สวัสดีค่ะน้องๆ ชาว Dek-D.com .... เจอกับ พี่เป้ และเล่าประสบการณ์เด็กนอกเช่นเคยทุกวันพฤหัส ^^ สำหรับวันนี้เรื่องที่นำมาฝากนั้น เป็นเรื่อง Work & Travel จากอเมริกาค่ะ ซึ่งนอกจากจะมีประสบการณ์ด้านการทำงานมาฝากแล้ว ยังแอบมีเรื่องกุ๊กกิ๊กขยุกขยิกหัวใจด้วยล่ะ ^^ มาดูกันดีกว่าว่า ความรักระหว่างสาวไทยกับหนุ่มฮาวายจะสมหวังมั้ย ??

         สวัสดีค่ะเพื่อนๆ ชาวเด็กดีทุกคน พี่ชื่อว่า "ณอร" นะคะ บางคนอาจจะรู้จักในนามโจแอน จากประสบการณ์ Work and Travel in Hawaii 2011 ตอนนี้ณอรกำลังศึกษาอยู่ชั้นปีที่2 คณะบริหารธุรกิจญี่ปุ่น ที่สถาบันเทคโนโลยีไทย-ญี่ปุ่น
 
         เมื่อปีที่แล้วได้มีโอกาสไป Work and Travel ที่ฮาวาย คือตอนที่แรกเลือกงานนั้น ณอรได้เลือกงานของ Wendy’s รัฐหลุยเซียน่า แต่อยู่ดีๆ นายจ้างก็ยกเลิกงานซะงั้น ก็เลยได้เลือกงานอีกรอบ มาเจองาน Mcdonald’s ที่ฮาวาย บอกตรงๆ ว่าที่เลือกงานนี้เป็นเพราะฮาวายเป็นอะไรที่พี่ใฝ่ฝันมาตลอด เลยตัดสินใจเลือกงานนี้ทันที แต่เนื่องจากเอเจนซี่ดูแลไม่ค่อยดีเลย (ไม่ขอเอ่ยชื่อนะคะ) พี่ก็ขอจองตั๋วเครื่องบินเอง และเนื่องจากนายจ้างไม่มีที่พักให้ ก็เลยต้องหาเองจากอินเตอร์เน็ท โชคดีเจอที่พักดี
สรุปก็ได้งาน Mcdonald’s Hawaii ในเกาะ Maui (เมาวี)

         บางคนอาจคิดว่าฮาวายคือเกาะหนึ่งเกาะ จริงๆ แล้ว ฮาวายมี 6 เกาะนะคะ ตอนที่มองลงมาจากเครื่อง ขอบอกว่าเกาะสวยมาก ยังกับสวรรค์บนดิน และประชากรส่วนมากจะเป็นคนฟิลิปปินส์เกือบทั้งเกาะเลยค่ะ คือเพื่อนทั้งหมดที่พี่มีก็เป็นคนฟิลิปปินส์หมดเลย 

        สำหรับที่พักแอบรู้สึกว่าตัวเองโชคดีมากๆ ที่ได้หาที่พักเอง ได้เจ้าของบ้านเป็นชาวฟิลิปปินส์ชื่อจีเนล เรียนแพทย์ ขอบอกจีเนลว่าเป็นคนใจดีมากๆ อยู่กันเหมือนพี่น้อง ตกเย็นก็พากันไปช้อปปิ้ง เดินห้าง ที่พักเดือนละ 300 เหรียญเท่านั้น ถือว่าไม่แพงเลยสำหรับการหาที่พักในฮาวาย และเนื่องจากจีเนลเป็นคนมีเพื่อนเยอะก็เลยทำให้เรามีเพื่อนเยอะมากตามไปด้วย 

         มาถึงเรื่องงานที่ทำ ขอบอกว่ามันมีทั้งดีและร้าย ช่วงอาทิตย์แรกๆ ยังไม่ได้ทำงานเพราะตอนนั้นมีสึนามิที่ญี่ปุ่น แล้วมันมีผลกระทบมาถึงเกาะเมาวีนิดหน่อย แต่ก็ไม่มีอะไรน่ากลัว ก่อนเริ่มงานก็ต้องไปตรวจ TB Test เรียกง่ายๆ ว่าตรวจหาว่าเราเป็นวัณโรคหรือเปล่า และต้องไปทำบัตร Social security card ทุกคนที่มาทำงานที่อเมริกาต้องทำบัตรนี้ ไม่งั้นถือว่าเป็นคนงานที่ผิดกฎหมาย

         วันแรกที่ได้ทำงาน ผู้จัดการให้พี่ทำงานตรงแคชเชียร์ ซึ่งมีหน้าที่รับออเดอร์และเก็บเงิน เป็นอะไรที่ง่ายสุดแล้ว  แต่ช่วงแรกๆ จะมีผิดพลาดบ้างเพราะเรายังจำชื่อเมนูได้ไม่หมด เมนูแมคโดนัลด์ที่อเมริกาจะมีรายการอาหารเยอะกว่าที่ไทยมาก และเราต้องจำทั้งเมนูอาหารเช้าและกลางวัน แต่หน้าที่ที่พี่ชอบสุดจะเป็นหน้าที่สำหรับยื่นอาหารให้รถที่ขับเข้ามาสั่งผ่านช่องหน้าต่าง คือเราแค่เรียงอาหารให้ตรงตามรายการที่ลูกค้าสั่ง แล้วก็ยื่นให้ลูกค้าพร้อมพูดขอบคุณแค่เนี้ย ไม่ต้องโดนลูกค้าด่าเลย ฮ่าๆ

         แต่ตำแหน่งที่โหดสุดที่เคยทำก็คือ Drive-thru จะต้องใส่หูฟังแบบไมโครโฟนเพื่อไว้พูดคุยกับลูกค้า ลูกค้าที่ขับรถเข้ามาสั่งอาหารแน่นอนว่าเขาคงรีบ บางทีเราอาจฟังออเดอร์ไม่ชัดเพราะเครื่องรถมันดังมาก พอเราถามซ้ำ ลูกค้าก็จะหงุดหงิดใส่ บางครั้งเจอลูกค้าที่เป็นวัยรุ่นมากวนเรา สั่งเมนูมั่วๆ ซึ่งมันไม่มีในร้าน แล้วก็หัวเราะใส่ คือเหนื่อยมาทั้งวันแล้วมาเจออะไรแบบนี้ ไม่ต้องห่วงค่ะ ณอรใส่เต็มที่ 5555 พอพวกนั้นขับรถมาเพื่อมาจ่ายเงิน พี่ทำหน้าแบบโมโหมาก ไม่ยิ้มให้พวกนั้น พอพวกเขาเห็นหน้าพี่บูดๆ พวกเขาก็หยุดหัวเราะทั้งรถเงียบกริบเลย ฮ่าๆ แอบสะใจ แต่ส่วนใหญ่พี่จะเจอแต่ลูกค้าดีๆ นะ

         ที่แมคโดนัลด์ที่ทำ ผู้จัดการทุกคนเป็นผู้หญิงหมด ทุกคนรักและก็ดีกับพี่มากๆ ยกเว้นผู้จัดการคนหนึ่ง !! ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน บางครั้งพี่กำลังรับออเดอร์ เค้าก็สั่งให้เราไปซักไม้ถูพื้น กวาดพื้น ตักน้ำแข็ง มีครั้งหนึ่งเจ็บสุด เราก็ถูพื้นอยู่ (จริงๆ ไม่ใช่หน้าที่พี่เลยแต่เค้าสั่ง) ขอบอกว่าไม้ถูมันหนักมาก ถูอยู่ดีๆ เค้าก็มาถามว่าอยู่ที่ไทยเรียนคณะอะไร พี่ก็ตอบไปว่า บริหารธุรกิจญี่ปุ่น แล้วเค้าก็พูดกลับมาว่า เรียนตั้งบริหาร แต่มาอยู่นี่ก็ได้แค่ถูพื้น แล้วก็หัวเราะ โหยย!! ของขึ้นค่ะ !!! อันนี้ยังน้อย แรกๆ เค้าให้พี่เลิกงานเที่ยงคืน โชคดีที่จีเนลอาสามารับได้ แต่อยู่ดีๆ เค้าก็เปลี่ยนกะให้มาทำตี 5 !! พี่ก็บอกไปว่า คงมาให้ไม่ได้หรอกเพราะรถไม่มี  เค้าก็ตอบมาว่า "มันไม่ใช่ธุระอะไรของชั้น แมคจ้างให้เธอมาทำงาน เธอก็ต้องมาทำตามตารางงาน ถ้ามาไม่ได้ก็ออกไป”  โอ้มายก๊อด นี่เราเสียเงินเป็นแสนเพื่อมาให้เค้าด่าเนี่ยนะ สุดท้ายก็ต้องตื่นตี 3 กว่า ออกจากบ้านตี 4 เดินไปทำงาน ซึ่งตอนเช้าอากาศประมาณ 15 องศาแต่เพราะลมทะเลแรงมาก ทำให้ยิ่งหนาวมาก

         แต่ใช่ว่าณอรจะเจอแต่เรื่องแย่ๆ นะ ขอบอกว่าเรื่องดีมีเยอะกว่ามาก อย่างวันที่มีวันหยุด จีเนลก็จะพาไปเที่ยวทะเล มีไปผับบ้าง ขอบอกว่ามันส์มาก ณอรขาแดนซ์อยู่แล้ว เต้นกันจนผับปิดประมาณตี 2 แต่ไม่ต้องห่วงค่ะ NO แอลกอฮอล์ !!! อยากไปเที่ยวที่ไหนจีเนลพาไปหมด ที่เด็ดสุดคือมีขับรถพากันไปเที่ยว มีคืนหนึ่งออกไปล่าผีด้วย ฮ่าๆ เป็นโรงงานร้าง ก็แอบอยากเจอผีฮาวายนะ แต่ไปแล้วไม่เจออะ หรือถ้าวันไหนหยุดตรงกันก็นัดไปซื้อทัวร์พาดูปลาวาฬ

         และอีกอย่างที่อยากเล่าคือ ขอบอกว่าเด็กไทยที่ไป Work and Travel ที่ฮาวายทุกคนฮอตมากๆ ทุกคนต้องมีคนมาจีบ ส่วนมากก็ขอเบอร์ บางคนก็ถ่ายรูปเรา มีลูกค้าคนหนึ่งแก่มากแล้ว มาซื้อทุกวันจนพี่จำเมนูเขาได้ว่าจะสั่งอะไร เขามาขอร้องพี่ว่าให้ไปเป็นแฟนลูกชายเขาที่เถอะ เขาชอบพี่มาก 555  นอกจากนี้ก็มีเพื่อนของจีเนลที่ชื่อ "จอร์แดน" ที่เข้ามาจีบ คือบางวันจีเนลมารับพี่หลังเลิกงานไม่ได้ จอร์แดนก็อาสามารับแทน บางทีพี่ขอขับรถเขา เขาก็ให้ขับนะ อยากไปเที่ยวไหนก็พาไป ตอนนั้นพี่อยากได้อูคูเลเล่มากเพราะที่ฮาวายอูคูเลเล่จะมีคุณภาพดีและราคาถูก จอร์แดนก็พาไปซื้อ มีวันหนึ่งเขาก็บอกจีเนลว่าเขาชอบพี่ แต่พี่ไม่เห็นหนทางว่ามันจะเป็นไปได้ คือเราอยู่ที่ฮาวายแค่ 3 เดือนเองจึงไม่ได้คิดอะไร จอร์แดนก็เคารพในความคิดของเราก็เลยเป็นแค่เพื่อนกัน

         และมีครั้งหนึ่ง จีเนลก็พาไปเที่ยวทะเล ก็มีเพื่อนผู้ชายคนนึงชื่อ "ฟรานซ์" เค้ากวนเรามาก ชอบแกล้ง เราก็แกล้งกลับ เราก็สงสัยทำไมคนนี้ชอบแกล้งเราจัง มาแปลกมาก จากนั้นไม่ถึงอาทิตย์ ฟรานซ์ก็นัดพาไปกินข้าว พี่แกเล่นขับเบนซ์มาเลย แถมภัตตาคารที่ฟรานซ์พาไปหรูมากกก มีแสดงโชว์ เต้นฮาวาย อลังการเวอร์ พอโชว์จบ ฟรานซ์ก็พาไปเดินริมชายหาดตอนกลางคืน ตอนเดินๆ อยู่ ฟรานซ์ก็เดินไปเด็ดดอกลั่นทมมาทัดหูให้ คือเราก็รู้สึกดีนะ แต่สุดท้ายก็เป็นแค่เพื่อนกัน ...... พอใกล้ๆ กลับไทย ฟรานซ์ก็โทรให้จีเนลพาเราไปหาที่ภัตตาหาร พอไปถึง โอ้วว คือฟรานซ์จองโต๊ะอาหารไว้ อาหารหรูมาก เพื่อมาเลี้ยงอำลาเรา เศร้ามากๆ และในคืนวันนั้น ฟรานซ์ก็ส่งข้อความเป็นภาษาไทยมาว่า “ลาก่อนรักของผม” เราแบบใจเต้นแรงมาก ฮ่าๆ คือเราก็รู้สึกดีกับเขานะ เราก็เลยส่งกลับไปว่า "มาบอกอะไรตอนนี้" ฟรานซ์ก็ส่งมาว่า “เขาชอบเราตั้งแต่เจอครั้งแรกแล้ว แต่พอรู้ว่าเรามาอยู่แค่ 3 เดือน เขาไม่สามารถทนได้ถ้าต้องจากกัน ฮาวายกับไทยมันห่างกันเกินไป” เป็นครั้งแรกที่รู้สึกว่านี่สินะที่เรียกว่า ... ความรักแพ้ระยะทาง

         ขอบอกว่าประสบการณ์ Work and Travel ครั้งนี้เป็นอะไรที่ยิ่งกว่าสุดยอด ถ้าจะให้ณอรเล่าทั้งหมดคงเขียนไม่พอแน่ๆ สำหรับชาวเด็กดีที่รู้สึกว่าไม่เต็มอิ่ม ก็เข้าไปอ่านต่อได้นะคะ คลิก สุดท้ายก็ต้องขอบคุณคุณพ่อ-คุณแม่ ที่ให้โอกาสดีๆ นี้ ทำให้ได้เจอทั้งเรื่องดีและเรื่องร้าย เป็นบทเรียนที่ไม่สามารถหาซื้อได้จากที่ไหนเลยจริงๆ ขอบคุณจีเนลที่เป็นทั้งเพื่อนและพี่สาว ถ้าไม่มีจีเนล ณอรคงไม่ได้มีประสบการณ์ดีๆ แบบนี้
      
         สุดท้ายนี้ขอบอกกับทุกคนที่เตรียมตัวจะไปเวิคร์ว่า อย่าคาดหวังอะไรสูงเกินไป เปิดใจเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ  รีบกอบโกยโอกาสที่หาได้ในช่วงระยะเวลาแค่ 3 เดือน เพราะเวลาผ่านไปเร็วมาก ยิ่งสำหรับคนที่ไปเวิร์คคนเดียวแบบณอร รับรองว่าจะได้เจออะไรที่สุดยอดเกินคาดแน่ๆ ขอให้ทุกคนโชคดีนะคะ ^^

         อ่านจบแล้ว ถึงความรักจะแพ้ระยะทาง แต่ก็รู้สึกประทับใจจีเนลมากๆๆๆๆๆๆๆๆ เป็นทั้งเพื่อนและพี่สาวที่น่ารักมาก เลิกงานก็ขับรถมารับ วันหยุดก็พาไปเที่ยว แถมยังเป็นแม่สื่อให้อีกต่างหาก ^^ การได้เจอคนดีๆ แบบนี้ในต่างแดนถือเป็นอะไรที่สุดยอดมากจริงๆ ค่ะ ..... ส่วนน้องๆ คนไหนมีประสบการณ์เด็กนอกสนุกๆ อยากแบ่งปันเพื่อนๆ ก็ส่งมาได้เหมือนเดิมที่ pay@dek-d.com แล้วเจอกันจ้า

       

เด็กดีดอทคอม :: เรียนรู้จากประสบการณ์ต้องเรียนที่ U of New Haven

พี่เป้
พี่เป้ - Columnist มนุษย์บ้างานและบ้านวด ผู้ตกหลุมรักปลาแซลมอน การนอน และและออฟฟิศ

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

55 ความคิดเห็น

กำลังโหลด
hihoza Member 9 ก.พ. 55 11:18 น. 2
 การที่เราไปในที่แปลกใหม่มักจะได้ประสบการณ์และสิ่งใหม่ๆเสมอ ชอบนิสัยของพี่ณอรนะคะอ่านแล้วรู้สึกว่าพี่เป็นคนที่ไม่ได้ให้ความหวังคนอื่นเลยนึกถึงใจเขาใจเราตลอด


0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
Joana Member 9 ก.พ. 55 17:45 น. 6
 Joana says แอดมาได้เลยจ๊ะ



แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 9 กุมภาพันธ์ 2555 / 19:23
แก้ไขครั้งที่ 2 เมื่อ 9 กุมภาพันธ์ 2555 / 20:21
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
Porpor' @ Cafe' Girl ® Member 9 ก.พ. 55 21:08 น. 13
อ่านเรื่องของพี่ณอรเเล้ว อยู่ดีๆก็คิดถึงนิยายขึ้นมาเรื่อง US-BOY น่ะ
นางเอกเป็นลูกครึ่งสาวไทย-อังกฤษ เดินทางไปโครงการ Work&Travel เหมือนพี่ณอรเลย >o<
เเถมพบรักกับหนุ่มสุดฮอตประกบมาตั้งสอง กรี๊ดกร๊าด ! สุดท้ายก็เเฮปปี้ตอนจบ
ว่าเเล้วก็น่าเสียดายนะคะ ชีวิตจริงบ้างที่ก็ไม่เหมือนนิยายทุกตอน ปั๊ดโถ่ ... อุตส่าห์ปิ๊งเเล้วเชียว

ชอบประโยคของหนุ่มฟรานซ์อย่างบอกไม่ถูก 'ลาก่อนรักของผม'
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
MicKeynova Member 10 ก.พ. 55 06:14 น. 15
 อารมณ์ของผู้จัดการร้านอาหารเกือบทุกที่เป็นแนวนั้นหมด แต่มีคติชีวิตสองอย่าง เวรย่อมระงับด้วยการกระทืบอีเวน กับ ใครชมเราน้อมรับ ใครด่าขอให้กรรมตามสนอง (เอิ๊กๆๆๆ)

 ไม่ใช่เเละ เเต่อ่านเเล้วสนุกมากๆๆ พี่สู้ชีวิตสุดๆ
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
YAMSANG!! Member 10 ก.พ. 55 17:24 น. 17
 ความรักแพ้ระยะทาง ฮาวานกับไทยห่างกันเกินไป
อยากไปนอกมากเลยนะค่ะ แต่ภาษานี่สิ แย่มาก- -
0
กำลังโหลด
Joana Member 10 ก.พ. 55 18:38 น. 18
ชีวิตยังต้องเจออะไรอีกเยอะจ๊ะ ถ้าอยากไปก็ไปเลย อย่าให้เรื่องเล็กๆน้อยๆมาเป็นอุปสรรค ตอนพี่ไปเมกาครั้งแรก พี่ก็ไม่ได้เก่งเลยจ๊ะ
0
กำลังโหลด
lightwars Member 10 ก.พ. 55 20:44 น. 19
น่าประทับใจมากค่ะ TT พวกเพื่อนๆชายน่ารักกันจัง พอกลับมาแล้ว พี่ยังติดต่อกลับอยู่รึเปล่าคะ? ><
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด