คณะทันตแพทยศาสตร์ Issue 003 week3, February 2010
 
คณะทันตแพทยศาสตร์
ตอนที่ 3/4 : จากรุ่นพี่ถึงรุ่นน้อง : ชีวิตนอกรั้วมหาวิทยาลัย
 
เผยเบื้องลึกชีวิตหมอฟัน!!
       สวัสดีค่ะน้องๆ ชาว Dek-D.com ... เจอกับคอลัมน์คณะในฝันกันอีกเช่นเคยนะคะ สำหรับ "คณะทันตแพทยศาสตร์" ของสัปดาห์นี้ ขอบอกก่อนเลยว่าสุดยอดมากๆ ค่ะ เพราะตั้งแต่คณะสัตวแพทยศาสตร์มาจนถึงคณะแพทยศาสตร์ พี่เป้ ได้มีโอกาสพูดคุยสัมภาษณ์ คุณหมอคนเก่งที่มีชื่อเสียง และวันนี้ก็อีกเช่นเคยที่รู้สึกประทับใจมากๆ เพราะคุณหมอ(ฟัน)ใจดีที่มาให้สัมภาษณ์ในวันนี้ ท่านหนึ่งเป็นทันตแพทย์ที่ลงไปทำงานที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ส่วนอีกท่านก็เป็นทันตแพทย์ที่ทำงานในวงการบันเทิงควบคู่ไปด้วย..... เกริ่นเท่านี้ก็น่าสนใจแล้วใช่มั้ยล่ะ ^^ เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เราไปพบกับคุณหมอทั้งสองท่านเลยดีกว่าค่ะ

รุ่นพี่คนที่1 : ท.พ. ธีรภาพ ทัศนานุกุลกิจ (พี่เต้ย)
 
พี่เป้: สวัสดีค่ะ ก่อนอื่นอยากให้ช่วยแนะนำตัวแก่น้องๆ หน่อยค่ะ
พี่หมอเต้ย: สวัสดีครับ ชื่อ ท.พ. ธีรภาพ ทัศนานุกุลกิจ (เต้ย) จบจากคณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ปี 2550 ตอนนี้ทำคลินิกเอกชนอยู่ครับ แต่ไม่ใช่คลินิกของตัวเอง คือสมัครมาอยู่เฝ้าคลินิกให้ทันตแพทย์ท่านอื่นที่เป็นเจ้าของคลินิก (หรือเรียกว่าเป็น "หมอมือปืน" น่ะครับ) รายได้ของหมอมือปืนจะได้ครึ่งหนึ่งของค่ารักษาที่เก็บจากคนไข้ครับ (อีกครึ่งหนึ่งแบ่งกับเจ้าของคลินิก) รายได้จึงมีขึ้นลงในแต่ละเดือนครับ
 
พี่เป้: อะไรเป็นแรงบันดาลใจให้คุณหมอมาเรียนในคณะทันตะนี้ค่ะ
พี่หมอเต้ย: ตั้งใจอยากเรียนแพทย์มาตั้งแต่เด็กๆ แล้วครับ อยากช่วยเหลือคนเจ็บป่วย แต่มีตอนช่วงมัธยมปลายที่เพื่อนผู้ชายส่วนใหญ่เลือกเรียนวิศวะ (ช่วงนั้นกระแสวิศวะกำลังบูม) ก็เลยสนใจ ได้ลองไปเรียนพิเศษวิชาฟิสิกส์กับพื้นฐานวิศวะ พอไปเรียนรู้สึกว่าไม่ชอบ ไม่เหมาะกับตัวเอง คิดว่าไม่ชอบวิชาคำนวณมากขนาดนั้น เลยหันมาลองดูทางสายแพทย์อีกครั้ง แล้วก็คิดว่าแพทย์กับทันตแพทย์คงคล้ายๆ กัน ก็เลยเลือกไว้สองคณะนี้ สุดท้ายสอบเข้าทันตแพทย์ได้ก็ตัดสินใจมาเรียนคณะนี้ครับ
 
พี่เป้: แล้วหลังจากเรียนจบแล้ว คุณหมอได้มาทำงานใช้ทุนที่ไหนคะ
พี่หมอเต้ย: จับสลากเลือกใช้ทุนได้ที่จังหวัดอำนาจเจริญ และเลือกลงอำเภอชานุมานครับ (ติดแม่น้ำโขงพรมแดนประเทศลาว) แต่ได้ขอย้ายภายในจังหวัด 1 ครั้ง ลงที่อำเภอพนาครับ หลังจากทำงานราชการได้ 1 ปีเศษ ก็ขอลาออกมาทำงานเอกชน เนื่องจากแฟนได้ทุนเรียนต่อที่ มอ. (หาดใหญ่) ซึ่งระยะทางไกล ไม่สะดวกต่อการเดินทาง จึงออกมาหางานเอกชนทำทางภาคใต้ครับ
 
พี่เป้: อยากให้คุณหมอเต้ยช่วยเล่าถึงเคสคนไข้ที่ประทับใจสัก 1 เคสหน่อยค่ะ
พี่หมอเต้ย: ที่ประทับใจคือช่วงสมัยเรียนน่ะครับ ขึ้นคลินิกใหม่ๆ ก็ยังทำงานไม่คล่อง และต้องรออาจารย์มาเช็คงาน คนไข้มีความอดทนสูงมากๆ ครับ นอนอ้าปากให้เราทำได้ 2-3 ชั่วโมง แถมต้องมาต่อเนื่องหลายครั้ง อย่างฟันปลอมต้องนัดคนไข้ ประมาณ 8-10 ครั้ง ขูดหินปูน 4-5 ครั้ง อุดฟันบางทีอุดซี่เดียวต้องมา 2-3 ครั้ง คนไข้ก็รู้ว่าเรายังเป็นนักศึกษาก็ให้กำลังใจ เวลาโดนอาจารย์ดุว่า บางทีก็มีซื้อขนมหรือผลไม้มาฝากครับ :)

พี่เป้: ส่วนตัวแล้วคุณหมอคิดว่างานประเภทไหนยากที่สุดคะ
พี่หมอเต้ย: ส่วนตัวคิดว่างานศัลย์ยากที่สุดครับ เช่น ผ่าตัดเนื้องอกหรือมะเร็งในกระดูกขากรรไกร หรือผ่าตัดเลื่อนขากรรไกรก่อนการจัดฟันในคนไข้บางคนที่มีปัญหากระดูกขากรรไกรล่างยื่นมากๆ เป็นงานที่ทำยากและมีความเสี่ยงเหมือนกันครับ ส่วนงานจัดฟันยากรองลงมา เนื่องจากการเคลื่อนฟันให้ได้ตามที่ต้องการ เราต้องคำนวณทิศทางและแรงในการเคลื่อนฟันให้พอดี มีค่ามุมของฟันต่อขากรรไกรหลายค่าต้องคำนวณออกมาอย่างละเอียด จะใช้เทคนิคเคลื่อนฟันอย่างไร ใช้อุปกรณ์ตัวใดช่วยบ้าง ส่วนตัวแล้วงานลักษณะนี้จะไม่ได้ทำเพราะยังเป็นทันตแพทย์ทั่วไปอยู่ครับ (ต้องเรียนต่อเฉพาะทางจึงจะทำงานเหล่านี้ได้)
 
พี่เป้: ส่วนตัวคุณหมอคิดว่าการเป็นทันตแพทย์ประจำอยู่ในแถบต่างจังหวัดมีข้อดีข้อเสียยังไงบ้างคะ หรือปัญหาที่เจอบ่อยๆ
พี่หมอเต้ย: ต่างจังหวัดงานเอกชนจะหายากครับ ยกเว้นเปิดคลินิกเอง แต่ในกรุงเทพฯมีทางเลือกมาก ในวันหนึ่งจะมีประกาศรับสมัครทันตแพทย์ตามเวปไซด์ต่างๆ นับสิบแห่งครับ แต่หากเป็นงานราชการในต่างจังหวัด จะมีทันตแพทย์ทำงานกระจายอยู่ทั่วทุกโรงพยาบาลครับ งานราชการจะมีทั้งส่วนของคลินิกและบริหาร มีงานส่งเสริมและป้องกันเพิ่มขึ้นจากการรักษาทั่วไปด้วย ข้อดีคือผู้คนต่างจังหวัดเขาจะเคารพนับถือและให้เกียรติเรามาก เราทำงานแล้วสบายใจ จะรู้สึกดีที่ได้ช่วยเหลือคนที่เจ็บป่วยมีปัญหาโรคในช่องปาก แต่ไม่มีเงินไปรักษาตามคลินิกหรือโรงพยาบาลเอกชน ส่วนข้อเสีย คือ ต้องทำงานหลายหน้าที่ เดี๋ยวก็มีโครงการต่างๆ เข้ามาให้ทำ บางทีก็ต้องไปประชุม ประสานงานกับฝ่ายต่างๆ ของโรงพยาบาลหรือของสาธารณสุขจังหวัด บางคนอาจจะไม่ค่อยชอบ เพราะถนัดทำงานสายคลินิกมากกว่า
 

 พี่เป้: แล้วปัญหาการเมืองทางภาคใต้มีผลกระทบต่อการทำงานบ้างมั้ยคะ
พี่หมอเต้ย: ถ้าเป็นปัญหาเกี่ยวกับโจรใต้ ก่อนมาอยู่ก็รู้สึกกลัวบ้างนิดหน่อย แต่คิดว่าเรามาทำงาน ช่วยรักษาคนเจ็บป่วย ไม่ได้เป็นศัตรูกับใคร และเราไม่ใช่กลุ่มเป้าหมายของพวกเขา รวมถึงเราก็ต้องไม่ประมาทในการใช้ชีวิตประจำวันด้วย มองว่าคนในพื้นที่เองก็อยู่กันได้ และพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้มีเนื้อที่กว้างใหญ่มาก โอกาสจะเกิดเหตุการณ์ ณ จุดใดจุดหนึ่งจึงมีน้อย พอคิดได้แบบนี้สุดท้ายเราก็สามารถปรับตัวให้สามารถอยู่ในพื้นที่นี้ได้ครับ

 


 

 

 


 
  พี่เป้: อยากให้คุณหมอช่วยชี้แจงหรืออธิบายเกี่ยวกับเงินเดือนของทันตแพทย์ด้วยค่ะ เพราะมีน้องๆ ถามมาเยอะมาก
พี่หมอเต้ย: ถ้าของโรงพยาบาลรัฐบาล จะมีหลายส่วนคือ
เงินเดือน (เริ่มต้นประมาณ 10,190 บาท และปรับขึ้นทุก 6 เดือน) , เงินประจำตำแหน่ง (เงิน พ.ต.ส.) 5,000 บาท , เบี้ยเลี้ยงเหมาจ่าย 10,000-40,000 บาท ตามระดับความกันดารและความเสี่ยงภัย (ถ้าอยู่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้จะได้เงินส่วนนี้ 40,000 บาท) , เงินค่าไม่ทำเวชปฏิบัติ 10,000 บาท เรียกว่า "เงินหมื่น" (ถ้าทำคลินิกส่วนตัวที่ไม่ใช่ของโรงพยาบาล ก็จะไม่ได้รับเงินส่วนนี้)

รวมแล้วทันตแพทย์จบใหม่จะได้เงินเดือน 35,000-65,000 บาท ไม่รวมโอที และเงินเดือนจะปรับขึ้นตามฐานเงินเดือนของข้าราชการครับ ส่วนคลินิกเอกชน รายได้ขึ้นกับจำนวนคนไข้ และประเภทของงานที่ทำ (ทำงานทั่วไป เช่น อุด,ขูด,ถอน หรือทำงานเฉพาะทาง เช่น รักษารากฟัน,ครอบฟัน,ผ่าฟันคุด) โดยเฉลี่ยถ้าเป็นหมอมือปืนอยู่เต็มเวลาสัปดาห์ละ 6 วัน จะมีรายได้ประมาณ 80,000-120,000 บาท ต่อเดือนครับ (อาจมากน้อยกว่านี้ก็ได้)
 
พี่เป้: สุดท้ายอยากให้คุณหมอช่วยฝากข้อคิดหรือกำลังใจให้แก่น้องๆ หน่อยค่ะ
พี่หมอเต้ย: งานทันตกรรมเป็นงานที่ผสมผสานกันระหว่างศาสตร์และศิลป์ และเป็นงานเฉพาะทางมากๆ น้องๆ ที่อยากเข้ามาเรียนคณะนี้ต้องเรียนสายวิทยาศาสตร์ นอกจากขยันอ่านหนังสือท่องตำราเรียนแล้ว ในขณะเดียวกันก็ต้องทำงานฝีมือที่ละเอียดปราณีตควบคู่กันไปด้วยครับ ต้องบอกว่ายากพอสมควร แต่ถ้าน้องๆ มีความพยายามและตั้งใจก็สามารถทำได้ครับ
 

รุ่นพี่คนที่ 2 : ทพญ. กิตติลักษณ์ จุลลัษเฐียร (พี่จุ้มจิ้ม)

 
พี่เป้: สวัสดีค่ะ ก่อนอื่นอยากให้แนะนำตัวแก่น้องๆ หน่อยค่ะ
พี่หมอจุ้มจิ้ม: สวัสดีค่ะ...พี่จุ้มจิ้ม AF1 ค่า เป็นคนขอนแก่นโดยกำเนิด เรียนอนุบาล-ประถม-มัธยม ที่โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยขอนแก่นค่ะ แล้วก็เรียนปริญญาตรีต่อที่คณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น แล้วตอนนี้ก็กำลังเรียนต่อระดับปริญญาเอกที่คณะทันตแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สาขาทันตชีววัสดุศาสตร์ค่ะ
 
พี่เป้: อะไรเป็นแรงบันดาลใจให้พี่จุ้มจิ้มเรียนคณะทันตะเหรอคะ
พี่หมอจุ้มจิ้ม: ที่เลือกเรียนคณะทันตแพทย์ เพราะคุณแม่อยากให้เรียนค่ะ (555) เพราะตตอนนั้นก็เรียนสายวิทย์มา แล้วก็ยังไม่ได้ชอบและสนใจด้านไหนเป็นพิเศษ แต่ที่จริงแล้วตอนแรกอยากเรียนสัตวแพทย์มากกว่า แต่ได้ทราบว่าตอนเรียน ต้องมีการทดลองกับสัตว์ ก็เลยเปลี่ยนใจเพราะสงสารมันค่ะ
 
พี่เป้: หลังจากเรียนจบมา พี่จุ้มจิ้มได้ไปทำงานที่ไหนคะ
พี่หมอจุ้มจิ้ม: ทันตแพทย์ต้องใช้เวลาเรียน 6 ปี หลังจากจบแล้วต้องรับราชการต่ออีก 3 ปี หรือที่เรียกว่าใช้ทุน เนื่องจากว่าในหลักสูตรทันตแพทย์ต้องใช้งบประมาณของรัฐบาลสูง และยังเป็นวิชาชีพที่ขาดแคลน ดังนั้นจึงต้องทำสัญญาว่าหลังจากเรียนจบจะต้องรับราชการ 3 ปี ซึ่งพี่ก็ได้ทำงานที่ขอนแก่นเลยค่ะ โดยรับราชการเป็นอาจารย์ที่วิทยาลัยการสาธารณสุขสิรินธร จังหวัดขอนแก่น พอทำงานที่นี่ได้ 3 ปี ก็มาติดสัญญากับรายการ Academy Fantasia ก็เลยต้องย้ายเข้ามาทำงานในกรุงเทพฯ ที่กระทรวงสาธารณสุข ตอนแรกทำงานด้านกิจกรรม แต่ตอนหลังก็ถูกขอตัวให้ไปช่วยทำงานเป็นเลขารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข แต่ปัจจุบันลาออกจากราชการแล้วค่ะ

 

 






 

 
พี่เป้: แล้วตอนนี้พี่จุ้มจิ้มทำงานที่ไหนคะ
พี่หมอจุ้มจิ้ม: เป็นทันตแพทย์ประจำที่คลินิกเอกชนแห่งหนึ่ง และศึกษาต่อปริญญาเอก รวมทั้งมีงานพิธีกรประจำรายการ”คุยกับหมอ” ทางช่องทรูวิชั่นส์ 8 (TNN2) ออกอากาศทุกวันเสาร์ เวลา 20.00 น. แล้วก็เขียนคอลัมน์สุขภาพประจำนิตยสาร KOKORO และวารสารทันตภูธรค่ะ
  
 พี่เป้: ส่วนตัวพี่จุ้มจิ้มคิดว่าความยากง่าย ของอาชีพทันตแพทย์คืออะไรคะ
พี่หมอจุ้มจิ้ม: สำหรับงานในอาชีพทันตกรรม พี่คิดว่ามันเป็นงานที่ต้องผสมผสานระหว่างวิทยาศาสตร์และศิลปะ เพราะมันดูคล้ายกับว่าเราต้องทำงานฝีมือ สำหรับคนที่ชอบท่องหนังสืออย่างเดียว แต่ไม่ชอบทำงานฝีมือ ก็อาจจะไม่ชอบเรียนทันตแพทย์ (เห็นเพื่อนหลายคนเป็นเช่นนี้ค่ะ) เพราะฉะนั้นใครที่อยากเป็นหมอฟันก็ลองพิจารณาดูนะคะ แต่สิ่งที่สำคัญอย่างหนึ่งก็คือ ทันตแพทย์เป็นวิชาชีพที่ต้องเกี่ยวเนื่องกับชีวิตของคน เพราะฉะนั้นพี่ถือว่าก็เป็นอาชีพที่พิเศษ ที่ได้สามารถทำบุญไปด้วย เพราะการช่วยคนที่ต้องทุกข์ทรมานจากการเจ็บป่วยให้พ้นจากโรคต่างๆ ก็ถือว่าได้บุญมากๆ ก็เลยทำให้พี่มีความสุขกับการได้เป็นทันตแพทย์ค่ะ 

 



พี่เป้:
อย่างที่รู้ๆ กันว่าพี่จุ้มจิ้มต้องทำงานในวงการควบคู่ไปด้วย และก็ต้องรักษาคนไข้ในฐานะของทันตแพทย์ไปด้วย อย่างนี้มีปัญหาในการวางตัวมั้ยคะ

พี่หมอจุ้มจิ้ม: ช่วงแรกๆ ก็ปรับตัวยากเหมือนกันค่ะ เพราะงานราชการเป็นงานที่มีกำหนดเวลาแน่นอน แต่งานในวงการบันเทิงไม่มีเวลาที่แน่นอนเลยค่ะ ทำให้มีปัญหามากในการจัดตารางชีวิตค่ะ แต่การได้มาทำงานในวงการบันเทิงก็มีข้อดีที่มาช่วยเสริมการทำงานทางทันตกรรมได้ ก็คือพี่สามารถให้ความรู้ด้านทันตสุขศึกษาให้กับชุมชนได้กว้างมากขึ้น เพราะถ้าเราเป็นแค่หมอฟันธรรมดาเหมือนเมื่อก่อน เวลาบอกอะไรคนก็ไม่ค่อยอยากจะฟัง แถมยังกลัวอีกต่างหาก (555) แต่พอมาเป็น AF ก็มีสื่อและรายการต่างๆ ให้เราสามารถพูดให้ความรู้เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพช่องปากได้มากขึ้นค่ะ

พี่เป้:
สุดท้ายอยากให้ช่วยฝากถึงน้องๆ ที่อยากเรียนทันตะด้วยค่ะ
พี่หมอจุ้มจิ้ม: สำหรับน้องๆ ที่อยากเป็นหมอฟัน พี่จุ้มจิ้มก็จะเป็นกำลังใจให้นะคะ พี่ก็เป็นคนหนึ่งที่ไม่ได้เรียนเก่งอะไรมาก ค่อนไปทางกลางๆ ด้วยซ้ำ เพราะฉะนั้นน้องๆ ที่เรียนไม่เก่ง แต่อยากเป็นหมอฟัน ก็ไม่ต้องกลัวนะคะ ขอแค่มีความตั้งใจจริงและมีความสุขกับการเรียนและการทำงาน ก็สามารถเรียนได้แน่นอนค่ะ ซึ่งปัจจุบันนี้ก็มีมหาวิทยาลัยที่เปิดสอน (ทั้งรัฐบาลและเอกชน) มากกว่าตอนที่พี่สอบเข้าเสียอีก เพราะฉะนั้น ไม่ยากค่ะ เป็นกำลังใจให้ สู้ๆ!!!
 
 
     
                  เป็นยังไงบ้างคะกับคุณหมอทั้ง 2 ท่าน ทั้งเก่งทั้งใจดีมากๆ เลย ^^ ได้อ่านอย่างนี้แล้ว หลายๆ คนคงได้กำลังใจกองโตกันไปอีกเพียบเลย โดยเฉพาะน้องๆ ที่อยู่ม.6 นั้น เสาร์นี้คืออีกหนึ่งสนามที่รอให้น้องๆ ลงไปพิชิตอยู่นะคะ ขอให้ทำข้อสอบโอเน็ตกันได้คะแนนเยอะๆ เลย โอมเพี้ยง สาธุ สาธุ
 
 

 

พี่เป้
พี่เป้ - Columnist มนุษย์บ้างานและบ้านวด ผู้ตกหลุมรักปลาแซลมอน การนอน และและออฟฟิศ

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

39 ความคิดเห็น

กำลังโหลด
Flocoloco Member 17 ก.พ. 53 15:11 น. 2
โฆษณา 3 อันเลื่อนขึ้นเลื่อนลง ปิดตรงไหนอ่ะ (โง่เองเป่าเนี่ย) 

มันบังอ่ะค้าบ อ่านไม่เห็นเลย

**ขอบคุณมากจ้า...

แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 18 กุมภาพันธ์ 2553 / 10:13
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
Tangmoji Member 19 ก.พ. 53 13:21 น. 16
พี่จุ้มจิ้มท่าทางจะรักขอนแก่นมากเลยนะคะเนี่ย อยู่ขอนแก่นตลอดเลยย

ไม่สนใจกลับมาเป็นอาจารย์ที่คณะมั่งหรอคะ อิอิ
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด