สวัสดีค่ะน้องๆ ชาว Dek-D.com มีใครเคยสงสัยมั้ยคะว่าเวลาที่ดาราคนโปรดของเราล้างหน้าเกลี้ยงแล้วหน้าตาเป็นอย่างไร บรรดานางแบบสูงโปร่งบนรันเวย์ทั้งหลายถ้าล้างเครื่องสำอางสุดล้ำออกไป เวลาเดินสวนกันจะจำได้มั้ย หรือว่าหนังจะสนุกน้อยลงมั้ยถ้าดาราหน้าตาไม่สมจริง ที่เกริ่นมาขนาดนี้ก็เพื่อจะขอบคุณความมหัศจรรย์ของเครื่องสำอางและทีมสไตลิสต์ค่ะ ^/\^ วันนี้ พี่พิซซ่า เลยจะมาแนะนำที่เรียนสำหรับคนที่อยากเป็นช่างแต่งหน้า-ทำผมดาราในระดับโกอินเตอร์ค่ะ เผลอๆ อาจได้ไปเดทกับพระเอกหนังก็ได้นะ 555
หลักสูตรปริญญาตรี
หลักสูตรปริญญาตรีด้านการแต่งหน้าทำผมโดยเฉพาะมีน้อยมากๆ และส่วนมากอยู่ที่อังกฤษค่ะ เพราะส่วนใหญ่แล้วจะเรียนกันเป็นคอร์สหรือระดับวุฒิบัตรเท่านั้นและใช้เวลาเรียนไม่ถึง 4 ปี แต่ที่อังกฤษเรียนปริญญาตรี 3 ปีอยู่แล้ว จึงทำให้มีหลักสูตรนี้มากกว่าประเทศอื่น แต่ก็เป็นหลักสูตรแต่งหน้าเพื่อการแสดงทั้งนั้นนะคะ ไม่มีแต่งหน้าสวยงามธรรมดาแบบร้านเสริมสวยทั่วไปค่ะ
University College Birmingham หลักสูตร Specialist Hair and Media Make-Up BA (Hons) >Click<
นักศึกษาจะเริ่มเรียนจากประวัติศาสตร์การทำผม วิวัฒนาการการออกแบบทรงผม การประดิษฐ์วิก การออกแบบที่เหมาะกับภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหว รวมไปถึงการทำธุรกิจ ส่วนปีสุดท้ายจะเป็นการประยุกต์ความรู้ที่เรียนมากับความคิดสร้างสรรค์ของตัวเองทั้งด้านการแต่งหน้าและทำผม การประดิษฐ์อวัยวะปลอมเพื่อทำเอฟเฟ็คท์ และต้องจัดงานแสดงเพื่อโชว์ผลงานต่างๆ ของตัวเองด้วย
ค่าเล่าเรียนปีละ 8,800 ปอนด์ค่ะ (ประมาณ 390,000 บาท)
Arts University College at Bournemouth หลักสูตร Make-Up for Media and Performance BA (Hons) >Click<
นอกจากจะเรียนการแต่งหน้าและทำผมเพื่องานโทรทัศน์และภาพยนตร์แล้ว หลักสูตรนี้ยังเน้นการแสดงสดและละครเวทีอีกด้วย เพราะต้องอาศัยสเปเชียลเอฟเฟ็คท์ทำมือล้วนๆ ไม่สามารถใช้คอมพิวเตอร์ช่วยได้ โดยการเรียนและการแสดงผลงานจะได้ทำร่วมกับนักศึกษาสาขาอื่นที่เกี่ยวข้องเช่น การแสดง การกำกับการแสดงหรือแฟชั่น เพื่อให้นักศึกษามีความพร้อมในการทำงานเป็นทีมในโลกเสมือนจริง เมื่อจบการศึกษาแล้วจะได้ทำงานได้อย่างราบรื่นและมีโอกาศประสบความสำเร็จมากขึ้น
ค่าเล่าเรียนปีละ 10,950 ปอนด์ค่ะ (ประมาณ 490,000 บาท)
University of the Arts London หลักสูตร BA (Hons) Make-Up and Prosthetics for Performance >Click<
มหาวิทยาลัยด้านศิลปะที่ฮิตสุดๆ ในประเทศ ชื่อหลักสูตรก็บอกแล้วว่าเน้นทั้งด้านแต่งหน้าและประดิษฐ์อวัยวะเทียมเพื่อการแสดง โดยนักศึกษาสามารถเลือกความสนใจย่อยได้เลยว่าจะเป็นเมคอัพอาร์ติสต์ในวงการหนัง เพลง แฟชั่น ละคร หรือละครเวที หรือถ้าอยากจะครอบจักรวาลก็สามารถเลือกทุกอย่างที่ต้องการได้เช่นกัน คณาจารย์ที่สอนต่างก็เป็นผู้คร่ำหวอดในวงการการแสดงทั้งนั้นเพื่อให้มั่นใจว่านักศึกษาจะได้เรียนรู้จากมืออาชีพจริงๆ และที่เด็ดสุดๆ คือจะได้ไปฝึกงานในวงการจริงๆ อาจจะได้กระทบไหล่นักร้องนักแสดงจากเกาะอังกฤษก็ได้นะคะ
และเพราะความอลังการของหลักสูตร ผู้ที่จะได้รับคัดเลือกเข้าเรียนจึงต้องสอบ A-Level 2 วิชาโดยได้เกรด C อย่างต่ำ และผ่าน GCSE 3 วิชาได้เกรด C ขึ้นไป รวมทั้ง IELTS 6.5 คะแนนขึ้นไปโดยไม่มีพาร์ทใดต่ำกว่า 5.5 คะแนน
ค่าเล่าเรียนปีละ 13,300 ปอนด์ค่ะ (ประมาณ 600,000 บาท)
จะเห็นว่าหลักสูตรปริญญาตรี 3 ปีนั้นจะเป็นการแต่งหน้าแบบสเปเชียลเอฟเฟ็คท์ทั้งนั้น แต่ถ้าใครสนใจการแต่งหน้าทำผมทั่วไป หรือเป็นช่างส่วนตัวให้คนดังในงานที่ไม่ต้องแต่งให้หลุดโลกก็สามารถเลือกเรียนคอร์สประกาศนียบัตรได้ค่ะ มีตั้งแต่หลักสูตรระยะสั้น 6 เดือนไปจนถึง 1 ปีขึ้นกับแต่ละสถาบันค่ะ
Aveda Institute >Click<
Aveda เป็นบริษัทผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและความงามจากธรรมชาติ ต่อมาในปี 1978 จึงได้ก่อตั้งสถาบันสอนด้านความสวยความงามที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลก ปัจจุบันมีทั้งหมด 59 สาขาในสหรัฐอเมริกา แคนาดา และออสเตรเลียค่ะ สาขาต่อไปที่กำลังจะเปิดคือที่เกาหลีใต้
การเรียนการสอนจะแบ่งเป็น 5 หลักสูตรตามความสนใจของผู้เรียน ได้แก่ หลักสูตรความงามเบ็ดเสร็จ (ดูแลทั้งเรื่องทำผม แต่งหน้า ดูแลผิวพรรณและทำเล็บ), หลักสูตรการดูแลผิว, หลักสูตรการทำเล็บ, หลักสูตรศาสตร์แห่งการนวดเพื่อบำบัด และหลักสูตรสปาบำบัดค่ะ โดยนอกจากจะสอนทักษะของแต่ละสายงานแล้ว ยังสอนเรื่องการบริการลูกค้า ความเอาใจใส่และการจัดการธุรกิจ
ค่าเล่าเรียนและค่าอุปกรณ์จะแตกต่างกันไปแล้วแต่หลักสูตรและสาขาที่เรียน แต่อยู่ที่ประมาณ $10,000 – 20,000 ค่ะ (ประมาณ 300,000 – 600,000 บาท)
Empire Beauty Schools >Click<
โรงเรียนความงามที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา ก่อตั้งเมื่อปี 1946 ปัจจุบันมี 109 สาขาทั่วสหรัฐ สถาบันนี้มีได้รับความไว้วางใจมานานและมีพันธมิตรกับวงการต่างๆ เยอะมาก (แม้แต่วงการกีฬาก็ต้องการช่าง) จึงทำให้มีทุนการศึกษาจากกว่า 10 หน่วยงาน และสร้างโอกาสได้งานมากกว่าเพราะมีซาลอนในเครือกว่า 12,000 แห่ง
หลักสูตรที่เปิดสอนได้แก่หลักสูตรความงามเบ็ดเสร็จ, หลักสูตรผู้สอนด้านความงามเบ็ดเสร็จ (จะได้ไปเป็นอาจารย์ต่อ), สุนทรียศาสตร์, และเมคอัพอาร์ติสต์
ค่าเล่าเรียน อุปกรณ์ หอพัก อาหารและค่าใช้จ่ายส่วนตัวโดยประมาณ $25,000 ต่อหลักสูตร 1 ปี (ประมาณ 750,000 บาท)
Paul Mitchell Schools >Click<
ถ้าสนใจด้านแฟชั่นจริงจังแล้วจะต้องเคยได้ยินชื่อของพอล มิตเชลล์ นักออกแบบทรงผมในตำนานผู้ล่วงลับ ผู้คิดค้นผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมหลายชนิด ซึ่งบริษัทของเขาเป็นบริษัทแรกที่ประกาศอย่างเป็นทางการว่าไม่ได้ทดลองกับสัตว์มาก่อนเลย และเทคนิคการตัดและทำสีผมแบบใหม่ (ในยุคนั้น) ที่เป็นเทคนิคที่ช่างในปัจจุบันยังคงใช้อยู่อย่างการบล็อกสีผม ปัจจุบันลูกชายของเขาได้ดำเนินตามรอยเท้าพ่อและเป็นอาจารย์พิเศษอยู่ที่สถาบันแห่งนี้
หลักสูตรที่เปิดสอนได้แก่หลักสูตรความงามเบ็ดเสร็จ, หลักสูตรการดูแลผิว, หลักสูตรการออกแบบทรงผม, หลักสูตรการทำผมชาย, หลักสูตรผู้สอนด้านความงามเบ็ดเสร็จ, และสุนทรียศาสตร์ หรือจะเลือกเรียนหลายหลักสูตรควบคู่กันก็ได้ค่ะ สามารถเลือกเรียนเองได้ และถ้าเรียนรู้ได้เร็ว สอบผ่านเร็วก็สามารถจบหลักสูตรได้ทันทีค่ะ
ค่าเล่าเรียนแตกต่างตามสาขาและหลักสูตรที่เลือก แต่มีโครงการกู้ยืมค่ะ
Arrojo Cosmetology School >Click<
อีกหนึ่งคนที่สาวกแฟชั่นคนดังในปัจจุบันต้องรู้จักค่ะ นิค อาโรโจ เซเลบสไตลิสต์ชื่อดังอันดับต้นๆ ของอเมริกา เขาคิดค้นหลักสูตรความงามเบ็ดเสร็จแบบเฉพาะของตัวเองและก่อตั้งสถาบันแห่งนี้ขึ้นมา มีที่เดียวเท่านั้นค่ะ ตั้งอยู่ย่านโซโห แมนฮัตตัน ที่จะทำให้อัพเดทเทรนด์ความงามได้ก่อนใคร
หลักสูตรความงามเบ็ดเสร็จของ Arrojo นอกจากจะสอนทักษะการเป็นสไตลิสต์และการดำเนินธุรกิจแล้ว ยังครอบคลุมถึงวิชากฎหมาย สรีรวิทยา โภชนาการ เคมีและทุกศาสตร์ที่จะทำให้สวยทั้งภายนอกและสุขภาพดีจากภายใน
ค่าเล่าเรียนและค่าอุปกรณ์ $16,800 ค่ะ (ประมาณ 500,000 บาท)
สถาบันอื่นๆ ที่น่าสนใจ
The London School of Beauty and Make-Up ลอนดอน, สหราชอาณาจักร >Click<
Uptodate Fashion Academy มิลาน, อิตาลี >Click<
Juventhera’s Beauty School ปารีส, ฝรั่งเศส >Click<
ถ้าใครไปเที่ยว ไปเรียนต่อ หรือไปซัมเมอร์ที่ประเทศเหล่านี้อยู่แล้ว ลองไปเรียนคอร์สระยะสั้นดูนะคะ อย่างที่ The London School of Beauty and Make-Up ก็มีคอร์สแต่งหน้าตามธีมต่างๆ ที่ใช้ระยะเวลาเรียนเพียง 2 วันเอง ใครไปเรียนที่ไหนมาแล้วบอกพี่ด้วยนะคะ พี่จะได้ไปเป็นลูกค้าให้ เพราะพี่ต้องการเมคโอเวอร์ตัวเองตั้งแต่หัวจรดเท้าจริงๆ จะได้ขายออกซักที 555
ส่วนใครอยากอ่านบทความดีๆ เคล็ดลับการไปเรียนต่อนอก อย่าลืมแวะเวียนเข้าไปเจอกันได้ที่คอลัมน์เรียนต่อนอกที่ www.dek-d.com/studyabroad นะคะ
TWITTER: @PiZZaDekD
ข้อมูล
เว็บไซต์แต่ละสถาบัน
ภาพประกอบ
www.beautylish.com, www.businessinsider.com
www.bet.com, izismile.com
15 ความคิดเห็น
เป็นลม -//-
เข้ามาตกใจ....ทำร้ายป้ามาดอนน่ามากค่ะะ O_O