อีกอย่างที่กฤติได้เรียนรู้จากการไปต่างประเทศ ที่อยากจะฝากน้องๆ คือ ที่ The Breakers เค้าจะสอนอยู่เสมอว่า Life is a Journey , Not a Destination คือทุกขั้นตอนของชีวิตเรากว่าจะถึงจุดหมาย มันมีความหมาย มีความสำคัญ ทุกประสบการณ์ มันเปิดประตูให้เรา คือต้องให้คุณค่ากับทุกประสบการณ์ระหว่างการเดินทางไปสู่จุดหมาย ถ้าเราไปให้ความสำคัญกับจุดหมายเพียงอย่างเดียว เมื่อไปถึงแล้ว มันก็จบ ก็จะไม่เหลืออะไรให้เราเลย ชีวิตมันคือการเดินทางอย่างไม่หยุดยั้งค่ะ ความยากลำบากในระหว่างทางนั้นมันมีคุณค่า ที่อเมริกาจะสอนอย่างนี้ตลอด ถ้าคุณไม่ Take the next step, You cannot Open the next Door
เห็นว่าทำงานค่อนข้างเครียด แล้วกฤติมีวิธีการผ่อนคลายยังไงบ้าง เที่ยวสิคะ ไปอยู่ต่างประเทศทั้งที (หัวเราะ) แต่การเที่ยวที่โน่นมันก็มีหลายแบบค่ะ มีทั้งถูกและแพง อย่างที่ฟลอริดา หลักๆ คือ Key West คือจุดต่ำสุดของอเมริกา นอกจากนั้นก็มี ไมอามี่ ออแลนโด ที่มีวอลดิสนีย์ และยูนิเวอร์แซลสตูดิโอ แต่ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยครั้งนึงก็จะประมาณ 300-500 เหรียญ ซึ่งเราทำงานประมาณอาทิตย์นึงก็ได้แล้วค่ะ เรื่องวันหยุดนอกเหนือจากที่มีให้ค่อนข้างจะฟรี เราจะลานอกเหนือจากวันหยุดที่โรงแรมมีให้ก็ได้ จะลาครั้งหนึ่งเป็นเดือนเลยก็ได้นะคะ เพียงแต่จะไม่ได้รับค่าแรงในวันหยุดเท่านั้นเองค่ะ
ประสบการณ์ที่ได้รับเป็นอย่างไรบ้าง ดีที่สุดในชีวิตเลยล่ะค่ะ เราเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น มีความกล้าในการตัดสินใจ มีความเป็นผู้นำ เข้ากับคนได้ดีมากขึ้น อ่านคนได้ดีมากขึ้น มีความรับผิดชอบมากขึ้น จนสามารถมอบหมายงานให้คนอื่นได้ และมีความสามารถหลายอย่างที่ไม่สามารถหาได้จากที่ไหนได้ รู้จักควบคุมตัวเอง กระตุ้นตัวเอง อยู่ที่นั่นไม่มีใครมาควบคุม ดูแล เราอีกแล้ว ต้องสามารถยืนได้ด้วยตัวของเราเองจริงๆ ค่ะ
มีแผนอนาคตอย่างไรบ้าง ตอนนี้ก็อยากเรียนให้จบปริญญาตรีด้านการโรงแรมในต่างประเทศก่อนค่ะ แล้วหลังจากนั้นก็จะหาประสบการณ์เพิ่มด้าน Management ทางการโรงแรมในระดับที่สูงขึ้น จากตอนที่ไปอยู่ที่ The Breakers กฤติได้ทำสิ่งที่ท้าทายที่สุดในชีวิตมาแล้ว และเราก็ผ่านมาได้ ตอนนี้อยากได้โจทย์ที่ยากขึ้นอีกค่ะ เรารู้สึกว่าเรายังไม่เก่งพอ และสุดท้ายอยากใช้ชีวิตอยู่ในต่างประเทศค่ะ เพราะมันท้าทาย และบีบให้เราต้องพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ ถ้าเราอยู่สบายเกินไปมันก็จะหยุดนิ่งค่ะ ไม่รู้สึกอยากเรียนรู้ พัฒนา อยากเอาตัวเองไปอยู่ในที่ที่คนเก่งๆ เยอะ อย่างในนิวยอร์ค มันรู้สึกว่าท้าทายค่ะ
อยากฝากอะไรถึงน้องๆ ทั้งที่เรียนสายการโรงแรม และน้องๆ ที่ยังไม่รู้ว่าจะเรียนต่อด้านไหนดี การโรงแรมเป็นสายที่เราต้องรักจริงๆ เพราะงานสายการโรงแรมจะเหนื่อยมากๆ แต่ถ้าเราทำงานในสายที่เรารัก ถึงแม้เหนื่อยแค่ไหนก็มีความสุขนะคะ สายงานนี้แม้จะได้รับค่าแรงสูง แต่ก็ต้องสำหรับคนที่ใจรักจริงๆ และทำสิ่งนั้นให้เต็มที่ เราจะมีความสุขจากข้างในจริงๆ ค่ะ ขอให้น้องๆ ทุกคนได้เรียน และได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรัก และตั้งใจทำมันอย่างเต็มที่นะคะ แล้วเราจะมีความสุข และมีความภาคภูมิใจเหมือนพี่กฤติค่ะ
|
48 ความคิดเห็น
ดีจังเลยค่ะ^^
ไปทำงานต่างประเทศ
และก็เป็นประสบการณ์ที่ดีมากเลยค่ะ
อยากเรียนบ้างจัง
อยากไปเรียนจัง แต่อายุคงไม่ถึงอ่าค่ะ
ถามว่าเก่งไหม ยอมรับค่ะว่าเก่ง
แต่
ไม่แปลกใจหรอกค่ะ ในเมื่อเค้ามีโอกาสทางสังคมที่ดีกว่า
เรียนอินเตอร์มาตั้งแต่เด็ก พูดภาษาอังกฤษ+เก่ง แปลกตรงไหน
ถ้าจะเป็นคนที่บ้านยากจน กระกระสน ตั้งใจเรียนจนได้ดี แบบนี้น่านับถือค่ะ
คห. ที่ 9 นักศึกษาของสถาบัน I-TIM ที่ผ่านมา ไม่ได้มีเพียงแค่นักศึกษาที่มีฐานะทั้งทางการเงิน และฐานะทางสังคมดีครับ และก็มีจำนวนมากที่ไม่ได้เรียนอินเตอร์มาก่อน แต่ก็มีจำนวนมากมาย ที่ประสบความสำเร็จ ได้ไปฝึกงานต่างประเทศ กลับมามีหน้าที่การงานที่ดี เพียงแต่ว่า เค้ามีความพยายามที่จะพัฒนาตัวเองจริงๆ เด็กของเรามีจำนวนมากที่บางครั้ง ผู้ปกครองถึงกับต้องไปกู้เงินมาเรียน แต่เค้ามองเห็นโอกาส ดังนั้น นักศึกษาที่มีฐานะยากจน กระกระสน ตั้งใจเรียนจนได้ดี มีแน่นอนครับ และมีเป็นจำนวนมากด้วย แต่ที่ทางสถาบัน เลือกน้องกฤติมาให้สัมภาษณ์ เพราะเค้าโดดเด่นในเรื่องของความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาตัวเอง แสวงหาความยากลำบากเพื่อไปให้ถึงเป้าหมาย และมีแนวความคิดในเชิงบวกที่เราเห็นว่าจะเป็นประโยชน์กับแนวความคิดของน้องๆ ท่านอื่นๆ ไม่ว่าจะเลือกเรียนในสายการโรงแรมหรือไม่ก็ตามครับ
อายุแค่นี้ 20-21 แต่ดูโตกว่าวัยจริงๆ
ขอชื่นชมค่ะ ^^
ต่อให้มีโอกาสทางสังคมดี แต่ถ้านั่งงอมืองอเท้า ไม่พยายามพัฒนาตัวเองก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำได้ขนาดนี้ แล้วที่ว่าไม่แปลกใจนี่ หมายถึงไม่แปลกใจที่พูดอังกฤษเก่งหรือไม่แปลกใจที่ได้ไปฝึกงานคะ เพราะมันคนละประเด็นกัน พูดอังกฤษได้เป็นแค่ปัจจัยหนึ่งที่ได้จากการเรียนอินเตอร์แน่นอน เราเห็นด้วย แต่ปัจจัยหลักๆที่บริษัทส่วนใหญ่มองหาคือ ทัศนคติที่ดี การทำงานเข้ากับผู้อื่นได้ดี และความพยายามพัฒนาตัวเอง ซึ่งมาจากตัวเองล้วนๆค่ะ เราเชื่อว่าน้องเค้ามีสิ่งเหล่านี้อยู่ทำให้เค้าได้รับการคัดเลือกค่ะ
เค้าอุตส่าห์มาแบ่งปันประสบการณ์ให้ฟัง ควรจะยกย่องเค้ามากกว่าค่ะ