P
คณะครุศาสตร์ฯ
        วิทยาการคอมพิวเตอร์ประยุกต์ - มัลติมีเดีย
ชีวิตนอกรั้วมหาวิทยาลัย 

         วัสดีค่ะน้องๆ ทุกคน ครบ 1 สัปดาห์ตามที่พี่แป้งสัญญาไว้ในบทความที่แล้วนะคะว่า พี่แป้งจะต้องคว้ารุ่นพี่ที่เรียนจบแล้วมากสัมภาษณ์ให้ได้!!! ภารกิจที่ยิ่งใหญ่เพื่อน้องๆ เพื่อให้เห็นภาพว่าเรียน "สาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์ประยุกต์-มัลติมีเดีย" มีงานทำได้หลากหลายจริง ว่าแล้วก็อย่ารอช้าพี่ ๆ รออยู่แล้ว ไปดูกันเลยค่ะ
.

พี่วัฒน์
ศุภวัฒน์ เอื้อธนบูรณ์
วิทยาการคอมพิวเตอร์ประยุกต์-มัลติมีเดีย
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี


พี่แป้ง : ช่วยแนะนำตัวเองก่อนเลยค่ะ
พี่วัฒน์ : ชื่อ ศุภวัฒน์ เอื้อธนบูรณ์ ชื่อเล่นจริงๆ ชื่อ วัฒน์ ครับ แต่ถ้าเพื่อนๆ สมัยเรียนจะเรียกว่า ศุภ ครับ ผมจบการศึกษาทางด้านคอมพิวเตอร์ประยุกต์-มัลติมีเดีย คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ครับ

พี่แป้ง : รู้จัก สาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์ประยุกต์-มัลติมีเดีย ได้อย่างไรคะ 
พี่วัฒน์ : บอกตรงๆ ว่า แรกเริ่มจริงๆ ไม่รู้จักสาขานี้มาก่อนเลยครับ สมัยผมเริ่มต้นเรียนสาขานี้ ก็ย้อนกลับไปร่วมสิบกว่าปีได้ ยุคนั้นคอมพิวเตอร์ยังเพิ่งเริ่มต้น ไม่เฟื่องฟูเหมือนปัจจุบัน จำได้ว่าตอนเอ็นทรานซ์ รุ่นของผมยังเป็นแบบใช้วิธีการเอาคะแนนไปยื่นเลือกคณะอยู่เลย ซึ่งคะแนนที่สอบได้ก็ช่างน้อยนิด ผมเลยเอาคะแนนไปให้คุณอาซึ่งเป็นวิศวกรช่วยเลือกให้ว่าสาขาไหนน่าเรียนและเหมาะสมกับคะแนนที่สอบได้ คุณอาก็แนะนำผมว่า เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์กำลังมา อยากให้ลองจับไว้สักอันดับนึงผมเลยเลือกสาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์ประยุกต์ - มัลติมีเดีย ไว้เป็นลำดับที่สองครับ สรุปง่ายๆก็คือ ไม่ได้ตัดสินใจอะไรเลยครับและก็ยังไม่รู้จักสาขานี้มาก่อน แต่คุณอาเลือกให้ครับ

พี่แป้ง : ในสาขานี้มีสัดส่วนการเรียนวิทยาการคอมพิวเตอร์และมัลติมีเดียเป็นอย่างไร?
พี่วัฒน์ : สมัยที่ผมเรียนสาขานี้หลักสูตรยังไม่นิ่ง เพิ่งเปิดคณะได้ไม่นาน ผมอยู่แค่รุ่นสองเอง จำได้ว่าหลักสูตรเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ทุกปีเลย พูดง่ายๆ ว่า อาจารย์ที่สอนก็ยังใหม่มาก ปรับตามความต้องการ และจัดหลักสูตรสลับวิชาไปมาทุกปี และเนื่องจากสาขานี้เป็นวิทยาศาสตร์บัณฑิตในปีแรกเลยยังแทบไม่ได้เรียนเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์มากนักครับ หนักไปทางเก็บวิชาพวก ฟิสิกส์ แคลคูลัส อิเล็กทรอนิกส์ ซะส่วนใหญ่ ซึ่งผมก็ค่อนข้างงงจนถึงทุกวันนี้เหมือนกันว่าเรียนไปทำไม แต่ก็ระทึกดีครับจะจบไม่จบก็เพราะวิชาเหล่านี้แหละครับ
       ได้เริ่มเรียนเขียนโปรแกรมกับมัลติมีเดียก็ตอนขึ้นปี 2 ภาษาโปรแกรมมิ่งที่เรียนก็ไม่ได้เยอะมาก มีเรียนภาษา ปาสคาล, VisualC++, Flash สำหรับทำเว็บ แค่นี้ก็งงมากแล้วครับบอกตรงๆ ที่เหลือก็จะเรียนพวกทางด้าน Art เช่น Drawing , Photoshop โปรแกรมทางด้าน 3D Animation ยังแทบไม่มีเรียนในคณะเลยครับ เรียกได้ว่าเรียนมัลติมีเดียฉบับมินิจริงๆ
       
การได้เรียนทั้งเขียนโปรแกรมกับมัลติมีเดียควบคู่กันก็ทำให้เราได้เห็นความแตกต่างอย่างชัดเจนระหว่างสองด้านนี้ ซึ่งผมเองไม่ถนัดเขียนโปรแกรมเอาซะเลย ใจจดใจจ่ออยู่กับงานทางด้านมัลติมีเดียมากกว่า เวลาเรียนหรือทำโปรเจกต์ก็ต้องประยุกต์เอาทั้งโปรแกรมมิ่งและมัลติมีเดียมารวมไว้ด้วยกัน แน่นอนครับก็ต้องทำงานเป็นทีม ผมก็ต้องเลือกจับคู่กับคนที่ชอบเขียนโปรแกรมอย่างไม่ต้องสงสัยเลยครับ ฮ่ะ ๆ ๆ



พี่แป้ง :
อะไรคือสิ่งที่ท้าทายที่สุดสำหรับการเรียน สาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์ประยุกต์-มัลติมีเดีย ?
พี่วัฒน์ : ตอนเริ่มต้นเข้าไปเรียนที่สาขาวิชานี้ ผมทำเป็นแค่เปิด-ปิดคอมเป็นแค่นั้นจริงๆ เข้าไปช่วงแรก ต้องปรับตัวเยอะมาก และไม่คิดว่าจะชอบงานทางด้านคอมพิวเตอร์มากด้วย แต่เหมือนเรียนๆ ไปเพราะเอ็นทรานซ์ติดมาแค่นั้น
            จนกระทั่งสิ่งที่ท้าทายชีวิตผมจริงๆ เริ่มต้นขึ้นตอนปี 3 ทางคณะฯได้ส่งพวกผมไปเรียนคอร์สพิเศษทางด้าน 3D Animation ที่บริษัท Imagimax ซึ่งมีชื่อเสียงทางด้านทำ Animation เป็นอย่างมาก โปรแกรมที่ใช้คือ Maya เรียกได้ว่าเป็นโปรแกรมที่ตื่นตาตื่นใจสำหรับผมมากจริงๆ เรียกได้ว่าหลงรักเลยก็ว่าได้ หลังจากจบคอร์สที่ Imagimax ผมตั้งใจไว้ว่าจะเอาดีทางด้านนี้ให้ได้ และอนาคตของผมก็ได้เริ่มต้นขึ้นนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ผมหมั่นฝึกทักษะการใช้โปรแกรม Maya อยู่ร่วม 1 ปีเต็มเลยทีเดียว
            
        หลังจากจบปี 3 ผมได้มีโอกาสไปฝึกงานที่ UBC (True Vision ในปัจจุบัน) ซึ่งการฝึกงานอยู่ในหลักสูตรของคณะอยู่แล้ว ซึ่งก็ถือว่าโชคดีมากๆ ที่ได้ฝึกงานที่นี่ ผมได้พบเจอกับพี่ๆ ที่ทำงานทางด้านกราฟฟิกเก่งๆ ที่ UBC ผมได้ฝึกทักษะทางด้าน การใช้โปรแกรม Photoshop กับ After Effect ซึ่งใช้ในการทำ Motion Graphic onTV เรียกได้ว่าผมหลงรักเจ้าสองโปรแกรมนี้อย่างหัวปักหัวปำอีกเหมือนกัน เรียกได้ว่า ทั้ง Maya, Photoshop, After Effect เปลี่ยนชีวิตผมไปเลยครับ หลังจากฝึกงานจบ จึงได้จุดประกายความฝันในการทำงานทางด้าน Computer Graphic ขึ้นมาทันที
        และสิ่งที่ท้าทายที่สุดสำหรับสาขาวิชานี้ คือ การทำโปรเจคจบครับ ผมเชื่อว่าน้องๆ ทุกคนที่จบมาหรือกำลังขึ้นปี 4 ก็คงคิดแบบเดียวกัน เป็นการได้ใช้ความรู้ความสามารถทั้งหมดที่สะสมมาตลอด 3 ปีที่เรียน เผื่อถ่ายทอดออกมาเป็นชิ้นงานสักหนึ่งชิ้น ที่สะท้อนความเป็นตัวเราออกมาได้เป็นอย่างดี โปรเจกต์ที่ผมทำคือ Interactive 3D Animation Movie ครับ เรียกง่ายๆ ว่าเป็นการทำหนังแบบมีทางเลือก ซึ่งก็ถือว่าประสบความสำเร็จในระดับนึง


พี่แป้ง : ในสมัยเรียนอยู่นั้นได้ทำงานควบคู่ไปด้วยหรือเปล่าคะ?
พี่วัฒน์ : สมัยเรียนผมเริ่มทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย ตอนปลายๆ ปี 2 ผมได้มีโอกาสรู้จักเพื่อนคนนึง มีความรู้เกี่ยวกับการซ่อมพวก Hardware Computer จัดว่าอยู่ในระดับเก่งมาก ผมก็ติดสอยห้อยตามไปเป็นลูกมือเพื่อนผมอยู่ตลอด ไปแปะแผ่นกระดาษตามจุดต่างๆ ครับ ว่ารับซ่อมคอมพิวเตอร์ รับลงโปรแกรม รับอัพเกรดคอมพิวเตอร์ ซึ่งก็ได้เงินค่าขนมมาพอสมควร หลังจากซ่อมคอมพิวเตอร์สักพัก ก็มีโอกาสได้รับทำวีดีโอ Presentation โดยใช้โปรแกรม Flash ลูกค้าก็ไม่ใช่ใครที่ไหน ก็มาจากลูกค้าที่ซ่อมคอมนี่แหละครับ คุยไปคุยมา ก็เลยได้มีโอกาสลองทำดู แล้วก็ทำได้สำเร็จ ดีใจมากครับ จำได้ว่าได้ค่าจ้างมา 18,000 บาท แบ่งกันสองคนคนละ 9,000 บาท โห! เป็นเงินก้อนใหญ่ก้อนแรกที่ได้จากการทำงานระหว่างเรียน ภูมิใจมากครับ เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เรามีกำลังใจในการทำงานหาเงินจนถึงทุกวันนี้เลย ^^

พี่แป้ง : อยากให้เล่าประวัติชีวิตการทำงานคร่าวๆ ค่ะ ว่าพี่วัฒน์ทำงานวงการนี้มานานแค่ไหนแล้ว เริ่มอย่างไร แล้วปัจจุบันนี้ทำงานอะไรอยู่คะ?
พี่วัฒน์ : ผมทำงานในวงการ Animation มาร่วม 10 ปีเต็มแล้วครับ เริ่มต้นจากพอเรียนจบผมก็ตรงดิ่งไปสมัครงานที่ Imagimax ทันที เพราะชอบตั้งแต่ได้เข้าคอร์สเรียนตอนปี 3 ที่นี่ผมได้ทำงานที่ชอบมากมายทั้งงานการ์ตูน เอนิเมชั่น งานโฆษณา และงาน Visual Effect ภาพยนตร์ สนุกมากครับ ปัจจุบันนี้ผมทำงานอยู่บริษัทอีเว้นท์อันดับเจ็ดของโลกครับ ชื่อ “บริษัท อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ จำกัด (มหาชน)” พี่ดูแลและรับผิดชอบงานทางด้านวีดีโอมัลติมีเดีย สำหรับฉายในงานอีเว้นท์ต่างๆ

พี่แป้ง : ผลงานเด่น ๆ ที่พี่วัฒน์มีส่วนร่วมมีงานอะไรบ้างคะ?
พี่วัฒน์ : ผลงานเด่นๆ และภาคภูมิใจมาก คือ  “World Expo2010 ณ เมืองเซี่ยงไฮ้”  สาธารณรัฐประชาชนจีน ภูมิใจที่ Thailand Pavilion ประสบความสำเร็จ ภูมิใจที่เป็นส่วนเล็กๆ กับโปรเจกต์นี้ ภูมิใจที่ทำให้มาสคอท “น้องไท” เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายประจำงานครั้งนั้นครับ ล่าสุดที่เพิ่งผ่านพ้นไปก็ “International Exposition 2012” ณ เมืองยอซู สาธารณรัฐเกาหลี ผมก็ได้มีส่วนร่วมอีกเช่นเคย คราวนี้เป็นมาสคอท "สุดสาครกับม้านิลมังกร" ถึงแม้งานครั้งนี้จะขนาดไม่ใหญ่เท่ากับที่เซี่ยงไฮ้ แต่ก็ได้รับประสบการณ์ดีๆ เยอะมากมายครับ งานอื่นๆ ก็มี ทำกราฟฟิคให้ละครเวทีเรื่อง “รักเธอเสมอเดอะมิวสิคัล” และ “แม่เบี้ยเดอะมิวสิคัล” ทำ CG VFX Film อย่างเช่นหนังเรื่อง สี่แพร่ง แฝดบอดี้ศพ19 อุกกาบาต ขุนกระบี่ผีระบาด ฯลฯ
.


พี่แป้ง : ประสบการณ์การทำงานที่ผ่านมาให้แง่คิดหรือมุมมองการทำงานกับพี่วัฒน์ในด้านใดบ้างคะ?
พี่วัฒน์ : อย่างแรกเลย ให้ชีวิตที่ดีขึ้นเรื่อยๆ ครับ  มีงานทำ มีเงินเดือนใช้ ก็ต้องดีแหละเนาะ อย่างที่สองคือ การได้มีโอกาสเปลี่ยนงานหลายๆ ที่ ทำให้เรามีติดต่อ พบเจอผู้คนมากหน้าหลายตา ทำให้เราเห็นสังคมแอนิเมชั่นในมุมที่กว้างกว้างออกไป ยิ่งโตขึ้นเรื่อยๆ สิ่งที่สำคัญนอกเหนือจากความสามารถ คือ คอนเนคชั่น ครับผม คุณจะสามารถโตแบบก้าวกระโดดได้คุณต้องมีคอนเนคชันที่ดีด้วย ^^
        อย่างที่สาม และสำคัญที่สุดคือ ประสบการณ์สอนให้เรารู้ว่า คุณค่าของคนอยู่ที่ผลของงานจริงๆ ครับ ถ้าเราทำงานอย่างมุ่งมั่น ทุ่มเท ตั้งใจทำให้งานออกมาดี สวยงามมีคุณภาพ สิ่งเหล่านี้จะตอบโจทย์ และสะท้อนความเป็นตัวตนของคุณให้คนอื่นยอมรับในตัวเราได้ ผมชอบประโยคนึงที่อาจารย์ท่านนึงได้กล่าวไว้ว่า “คนจะเป็นครีเอทีฟไม่ต้องไปบอกใครหรอกว่าเราเป็นครีเอทีฟ แต่จงให้ผลงานสะท้อนความเป็นครีเอทีฟในตัวคุณก็พอ”


พี่แป้ง : เวลาที่คิดงานไม่ออก มีวิธีในการผ่อนคลายตัวเองอย่างไรบ้างคะ?
พี่วัฒน์ : เวลาคิดงานไม่ออกให้หยุดทำทันทีครับ เพราะถ้าดันทุรังทำต่อไปไม่เคยได้งานดีๆ ออกมาสักที อันนี้จริงครับ ถ้าดึกมากนักให้ปิดคอมกลับบ้านนอน ระหว่างทางกลับบ้านหรือตอนล้มตัวลงนอน บางทีเราจะสามารถหาไอเดียได้ครับ  ถ้ายังเป็นช่วงเช้าอยู่เดินไปดื่มน้ำเย็นๆ หากาแฟอร่อยๆ สักถ้วย หรือมองธรรมชาติสีเขียวๆ ก็ช่วยให้ผ่านคลายได้ครับ แต่หลักๆ ผมจะหยิบกีต้าร์คู่ใจมาเล่น มาร้องสักเพลงสองเพลงครับ พอสมองผ่อนคลายขึ้น ค่อยเริ่มต้นคิดอะไรใหม่ๆ เดี๋ยวไอเดียดีๆ ก็บังเกิดเองครับผม แต่ถ้างานเร่งด่วนจิงๆ แบบไฟลนก้นแล้วหล่ะก็...ตัวใครตัวมันนะครับ ^^

พี่แป้ง : สุดท้ายนี้ขอให้ฝากอะไรดี ๆ ถึงน้อง ๆ ที่อยากเรียน สาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์ประยุกต์-มัลติมีเดีย หน่อยค่ะ
พี่วัฒน์ : ศาสตร์ทางด้านนี้ เจริญเติบโตก้าวกระโดดมากๆ สิบกว่าปีที่แล้ว กับ ณ วันนี้ มัลติมีเดีย เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นมาก ตราบใดที่เรายังพึ่งความสามารถของเทคโนโลยีอยู่เราก็ต้องพร้อมที่จะก้าวตามให้ทันเสมอครับ สิ่งที่อยากจะฝากถึงน้องๆ ที่จะทำงานสายนี้หลักๆ เลยก็คงต้องมีใจรักในงานที่ทำ ค้นหาสิ่งที่เราชอบให้เจอให้เร็วที่สุด สายงานมัลติมีเดียมีความหลากหลายมาก
       เพราะฉะนั้นยิ่งเราค้นพบสิ่งที่เราชอบได้เร็ว เริ่มต้นได้เร็ว เราก็มีโอกาสประสบความสำเร็จได้เร็วกว่าคนอื่นๆ ครับและจงอย่าหยุดค้นคว้าสิ่งใหม่ๆ เทคโนโลยีมีสิ่งใหม่ๆ ถ้าเราเดินวนอยู่กับสิ่งเดิมๆ ใช้เครื่องมือและเทคนิคเดิมๆ เราก็อาจจะโดนคนอื่นแซงสักวันได้ครับ แต่ไม่ใช่ก้มหน้าก้มตาทำ ฝึกฝนอย่างเดียว โดยไม่สนใจโลกภายนอกนะครับ การเข้าสังคมก็สำคัญครับ ชีวิตต้องมีสมดุลย์ครับผมกล้าพูดได้เลยว่าที่ผมมีชีวิตการงานที่ดีและมั่นคงทุกวันนี้ความสามารถอาจจะเป็นปัจจัยหนึ่ง แต่ที่สำคัญอีกอย่าง คือ การที่เรามีเพื่อนที่ดี มีสังคมที่ดี กว้างขวาง ทำให้เรามีโอกาสและช่องทางในอนาคตที่ดีด้วยครับ

พี่เทียม
สห จิรายุดุลย์
วิทยาการคอมพิวเตอร์ประยุกต์-มัลติมีเดีย
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี


พี่แป้ง : ช่วยแนะนำตัวเองก่อนเลยค่ะ
พี่เทียม : พี่ชื่อ สห จิรายุดุลย์ ครับ ชื่อเล่นชื่อ เทียม จบปริญญาตรีจากสาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์ประยุกต์-มัลติมีเดีย คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรมและเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรีครับ ล่าสุดปีที่แล้วเพิ่งจบปริญญาโทสาขา Content Producing คณะ Media Science ของมหาวิทยาลัย Tokyo University of Technology ที่ญี่ปุ่นครับ

พี่แป้ง : อะไรที่ทำให้ตัดสินใจเลือกที่จะเรียน สาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์ประยุกต์-มัลติมีเดีย คะ?
พี่เทียม : ถ้าถามว่าอะไรที่ทำให้ตัดสินใจเลือกเรียนมัลติมีเดีย พี่อาจจะไม่มีคำตอบที่ตรงประเด็นสักทีเดียว แต่ไหนๆ ก็เป็นคำถามเกี่ยวกับการเลือกคณะเรียนแล้ว พี่ขอเล่าเกี่ยวกับตัวพี่สมัยสอบเข้ามหาลัยให้ฟังหน่อยละกัน อืม..ก่อนจะเล่าให้ฟังพี่ขอพูดเปรียบ เทียบเรื่องการสอบเข้ามหาลัยเป็นภาพให้น้องๆเข้าใจง่ายขึ้น ลองนึกภาพตามพี่นะครับ (เพื่อให้พี่อธิบายอะไรต่างๆให้เข้าใจได้ง่ายขึ้นด้วย)

       
คณะต่างๆตามมหาวิทยาลัยเนี่ยให้น้องๆ นึกถึงเป้าบิน ลอยว่อนเต็มไปหมดเลย น้องๆ กำลังยืนดูเป้าบินพวกนั้น ส่วนปืนที่จะใช้ยิงเป้านั้นก็คือความรู้หรือสกิลของน้องๆ ทีนี้เป้าเนี่ย มันก็มีหลายแบบตั้งแต่แผ่นกระดาษยันเหล็กกล้า ส่วนปืน...ก็มีหลายแบบตั้งแต่ปืนลูกโม่ยันปืนกลแล้วแต่สไตล์และความสามารถของน้องๆ (ของพี่ตอนนั้นคงเป็นปืนแก๊บ) ตอนนั้น(ม.5-6)พี่ก็เหมือนน้องๆหลายคนตอนนี้ที่ยืนมองเลือกเป้าบินที่มันลอยว่อนเต็มฟ้าจนตาลายเลิกดูไปหลายครั้ง อย่าว่าแต่จะยิงให้โดนเลย จะยิงอันไหนดีก็ยังไม่รู้ซะด้วยซ้ำ พี่ก็เลยหันมามองตัวพี่ก่อนว่า พี่มีอาวุธแบบไหนอยู่ แล้วพี่ก็ได้รู้ว่าตัวพี่น่ะชอบอะไรที่มันเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ อะไรที่มันได้จับเม้าส์คลิกๆเนี่ย โอเคชอบ...อย่างน้อยก็ได้รู้ว่าปืนพี่เนี่ยน่าจะยิงใส่เป้าที่มันเป็นเกี่ยวกับสาขาคอมพิวเตอร์นี่น่าจะโอเค

        พอพูดถึงคอมพิวเตอร์แน่นอนสิ่งแรกที่ผ่านเข้ามาในหัวพี่คือ วิศวะคอมฯ พี่ก็ลองมองเพ่งเป้าบินที่มีป้ายแปะว่า วิศวะคอมฯ สิ่งที่พี่เห็นตอนนั้นก็คือเป้าเหล็กกล้าติดกระจกกันกระสุน โอ้ว เป้าแบบนั้นต้องเอา RPG ยิงแล้วล่ะ ปืนแก๊บพี่ยิงไปจะเป็นรอยรึเปล่ายังไม่รู้เลย พี่ก็เลยตัดตัวเลือกนั้นไป
การที่เราหันมาดูสิ่งที่เรามีสิ่งที่เราเป็นเนี่ย บางครั้งมันอาจจะไม่ได้ช่วยให้เราเลือกเป้าที่ใช้ได้ แต่บางครั้งมันช่วยตัด "เป้าที่ไม่ใช่" ออกไปได้

        หลังจากตัดตัวเลือกเป้าบินเหล็กกล้าทิ้งไปแล้วพี่ก็มามองตัดตัวเลือกต่อจนสุดท้ายพี่มาเห็นเป้าบินของคณะ IT พี่ก็คิดว่ามันน่าจะใช่แต่ มันกำกึ่งนะ ไม่มีอันที่ใช่กว่านี้ เหรอ? ช่วงที่กำลังจะเลือกตอนนั้นก็มีโอกาสได้คุยแลกเปลี่ยนกับเพื่อนๆเรื่องเป้าบินจนมีเพื่อนคนนึงบอกว่า เนี่ยเห็นเป้าอันนั้นมั้ย อยู่ไกลๆหน่อย ไม่ค่อยได้สังเกตุล่ะสิ เขียนว่า "มัลติมีเดีย"  พี่ก็เอ๊ะมันมีเป้าแบบนี้อยู่ด้วยแฮะ ก็เลยกลับมาหาข้อมูลเพิ่ม มัลติมีเดีย สื่อประสม โอ๊ะ มีเรียนวาดรูป design ตัดต่อวิดิโอ 3D สร้างเกม  นี่มันใช่เลย ทำไมเราหาไม่เจอ ตอนนั้นพี่ได้เรียนรู้ว่าการพูดคุยกับคนรอบตัวเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลเนี่ย บางทีมันทำให้เราได้เจออะไรที่เราไม่เคยเห็นมาก่อน ทุกวันนี้ก็ยังรู้สึกขอบคุณเพื่อนคนนั้นมากๆ พี่ก็เลยลองยิงเป้าอันนั้น(สอบตรง)โป้ง กลางเป้า ทะลุ สอบติด เย้~

         เล่ามาถึงตรงนี้ก็ย้อนไปถึงตอนแรกที่พี่บอกว่า พี่อาจจะไม่มีคำตอบที่ตรงประเด็นกับคำถามสักทีเดียว เพราะเอาจริงๆ ก็คือ พี่แค่ดวงดี มีเพื่อนมาแนะนำเป้าที่มันใช่ ซึ่งพี่มองไม่เห็นมันไปในตอนแรก อาจจะมีน้องๆ หลายคนตอนนี้สับสนเหมือนพี่ในตอนนั้น
ลองสำรวจตัวเองดูครับว่าเรามีอะไรอยู่กับตัว ดูสไตล์ตัวเองค่อยๆ ตัดตัวเลือกที่ไม่ใช่ออก ก็หวังว่าน้องๆ คงจะเห็นภาพรวมของการเลือกคณะเรียนมหาลัยขึ้นมาบ้างไม่มากก็น้อยนะครับ อย่าลืมสำรวจตัวเองว่าเรามีอาวุธแบบไหนอยู่ แล้วก็หมั่นแลกเปลี่ยนข้อมูลกับเพื่อนๆ รับรองว่าไม่เสียหาย

พี่แป้ง : ตอนนี้ทำงานอะไรอยู่คะ?
พี่เทียม : ตอนนี้พี่ทำงานอยู่บริษัท Sunrise ในตำแหน่ง 3DCG Artist ครับ ถ้าพูดชื่อ Sunrise น้องๆ คงไม่ค่อยรู้จัก แต่ถ้าพูดว่าบริษัทที่ทำ "กันดั้ม" คงจะมีน้องๆ รู้จักบ้างเนอะ
งานหลักๆ พี่จะเป็นงานปั้นโมเดล 3D ครับ ฝ่ายออกแบบเขาจะวาดตัวละครมาให้ ให้พี่เอามาทำเป็นโมเดล 3D แล้วก็ให้ฝ่ายอื่นเอาโมเดลนี้ไปทำการเคลื่อนไหวหรือที่เรียกว่าใส่อนิเมชั่น นอกจากงานโมเดลก็มีงานอนิเมชั่นกับทำพวกเอฟเฟคมาให้ทำบ้างบางครั้งครับ บางทีก็มีทำพวก Concept Art เหมือนกัน แต่งานที่เยอะที่สุดก็คงเป็นงานปั้นโมเดล


พี่แป้ง : ความรู้ที่ได้จากการเรียน สาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์ประยุกต์-มัลติมีเดีย มาช่วยในงานของพี่เทียมอย่างไรบ้างคะ?
พี่เทียม : อืมม ตอนสมัยพี่เรียน เอาวิชาที่อยู่ในสายงานพี่ก่อน เขามีวิชา Drawing, Design, งานตัดต่อวิดิโอ, 2D, 3D, เขียนเกม แล้วก็เขียนเว็บ หลักๆ ประมาณนี้ มีเรียน Sound ด้วย แน่นอนมีวิชาที่เราชอบมันก็ต้องมีอันที่เราไม่ค่อยชอบเพราะมันยาก อย่างเช่น Calculus อะไรทำนองนี้ซึ้งต้องไปเรียนตัดเกรดกับวิศวะฯ ซึ่งตอนนั้นร่างกายแทบสลายแบบร็อคแมนระเบิดตัวเองเลยทีเดียว แต่ก็ไถๆผ่านมันมาได้

         มาเข้าประเด็นว่าเรียนมัลติฯ พี่เอามาใช้ยังไงตอนทำงาน งานหลักๆ พี่คือ 3D เพราะฉะนั้นเรียน 3D มาก็ได้ใช้เต็มๆ 2D หรือพวก Drawing ถึงจะไม่ใช่งานหลักของพี่ แต่พอเวลาประชุมงานต้องการไอเดีย พี่ก็ได้ใช้สกิลพวกนี้วาดภาพขึ้นมาเป็นรูปเป็นร่างเพื่อพูดคุยแลกเปลี่ยนเชิงลึกได้มากขึ้น ต่อมางานตัดต่อวิดิโอวงการอนิเมะใช้ตลอดอยู่แล้ว ส่วนมากสิ่งที่เรียนมามันได้ใช้ทั้งทางตรงและทางอ้อมไม่มากก็น้อย ที่เห็นได้ชัดคือเวลาได้คุยกับคนสายงานอื่น เช่น คนสาย Sound พี่สามารถจะคุยงานกับคนพวกนั้นได้ในระดับนึง อย่างน้อยก็รู้ศัพท์เฉพาะทางของสายงานเขาเพราะเรามีเรียนมา ถึงเราจะไม่ได้เรียนเอกมาแบบเขา แต่วิชาแบบสายงานเขาเราก็พอมีความรู้บ้าง มันก็ทำให้คุยกันง่ายขึ้น

         อันนี้พี่แถม เป็นสิ่งที่ได้จากสาขามัลติฯเหมือนกันแต่ไม่ใช่ในห้องเรียน สิ่งนึงที่เป็นประสบการณ์สำคัญสำหรับการเอาไปทำงานในอนาคตอย่างนึงก็คือ
กิจกรรมสาขาหรือกิจกรรมคณะครับ น้องจะได้เจอคนมากมาย จะได้เรียนรู้คนหลายแบบ ยิ่งถ้ากิจกรรมมหาลัยก็จะได้เจอคนหลากหลายเข้าไปอีก การได้เจอกับคนหลายๆ แบบจะมีผลมากเลยตอนน้องออกไปทำงาน น้องจะเข้าใจคนมากขึ้น อันนี้พี่สนับสนุนเลย งานคณะงานมหาลัยมีโอกาสก็ช่วยเพื่อน หาโอกาสให้กับตัวเอง แล้วน้องจะได้อะไรดีๆกลับมาเยอะครับ ทุกวันนี้พี่ก็ยังเสียดายตอนนั้นติดเกมเยอะไปหน่อย ฮ่าๆ ข้อนี้อย่าเอาพี่เป็นเยี่ยงอย่างนะ

พี่แป้ง : ทำไมถึงได้ไปทำงานที่ ญี่ปุ่นได้คะ?
พี่เทียม : ช่วงที่จะเรียนจบปริญญาตรี พอดีตอนนั้นมีทุนจาก มุงบุโช ของญี่ปุ่นมาที่มหาลัยครับ เป็นทุนที่ต้องการคนไปศึกษาและทำงานต่อด้านมีเดียที่ญี่ปุ่น เนื่องจากสาขามีเดียญี่ปุ่นตอนนั้นบุคลากรมาก พอดีตัวพี่ก็ชอบอนิเมะกับเกมของญี่ปุ่นอยู่แล้ว แล้วก็มีความฝันว่าถ้าเป็นไปได้อยากไปทำงานในแวดวงมีเดียของญี่ปุ่นโดยเฉพาะวงการอนิเมะ ตอนสมัยมหา'ลัยวันหยุดพี่ก็มีไปเรียนภาษาญี่ปุ่นเพิ่มเป็นงานอดิเรก จะเอามาแปลเกม ฮ่าๆ พอทุนตัวนี้มาพี่ก็ไม่รอช้าควักปืนแก๊บของพี่ยิงใส่เป้าบินที่โผล่มาแบบไม่คาดฝันอันนี้โดยพลัน (สมัครทุน+ส่ง Portfolio+สอบสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์) ผลปรากฏว่าพี่ยิงเข้าเป้า ก็เลยมีโอกาสได้มาศึกษาและทำงานต่อที่ญี่ปุ่นจนถึงตอนนี้ครับ

พี่แป้ง : ไปใช้ชีวิตที่โน้น ต้องปรับตัวอย่างไรบ้าง?
พี่เทียม : โดยส่วนตัวแล้วแรกๆ พี่ปรับตัวเยอะมาก เนื่องจากตอนอยู่ที่ไทยบ้านพี่อยู่กรุงเทพฯ ตอนไปเรียนหรือใช้ชีวิตอะไรก็จะกลับมานอนที่บ้านอยู่กับครอบครัวตลอด พออยู่ๆ ต้องมาใช้ชีวิตต่างประเทศคนเดียวแน่นอนครับ Homesick กันเลยทีเดียว แต่ก็โชคดีตอนนั้นได้อยู่หอใหญ่ของมหาลัยก็มีกลุ่มเพื่อนที่ติดทุนเดียวกันจากหลายๆ ประเทศมาพักด้วย ก็ได้ใช้ชีวิตพูดคุยแลกเปลี่ยนจนหายเหงาได้(เหงาอยู่เป็นเดือนมั้ง...)

         อีกอันที่พี่ปรับตัวหนักเลยก็เรื่องอากาศ ตอนฤดูใบไม้ผลินี่มันก็ดีอยู่หรอกครับ แบบในฝันเลยอุณหภูมิ 15-25 องศากำลังสบาย แต่หน้าร้อนกับหน้าหนาวนี่สิมันสุดขั้วจริงๆ หน้าร้อนอารมณ์เหมือนอยู่ไทยเลย
หน้าหนาวนี่ดึกๆ ก็เกือบติดลบมีหิมะตกบ้าง พี่เกือบกลายเป็นไอติมเลยปีแรกๆ แต่ตอนนี้ชินแล้วล่ะ ส่วนเรื่องเรียนก็มีเรียนปรับพื้นฐานภาษาครึ่งปี พอครบครึ่งปีปุ๊บพี่ก็โดนจับยัดเข้าไปในห้องเรียนเดียวกับคนญี่ปุ่นในระดับปริญญาโทเลย บอกตรงๆ ตอนนั้นเครื่องพังควันออกปากเลยแต่ก็พยายามสู้จนจบมาได้นะ

พี่แป้ง : วัฒนธรรมเด็ดของ ญี่ปุ่น มีอะไรบ้างคะที่พี่เทียมเคยเจอ?
พี่เทียม : ถ้าพูดถึงวัฒนธรรมเด็ดที่พี่เห็นแล้วประทับใจมากๆ ก็คงจะไม่พ้นเรื่องระเบียบวินัยกับจิตสำนึกเพื่อส่วนรวม คนที่นี่มีส่วนนี้สูงมาก พี่คิดยังงั้นเพราะพี่มีโอกาสได้อยู่ที่ญี่ปุ่นตอนที่มีแผ่นดินไหวใหญ่ปี 2011 (ตอนนั้นอยู่ตึกชั้น 10...โอ้ว...) หลังจากแผ่นดินไหวผ่านไปเวลาพูดดูคนที่นี่เขาไปรับสิ่งของช่วยเหลือจากศูนย์ช่วยเหลือ เขาก็มีการต่อแถวๆ เป็นระเบียบ ทำให้เห็นว่าเขามีระเบียบมากแม้กระทั่งเวลาแบบนี้ การปล้น แย่งชิงข้าวของตอนช่วงนั้นก็ไม่มีเลย ทำให้พี่เห็นว่าเขามีจิตสำนึกส่วนรวมสูงจริงๆ เป็นอะไรที่พี่ประทับใจมากๆ


พี่แป้ง : ผลงานเด่น ๆ ที่พี่เทียมมีส่วนร่วมมีงานอะไรบ้างคะ?  
พี่เทียม : ตอนนี้พี่ยังทำงานได้ไม่นานมาก ประมาณปีนึง  พี่มีร่วมงานใหญ่ๆ อยู่ประมาณ 2 โปรเจคครับ โปรเจคแรกคือ Battle Spirits : Sword Eyes เป็นซี่รีย์กาตูนการ์ดเกมสำหรับเด็กยาว 50 ตอน ตอนนี้เป็นภาค 5 ทำกันนานมาก ฮ่าๆ ช่วงนี้กำลังร่างแผนทำภาค 6 ในการ์ตูนมีฉากเสกมอนสเตอร์ออกมาเป็นแบบ Full3D ตบตีกันเอฟเฟคกระจายระเบิดตูมตามประมาณนั้น (คล้ายๆดิจิม่อน) อีกโปรเจคนึงเป็นโปรเจคการ์ตูนหุ่นยนต์ที่จะมีกำหนดฉายๆ ปี 2014 ครับ แต่ตอนนี้พี่คงไม่สามารถให้ชื่อเรื่องและรายละเอียดได้นะ ณ ตอนนี้ เดี๋ยวหัวพี่จะหลุดเอา
 

พี่แป้ง : สุดท้ายนี้ขอให้ฝากอะไรดี ๆ ถึงน้อง ๆ ที่อยากเรียน สาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์ประยุกต์-มัลติมีเดีย หน่อยค่ะ
พี่เทียม : พี่ฝากถึงน้องๆที่มีความสนใจใน สาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์ประยุกต์-มัลติมีเดีย ถ้าน้องมีความสนใจในสาขานี้อย่างน้อยๆน้องก็คงจะรู้จักตัวเองระดับนึงว่า ตัวเองชอบอะไรที่มันเกี่ยวกับมีเดีย เกม อนิเมชั่น อะไรแนวๆนี้ พี่ขอพูดถึงน้องๆ ที่กำลังมีความสนใจในสาขานี้ออกเป็น 2 กลุ่มนะครับ

กลุ่มแรก
         ถ้าน้องเป็นคนที่รู้จักตัวเองเป็นอย่างดี รู้ตัวว่าอยากเป็นสุดยอดทางด้านใดด้านนึงในสาขามีเดีย เช่น อยากเทพวาดภาพ อยากเทพ 3D อยากเทพโปรแกรมมิ่ง น้องที่มาแนวนี้ พี่ไม่ค่อยแนะนำสาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์ประยุกต์-มัลติมีเดียเท่าไรนัก เพราะว่าสาขานี้อย่างที่พี่เล่าไปในข้อบน ๆ จะเห็นว่าสาขานี้เรียนกว้างมาก แน่นอนมันมีข้อจำกัด พอมันกว้างมาก มันเลยไม่ลึก สิ่งที่น้องจะได้จากสาขานี้คือเบสิคสำหรับทุกสายงานในสาขามีเดีย ถ้าพูดให้เห็นเป็นภาพแบบที่ในสาขาพี่เขาชอบพูดกับบ่อยๆคือ ภาพลักษณ์มันก็คงจะเป็น "เป็ด" ที่ว่ายน้ำได้แต่ดำน้ำไม่ได้ กระพือปีกลอยตัวได้แต่ไม่ใช่การบินที่สูง ถ้าน้องอยากจะให้เป็ดน้องบินไปอวกาศได้ น้องก็ต้องลงทุนหาไอพ่นเจ็ทมาติด(ซึ่งก็คือการหาความรู้เพิ่มเติมด้วยตัวเอง) ซึ่งแน่นอนว่า เหนื่อยครับอาจจะมีสาขาเฉพาะทางที่เหมาะกับน้องมากกว่านี้

กลุ่มที่สอง
           ถ้าน้องรู้ตัวว่าน้องชอบสายงานมีเดีย ชอบเกม ชอบการ์ตูน ชอบวาดรูป ชอบถ่ายภาพ ชอบเยอะแยะไปหมดเลยจน เราชอบอันไหนที่สุดเนี่ย? น้องที่มาแนวๆนี้ สาขานี้อาจจะให้คำตอบกับน้องได้ครับ ว่าสิ่งที่น้องชอบที่สุดหรือทำได้ดีที่สุดในสายงานมีเดียคืออะไร เพราะน้องจะได้จับมาทุกอัน (แน่นอน ได้จับแม้กระทั่งอันที่ไม่ชอบด้วยนะ) สิ่งที่น้องกลุ่มที่สองจะต้องทำไม่ต่างจากน้องกลุ่มแรกถ้าเข้ามาเรียนสาขานี้ คงจะไม่พ้นหาไอพ่นเจ็ทมาติดให้เป็ดของน้องนะครับ (ของพี่ตอนนั้นเป็นกลุ่มที่สองครับ แล้วเสริมไอพ่นเจ็ทให้เป็ดพี่ด้วยสกิลด้านงานสามมิติ)

          คงจะพอเห็นภาพคร่าวๆ นะครับว่าตัวเราอยู่ในกลุ่มไหน ถ้าน้องอยู่กลุ่มแรก พี่อยากก็ลองหาข้อมูลเพิ่มดูก่อนอาจจะมีสิ่งที่ตรงสายกว่าสาขานี้ แต่ถ้าน้องเป็นกลุ่มที่สองก็...
ลุยเลยครับ...อ้ออันนี้เกือบลืมเลย อาจจะมีน้องๆ ที่กังวลเกี่ยวกับบรรยากาศในสาขานี้อยู่ สาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์ประยุกต์ - มัลติมีเดียของบางมด เป็นสาขาวิชาที่มีความอบอุ่นและเป็นกันเองมากๆ ครับ ทั้งคณาจารย์และรุ่นพี่ อันนี้พี่คอนเฟิมเลย หวังว่าสิ่งที่พี่ได้บอกเล่าไปในวันนี้คงจะพอเป็นประโยชน์สำหรับน้องๆบ้างไม่มากก็น้อยนะครับ ว่าแล้วก็ไปเตรียมตัวยิงเป้าบินกัน!!


พี่โบ๊ต
พรพิชญา  ชาติเวียง
วิทยาการคอมพิวเตอร์ประยุกตร์-มัลติมีเดีย
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี


พี่แป้ง : ช่วยแนะนำตัวเองก่อนเลยค่ะ
พี่โบ๊ต : น.ส.พรพิชญา  ชาติเวียง ชื่อเล่น โบ๊ต ค่ะ เรียนจบปริญญาตรีสาขาวิชาวิทยาการคอมพิวเตอร์ประยุกต์-มัลติมีเดีย (ชื่อยาวป่ะ555+) คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรมและเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี

พี่แป้ง : อะไรที่ทำให้ตัดสินใจเลือกที่จะเรียน สาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์ประยุกต์-มัลติมีเดีย คะ?
พี่โบ๊ต : สิ่งที่ทำให้โบ๊ตตัดสินใจเรียนสาขาวิชานี้เพราะว่า เราเป็นคนชอบเรื่องเทคโนโลยี คอมพิวเตอร์ และวิทยาศาสตร์  แต่อีกใจหนึ่งก็ชอบด้านนิเทศศาสตร์หรือสื่อสารมวลชนด้วยเหมือนกัน เลยมานั่งคิดว่า ทำยังไงถึงจะเรียนทั้งสองด้านควบคู่กันไป??  หลังจากที่เราปรึกษาครอบครัว อาจารย์ และหาข้อมูลมาพอสมควรแล้ว ทำให้เราสามารถตัดสินใจได้ทันทีเลยค่ะว่า สาขาวิชาวิทยาการคอมพิวเตอร์ประยุกตร์-มัลติมีเดีย นี้แหละคือ ตัวฉัน!!

พี่แป้ง : ทำไมถึงเลือกที่จะมาเรียนที่ มจธ. คะ?
พี่โบ๊ต : ช่วงม. 5 เป็นช่วงที่เราเริ่มจะหาที่เรียนต่อกันแล้วใช่ไหมคะ ในช่วงนั้น มจธ. มีโครงการ Meahongson IT Valley ที่เข้าไปสมนับสนุนด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีให้กับนักเรียนใน จ.แม่ฮ่องสอน ทำให้เราอยากรู้จัก มจธ. มากขึ้น จึงลองไปสมัครเข้าโครงการ 2B KMUTT ของดูค่ะ ซึ่งเป็นโครงการที่ให้นักเรียนม.4-5 ได้ฝึกภาคปฏิบัติในห้องทดลองจริงของมหาวิทยาลัยฯ โดยมีอาจารย์และนักวิจัยเป็นพี่เลี้ยงคอยดูแลตลอดระยะเวลาประมาณ 4 สัปดาห์ และโครงการนี้ยังให้โควตาพิเศษในการเข้าศึกษาต่อระดับปริญญาตรีอีกด้วย เป็นโอกาสดีของโบ๊ตมากค่ะที่ได้รับคัดเลือกให้ได้ศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยแห่งนี้ ในสาขาวิชาวิทยาการคอมพิวเตอร์ประยุกตร์-มัลติมีเดีย.....พอถึงตอนนี้เรากับทางครอบครัวก็ยังลังเลอยู่พอสมควรค่ะ เพราะนอกจากจะไกลบ้านแล้วยังต้องมีค่าใช้จ่ายอีกมากมาย

          ด้วยความที่อยากแบ่งเบาภาระของครอบครัวเราจึงลองค้นหาช่องทางดูค่ะว่าจะทำยังไงได้บ้าง? ก็ไปเจออีกหนึ่งโครงการดีๆจากทาง มจธ.  คือ โครงการ
"ทุนเพชร พระจอมเกล้า" ที่จะให้ทุนการศึกษากับผู้ที่มีความสามารถทางวิชาการและความสามารถพิเศษ (ด้านกีฬา, ด้านศิลปวัฒนธรรม, ด้านความเป็นผู้นำ, ด้านความคิดสร้างสรรค์และนวัตรกรรม) ถือว่าเป็นโชคดีของโบ๊ตมากๆเลยค่ะ เพราะเป็นนักกิจกรรมตั้งแต่เด็ก เมื่อนำแฟ้มสะสมผลงาน (Portfolio) ไปเสนอต่อคณะกรรมการและมีการสอบสัมภาษณ์จากอาจารย์ 6-7 ท่าน น้ำตาแทบเล็ดค่ะ บอกเลยว่ากดดันมาก แต่สุดท้ายเมื่อประกาศผลออกมาปรากฎว่า เราได้ค่ะ!! กรี๊ดลั่นโรงเรียนเลย และทำให้เราตัดสินใจได้ว่าอยากจะเรียนที่นี่ อยากจะเป็นลูกพระจอม ถึงแม้จะไกลบ้านหน่อยก็ตามค่ะ (ไม่น่าจะหน่อยนะคะ ฮ่าๆ) ถ้าคิดถึงแม่เราก็โทรไปหาหรือ Skype กันบ้าง แม่บอกเสมอค่ะว่าเราต้องรู้จักอดทนเพื่ออนาคตที่ดีของตัวเราเอง

พี่แป้ง : อะไรคือสิ่งที่ท้าทายที่สุดสำหรับการเรียน สาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์ประยุกต์-มัลติมีเดีย ?
พี่โบ๊ต : ท้าทายมากที่สุดน่าจะเป็นเรื่องของการประยุกต์ทั้งสองศาสตร์ คือ วิทยาการคอมพิมเตอร์แและมัลติมีเดียเข้าด้วยกันค่ะ โดยเฉพาะตอนทำโปรเจคจบต้องคิดอยู่หลายตลบเลยค่ะว่าจะทำอะไรดีเพื่อที่จะถ่ายทอดความรู้ที่เรียนมาได้ทั้งหมด

พี่แป้ง : สมัยเรียนได้ทำกิจกรรมอะไรบ้างคะ?
พี่โบ๊ต : สมัยเรียนโบ๊ตทำกิจกรรมเยอะมากๆ ค่ะ ส่วนใหญ่จะเน้นบันเทิงอย่างเช่น พิธีกร สันทนาการ หรืออะไรที่ว่า "บ้า" ทำหมดค่ะ กิจกรรมที่ประทับใจมากที่สุดน่าจะเป็นโครงการ Meahongson IT Valley ที่โบ๊ตได้มีโอกาสไปถ่ายทอดประสบการณ์ด้านการเรียน การใช้ชีวิตที่มหาวิทยาลัยให้กับน้องๆในจ.แม่ฮ่องสอน ซึ่งเป็นบ้านเกิดของเราค่ะ เพื่อเป็นแรงบรรดาลใจให้น้องๆได้รู้ว่า "ไม่มีอะไรยากเกินความพยายามของเรา"

พี่แป้ง : ตอนนี้ทำงานอะไรอยู่คะ?
พี่โบ๊ต : ตอนนี้ทำงานอยู่ที่ บริษัท ดั๊บเบิ้ลเอ 1991 จำกัด ตำแหน่ง Social Media Executive ค่ะ งานหลักๆก็จะดูแลเรื่อง Social Media ของทางบริษัทค่ะ ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Twiter, Youtube และ Instagram เป็นงานที่ต้องอัพเดทเทรนด์ของโลก Socail  Media อยู่ตลอดเวลา เพื่อให้เราสามารถก้าวทันคู่แข่งได้ค่ะ

พี่แป้ง : ความรู้ที่ได้จากการเรียน สาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์ประยุกต์-มัลติมีเดีย มาช่วยในงานของโบ้ตอย่างไรบ้างคะ?
พี่โบ๊ต : ถือว่าความรู้ที่ได้เรียนมาใช้ประโยชน์ได้แทบทั้งหมดค่ะ เพราะการจัดแคมเปญบน Facebook จะต้องมีการจัดทำ Application ที่ต้องใช้ความรู้ทั้งด้านการเขียนโปรแกรมและการออกแบบงานกราฟฟิกดีไซน์  เมื่อเรามีความรู้ทั้ง 2 ด้าน ก็จะทำให้เรารู้ขอบเขตของงานและสามารถอธิบายสิ่งที่เราต้องการให้กับทีมงานที่จัดทำApplication ได้ละเอียดมากขึ้น งานที่อออกมาก็จะเป๊ะค่ะ

พี่แป้ง : สุดท้ายนี้ขอให้ฝากอะไรดีๆ ถึงน้องๆ ที่อยากเรียน สาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์ประยุกต์-มัลติมีเดีย หน่อยค่ะ
พี่โบ๊ต : สิ่งแรกที่อยากจะบอกคือ มีเรียนแคลคูลัส ฟิสิกส์ เคมี ด้วยนะคะ ข้อนี้โปรดระวัง!! เพราะน้องๆส่วนใหญ่คิดว่าจะได้ต้องได้เรียนเหมือนนิเทศศาสตร์แน่ๆเลย แต่ไม่ใช่เพียงเท่านั้น เรายังต้องเรียนเขียนโปรแกรมอีกด้วย ถ้าใครที่รักและชอบทั้งสองด้านจริงๆ โบ๊ตเชียร์เต็มที่เลยค่ะ และขอให้น้องๆอยากเรียนสาขาวิชานี้โชคดีทุกคนค่ะ 

           แต่ละคนมาแบบจัดเต็มและอลังการมากค่ะ ฮ่ะๆๆ พี่แป้งหวังว่าประสบการณ์จากรุ่นพี่ทั้ง 3 คนนี้จะช่วยให้น้องๆ ตัดสินใจได้มากขึ้นนะคะว่า สาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์ประยุกต์-มัลติมีเดีย เป็นสาขาที่ "ใช่" สำหรับน้อง ๆ เองหรือเปล่า?

           สัปดาห์หน้าเราจะยังอยู่กับ สาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์ประยุกต์-มัลติมีเดีย จะมีอะไรมาเสนอ รอดูนะคะ ตอนนี้พี่แป้งขอตัวไปแอบดู พี่โกโบริทั้ง 3 รุ่นใน 50 nice shots ก่อนนะคะ บ๊าย บาย .... >////<





               


    
      

"
 

4 สาขาล่าสุดใน "คณะในฝัน"





















พี่แป้ง
พี่แป้ง - Columnist นักข่าวสายรับตรง พร้อมเสิร์ฟข่าวสอบเข้าทุกมหา'ลัย เติมพลังได้จากชาเย็นหวานน้อย

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

3 ความคิดเห็น

กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด