สวัสดีครับ.. ยาวไป ยาวไป 555 มาต่อกับแบบยาวๆ สำหรับเทคนิคการเตรียมตัวสอบแอดมิชชั่น จาก พี่เต๋อ และ พี่โหน่ง สองพี่ชายใจดีจากสถาบันกวดวิชา On Demand ซึ่งครั้งก่อนได้เผย แนวข้อสอบ O-NET วิทย์ และ GAT PAT 53 ไปแล้ว มาครั้งนี้ขอมาเริ่มต้นด้วยเรื่องที่หลายคนเรียกร้องกับรายชื่อ 3 คณะที่มาแรงสุดๆ พร้อมกับแนวโน้มคะแนนปีนี้ จะขึ้น หรือลง ว่าแล้วก็อย่ารอช้า ไปอ่านจากบทสัมภาษณ์ด้นนี้กันเลยครับ อ๋อๆ ส่วนใครขี้เกียจอ่านก็กดดูที่คลิปวิดีโอได้เลยได้อรรถรสมากขึ้นครับ.. อิอิ..

 
     

พี่ลาเต้ : มาเริ่มต้นเทคนิคการเลือกคณะกันดีกว่าครับ เชื่อว่าหลังจากสอบ O-NET เสร็จแล้ว น้องๆ ก็เริ่มจะถามกันแล้วว่าคณะไหนมาแรง พี่โหน่ง ว่าคณะไหนมาแรงครับ
พี่โหน่ง : ถ้าเป็นอันดับที่น้องนิยมก็จะเห็นได้ชัดเจนอยู่แล้ว อย่างแรกคือหมอ อย่างที่สองแนวโน้มที่สูสีกันคือวิศวกรรม และบริหาร แต่ว่าสิ่งที่แปลกในปีนี้คือสายทางด้านนิติศาสตร์ จะมีความนิยมน้อยลงไป ทั้งที่ช่วงสองปีก่อนคณะนิติศาสตร์มาแรงมาก ซึ่งแนวโน้มที่บอกมาไม่ว่าจะเป็นสายของหมอ หรือบริหาร บัญชี หรือนิติศาสตร์ มันเป็นแนวโน้มที่มาจากทางซีกอเมริกา ซึ่งธรรมชาติจะต่างกัน และถ้าสังเกตจะพบว่าคนในวงการที่เป็นผู้เชี่ยวชาญจะเป็นคนยิวเยอะ และถ้าเป็นแวดวงการค้า การขาย และกฎหมาย จะเป็นผู้นำในวงการ เนื่องจากต้องใช้ความสามารถในการฝ่าฟันด้วยตนเอง จึงทำให้สะท้อนภาพในการเป็นหัวเรือใหญ่ในวงการต่างๆ ของอเมริกา แต่จะแตกต่างจากเมืองไทย เนื่องจากทรัพยากรธรรมชาติก็ไม่เหมือนกัน


          พอเป็นแบบนี้ สิ่งที่น่าจะสะท้อนมองก็คือ ถ้าถามว่าหมอ พี่เห็นด้วยนะ เพราะในเมืองไทย มาตราฐานด้านสุขภาพควรจะดีกว่านี้ อีกอย่างถ้าเราอยากจะเป็นผู้นำด้านสุขภาพ แข่งกับสิงค์โปร์กับอินเดียได้สบายๆอยู่แล้ว เพราะคนที่เป็นผู้นำในประเทศเราอยู่ในแวดวงหมอเยอะอยู่แล้ว ส่วนอันถัดมาที่เป็นกระแสของธุรกิจ ถ้าสมมุติเราถามว่าอยากทำอาชีพอะไร สุดท้ายพออายุประมาณ 30 ปี ก็อยากจะเป็นผู้ประกอบการ เพราะฉะนั้นสายที่เป็นบัญชีบริหารช่วยให้เขาตอบโจทย์ตรงนี้ได้มากขึ้น แต่สำหรับวิศวะนั้นอาจจะตกลงมา อาจจะเป็นเพราะช่วงที่เศรษฐกิจไม่ดี ทำให้ความต้องการของวิศวะน้อยลง รวมถึงมีมหาวิทยาลัยเปิดเพิ่มมากขึ้น แต่ถ้าถามพี่สายนี้ในเมืองไทย ทำให้น้องมีอนาคตที่ดีมากกว่าสาขาอื่นๆ ซึ่งถ้านับเรื่องผลตอบแทนจะสูงมาก เพราะฉะนั้นอย่าไปติดที่ว่ากระแสเป็นยังไง หรือดูแค่บางช่วงไม่เหมาะสม เพราะกระแสสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอด

พี่เต๋อ : อยากให้เป็นการเลือกเรียนเพราะความรักในอาชีพ ในวิชาที่เราอยากจะเรียนมากกว่า เพราะประเด็นก็คือ ความสุขในการเรียนในการใช้ชีวิตการทำงาน ถ้าเรามีความรักในอาชีพ ก็สามารถประสบความสำเร็จในชีวิตได้หมด อยากให้เน้นในอาชีพที่เรารัก แต่เรื่องเศรษฐกิจ อาจจะพิจารณาเป็นประเด็นรองต่อไป


พี่ลาเต้ : สำหรับ 3 คณะที่พี่โหน่งบอกมาพี่เต๋อเห็นด้วยไหมครับ

พี่เต๋อ : เห็นด้วยนะครับ สำหรับสายวิทย์ แต่ถ้าสายศิลป์ ก็จะเป็นอักษรศาสตร์ นิติศาสตร์ นิเทศศาสตร์ รัฐศาสตร์ ก็ยังวนๆ กันอยู่

 
   

พี่ลาเต้ : โอ้โห แต่ละคณะเด่นๆ โดนๆ ทั้งนั้นเลย ว่าแต่พี่ๆ มีสูตรการเลือกคณะแบบโดนๆ มาแนะนำไหมครับ เผื่อน้องๆ ชาวเด็กดีเอาไปปรับใช้..

พี่โหน่ง : ขอเล่าเรื่องอะไรแปลกๆ มันๆ ให้ฟังแล้วกัน พอดีพี่ได้คุยกับเพื่อนพี่ที่เป็นวิศวกรที่นาซ่า เพื่อนพี่ก็บอกว่า นักวิทยาศาสตร์ฝรั่ง พิสูจน์ได้แล้วนะ ว่าชาติที่แล้วมีจริง เขาใช้วิธีพิสูจน์โดยการให้ผู้ทดลองเข้าสมาธิ แล้วก็บอกเรื่องราวต่างๆ จากนั้นก็ไปพิสูจน์ตามที่บอก ซึ่งจริงหมด ซึ่งถ้าคิดตามหลักของวิทยาศาสตร์ไม่สามารถที่จะเชื่อมข้อมูลระดับนั้นได้อยู่แล้ว และถ้าเอาจากประสบกาณ์ตัวพี่เอง พี่เรียนสายวิทย์ ชอบวิชาฟิสิกส์ ชอบวิชาคณิตศาสตร์ จึงเข้าคณะวิศวกรรม แต่ถ้าเอาลึกๆ ของตัวพี่เอง พี่ชอบเป็นครู ชอบสอนมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว โดยที่บอกไม่ได้ แต่เอะอะก็ชอบจับเพื่อนมาสอน คือเราได้เห็นคุณค่าของการทำให้คนมีอนาคตจากการสอนหนังสือ พอดูลึกๆแล้ว สุดท้ายชีวิตก็จะถูกเลือกตามสภาพจิตที่เหมาะพร้อม และก็ถนัดกับมันมากที่สุด ขอให้เอาตัวนี้เป็นตัวตั้ง


       ไม่ว่าน้องที่จะได้คะแนนน้อยหรือเยอะ อย่าโกหกตัวเองที่อยู่ข้างในว่าเราชอบอะไร คิดว่าเราไปทางไหนที่ทำได้ดี เอาตัวนี้เป็นตัวตั้ง บางทีคนที่ได้คะแนนน้อย อาจจะเจอเลยก็ได้ว่าคณะที่เราอยากเข้าก็ไม่ได้สูงอะไร เคยมีน้องคนหนึ่งใจอยากอยู่เกษตรศาสตร์ อยากเป็นผู้ประกอบการ แล้วปีนั้นเกษตรศาสตร์ได้เปิดคณะออกแบบผลิตภัณฑ์เป็นปีแรก พี่ก็บอกให้น้องเข้าตรงนั้นน่าจะดีกว่าเข้าคณะ Food-science เพราะหลายคนเรียน food-science ตอนปี 3 ไปเจองานโรงงานแล้วเบื่อ แต่พอออกแบบผลิตภัณฑ์เป็นคณะใหม่ ปีนั้นน้องคนนั้นคะแนนกลางๆ แต่พอเลือกคณะออกแบบผลิตภัณฑ์ แล้วก็ได้ติดเข้าไปเรียนในคณะนั้นที่เกษตรศาสตร์ไปแล้ว คือถ้าเราตอบตัวเองว่าลึกๆตรงนั้นเราเป็นยังไง จากนั้นค่อยไปไล่ดู แล้วค่อยไปเลือกตามนั้น แล้วค่อยแบ่งมันว่าอันไหนที่เป็นฝันเราจริงๆ ถ้ามันถี่มันสูง ซัก 2 อันดับแรกก็สู้หน่อย รองลงมาก็คือ ยังเป็นคณะที่เราชอบอยู่ แต่ว่าคะแนนระดับนี้เราน่าจะได้แน่ๆ ส่วนสุดท้าย เป็นอะไรที่อยู่ในสายที่เราชอบนั่นแหละ ถึงแม้พลาดไปเราก็ยังได้เรียนอยู่ 4 อันดับอย่าเลือกที่ไม่ชอบเด็ดขาด ขอให้เลือกที่ชอบไว้ก่อน แบ่งเป็น เก่ง กลางๆ แล้วก็กันเหนียว โดยกันเหนียวไว้ที่ -5% หรือ 500 ไว้ก่อน เรียกว่าเซฟ ปีนี้แนวโน้มน่าจะยังพอได้

   
     

พี่ลาเต้ : ปีนี้ข่าวล่ามาไว คะแนนแอดมิชชั่นเต็ม 30000 คิดว่าจะมีอะไรน่าห่วงไหมครับ

พี่เต๋อ : ครับไม่มีไรน่าห่วง ปรับเป็นสเกล100 หรือสเกล 10000 แล้วไปเทียบปีที่แล้วก็ได้ เพราะสุดท้ายแล้วก็เรียงตามลำดับเหมือนเดิม แต่พี่ก็ยังไม่แน่ใจว่า กระบวนการในการคัดสรรมีหลายแบบ สมมุติอันดับ 1 ชนกัน สมมุติคะแนนเท่ากัน คนนี้ได้อันดับ 1 คนนี้ได้อันดับ 2 จะแบ่งยังไง คือพอมีความละเอียดของคะแนนก็จะช่วยเรื่องนี้มากขึ้น สรุปก็คือ 4 อันดับให้น้องๆ เลือกตามความชอบเป็นหลัก และส่วนตัวพี่คิดว่าภาพรวมแนวโน้ม คะแนนปีนี้น่าจะต่ำกว่าปีก่อนครับ


พี่ลาเต้ : มาต่อกันที่คำถามยอดฮิตกันดีกว่า ส่งตรงมาจากน้องๆ จากเว็บเด็กดีเลย ถามว่า “พี่เต๋อ กับ พี่โหน่ง มีที่บนเด็ดๆ ให้แอดมิชชั่นไมค่ะ”

พี่เต๋อ : ตอนที่พี่เข้าไปจุฬาฯ วันแรกเห็นพระรูปของท่านรัชกาลที่ 5 และที่ 6 และก็มีคนไปไหว้กันเยอะมากๆ เพื่อนๆ ก็มาบนกัน ตอนนั้นก็นึกในใจว่า จริงๆ แล้วหากเสด็จพ่อ ร.5 ท่านยังอยู่จริงๆ ท่านอยากที่จะให้เราทำอะไรกันแน่ ท่านอยากให้เราเอาดอกไม้ไปให้ หรืออยากให้เราขยัน พี่เลยคิดว่าท่านรักประเทศมาก และรักคนไทยมาก หน้าที่ของเราคือทำสังคมไทยให้ดีขึ้น อันนั้นคือสิ่งที่เราควรจะทำมากกว่า ส่วนเรื่องการสักการะ การไหว้ พี่ว่าเป็นสิ่งที่ดี แต่ต้องแยกแยะว่าสิ่งที่ควรทำจริงๆ เรื่องบนนี้พี่ก็คิดว่าบนก็บนไป ใครอยากบนก็บนได้ แต่อยากให้กลับมาเริ่มทำที่ตัวเองเป็นหลัก ตรงนั้นคือเสริมให้กำลังใจไป แล้วได้หรือไม่ได้ ไม่ต้องคิด สิ่งที่ได้ไป แล้วคือการสะสมอุตสาหะ ความอดทน และสุดท้ายไม่ว่าจะได้มหาวิทยาลัยดี หรือมหาวิทยาลัยรองลงมา ทุกอย่างมันจะลงตัวหมดครับ


พี่โหน่ง : จริงๆ เรื่องบนบาน ตอนที่ย้อนกลับไปตอนพี่เรียนอยู่ ม.ปลาย พี่ก็บนนะ 555 อย่างที่โรงเรียนพี่จะมีประเพณีบนโดยการวิ่งรอบสนามฟุตบอลเท่ากับจำนวนรุ่น มาพอมานึกถึงปัจจุบันนี้หากย้อนกลับไปได้ พี่ก็คงบนเหมือนเดิมล่ะ แต่ก็อยากจะฝากว่าทำไมทุกวันนี้ ประเทศไทยต้องการทำข้อสอบ GAT ก็เพราะต้องการฝึกเรื่องวิเคราะห์ และเหตุผล ซึ่งผู้ใหญ่ และแนวโน้มของคนทั่วโลก ก็ยอมรับแล้วว่าการวัดเหตุผลนั้นสำคัญที่สุด แต่สำหรับเรื่องการบนนั้น พี่แนะนำแบบนี้ครับ อยากให้น้องเชื่อคำว่า คนให้ย่อมได้รับ ดังนั้น ก็ให้น้องให้เลยครับ ไม่ต้องไปขอ ที่พี่แนะนำน้องเวลาที่เจอก็คือ ให้ไปตลาดสดไปเขียงปลา ซื้อปลาปล่อยเลย ตอนปล่อยอยากอธิฐาน ก็อธิฐานเลย ขอให้มีสติในการอ่านหนังสือในวันสอบ และขอให้สติที่เราได้รับเนี่ยมีผลที่ดีกับเรา ถึงแม้สุดท้ายว่าการให้ในครั้งนี้จะไม่ทำให้เราแอดมิชชั่นติดก็ตาม แต่อย่างน้อยเราก็ได้ให้ และทำความดีแล้ว เรียกว่าเปลี่ยนจาก “บน” เป็น “บุญ” อย่างน้องๆ ที่อาจจะเก่งในบางวิชาก็เริ่มให้ได้เลยครับ คือติววิชาให้เพื่อนๆ ถือเป็นการให้เหมือนกัน

 
   

พี่ลาเต้ : เอาล่ะครับ สุดท้ายนี้อีกไม่กี่วันน้องๆ ก็จะลงสนามสอบกันแล้ว อยากให้ พี่เต๋อ กับ พี่เต๋อ อวยพร และฝากอะไรให้กับน้องๆ หน่อยครับ

พี่โหน่ง : ระยะกันใกล้นี้ ขอให้น้องไต่ตรองว่าคณะที่เราอยากเข้าคืออะไร แล้วไปดูน้ำหนักคะแนน ว่าการสอบที่ผ่านมาเราได้เท่าไหร่ จะการสอบที่เหลือเราควรจะเน้นวิชาไหนที่ให้คะแนนขึ้นได้ง่ายที่สุด และอ่านตรงนั้นอย่างดี พยายามอย่าจมอยู่กับตัวเอง ทันทีที่มีปัญหา ให้ไปหาอาจารย์ ไปหาครูกวดวิชา หรือไปหาเพื่อนได้หมด เพื่อแก้จุดตายของเราให้หมด แล้วมันจะกลายเป็นจุดเป็น


พี่เต๋อ : เมื่อวานก็มีการแข่งขันอเมริกันฟุตบอลรอบชิงชนะเลิศ คือสิ่งที่ได้จากการดูอเมริกันฟุตบอลครั้งนี้ก็คือ ไม่มีอะไรที่สายเกินไป นับจากวันที่ได้อ่านบทความนี้ก็เริ่มได้เลย อย่าไปคิดว่าอันนี้จะอ่านไม่หมด อ่านนั้นจะอ่านไม่ทัน ไม่เป็นไร หยุดความคิดกังวล เปลี่ยนมาเป็นความคิดที่สร้างสรรค์ ทำให้เต็มที่เพื่อตัวเอง เพื่อพ่อแม่ พี่ๆ ก็ขอให้กำลังใจ เอาใจช่วยขอให้น้องๆ ได้คณะที่ตั้งใจ มหาวิทยาลัยที่ตั้งใจ และทำทุกอย่างเพื่อประเทศของเราครับ

 
     

 

 

 

       โอ้โห.. จบลงอย่างสวยงามจริงๆ เอาเป็นว่าน้องๆ ชาวเด็กดีที่กำลังจะลงสนามสอบต่างๆ ของแอดมิชชั่นปีนี้ ก็หยิบเอาประสบการณ์ต่างๆ ไปใช้ได้นะครับ ทั้งสูตรการเลือกคณะ และเทคนิคการทำข้อสอบในวิชาต่างๆ พี่ลาเต้ พร้อม พี่โหน่ง และ พี่เต๋อ ขอเป็นกำลังใจให้น้องๆ ทุกคนคร๊าบ.. 

 

พี่ลาเต้
พี่ลาเต้ - Columnist นักข่าวสายการศึกษา เกาะติดทุกข่าวแทนน้องๆ ตัวถีบ ตัวดันให้ ม.6 สอบติด

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

9 ความคิดเห็น

กำลังโหลด
กำลังโหลด
หัวโต 27 มี.ค. 53 11:39 น. 3
คะแนนออกมาแล้วดีสะด้วยอันดับหนึ่งดังใจหวังทั้งสองคณะ7,050 กับ7700 คะแนน เรียนในสิ่งที่ชอบ ชอบในสิ่งที่อยากเรียน สอนเทคนิคการเรียนหน่อยวิชาไหนไม่ชอบบอกว่าชอบมากๆทำเป็นชอบ สมองจะพัฒนาไม่ต่อต้านวิชานี้ไม่ได้ 4 กลับมาให้ดีดหูเลย เหมือนไม่ชอบกินผัก ทำเป็นชอบกินผักเคี้ยวตุ้ยๆเดี๋ยวก็อร่อยเองแหะๆ ส่วนคนพูดหมดสิทธิแล้วไปเรียนในสิ่งที่ชอบแล้ว พ่อแม่บางคนตอนแรกอยากให้เป็นหมอ เมื่อเห็นลูกไม่ชอบก็ไม่เสียใจตามใจลูกเลือกเรียนตามบายเลย สละสิทธิมาหลายคณะแล้วรอบนี้ก็สละสิทธิให้เพื่อนไปเรียนในคณะที่ชอบที่สุด อาจารย์ผู้พิพากษาเล่าให้ฟังว่ามีหมอผ่าตัดคนหนึ่งไปสอบเป็นผู้พิพากษาได้แล้ว อาจารย์ถามหมอทำไมถึงมาเป็นผู้พิพากษาละ ผมตามใจพ่อแม่มาแล้วคราวนี้ตามใจตนเองบ้างเลยอยากเป็นผู้พิพากษาบ้าง เอาเลยท่านหมอ ตอนนี้หมอฟันก็เริ่มเรียนนิติรามบางคนจบแล้วต่อเนติเรียนตอนเย็นกันแล้ว เภสัชจบมาสอบเป็นผู้พิพากษาเกือบ40 คนนะครับได้เป็นกันหมดแล้วด้วยเก่งจริงพวกเด็กวิทย์นี่แย่งอาชีพเด็กศิลป์สะแล้ว ไม่เป็นไรครับแซวเล่นเรียนในสิ่งที่ชอบแล้วอนาคตอยู่ในมือท่านแล้ว อย่าทำให้พ่อแม่เสียใจเป็นใช้ได้ท่านให้กำลังเสมอเรียนอะไรก็ได้ให้จบออกมากเป็นคนดีครับ
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
-first-dek-ad- Member 21 ธ.ค. 53 18:42 น. 9
 ขอบคุณค๊

อยากเรียน

คณะเทคโนโลยีสารสนเทศ ม.เกษตรศาสตร์

แต่ พ่อ กับแม่ อยากให้เรียนคณะนิติศาสตร์

อ๊

ทำงัยดี

ปล.ด้ายคะแนน AD น้อย มีสิทธิ ติด เทคโนสารสนเทศมั้ยค๊

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด