"ทัศนมาตรศาสตร์" คณะเปิดใหม่สุดน่าเรียนเพื่อคนรักสายตา

คณะทัศนมาตรศาสตร์
ตอนที่ 1/3 : ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัย
   
 

        
      สวัสดีค่ะน้องๆ ชาว Dek-D.com ... เจอกับ พี่เป้ และคณะในฝันเช่นเคย ! น้องๆ มีใครมีปัญหาทางสายตาบ้างคะ ? ส่วน พี่เป้ ก็สายตาสั้น 200 ค่ะ เวลาหาแว่นไม่เจอนี่แทบต้องคลำทางกันเลยทีเดียว 5555+

      แล้วน้องๆ รู้มั้ยคะว่า ถ้าอยากเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านสายตา ควรเรียนด้านไหน ? ไม่ใช่แค่จักษุแพทย์เท่านั้นนะคะ เพราะตอนนี้มีอีกคณะหนึ่งซึ่งเป็นคณะเปิดใหม่และเน้นสอนเกี่ยวกับ "สายตา" นั่นก็คือ "ทัศนมาตรศาสตร์" นั่นเอง โดยในเมืองไทยมีเปิดสอนเพียง 2 ที่คือที่มหาวิทยาลัยรังสิตและมหาวิทยาลัยรามคำแหงค่ะ เชื่อว่าหลายๆ คนอาจจะไม่คุ้นชื่อหรือไม่เคยได้ยินชื่อคณะนี้ใช่มั้ยเอ่ย ? ไม่เป็นไรค่ะ วันนี้ขออาสาพาน้องๆ ไปทำความรู้จักคณะนี้ให้มากขึ้นกับรุ่นพี่จากคณะทัศนมาตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ที่จะมาเล่าชีวิตการเรียนในคณะนี้ให้ฟังกัน !

 


สวัสดีค่ะ ก่อนอื่นช่วยแนะนำตัวแก่น้องๆ ด้วยค่ะ

สวัสดีค่ะ ชื่อนางสาวนลพรรณ เลาหสินนุรักษ์ ชื่อเล่นนล นักศึกษาชั้นปีที่ 3 คณะทัศนมาตรศาสตร์  มหาวิทยาลัยรังสิตค่ะ

 
มีแรงบันดาลใจอะไรทำไมถึงเลือกเรียนทัศนมาตรศาสตร์คะ ?

เป็นคนที่มีปัญหาทางด้านสายตาค่อนข้างมากจึงอยากที่จะรู้อาการต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับตัวเอง จึงตัดสินใจเรียนคณะนี้ซึ่งยังเป็นคณะที่เปิดใหม่ และยังเป็นที่ต้องการของสังคมอยู่มาก  เนื่องจากปัจจุบันผู้เชี่ยวชาญทางด้านสายตาในเมืองไทยมีอยู่จำนวนไม่มาก แต่คนไข้มีมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้โอกาสเสี่ยงที่เราจะตกงานมีน้อยมาก  และที่นี่ยังมีพร้อมทางด้านเครื่องมือ บุคลากรที่มีความสามารถ จึงทำให้เราได้เรียนรู้ฝึกฝนกับคนไข้และได้ปฏิบัติงานจริงๆ ก่อนจำออกไปทำงานจริงๆค่ะ


อยากให้นลช่วยอธิบายคร่าวๆ ว่าทัศนมาตรศาสตร์คืออะไร เรียนเพื่ออะไร เรียนอะไรบ้าง เพราะน้องๆ หลายคนยังไม่ค่อยรู้จัก

คณะทัศนมาตรศาสตร์จะเรียนเกี่ยวกับพวกโรคตาเบื้องต้น ทั้งการเป็นต้อกระจก ต้อเนื้อ ต้อหิน เบาหวานขึ้นจอประสาทตา ฯลฯ เราจะต้องแยกให้ออกและต้องแนะนำคนไข้ให้ได้ และเป็นถึงขั้นไหนจึงต้องส่งให้จักษุแพทย์ต่อไป การตรวจวัดสายตา การทำแว่น โดยจะมีเรียนเกี่ยวกับการเลือกแว่นให้เหมาะกับหน้า  ใช้วัสดุอะไรในการทำแว่นเพื่อดูให้เหมาะสมกับอาชีพนั้นๆ รวมไปถึงการทำคอนแทคเลนส์ด้วยค่ะ


 

คิดว่าคณะของเรามีจุดเด่นอะไรที่ไม่เหมือนใคร

สำหรับคณะทัศนศาสตร์มีจุดเด่นอยู่ตรงที่เป็นคณะใหม่ในเมืองไทย (ซึ่งต่างประเทศมีมานานมากแล้ว และเป็นคณะที่ยอดนิยมในประเทศแถบยุโรป ) และด้วยความที่ว่าคนไข้ทางด้านสายตาในปัจจุบันมีมากขึ้นเรื่อยๆ แต่บุคลากรทางด้านนี้จริงๆ ยังมีอยู่น้อยนิดจึงเป็นโอกาสอันดีสำหรับพวกเราในการมีงานทำ และเป็นคณะที่เราอยู่กันแบบครอบครัวเดียวกันค่ะ มีอะไรก็ช่วยหรือซึ่งกันและกัน ผ่านก็ผ่านไปด้วนกันค่ะ
 

อยากให้เล่าถึงวิชาที่ชอบที่สุดและวิชาที่ยากที่สุด

ชอบวิชา Refraction ค่ะ เกี่ยวกับการตรวจการหักแสงของตา เพราะเป็นวิชาที่เราทุกคนที่เรียนคณะนี้ต้องใช้ไปตลอดชีวิต เป็นวิชาที่ต้องแม่นยำในทุกขั้นตอนซึ่งกว่าจะผ่านมาได้สายเลือดแทบขาดเลยทีเดียวค่ะ

ส่วนวิชาที่ยากที่สุดคือ วิชา Ocular Pathology ค่ะ หรือจักษุพยาธิวิทยา เกี่ยวกับอาการผิดปกติทางสายตา เพราะวิชานี้มีรายละเอียดมาก อาการต่างกันนิดเดียวก็มีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งแล้ว เป็นวิชาที่ต้องท่องจำตลอดว่าเป็นแบบนี้เป็นโรคนี้นะ 


การเรียนทัศนมาตรศาสตร์นีมีได้ลงมือหรือทดลองทำอะไรสนุกๆ บ้างคะ ยกตัวอย่างให้ฟังหน่อย 

มีเยอะมากค่ะ เพราะคณะเราเน้นการฝึกปฏิบัติจริงค่ะ เช่น

1 การฝึกการใส่คอนแทคเลนส์จากอาจารย์ฝรั่ง ซึ่งอาจารย์ท่านให้ใส่และถอดให้เพื่อน ซึ่งบางคนที่ไม่เคยใส่มาก่อนก็จะกลัวและตื่นเต้นมากค่ะ

2. การฝึกใช้เครื่องมือ ophthamoscope หรือเครื่องตรวจตาซึ่งเป็นเครื่องมือที่ต้องใช้ความชำนาญ แรกๆ เราจะใช้เวลานานมากในการหา macular (จุดกลางรับภาพจอประสาทตา) ซึ่งพอหาเจอก็ดีใจกันมากเพราะมันหายากมากค่ะ

3. การฝนเลนส์ ซึ่งปกติถ้าตัดเยอะๆ เราจะใช้เครื่อง แต่ในตอนแรกๆ อาจารย์จะให้ฝนด้วยมือค่ะ โดยการใช้กระดาษทราย ซึ่งจะต้องใช้คีมตัดให้เหลือพื้นที่ในการฝนน้อยๆ บางคนก็ตัดเลนส์ไม่ได้สักที ตัดแล้วแตกตัดแล้วแตก บางคนก็ฝนเกินรอยที่กำหนดไว้ แล้วพอนำมาใส่กรอบดู ตัวเลนส์มันแหว่งค่ะ บางคนแหว่งเยอะขนาดแมลงวันบินผ่านได้เลยทีเดียวค่ะ

4. การใช้ Slit lamp เป็นกล้องที่ใช้ขยายตรวจรูม่านตา คือเครื่องนี้เป็นอะไรที่มหัศจรรย์สำหรับการมองเห็นเลยทีเดียวค่ะ มันเป็นเครื่องที่มองเห็นได้ละเอียดมาก และสามารถที่จะบันทึกใส่คอมพิวเตอร์เพื่อให้คนไข้เห็นรอยโรคของตาตัวเองได้ พวกเราตื่นเต้นมากที่ได้เห็นข้างในตาตัวเองค่ะ ซึ่งแต่ละคนก็จะแตกต่างกันไป บางคนพบโรคอะไรที่มักพบในคนแก่ก็เอามาล้อกันเล่นขำๆ ค่ะ


  

ว่าแต่เรียนคณะนี้ต้องเก่งวิชาอะไรเป็นพิเศษมั้ยคะ

คิดว่าวิชาภาษาอังกฤษค่ะ เพราะหนังสือที่เราใช้เรียนส่วนมากเป็นภาษาอังกฤษค่ะ และอาจารย์บางท่านก็เป็นอาจารย์จากต่างประเทศค่ะ พูดมาทียาวๆ งง!!! 555 เราจึงจำเป็นต้องมีพื้นฐานภาษาอังกฤษที่ดีก็จะดีมากเลยค่ะ แต่สำหรับน้องบางคนที่ไม่เก่งภาษาอังกฤษแบบพี่ก็สามารถเรียนได้นะคะ เพียงแต่ว่าเราก็จะต้องขยันขึ้นหน่อยอ่ะค่ะ) 

                         
ปัจจุบันในเมืองไทยมีสถาบันที่เปิดสอนด้านทัศนมาตรศาสตร์น้อยมากๆ คือที่ม.รังสิตและรามคำแหง นลคิดว่าอะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้สาขานี้ยังไม่บูมในบ้านเรา

อาจจะเป็นเพราะยังใหม่อยู่ และคนส่วนมากคิดว่าเรียนเพื่อตัดแว่นอย่างเดียว อันที่จริงไม่ใช่นะคะ (ถึงจะเรียนเพื่อตัดแว่นอย่างเดียว ถ้าอยากจะได้แว่นดีๆ ที่ใส่แล้วสบายตา มันต้องใช้หลายอย่างประกอบกันค่ะ) และอาจจะยังมีหลักสูตรที่ยังไม่แน่นอน หรือยังมีผู้ที่จบทางด้านนี้ในประเทศไทยน้อยอยู่ค่ะ แต่ส่วนตัวคิดว่าถ้าเราช่วยกัน ไม่กีดกัน เปิดใจยอมรับกันในผลงาน คิดว่าจะต้องมีเปิดขึ้นอีกเรื่อยๆ ค่ะ เพราะแม้แต่ในต่างประเทศนั้น กว่าจะได้รับการยอมรับจากสังคมก็ใช้เวลาเป็นสิบกว่าปีเลยค่ะ




แล้วนลได้ทำกิจกรรมอะไรของคณะและมหาวิทยาลัยบ้างคะ

ทำทุกอย่างที่ทำได้เลยค่ะ 555++ ไม่ว่าจะเป็นงานรับน้อง รับปริญญารุ่นพี่  byenior  ออกหน่วย สัมมนาวิชาการของคณะ ฯลฯ ส่วนของมหาลัยก็มีบ้างตามที่ว่างค่ะ เช่น ออกค่ายพัฒนาศักยภาพผู้นำ สรุปงานกิจกรรมประจำปี ออกหน่วยของมหาลัย งานกีฬาพะยอม ร่วมฟังสัมมนาต่างๆ ที่จัดขึ้นภายในมหาลัยรังสิต หรือไม่ว่าจะเป็น smart team รุ่น 4 และ 5 ด้วยค่ะ

  
แล้วจบคณะนี้ไปทำงานอะไรได้บ้างคะ จะตกงานมั้ย

จบไปเราสามารถทำงานได้หลายอย่างค่ะ อาจจะทำงานตามโรงพยาบาล โรงงานที่ผลิตเกี่ยวกับแว่น เลนส์ หรือเครื่องมือต่างๆ ที่ใช้ในการตรวจตา  (พี่ได้ยินมาว่าได้เงินเดือนเยอะมาก55) หรือจะเปิดคลินิกของตัวเองก็ได้ค่ะ (แต่ทั้งนี้ต้องสอบใบประกอบโรคศิลป์ให้ได้ก่อนนะคะ^^)  ส่วนถ้าน้องคนไหนคิดว่าคณะนี้จบไปจะไม่มีงานทำ คิดผิดเลยค่ะ เพราะในอนาคตมีแนวโน้มว่าจะมีผู้ที่มีปัญหาทางสายตามากขึ้น ดังนั้นบุคลากรทางด้านนี้จึงเป็นอาชีพที่ต้องการค่ะ
 

สุดท้ายแล้ว อยากให้ฝากถึงน้องๆ ที่กำลังอ่านด้วยค่ะ

เมื่อน้องเข้ามาเรียนแล้ว ขอให้สนุกไปกับการเรียน คณะนี้ยังมีสิ่งที่น่าสนใจอีกมากมายนะคะ และถ้าน้องๆที่สนใจอยากจะรู้เรื่องราวเกี่ยวกับคณะทัศนมาตรศาสตร์ สามารถเข้ามาคุยกับพี่ได้ที่ www.dek-d.com/admissionchat แล้วลิงค์ต่อไปที่คณะทัศนมาตรศาสตร์ได้เลยค่ะ ยินดีที่จะตอบทุกคำถามทุกข้อสงสัยค่ะ หรือจะเข้าไปที่แฟนเพจใน facebook ที่คณะทัศนมาตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิตก็ได้ค่ะ

 


       อ่านจบแล้วบอกได้เลยว่าเป็นคณะที่น่าสนใจมากกกกกกกกกกจริงๆ ค่ะ เห็นด้วยที่ว่าปัจจุบันคนเราสายตาสั้นมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะวันๆ อยู่แต่หน้าคอมพิวเตอร์ ฮ่าๆ แต่บุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญทางสายตาไม่นับจักษุแพทย์นี่น้อยมากๆ เลยค่ะ ดังนั้นใครสนใจอยากเรียนอะไรใหม่ๆ ไม่ซ้ำใคร แถมยังได้ช่วยเหลือผู้อื่นด้วยล่ะก็ "ทัศนมาตรศาสตร์" ตอบโจทย์ได้แน่นอน
      

เด็กดีดอทคอม :: 28 วันใน


 
พี่เป้
พี่เป้ - Columnist มนุษย์บ้างานและบ้านวด ผู้ตกหลุมรักปลาแซลมอน การนอน และและออฟฟิศ

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

61 ความคิดเห็น

กำลังโหลด
กำลังโหลด
[ PaY ~ เป้ ] Member 14 มี.ค. 55 09:27 น. 4
 คหสามไม่ใช่แล้วค่ะ จักษุแพทย์ต้องเรียนคณะแพทยศาสตร์หกปี จบแล้วใช้ทุน และเรียนต่อเฉพาะทางด้านจักษุศาสตร์ต่อค่ะ ถึงจะเป็นจักษุแพทย์ได้
0
กำลังโหลด
karin<f>e Community 14 มี.ค. 55 09:30 น. 5
น้อง Saber คห.3 ไม่ใช่จักษุแพทย์จ้า 
จักษุแพทย์ คือ หมอด้านตา คือคนที่เรียนจบจากคณะแพทยศาสตร์จ้า แต่นักทัศนมาตร ทำงานร่วมกับจักษุแพทย์ ประเมินอาการเบื้องต้นได้ แต่ต้องส่งแพทย์รักษาเท่านั้นค่ะ แต่นักทัศนมาตรก้มีความรู้อื่นๆ พิเศษๆ...ตามบทความจ้า
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
พี่นล 14 มี.ค. 55 21:19 น. 13
ตอนนี้สายศิลป์ก้อเข้าได้ค่ะ แต่เกรดเฉลยต้องเกิน 2.50 นะค่ะ

ส่วนน้องความคิดเห็นที่ 10 มายื่นเกรดถ้าเกินเกรดที่กำหนดไว้ ไม่ว่าจะเป็นสายวิทย์ หรือศิลป์ ก็เข้าได้จร่า


น้องความคิดเห็นที่ 11 พี่ไม่ว่าหรอกค่ะ ค่าเทอมนี่แล้วแต่เราลงค่ะ คิดตามหน่วยกิจจ๊ะ ส่วนเงินเดือนก้อเป็นตามขั้นนะค่ะ ถ้าที่รพ.รัฐ ก้อตามเกณฑ์ ปริญญาตรีคร่า ถ้างานที่โรงงาน(ไม่ใช่สาวโรงงานนะจ๊ะ) เริ่มที่ 30000 ค่ะ แต่น้องต้องมีใบประกอบโรคศิลป์ก่อนนะค่ะ ทั้งนี้ก้อแล้วแต่ว่าที่ไหนด้วยนะจ๊ะเหรดอาจไม่เท่ากัน ส่วนถ้าอยากเปิดคลินิคนี่ก้อแล้วแต่ความสามารถในการดึงดูดลูกค้าค่ะ



น้องความคิดเห็นที่ 12 ไม่เชยหรอกคร่า ไม่เคยได้ยินเป็นเรื่องปกติค่ะ เพราะเป็นคณะที่พึ่งเปิดใหม่ ซึ่งตอนพี่สมัครพี่ก้อพึงรุเด๋วนั้น ลองถามๆ คุยๆดูก้อเข้าเลยจร่า^^


ปล. ถ้าน้องๆคนไหนมีเรื่องอยากจะถามหรืออยากจะรู้เรื่องราวต่างๆ เข้ามาคุยกัยพี่ได้ที่ www.dek-d.com/admissionchat ค่ะ หรือจะเม็นไว้บนนี้ก้อได้คร่าพี่จะแวะเวียนมาตอบนะค่ะ (ส่วนถ้าตอบช้าอย่าว่ากันนะค่ะ พอดีช่วงนี้พี่สอบจร่า)
0
กำลังโหลด
Kapher Member 14 มี.ค. 55 22:03 น. 14
ว๊าวว...เปิดเข้ามาอ่านแล้วอึ่งมากเลยค่ะ[พี่เป้]

เสียดายจัง อยากให้คณะนี้เปิดหลายๆม.จะได้สะดวก คิคิ

ช๊อบชอบ
0
กำลังโหลด
brition Member 15 มี.ค. 55 11:07 น. 15
ที่บอกว่า มีเฉพาะม.รังสิต กับม.รามเนี่ย ที่ไหนดีกว่ากันหรอคัฟ
ถ้ามีปัญหาทางสายตา(สั้น) เรียนได้ไหมคัฟ
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
ต๋อง 17 มี.ค. 55 12:20 น. 19
ทำไมถึงใช้คำว่าสอบใบประกอบโรคศิลป์อะครับ ใช่ใบเดียวกับที่หมอสอบกันรึเปล่าครับ
คลินิคที่เปิด เป็นคลินิคทำอะไรได้บ้างอะคับ รักษาโรค หรือคลินิคตัดเเว่นอะครับ
เเล้วจบคณะนี้ ทำงานเหมือนจักษุเเพทย์มั้ยครับ?
0
กำลังโหลด
ต๋อง 17 มี.ค. 55 12:30 น. 20
เเล้วทำงานในโรงพยาบาล ทำหน้าที่ในส่วนไหนหรอครับ งานจะทับซ้อนกับจักษุเเพทย์มั้ยครับ
อยากทราบข้อมูล ผมกำลังขึ้นม.6 ยังไม่เเน่ใจเลยครับว่าอยากเรียนอะไร
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด