพาะตัว  ผู้ตีกลองยาวบางพวกก็ตีหกหัวกัน แลบลิ้นปลิ้นตา  กลอกหน้ายักคิ้ว  ยักคอไปพลาง  และถ้าผู้ตีคนใดตีได้จนถึงกับถองหน้ากลองด้วยศอก โขกด้วยคาง  กระทุ้งด้วยเข่า โหม่งด้วยเข่า  โหม่งด้วยหัว  เล่นเอาผู้ตีคลุกฝุ่นคลุกดินขะมุกขะมอมไปทั้งตัวสุดแต่จะให้เสียงกลองยาวดังขึ้นได้เป็นสนุกมาก  และนิยมกันว่าผู้ตีกลองยาวเก่งมากผู้เล่นก็ภูมิใจ  นอกจากนั้นก็มีคนรำแต่งตัวต่าง ๆ สุดแต่สมัครใจ  คนดูคนใดรู้สึกสนุกจะเข้าไปร่วมรำด้วยก็ได้เพราะเป็นการเล่นอย่างชาวบ้าน  ใครจะสมัครเข้าร่วมเล่นร่วมรำด้วยก็ได้  บางคนก็แต่งตัวพิสดาร  ผัดหน้าทาตัวด้วยแป้งด้วยเขม่าดินหม้อ  หน้าตาเนื้อตัวดำด่าง สุดแต่จะให้คนดูรู้สึกทึ่งและขบขัน  ออกมารำเข้ากับจังหวะเทิงบ้อง  แต่ที่แต่งตัวงาม ๆ เล่นและรำกันเรียบ ๆ น่าดูก็มี  เช่นที่ปรับปรุงขึ้นเล่นโดยศิลปินของกรมศิลปากร  และมีผู้นำแบบอย่างไปเล่นแพร่หลายอยู่ในสมัยนี้
เพราะฉะนั้นการเล่น  ย่อมเป็นส่วนของวัฒนธรรมที่แสดงออกมา  จะเป็นวัฒนธรรมอยู่ในระดับใดก็แล้วแต่สถานที่และโอกาสเหมาะกับถิ่นหนึ่งแต่ไม่เหมาะกับอีกถิ่นหนึ่งก็ได้  ถ้าปรับให้มีลักษณะเหมือนกันตลอดทุกถิ่น  ก็ไม่เป็นความเจริญในทางวัฒนธรรม ความเจริญของวัฒนธรรมอยู่ที่แปลก ๆ ต่าง ๆ กัน  แต่ว่าเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในส่วนรวม  และรู้จักดัดแปลงแก้ไขให้เหมาหะกับความเป็นอยู่ของแต่ละท้องถิ่นตามกาลสมัย  แต่ไม่ทำลายลักษณะอันเป็นเอกเทศของแต่ละถิ่นให้สูญไป  เปรียบเหมือนเป็นคนไทยด้วยกัน
โอกาสที่แสดง
ประเพณีเล่น  เถิดเทิงหรือ เทิงบ้องกลองยาว  ในเมืองไทยนั้น  มักนิยมเล่นกันในงานงานรื่นเริงต่างๆ ที่ต้องเดินเคลื่อนขบวน เช่น ตรุษ งานสงกรานต์ งานแห่นาค แห่พระ แห่กฐิน แห่ผ้าป่า งานฉลอง ขบวนขันหมาก  เป็นต้น  เดินเคลื่อนไปกับขบวน  พอถึงที่ตรงไหนเห็นว่ามีลานกว้างหรือเป็นที่เหมาะก็หยุดตั้งวงเล่นรำกันเสียพักหนึ่ง  แล้วก็เคลื่อนขบวนต่อไปใหม่แล้วก็มาหยุดตั้งวงเล่นและรำกันอีก  การเล่นเถิดเทิงของกรมศิลปากรปรับปรุงใหม่  จะแต่งตัวแบบไทย ๆ แต่ยังเป็นประเพณีดั้งเดิม  คือยังใช้โพกหัวด้วยผ้าแพรบาง ๆ ตามแบบพม่าอยู่  นอกจากนี้  ก็เพิ่มผู้รำฝ่ายหญิงแต่งตัวงดงามแบบหญิงไทย  กำหนดแบบแผนลีลาท่ารำ  โดยกำหนดให้มีกลองรำ  กลองยืน  เป็นต้น
กลองรำ  หมายถึง  ผู้ที่จะแสดงลวดลายในการตีบทพลิกแพลงต่าง ๆ เช่น  ถองหน้า  กลองด้วยศอก  กระทุ้งด้วยเข่า  เป็นต้น
กลองยืน  หมายถึง  ผู้ตีกลองยืนจังหวะให้การแสดงดำเนินไปอย่างเรียบร้อย  ในขณะที่กลองรำวาดลวดลายรำต้อนนางรำอยู่ไปมา
    การเล่นเถิดเทิงแบบนี้มีมาตรฐานตายตัว  ผู้เล่นทั้งหมดต้องได้รับการฝึกฝนมาก่อนถึงจะแสดงได้เป็นระเบียบและน่าดู  คนดูจะได้เห็นความงามและได้รับความสนุกสนานแม้จะไม่ได้ร่วมวงเล่นด้วยก็ตาม 
การแต่งกาย
ผู้รำร่วมอาจจะแต่งกายตามสบาย แต่จะนิยมประแป้งพอกหน้าให้ขาว ทัดดอกไม้ เขียนหนวดเครา แต้มไฝ ลีลาท่าทางอาจจะแปลกพิสดารที่ทำให้ชวนหัวเราะ ยั่วเย้ากันเองในหมู่พวกหรือคนดู และบางครั้งก็อาจไปรำต้อนคนดูเข้ามาร่วมวงสนุกไปด้วย ผู้รำจะมีทั้งชายและหญิง
ในสมัยปัจจุบันกรมศิลปากรได้ปรับปรุงการแต่งกายและกำหนดไว้เป็นแบบฉบับ คือ
1. ชาย  นุ่งกางเกงขายาวครึ่งแข้ง  สวมเสื้อคอกลม  แขนสั้น  เหนือศอก มีผ้าโพกศีรษะและผ้าคาดเอว
          2. หญิง  นุ่งผ้าซิ่นมีเชิงยาวกรอมเท้า สวมเสื้อแขนกระบอกคอปิด  ผ่าอกหน้า  ห่มสไบทับเสื้อ  สวมสร้อยตัวคาดเข็มขัดทับนอกเสื้อ  สร้อยคอ  และต่างหู  ปล่อยผมทัดดอกไม้ด้านซ้าย
เครื่องดนตรีที่ใช้
เครื่องดนตรีที่ใช้ประกอบการเล่นก็มีกลองยาว ( เล่นกันหลาย ๆ ลูกก็ได้) เครื่องประกอบจังหวะ มี ฉิ่ง  ฉาบ  กรับ โหม่ง  มีประมาณ  4  คน  คนตีกลองยืน 2 คน  คนตีกลองรำ  2  คน และหญิงที่รำล่ออีก 2 คน
ลักษณะเด่นของการแสดงรำเถิดเทิงคืออะไรหรอคะ
สถานที่แสดง
แสดงในบริเวณพื้นลานกว้าง ๆ ที่ใดก็ได้ หรือบนเวที ตามความเหมาะสม เพราะการแสดงชุดนี้ใช้แสดงเนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ หรือในงานบวช 
จำนวนผู้แสดง
ในตอนแรกผู้ร่ายรำใช้ทั้งชายและหญิง ต่อมาเปลี่ยนเป็นใช้ผู้หญิงเป็นผู้ร่ายรำเท่านั้น ส่วนผู้ชายทำหน้าที่ตีกลองยาว และเครื่องดนตรีประกอบ ในตอนแรกมีผู้เล่นทั้งหมด 16 คน โดยมีผู้ตีกลองยืน 3 คน และผู้ตีเครื่องดนตรีประกอบได้แก่ ฉิ่ง ฉาบ กรับ โหม่ง ฆ้อง อีก 5 คน สำหรับผู้รำมี 4 คู่ 8 คน มีผู้รำคนหนึ่งเป็นหัวหน้า คล้องนกหวีดไว้ที่คอสำหรับเป่าเป็นสัญญาณในการเปลี่ยนท่ารำ
บทร้องประกอบการเล่น
ในการเล่นอาจมีบทร้องประกอบหรือร้องกระทุ้งในเวลาที่ผู้ร่ายรำออกรำเพื่อเพิ่มความสนุกสนานครึกครื้นทั้งผู้ชมและผู้แสดงคำร้องที่ใช้ร้องเล่นเท่าที่ใช้อยู่ มีดังนี้
          1)  มาแล้วโหวย  มาแล้ววา  มาแต่ของเขา  ของเราไม่มา ตะละล้า  หรือมาแล้วโหวย  มาแล้ววา  มาแต่ป่า  รอยตีนโตโต
          2)  ต้อนเข้าไว้  ต้อนเข้าไว้ เอาไปบ้านเรา  บ้านเราคนจนไม่มีคนหุงข้าว  ตะละล้า  หรือต้อนเข้าไว้  ต้อนเข้าไว้  เอาไปบ้านเรา  พ่อก็แก่แม่ก็เฒ่า  เอาไปหุงข้าวให้พวกเรากิน  ตะละล้า
          3)  ใครมีมะกรูด มาแลกมะนาว ใครมีลูกสาว มาแลกลูกเขย เอาวะเอาเหวยลูกเขยกลองยาว (บางทีก็ต่อสร้อยด้วยว่า แฮ้ แฮะ บ้าง ตะละล้าบ้าง แช้-วับ บ้าง)
4)  แฮ้-แฮะ แฮ้-แฮะๆๆ แช้-แช้วับๆๆ (แช้วับ เป็นคำร้องเลียนเสียงตีฉาบ มักใช้ร้องสอดตามจังหวะ)
5)  ยักคิ้วยักค่อยเสียหน่อยเถอะ ลอยหน้าลอยตาเสียหน่อยเถอะ (ซ้ำ)
6)  เจ๊กตายลอยน้ำมาๆ ไม่ได้นุ่งผ้าชฎาแหลมเชี้ยบๆๆๆ
7)  แม่สาวนครสวรรค์ๆ ช่างกล้าหาญเสียนี่กระไร เอ้าต่อเข้าไปๆ ไม่ต้องกลัวตายอีหนูๆ ไม่ต้องกลัวร่วงอีหนูๆ ไม่ต้องกลัวตกอีหนูๆ
8)  บอกแม่จะไปเก็บถั่วๆ พอลับตาแม่วิ่งแร่หาผัว ตะละล้าบอกแม่จะไปเก็บผักๆ พอถึงท้องร่องกระดองเต่าหัก
9)  ลูกสาวใครเหวย ลูกสาวใครวา เทวดาก็สู้ไม่ได้ สวยอย่างนี้อย่ามีผัวเลย เอาไว้ชมเชยอีหนูๆ
10)  แดงแจ๊ดๆ แดงแจ๋ แดงแจ๊ดแจ๋แดงแจ๋แดงแจ๊ด
11)  ดำปิ๊ดดำปิ๊ดดำปี๋ ดำปิ๊ดปี๋ ดำปี๋ดำปิ๊ด
แต่เนื่องจากคนไทยเรามีนิสัยเจ้าบทเจ้ากลอนจึงมักย้ายถ่ายเทการร้องให้แปลกออกไปหรือให้พิลึกพิลั่นเล่นตามอารมณ์ เช่น
          ใครมีมะกรูด มาแลกมะนาว แล้วแทนที่จะร้องแบบเดิมก็ร้องกลับไปมาว่า
          ใครมีมะนาว มาแลกมะกรูด  แล้วย้ำว่า มะกรูด ๆ ๆ ๆ มะนาว ๆ ๆ ๆ ดังนี้ เป็นต้น
ดนตรีที่ใช้ในการบรรเลงประกอบการแสดง
เครื่องดนตรีก็คล้ายของไทย และจังหวะก็ปรับมาเป็นแบบไทย ๆ เพื่อประกอบการรำ เครื่องดนตรี ประกอบด้วยกลองยาวหลายขนาด ซึ่งจะให้เสียงต่างกันออกไปจำนวนไม่จำกัด มีเครื่องประกอบจังหวะอื่น ๆ เช่น ฉิ่ง ฉาบ กรับ โหม่ง และปี่ชวาการโห่ร้อง เป็นที่นิยมของการรำกลองยาวก่อนจะเริ่มบรรเลง จะมีการโห่สามลา โดยผู้นำวงจะโห่ยาว และลูกคู่จะร้องรับด้วยคำว่า ฮิ้ว กลอง ฉิ่ง ฉาบ กรับ โหม่ง จะรัวรับสามครั้ง จากนั้นกลองจะบรรเลงเป็นจังหวะประกอบท่ารำเพลงร้องประกอบ เป็นเพลงง่าย ๆ สนุกสนาน เนื้อหาไม่เป็นสาระ ไม่บอกประวัติ หรือตำนานใด ๆ การแสดงประกอบอื่น ๆ ในการรำกลองยาว หรือเถิดเทิงหรือเทิ่งบอง เป็นการเรียกเลียนจากเสียงของกลองยาว
ท่าทางการสื่อความหมาย
ท่าทางการสื่อความหมายของรำกลองยาวหรือรำเถิดเทิง จะเป็นบทร้องและมีการร่ายรำตามจังหวะเพื่อความสนุกสนานของผู้เล่น ผู้ร่ายรำก็จะเดินและร่ายรำไปตามจังหวะกลอง เพราะการแสดงรำกลองยาวนี้จะเป็นเพลงง่ายๆ สนุกสนาน เนื้อหาไม่เป็นสาระมากนัก และจะเล่นกันเพื่อความสนุกสนานเพลิดเพลิน
บางครั้งมีการนำการแสดงอย่างอื่นเข้ามาประกอบ เช่น หัวโต หัวจุก เจ้าแกละ ทำจากไม้ไผ่สานเป็นโครงและใช้กระดาษแปะระบายสี ทำเป็นหัวคนขนาดใหญ่ โดยมากมักจะทำเป็นหัวเด็กที่ไว้ผมจุกและผมแกละ ผู้เล่นจะนำหัวโตมาวางครอบหัวตัวเองแล้วเต้นไปตามจังหวะกลองยาวกระตั้วแทงเสือ มีตัวแสดง ๓ ตัว คือ เสือ นายกระตั้ว และเมียดำเนินเรื่องโดยนายกระตั้วและเมียออกไปหาผลไม้ในป่าและบังเอิญพบเสือ จึงมีการต่อสู้กัน ความสนุกสนานของการเล่นหรือการแสดงกระตั้วแทงเสือจะอยู่ที่ตัวแสดงที่เป็นเมียนายกระตั้ว เพราะนำผู้ชายมาแต่งตัวและเล่นเลียนแบบท่าทางของผู้หญิงอย่างกระโดกกระเดกน่าขัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อต้องหนีเสือจนผ้าถุงหลุดลุ่ย แต่ในที่สุดนายกระตั้วก็สามารถแทงเสือตาย ขณะที่เล่นนี้ กลองยาวก็จะบรรเลงล้อมวงไปด้วยระยะเวลาการแสดง ตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงขึ้นไป
แหล่งข้อมูล
http://www.google.co.th
http://www.student.chula.ac.th/~50467764/terdterng.htm
http://gotoknow.org/blog/seksan1971/139874
http://www.trueplookpanya.com/true/knowledge_detail.php?mul_content_id=392
http://203.172.208.244/work/2551/art/web/33/092833/page5.htm
http://home.petjaratsang.com/bbs/viewthread.php?tid=188
http://learners.in.th/blog/mouy/273132
http://www.thaidances.com/picture&data/5_8.asp
http://bunjerd.blogspot.com/2006/09/blog-post.html
ลักษณะเด่นของการแสดงรำเถิดเทิงคืออะไรหรอคะ
สุดยอด
ขอบคุณมากๆนะคะ..
ขอบคุณคห.2 กับคห.3มากเลยค่ะ กำลังหาอยู่พอดีเลย
PS. เจ้าค่ะ
9k,oyhoooooooooooooooooooooooooooooooooooooooooooooooooooooo
ขอบคุณมากค่ะ
ขอจังหวะรำหน่อยคับ
มีเเบบย่อมั้ยครับ?
ท่ารำหละครับ
ภาษาอละนาฏยศัพท์ที่ใช้แสดง บอกหน่อยครับ
ขอชื่อท่ารำหน่อยด่ายมั้ยคะ
อยากทราบว่าใครเป็นผู้คิดค้นรำเถิดเทิงขึ้นมาค่ะ ช่วยตอบทีค่ะ
รำเถิดเทิงเป็นการแสดงของภาคใดค่ะ
ท่ารำเถิดเทิงมีอะไรบ้างคะ
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?