|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
แสดงความคิดเห็น
ถูกเลือกโดยทีมงาน
ยอดถูกใจสูงสุด
มาแอบเสริมนิดนึงค่ะ
สัตวแพทย์เกษตร ไม่มีเรียน calculus ค่ะ ^O^
เจอคณิตศาสตร์ค่อนข้างน้อย ส่วนใหญ่เจอเคมีมากกว่าค่ะ
(วิชาตัดสินชีวิต หน่วยกิตมากกว่าวิชาคณะเราอีก T^T)
ฟิสิกส์เจอแค่เทอมเดียว (แค่เทอมเดียวก็เสียวไส้ได้ค่ะ มหาโหดเหมือนกัน เพราะเท่าที่ฟังคะแนนแต่ละคนมาค่อนข้างน่าอนาถใจค่ะ)
ส่วนเคมีเราต้องเจอทั้ง Gen Chem , Organic chem, และ Bio chem ค่ะ
ซึ่งแต่ละตัวนี่แทบตัดอนาคตกันไปข้างนึงเลยค่ะ ต้องผ่าน Gen ถึงจะต่อ Org ได้ และต้องผ่าน Org ถึงจะต่อ Bio ได้ค่ะ
เทอมแรกยังไม่ต้องเรียนที่คณะค่ะ (คณะสัตวแพทย์เกษตร แยกออกจากตัวมหาวิทยาลัย ห่างไกลพอสมควร)
พอเทอมที่สองจะมีวิชาคณะอยู่สองตัว ตัวนึงเรียนตั้งแต่ช่วงปิดเทอม (บังคับค่ะ ไม่เข้าติด F)
อีกตัวมหาโหดมาก (แต่พี่ ๆ บอกว่าสบายที่สุดแล้ว) คือ Veterinary gross Anatomy 1
ครึ่งเทอมปลายช่วงต้นจะท่องกระดูกของสัตว์ ทั้งหมู สุนัข วัว ม้า ต้องแยกให้ออกค่ะว่าชิ้นไหนของสัตว์อะไร
เรียกว่าอะไร เป็นข้างซ้านหรือข้างขวา ขาหน้าหรือขาหลัง T^T แล้วต้องบอกเหตุผลด้วยนะคะว่าดูจากอะไร
(ตอนนี้ก็กำลังท่องกันอยู่ค่ะ จะสอบเต็มทีแล้ว T^T)
เวลาเรียนจะเรียนเลคเชอร์ชั่วโมงกว่า จากนั้นก็เข้าห้อง gross แต่ละคาบจะมีกระดูกมาให้เราได้สัมผัส ทำความเข้าใจ
และต้องท่องให้ได้ด้วยค่ะ (คาบคลำสุนัขคลำแมวนี่เราก็คลำของจริงเลยค่ะ สงสารสุขันมาก ๆ เลย โดนรุมจับซะ)
เป็นวิชาที่สูบวิญญาณเราได้ดีกว่าวิชาไหน ๆ จริง ๆ ต้องใช้ทั้งแรงกาย แรงใจ สติปัญญาและความสามารถค่ะ
ส่วนครึ่งเทอมหลังที่กำลังรอเราอยู่ คือการท่องเรื่องกล้ามเนื้อค่ะ
แล้วอาจารย์บอกว่าคาบสุดท้ายจะพาไปคลำม้าคลำวัวที่ฝั่งกำแพงแสนด้วย
ในเทอมต้นมีเรียน zoology ที่จะลงลึกเรื่องไฟลัมต่าง ๆ พอเรียนจบก็ต้องส่งกระดูกกบค่ะ
(เอาศพกบที่เรียนนั่นแหละค่ะไปต้ม เลาะกระดูก แล้วเอามาต่อ บางคนต้มหลายตัวมากกว่าจะได้
เพราะชิ้นส่วนมักจะหายอยู่เรื่อย) ส่วนเทอมปลาย พวกเราต้องเลือกค่ะว่าจะส่งหัววัว ขาวัว กระดูกสุนัข ไก่ หรือพวกเป็ด หรือห่าน
เพราะการได้ต้มและต่อเองจะทำให้เราเข้าใจถึงเนื้อหาที่เรียนมากยิ่งขึ้นค่ะ ^^"
ชีวิตปีหนึ่งนอกจากเรียนเรายังพอมีเวลาว่างหายใจ มีเวลาสนุกสนาน นัดไปไหนมาไหนกับเพื่อน ๆ ได้ค่ะ
(แหม...ห้างฯแทบจะสี่มุมเมือง ทั้งเซ็นทรัลลาดพร้าว ยูเนี่ยนมอลล์ เมเจอร์รัชโยธิน ไม่ไกลก็เดอะมอลล์งามวงศ์วาน เดินเล่นจตุจักรยังได้เลย)
สัตวแพทย์เกษตรครอบครัวเราอบอุ่นค่ะ พี่ ๆ ทุกคนน่ารักและใจดีมาก ๆ เลย ^^ บางครั้งยังมาช่วยติวให้เราด้วย
สังคมดี เพื่อนดี อยู่แล้วสบายใจค่ะ และเพื่อน ๆ ก็ช่วยกระตุ้นเราในการเรียนด้วย
(ไม่เข้าใจอะไรถามได้ตลอด ไม่มีหวงความรู้ค่ะ)
ช่วงนี้ก็ใกล้สอบแล้ว เป็นกำลังใจให้สัตวแพทย์ทุกคน ทุกชั้นปี ทุกสถาบัน
รวมทั้งน้อง ๆ ทุกคนด้วยค่ะ ^^
VET 73
สืบเนื่องจากกรณีของนักศึกษาวิทยาลัยพยาบาลแห่งหนึ่งในจังหวัดนครราชสีมา เข้าร้องเรียนเรื่องวิทยาลัยเปิดรับนักศึกษาและทำการสอนนักศึกษาทั้งที่หลักสูตรที่ใช้สอนไม่ได้รับการรับรองหลักสูตรจากสภาการพยาบาล ซึ่งเป็นสภาวิชาชีพ ในปัจจุบันวิชาชีพหลายอาชีพต่างมีสภาวิชาชีพของตนเอง อาชีพที่มีสภาวิชาชีพ ได้แก่ แพทยสภา สภาพยาบาล สภาเภสัชกรรม ทันตแพทยสภา สภาวิศวกร สภาสถาปนิก สภาเทคนิกการแพทย์ สภากายภาพบำบัด สภาทนายความ และอีกหลายสภาวิชาชีพ ซึ่งสภาวิชาชีพเหล่านี้เขาจัดตั้งขึ้นเพื่อควบคุมการประกอบวิชาชีพของเขาให้อยู่ในมาตรฐานแห่งวิชาชีพนั้นๆ รวมทั้งมีคุณธรรมและจริยธรรมของวิชาชีพนั้นๆ ด้วย แต่ละสภาวิชาชีพมีการกำหนดหลักเกณฑ์สำหรับผู้ประกอบวิชาชีพของตนเอง เช่น ต้องมีใบอนุญาตผู้ประกอบการวิชาชีพ มีมาตรการที่ให้ผู้ประกอบวิชาชีพได้มีการพัฒนาความรู้ให้ทันสมัยอยู่ตลอดเวลา มีหลักคุณธรรมจริยธรรมของวิชาชีพ เป็นต้น สถาบันการศึกษาผู้ผลิตบัณฑิตในแต่ละสาขาวิชาชีพจึงต้องเป็นสมาชิกของสภาวิชาชีพนั้นๆ และหลักสูตรที่ใช้ในการผลิตบัณฑิตจำเป็นต้องได้รับการรับรอง และได้รับใบอนุญาตการประกอบการวิชาชีพนั้นๆ จากสภาวิชาชีพของตนเอง หรือมีกฎเกณฑ์ที่ต้องปฏิบัติให้สามารถสอบเพื่อให้ได้รับใบอนุญาตการประกอบวิชาชีพนั้นได้ ดังนั้นหากหลักสูตรวิชาชีพใดที่ไม่ได้รับการรับรองจากสภาวิชาชีพ จึงไม่ได้รับการรับรองมาตรฐาน และไม่สามารถประกอบวิชาชีพนั้นได้ตามกฏหมาย
ปัจจุบันสถาบันการศึกษาเกิดขึ้นมากมาย และมีการแข่งขันกันสูงมากเนื่องจากเป็นธุรกิจการศึกษา ทำให้มีการเปิดการเรียนการสอนในหลายสาขาที่เป็นที่นิยม เพื่อทำให้สามารถรับนักศึกษาให้ได้มากที่สุด แต่ทั้งนี้สถาบันการศึกษาบางแห่งที่เปิดให้มีการเรียนการสอนโดยเฉพาะหลักสูตรวิชาชีพ (ซึ่งการประกอบวิชาชีพต้องได้รับใบอนุญาตการประกอบวิชาชีพก่อนจึงจะสามารถประกอบวิชาชีพได้ เช่น แพทย์ วิศวกร สัตวแพทย์ ทันตแพทย์ พยาบาล เป็นต้น) ไม่มีความพร้อม หลักสูตรไม่ได้รับการรับรอง หรือเงื่อนไขอื่นๆ เช่น ในสาขาวิชาชีพสัตวแพทยศาสตร์ สถาบันการศึกษาที่บัณฑิตต้องมีความพร้อมทั้งในส่วนคณาจารย์ผู้สอน มีส่วนนักศึกษาต่ออาจารย์ตามมาตรฐานกระทรวงศึกษา นั่นหมายความว่ามีอาจารย์อย่างเพียงพอกับจำนวนนักศึกษา มีสถานที่สำหรับการเรียนการสอนอย่างเหมาะสมเพียงพอสำหรับการฝึกปฏิบัติ เช่น การเรียนในห้องปฏิบัติการ มีโรงพยาบาลสัตว์เพื่อให้นักศึกษาได้ฝึกงาน ฝึกปฏิบัติบนคลินิก เป็นต้น
เนื่องจากในช่วงเวลานี้นักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลายกำลังเตรียมตัวเพื่อเลือกสถานศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษา ข้อมูลในเรื่องเหล่านี้นักเรียนอาจไม่ทราบ เพื่อให้เกิดความกระจ่างและไม่เป็นปัญหาอย่างวิทยาลัยพยาบาลที่เกิดปัญหา จึงขอแจ้งให้นักเรียนทราบว่าหลักสูตรคณะสัตวแพทยศาสตร์ ในประเทศไทยที่ได้รับการรับรองจากสัตวแพทยสภามีทั้งสิ้น 6 สถาบัน คือ
คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
คณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
คณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
คณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
คณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
คณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมหานคร
VET - KASETSART UNIVERSITY
ONLY !!!!!!
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการที่จะลบความเห็นนี้ใช่หรือไม่ ?
79 ความคิดเห็น
แต่อยากเรียนคณะแพทย์เฉย ๆ !
เป็นศิษย์เก่า ร้อยเอ็ดวิทยาลัยนี่นา
เก่งมากค่ะ
ช่วยด้วย ย ย อยู่ตั้ง สงขลาแหน่ะ !!
แต่ผลสอบโควต้าออกมา "ไม่ติด!!!!!"
อร๊างง..
ค่อยลุ้นใหม่ตอนแอด
สัตวแพทย์ มหิดล ไว้เจอกัน
อยากเป็นหมอสัตว์
อยากรู้มากเลย
(พี่เอ้ไม่สบายเข้าโรงพยาบาลค่ะ)
เกษตรศาสตร์ ที่1ในใจ
อยากเข้าที่เกษตรอ่ะ
สู้ตายค่า >,<
แต่ไม่รุติดไหม ยังไม่ได้ดูผลเลย
แต่จำหัวบาน(เป็นดอกเห็ด)แน่ๆ T^T
(แต่สัตวศาสตร์ก็บานแย้ว)
มาแอบเสริมนิดนึงค่ะ
สัตวแพทย์เกษตร ไม่มีเรียน calculus ค่ะ ^O^
เจอคณิตศาสตร์ค่อนข้างน้อย ส่วนใหญ่เจอเคมีมากกว่าค่ะ
(วิชาตัดสินชีวิต หน่วยกิตมากกว่าวิชาคณะเราอีก T^T)
ฟิสิกส์เจอแค่เทอมเดียว (แค่เทอมเดียวก็เสียวไส้ได้ค่ะ มหาโหดเหมือนกัน เพราะเท่าที่ฟังคะแนนแต่ละคนมาค่อนข้างน่าอนาถใจค่ะ)
ส่วนเคมีเราต้องเจอทั้ง Gen Chem , Organic chem, และ Bio chem ค่ะ
ซึ่งแต่ละตัวนี่แทบตัดอนาคตกันไปข้างนึงเลยค่ะ ต้องผ่าน Gen ถึงจะต่อ Org ได้ และต้องผ่าน Org ถึงจะต่อ Bio ได้ค่ะ
เทอมแรกยังไม่ต้องเรียนที่คณะค่ะ (คณะสัตวแพทย์เกษตร แยกออกจากตัวมหาวิทยาลัย ห่างไกลพอสมควร)
พอเทอมที่สองจะมีวิชาคณะอยู่สองตัว ตัวนึงเรียนตั้งแต่ช่วงปิดเทอม (บังคับค่ะ ไม่เข้าติด F)
อีกตัวมหาโหดมาก (แต่พี่ ๆ บอกว่าสบายที่สุดแล้ว) คือ Veterinary gross Anatomy 1
ครึ่งเทอมปลายช่วงต้นจะท่องกระดูกของสัตว์ ทั้งหมู สุนัข วัว ม้า ต้องแยกให้ออกค่ะว่าชิ้นไหนของสัตว์อะไร
เรียกว่าอะไร เป็นข้างซ้านหรือข้างขวา ขาหน้าหรือขาหลัง T^T แล้วต้องบอกเหตุผลด้วยนะคะว่าดูจากอะไร
(ตอนนี้ก็กำลังท่องกันอยู่ค่ะ จะสอบเต็มทีแล้ว T^T)
เวลาเรียนจะเรียนเลคเชอร์ชั่วโมงกว่า จากนั้นก็เข้าห้อง gross แต่ละคาบจะมีกระดูกมาให้เราได้สัมผัส ทำความเข้าใจ
และต้องท่องให้ได้ด้วยค่ะ (คาบคลำสุนัขคลำแมวนี่เราก็คลำของจริงเลยค่ะ สงสารสุขันมาก ๆ เลย โดนรุมจับซะ)
เป็นวิชาที่สูบวิญญาณเราได้ดีกว่าวิชาไหน ๆ จริง ๆ ต้องใช้ทั้งแรงกาย แรงใจ สติปัญญาและความสามารถค่ะ
ส่วนครึ่งเทอมหลังที่กำลังรอเราอยู่ คือการท่องเรื่องกล้ามเนื้อค่ะ
แล้วอาจารย์บอกว่าคาบสุดท้ายจะพาไปคลำม้าคลำวัวที่ฝั่งกำแพงแสนด้วย
ในเทอมต้นมีเรียน zoology ที่จะลงลึกเรื่องไฟลัมต่าง ๆ พอเรียนจบก็ต้องส่งกระดูกกบค่ะ
(เอาศพกบที่เรียนนั่นแหละค่ะไปต้ม เลาะกระดูก แล้วเอามาต่อ บางคนต้มหลายตัวมากกว่าจะได้
เพราะชิ้นส่วนมักจะหายอยู่เรื่อย) ส่วนเทอมปลาย พวกเราต้องเลือกค่ะว่าจะส่งหัววัว ขาวัว กระดูกสุนัข ไก่ หรือพวกเป็ด หรือห่าน
เพราะการได้ต้มและต่อเองจะทำให้เราเข้าใจถึงเนื้อหาที่เรียนมากยิ่งขึ้นค่ะ ^^"
ชีวิตปีหนึ่งนอกจากเรียนเรายังพอมีเวลาว่างหายใจ มีเวลาสนุกสนาน นัดไปไหนมาไหนกับเพื่อน ๆ ได้ค่ะ
(แหม...ห้างฯแทบจะสี่มุมเมือง ทั้งเซ็นทรัลลาดพร้าว ยูเนี่ยนมอลล์ เมเจอร์รัชโยธิน ไม่ไกลก็เดอะมอลล์งามวงศ์วาน เดินเล่นจตุจักรยังได้เลย)
สัตวแพทย์เกษตรครอบครัวเราอบอุ่นค่ะ พี่ ๆ ทุกคนน่ารักและใจดีมาก ๆ เลย ^^ บางครั้งยังมาช่วยติวให้เราด้วย
สังคมดี เพื่อนดี อยู่แล้วสบายใจค่ะ และเพื่อน ๆ ก็ช่วยกระตุ้นเราในการเรียนด้วย
(ไม่เข้าใจอะไรถามได้ตลอด ไม่มีหวงความรู้ค่ะ)
ช่วงนี้ก็ใกล้สอบแล้ว เป็นกำลังใจให้สัตวแพทย์ทุกคน ทุกชั้นปี ทุกสถาบัน
รวมทั้งน้อง ๆ ทุกคนด้วยค่ะ ^^
VET 73
\
ใครที่อยากเข้าก็สู้ๆละกันนะจ๊ะ