P
คณะวิทยาศาสตร์
                    สาขาวิชาวิทยาการคอมพิวเตอร์
ชีวิตนอกรั้วมหาวิทยาลัย 

          สัปดาห์สุดท้ายของเดือนแล้ว ... ถ้าใครเป็นแฟนคลับตัวจริงของ "คณะในฝัน" จะรู้ว่าสิ้นเดือนแบบนี้จะได้พบกับประสบการณ์นอกรั้วของรุ่นพี่สาขาต่างๆ ซึ่งเดือนนี้เราก็อยู่ที่ สาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์ พี่แป้งก็ได้มีโอกาสสัมภาษณ์รุ่นพี่ 3 คนที่เรียนจบแล้ว ต่างคนก็ต่างสไตล์ค่ะ พี่ๆ แต่ละคนจะเป็นอย่างไรบ้าง ตามมาดูได้เลยค่ะ มีพี่ขุน พี่ต้า และ พี่ตั้มค่ะ



พี่ขุน สุชาติ ทองเกษร
วิทยาการคอมพิวเตอร์
มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา


พี่แป้ง : ช่วยแนะนำตัวเองก่อนเลยค่ะ
พี่ขุน : พี่ชื่อ สุชาติ ทองเกษร ชื่อเล่น ขุน ครับ จบปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์ (ขอเรียกสั้นๆว่าวิทย์ฯคอมนะ )

พี่แป้ง :  พี่ขุนรู้จักกับสาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์ได้อย่างไรคะ?
พี่ขุน : รู้จักวิทย์คอมโดยเพื่อนแนะนำครับ แต่จริงๆ ก็ไม่ได้ตั้งใจจะเรียนสาขานี้นะครับเพราะพี่เองตอน ม.ปลาย เป็นนักกีฬาบาสของโรงเรียนครับ ก็ว่าจะไปเรียนต่อวิทย์ฯกีฬา มศว แต่สอบไม่ติด พี่ก็เลยถามตัวเอง ถามคนรอบข้างว่า จบพละจะทำงานอะไร ... ณ ตอนนั้นตอบตัวเองได้เพียงเป็นครูพละ เป็นโค้ช หนทางร่ำรวยก็คงยากเย็นแสนเข็ญ อีกทั้งพี่เองก็สอนใครไม่ค่อยเป็นด้วย เลยตัดสินใจ ไม่เอาดีกว่าครับ จึงมองหาคณะใหม่ เป็นของที่ไหนก็ได้ ขอให้มีที่เรียนก่อน ส่วนเรื่องเรียนนั้นพี่คิดว่าอยู่ที่ตัวเรามากกว่าว่าจะขวนขวายหาความรู้มากน้อยแค่ไหน มหาวิทยาลัยก็เป็นเพียงสถานศึกษาทั่วๆ ไป ไม่มีอะไรพิเศษในมุมมองของพี่นะ
         ตอนนั้นก็ไม่รู้ว่า จะอะไรยังไงดี หันซ้ายหัวขวา พี่ก็ไปเจอเจ้าคอมพิวเตอร์ครับ โดยส่วนตัวแล้วพี่ชอบเล่นเกมส์มาก สมัยนั้นเกมส์ Counter-Strike เลยคิดว่าไปเรียนด้านคอมพิวเตอร์ดีกว่า จากนั้นก็ไม่รอช้า เปิด Google Search เลยครับว่ามีอะไรให้พี่เรียนได้บ้าง ... ก็ได้เจอกับ Programmer (แหมมมม แค่ชื่อก็เท่ห์แล้ว) ก็เลยเอาเลยฮะ บอกกับที่บ้านว่า ไม่เรียนพละแล้ว ขอเรียนคอมฯ แล้วกัน ผมอยากเป็น Programmer !! (จริงๆคือเพราะชื่อมันเท่ห์ ล้วนๆครับ ตอนนั้น อารมณ์ความเท่ห์ครอบงำ มาเต็ม!) จากนั้นก็หาสถานที่เรียนใกล้ๆ บ้าน ก็ไปเจอ มรภ.บ้านสมเด็จ ก็ได้เรียนที่นั่นครับผม

พี่แป้ง :  ถ้าพี่ขุนไม่ได้เรียนสาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์ คิดว่าจะเรียนสาขาอะไรคะ?
พี่ขุน : ถ้าไม่ได้เรียนวิทย์คอม พี่ก็คงเรียน IT ครับผม เพราะคิดว่าเทคโนโลยีสารสนเทศ-โทรคมนาคม นั้นมีความสำคัญกับชีวิตประจำวันของเราเป็นอย่างมากครับ งานด้านนี้คงไม่มีวันตายแน่นอนครับผม

พี่แป้ง :  อะไรคือสิ่งที่ท้าทายที่สุดสำหรับการเรียน สาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์ คะ?
พี่ขุน : สิ่งที่ท้าทายที่สุด(สำหรับพี่) ก็คือการที่นักกีฬาผันตัวเองไปเป็น "โปรแกรมเมอร์" แหละครับ กล่าวคือจากมนุษย์ที่ชอบการออกกำลังกาย คลั่งไคล้บาสเก็ตบอล ไม่มีพื้นฐานเรื่องคอมพิวเตอร์ ต้องมาทำความรู้จักศาสตร์แขนงนี้อย่างจริงจังและลึกซึ้ง เพราะ "การเริ่มต้นคือสิ่งที่ยากที่สุด แต่เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด หากเราเริ่มต้นไม่ดี ... แล้วเราจะไปถึงจุดสูงสุดได้อย่างไร"


พี่แป้ง :
ตอนทำโปรเจ็คจบ พี่ขุนทำโปรเจคเกี่ยวกับอะไรคะ?
พี่ขุน : โปรเจคจบพี่ทำ Game ด้วย Java ครับ ช่วงที่ทำโปรเจคพี่ก็ทุ่มเทพลังกาย พลังใจอย่างมากเพราะทำคนเดียว (เพื่อนต่างมหา'ลัย เขาจับกลุ่มกันทำ) ซึ่งเจ้า Java เนี่ยเป็นอะไรที่พี่ไม่เข้าใจอย่างแรง แต่อยากจบให้ทันเพื่อนเลยยื่นขอทำเกมด้วย Java แต่น้องๆอย่าเอาอย่างนะครับ เดี๋ยวจะเสียเวลาโดยใช่เหตุครับ
         หลังจากสอบผ่านเรื่องโปรเจคที่จะทำแล้ว ก็ถึงขั้นตอนการรวบรวมข้อมูลสิ่งที่เราจะทำนะครับ ตอนนั้นนั่งอยู่หน้าคอมฯวันนึงไม่ต่ำกว่า 14 ชม. ตั้งแต่เช้ายันดึก พยายามหาตัวอย่างที่คล้ายๆ กับของงานเราบนเว็บต่างๆ เอาวิธีการของหลายๆ ที่มารวมกันมาประยุกต์ให้เป็นในแบบของเรา ตรงนี้ยากครับ แต่ก็สนุกมาก สนุกกว่าการเล่นเกมมากมาย ช่วงเวลาตอนนั้นเหนื่อยมากและมีความสุขมากครับ
ทำทุกอย่างด้วยตัวเอง แก้ปัญหาด้วยตัวเอง พยายาม ทุ่มเท จนพบกับคำว่า "สำเร็จ"
         การสร้างเกมนั้นไม่ใช่ว่าเป็น Programmer จะสร้างได้ง่ายๆ ปัญหาใหญ่ที่เจอก็คือ รูปแบบตัวละคร และภาพต่างๆ ที่ใช้ในเกมของเรา พี่ต้องไปศึกษาการทำภาพเคลื่อนไหว การวาดภาพสีหน้าของตัวละครให้บ่งบอกถึงอารมณ์นั้นๆ การใช้โทนสี เสียงที่จะนำมาใช้ ดนตรีประกอบ และการใช้โปรแกรมที่เกี่ยวของอีกเยอะพอสมควร เหนื่อยมากๆ แต่ว่ามันคุ้มค่ามากครับ มันเป็นช่วงเวลาที่พี่ไม่เคยลืมเลยครับว่าหลังจากโปรเจคเสร็จแล้วรู้สึกดีเพียงใด :)  ปล.ท่านอาจารย์ที่ปรึกษานั้นงานเยอะมาก เพราะนักศึกษามีจำนวนมาก แต่อาจารย์มีน้อยมาก ผมเลยไม่อยากเพิ่มงานให้ท่านครับ :)

พี่แป้ง :  ตอนนี้ทำงานเกี่ยวกับอะไรอยู่คะ?
พี่ขุน : ตอนนี้พี่เป็น ผู้พัฒนาโปรแกรม วิเคราะห์ข้อมูลในเชิงธุรกิจสำหรับผู้บริหารครับ หรือจะเรียกให้เข้าใจง่ายๆ ว่า สร้างรายงานให้ผู้บริหารใช้ครับผม โดยใช้โปรแกรมที่ชื่อว่า IBM Cognos ครับ และด้วยเจ้าโปรแกรมนี้ทำให้พี่ได้พบเจอได้รู้จักกับ ผู้บริหารหลายๆ ท่านครับ

พี่แป้ง :  ความรู้ที่เรียนมาได้นำมาประยุกต์ใช้ในงานมากน้อยอย่างไร?
พี่ขุน : สิ่งที่เรียนมาจาก วิทย์คอม ... จะให้พูดตรงๆ ก็ไม่ได้ใช้เลยครับ แต่ !! สิ่งที่พี่เอามาใช้ก็คือ การคิดอย่างมีระบบ แบบแผน เป็นขั้นเป็นตอน และ ความมานะอุตสาหะ การกระตือรือร้นในการแสวงหาความรู้ ในสิ่งที่เราไม่เคยรู้ครับ (เป็นสิ่งที่ได้มาตอน ทำโปรเจคจบ ครับ)

พี่แป้ง : ทำงานมีปัญหาหรือเปล่าคะ? อยากให้เล่าประสบการณ์การทำงานที่รู้สึกแย่ที่พี่ขุนเคยเจอให้น้องๆ ฟังบ้าง
พี่ขุน : ตอนทำงานมีปัญหาตั้งแต่เริ่มเลยครับ เพราะครั้งแรกที่ได้ยินชื่อของโปรแกรม IBM Cognos นี้ ก็มี Question Mark ขึ้นมาเต็มหัวเลยครับว่า มันคืออะไรหว่า?? มันทำอะไรได้หว่า?? กล่าวคือไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเจ้า Cognos เลย มาเริ่มนับ 1 ใหม่หมดเลยครับ!! ตรงนี้แหละความยากกลับมาอีกครั้งแล้วครับ ผมเข้าโหมดเดียวกับตอนทำโปรเจคจบเลย ตอนเข้างานนั้นจะมีโปรเลท 3 เดือน ละจะต้องสอบให้ผ่าน >//< แล้วเจ้าโปรแกรมนี้ไม่เพียงแต่ใหม่สำหรับเรา ระหว่างทำงานจะต้องใช้ความรู้แขนงนึงที่เรียกว่า "Business" เข้ามาประกอบด้วยครับ
         ยอมรับเลยครับว่าตลอด 3 เดือนนั้นเป็นช่วงเวลาที่สั้นมาก รู้สึกเหมือน 3 วัน อยากให้ยาวไปสัก 3 ปี เพราะโปรแกรมเมอร์จ๋าๆ มาเลยอย่างพี่ไม่เคยรู้เรื่อง Business เลยครับ และไม่ใช่เพียงเท่านี้นะครับ ยังมีส่วนที่พี่ไม่พูดอีกเพราะจะให้พูดก็ยาวมากกกกกกก กล่าวง่ายๆ คือ งานของพี่แบ่งออกเป็น 3 ส่วนใหญ่ๆ คือ
         ส่วนที่ 1.Business Analasis, 2.Modeler, 3.Devoloper (แต่ยังมีส่วนย่อยๆข้างในอีกนะครับ) แต่ตอน 3 เดือนนั้น ต้องทำเองทั้งหมดตั้งแต่ต้นจนจบ จึก!! รู้สึกว่าเวลา 3 เดือนนั้นช่างน้อยนิดเสียเหลือเกินเทียบกับสิ่งที่เราต้องเริ่มนับ 1 แต่ก็สู้ครับ :)
         เรื่องที่รู้สึกแย่ๆ ก็มีบ้างครับในบางครั้ง แต่ก็ไม่บ่อย นานๆ จะมีสักทีนึง ขอแยกเรื่องแย่ๆ ออกเป็น 2 ส่วนนะครับ คือ
         1. แย่เพราะคนอื่น : อย่างที่กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ว่างานที่พี่ทำนั้น มีหลายส่วนการทำงานนะครับ หาก Model ทำงานมาไม่ดีแล้ว เราที่เป็น Developer ก็จะทำงานยากขึ้น ทั้งๆที่ไม่ควรจะมาเป็นเราครับ หรือ การดูถูกความรู้ ความสามารถในตัวเราจากบุคคลอื่น ก็มีครับ
         2. แย่เพราะตัวเราเอง : แย่ที่ทำงานได้ไม่ถูกใจลูกค้าบ้าง แย่เพราะความรู้เรามีไม่พอบ้าง เป็นต้น
          ทั้งนี้ ก็อย่าไปใส่ใจมากครับ
ปัญหามีไว้ให้แก้ไม่ใช่มีไว้ให้กลุ้มนะครับ ขอให้เอาปัญหาที่เจอ เอาอุปสรรค เอาสิ่งที่เขาดูหมิ่นดูถูกมาเป็นกำลังใจ ให้เราก้าวหน้าต่อไปจะดีกว่าครับ :) เพราะทุกคนมีสิทธิ์คิดและพูด เมื่อเขาพูดมา หน้าที่แรกของเราไม่ใช่ไปเถียงเขาหรือ ทะเลาะกับเขานะครับ เรามีหน้าที่มองตัวเองว่าเป็นจริงอย่างที่เขาพูดหรือเปล่า ถ้าเป็นจริงก็ขอให้ขอบคุณเขา แล้วพยายามทำตัวให้ดีขึ้นทำให้คนเหล่านั้นยอมรับเราให้ได้อันนี้ผมว่าสำคัญมากๆ ครับ

พี่แป้ง :  เวลาเหนื่อยและท้อ พี่ขุนมีวิธีดูแลตัวเองอย่างไรคะ?
พี่ขุน : ไปออกกำลังกายครับ เช่น เตะบอล เล่นบาส ว่ายน้ำ ตีแบดหรือไปถ่ายรูปครับ (พี่สนใจด้านการถ่ายรูปและรับจ้างเป็นงานอดิเรก เล็กๆ น้อยๆ ครับ) หรือไม่ก็ไปเที่ยวต่างจังหวัด หรือ ไปต่างประเทศ เลยครับ

พี่แป้ง :  สุดท้ายนี้ขอให้ฝากอะไรถึงน้องๆ ที่อยากเรียนสาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์ หน่อยค่ะ
พี่ขุน : สุดท้ายนี้พี่ขอให้น้องๆ มีความตั้งใจ ทำสิ่งๆ นึงให้เต็มที่ อย่างเช่นพี่เองที่ "พี่ไม่สามารถทำในสิ่งที่รักได้ พี่ก็เลยรักในสิ่งที่พี่ทำ" แต่หากใครได้ทำในสิ่งที่รัก ก็ขอให้อย่ายอมแพ้ง่ายๆ นะครับทุกคน พี่ขอฝากประโยคดีๆ ที่พี่ได้มากจากโค้ชทีมบาสเก็ตบอลสมัยตอน ม.ปลาย ประโยคนึง พี่เคารพท่านเป็นอย่างมาก ท่านสอนพี่ว่า "คนเราท้อได้ แต่อย่าถอย" 
          ปล.พี่พูดแล้วขนลุกครับ น้ำตาจะไหลด้วย หลายครั้งพี่้ท้อ หลายๆ ครั้งพี่เหนื่อย จากสิ่งต่างๆ มากมายของสังคม พี่นึกย้อนไปถึงประโยคนี้แล้ว พี่รู้สึกเหมือนมีพลังครับ ทำให้พี่สู้และผ่านพ้นสิ่งต่างๆ มาได้มากมาย : )    







พี่ต้า นันทวัฒน์ สินทะเกิด
วิทยาการคอมพิวเตอร์(หลักสูตรภาษาอังกฤษ)
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี

พี่แป้ง : ช่วยแนะนำตัวเองก่อนเลยค่ะ
พี่ต้า : ชื่อ นันทวัฒน์ สินทะเกิด ครับ ชื่อเล่น ต้า จบจาก มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี คณะเทคโนโลยีสารสนเทศ สาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์(หลักสูตรภาษาอังกฤษ) หรือเรียกย่อๆ ว่า CS ครับ :)

พี่แป้ง : อะไรคือสาเหตุที่ทำให้เลือกเรียน สาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์ คะ?
พี่ต้า : จุดแรกเลยก็คือตอนเด็กคิดว่าถ้าจะต้องมีงานที่มั่นคงทำจะทำด้านไหน คิดว่าเรียนด้านนี้ยังไงก็มีงานและในอนาคตความก้าวหน้าทางคอมพิวเตอร์ก็ต้องสำคัญกับชีวิตคนเรามากแน่ๆ และส่วนตัวชอบด้านคอมพิวเตอร์อยู่แล้ว พอมีโอกาสสอบตรงของบางมดเลยเลือกด้านนี้เลยครับ พอติดมาก็ปรึกษาพ่อแม่ แล้วก็ เอาวะ! จัดไป :D

พี่แป้ง : ก่อนเรียนจบกับหลังเรียนจบ สิ่งที่คาดหวังไว้ต่างกันบ้างไหมคะ?
พี่ต้า : ก่อนเรียนไม่ค่อยมีความรู้มากเกี่ยวกับการเรียนทางด้านคอมฯ พอเรียนเลยรู้ว่าเราจะเหมาะแนวไหน เขียนโค้ดไม่ค่อยเก่งแต่ก็ต้องพยายามและเรียนรู้มันเพราะมันสำคัญ เพราะงั้นงานด้านส่วนอื่นๆ น่าจะทางเรามากกว่าก็เลยต้องตั้งใจมากเพราะทุกวิชาสำคัญหมดและยากมากด้วย ถ้าถามความต่างระหว่างก่อนเรียนกับหลังเรียนบอกได้เลยว่า ต่างมากกก .... ทุกสิ่งที่เราเรียนเกินความคาดหมายหมดเลย สำคัญกับอาชีพการงานของเรามากๆ ครับ แต่เหนือสิ่งอื่นใด ความพยายามและความขยันของเราสำคัญกว่า

พี่แป้ง : ตอนสมัยเรียนได้ทำกิจกรรมอะไรบ้างคะ?
พี่ต้า : ตอนเรียนเป็นเด็กกิจกรรมมากๆ ตั้งแต่ประถมแล้ว ฉะนั้นเข้ามหาวิทยาลัยแล้วต้องจัดให้เต็มที่ไปเลย กิจกรรมแรกที่ทำคือ สมัครวงประสานเสียงของมหาวิทยาลัย ตลอดสี่ปีได้เรียนรู้ชีวิตและประสบการณ์มหาศาลจากกิจกรรมนี้มาก ไม่ว่าทำจะเป็นการได้ทำตามความฝัน การบริหารการจัดการวงภายในและติดต่อผู้ใหญ่ต่างๆ การจัดคอนเสิร์ต การสอนน้องๆ เป็นกรรมการ ฯลฯ
         อีกกิจกรรมที่มีความสำคัญไม่แพ้กันคือการได้
สมัครทุนเพชรพระจอมเกล้าฯด้านศิลปวัฒนธรรม เป็นการนำกิจกรรมที่เราเคยทำสมัยมัธยมและเสนอโครงการที่เราต้องการจะทำตอนอยู่มหาวิทยาลัย โดยการเรียนจะต้องอยู่ในเกณฑ์ดีด้วย ซึ่งเป็นสิ่งที่พ่อแม่เราสอนมาตลอดและสิ่งที่เราต้องการพิสูจน์ว่าเด็กกิจกรรมต้องทำการเรียนให้ดีควบคู่ไปด้วยและเราทำสำเร็จ กิจกรรมอื่นๆ ก็เช่น ประชุมเชียร์,เป็นเชียร์ลีดเดอร์ คือ มีอะไรที่อยากทำ ทำไปเลย! ใช้ชีวิตให้คุ้ม!

พี่แป้ง : แล้วเพื่อน ๆ ที่จบมาด้วยกันตอนนี้ทำงานอะไรกันบ้างคะ?
พี่ต้า : เพื่อนที่จบมาก็ทำสายนี้กันหมดเลยครับ ตอนเรียนรู้สึกว่าเพื่อนรอบข้างเราขยันหมดเลยก็เป็นแรงผลักดันให้เราด้วย งานด้านนี้ยังไงก็หางานง่ายอยู่แล้วขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพและความมุ่งมั่นของเราครับ! จะมีไม่กี่คนที่เปลี่ยนแนวไปเลย ทำธุรกิจส่วนตัว ไรงี้ครับ

พี่แป้ง : นอกจากความรู้ที่เรียนมาแล้ว คิดว่าได้อะไรอีกจากการเรียนมหาวิทยาลัยคะ?
พี่ต้า : ได้เยอะเลย เพื่อนสำคัญมากจะช่วยเหลือซึ่งกันและกัน คอยผลักดันและเป็นกำลังใจให้กันตลอด ได้มิตรภาพ สังคมพี่น้องของ CS อบอุ่นมาก การติวระหว่างเพื่อนระหว่างพี่จะมีอยู่ตลอด  กิจกรรมในคณะ ในมหา’ลัย การแข่งกีฬา สอนในเรื่องการบริหารจัดการมาก การหางบประมาณ ติดต่อธุรกิจต่างๆ ฝึกการร่วมงานกับผู้อื่น ถือเป็นประสบการณ์ที่เจ๋งมากที่ต้องเจอในชีวิตจริงๆแน่ๆ อีกเรื่องหนึ่งคือ คณะ IT ดูแลนักศึกษาดีมาก เช่นเดียวกับ อาจารย์ ที่ไม่เพียงแต่ให้ความรู้แต่อาจารย์จะสอนระเบียบวินัยและคอยให้คำปรึกษาอยู่ตลอด


พี่แป้ง : ตอนนี้ทำงานเกี่ยวกับอะไรอยู่คะ?
พี่ต้า : ตอนนี้เป็น Project Coordinator ที่บริษัทผลิต Software แห่งหนึ่ง หน้าที่ก็จะเป็นผู้ติดต่อส่วนกลางระหว่างลูกค้ากับ Programmer, เทสโปรแกรม, ติดตาม Issue&Bug, รับผิดชอบเอกสารต่างๆ  ฯลฯ การทำงานก็ต้องคอยเทสคอยดู issue ต่างๆไรงี้ครับ ^^

พี่แป้ง : เคยมีปัญหากับงานบ้างมั้ยคะ?
พี่ต้า : มีครับ จะมีกับลูกค้า 555+ บางเจ้าก็อยู่เหนือการควบคุม เขาจะกดดันเรา เนื่องด้วยเขาต้องการงานของเขาเป็นอย่างนั้น ตรงจุดนั้นต้องโดนใจเขาอย่างนี้ ต้องอาศัยการเจรจา ที่สำคัญต้องอดทน อดทนสูงมากๆ เลยถ้าต้องทำงานที่มีการติดต่อลูกค้า โชคดีที่ทำกิจกรรมมาเยอะเจอเหตุการณ์แบบนี้เลยปรับตัวได้และรอดพ้นมาได้เพราะความอดทนและเข้าใจในปัญหานั้นๆครับ

พี่แป้ง :  มีแผนว่าจะเรียนต่อในระดับสูงขึ้นหรือเปล่าคะ?
พี่ต้า : ณ ตอนนี้ยังครับ อยากทำงานหาเงินมากกว่า ฮ่าๆ แต่เพื่อนเทพๆ บางคนก็เรียนต่อกันนะ แต่ปุถุชนอย่างเราก็ทำงานก่อนครับ 555

พี่แป้ง : สุดท้ายนี้ขอให้ฝากอะไรถึงน้องๆ ที่อยากเรียนสาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์ หน่อยค่ะ
พี่ต้า : ถ้าน้องชอบการเขียน Code ชอบด้าน Programming มีความอดทนสูง ขยัน ลองศึกษาหลักสูตรดูครับถ้าชอบ แนะนำที่นี่เลย ^^ หรืออยากจะมาลองเข้าค่าย Junior Programmer Camp (fb.com/JPCKMUTT) จัดโดยพี่ๆ CS นี่เองครับ สมัคร 21 มิถุนายม - 5 กรกฏาคม เวลาอบรม 20 - 23 กรกฏาคม 2556 ถ้าไม่ทันปีนี้ก็มาปีหน้าได้ครับมีทุกปี :D หรือไปปรึกษาพี่ๆในเพจได้ครับ พี่ๆ CS ทั้งนั้น







พี่ตั้ม  ธีรวัฒน์ ธงชมเชย
วิทยาการคอมพิวเตอร์
มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ

พี่แป้ง : ช่วยแนะนำตัวเองก่อนเลยค่ะ
พี่ตั้ม : ชื่อนายธีรวัฒน์ ธงชมเชย ชื่อเล่น ตั้ม ครับ จบจาก มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์ครับ

พี่แป้ง : อะไรคือสาเหตุที่ทำให้เลือกเรียน สาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์ คะ?
พี่ตั้ม : จุดเริ่มต้นที่ทำให้เลือกเรียนสาขานี้ก็เพราะโดยส่วนตัวเป็นคนชอบชีวิตอิสระครับ และชอบเทคโนโลยีเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ช่วง ม.6 เราก็ต้องเลือกใช่ไหมครับว่าเราอยากเรียนอะไร ผมก็คิดว่าสาขานี้น่าจะตอบโจทย์ได้ดีที่สุดเพราะสาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์ เมื่อจบมาเราไม่จำเป็นต้องเป็นนักโปรแกรมเมอร์เท่านั้น แต่เรายังเลือกที่จะทำงานในสายอื่นได้ เช่น นักวิเคราะห์ระบบ ผู้ดูแลฐานข้อมูล ไอทีซัพพอท แล้วอีกมากมายครับ

พี่แป้ง : ก่อนเรียนจบกับหลังเรียนจบ สิ่งที่คาดหวังไว้ต่างกันบ้างไหมคะ?
พี่ตั้ม : ก่อนที่ผมจะได้เรียนในสาขานี้ สิ่งที่ผมคาดหวังก็คือการที่เราเรียนจบออกมาสามารถทำงานที่มีความเป็นอิสระ มีความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีเพิ่มขึ้น และสามารถทำงานได้ในหลายรูปแบบ
         หลังจากได้เรียนสาขานี้แล้วสิ่งที่คาดหวังก็มีแตกต่างบ้างครับ แต่เป็นไปในทางที่ดีขึ้น คือเราได้รับความรู้ที่กว้างขวางกว่าเดิม จากที่เรารู้แค่ว่าคอมพิวเตอร์นั้นใช้อำนวยความสะดวก แต่เมื่อเราลองศึกษาในสาขานี้เราจะพบว่าคอมพิวเตอร์มันมีอะไรมากกว่าที่คุณคิด มันมีความซับซ้อนและน่าค้นหา และมันยังพัฒนาได้ไม่มีที่สิ้นสุดครับ แถมมันยังเป็นจุดเริ่มต้นของอนาคตด้วยครับ


พี่แป้ง : ตอนสมัยเรียนได้ทำกิจกรรมอะไรบ้างคะ?
พี่ตั้ม : ตอนสมัยเรียนได้ทำกิจกรรมเยอะมากครับ เพราะผมได้รับเลือกเป็นประธานคณะด้วย กิจกรรมที่ทำก็มีมากมายครับ ทั้งกิจกรรมภายในมหาวิทยาลัย กิจกรรมช่วยเหลือชุมชน และกิจกรรมระหว่างเด็กคอมซายของแต่ล่ะมหา'ลัยครับ
        กิจกรรมที่ประทับใจก็มี
การแข่งขันกีฬา network game ครับ การแข่งขันกีฬาเน็ตเวิคเกมนั้นเป็นกันแข่งขันกันระหว่างสาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์ของแต่ละมหาวิทยาลัยครับ โดยการแข่งขันกีฬาเน็ตเวิคเกมนั้นมีมหา'ลัยที่เข้าร่วมมากมาย เช่น ม.ธรรมศาสตร์ ม.ศรีประทุม ม.หัวเฉียวฯ ฯลฯ ประมาณ 8 มหาวิทยาลัยครับ กิจกรรมก็มีมากมายครับ ทั้งแข่งเชียร์ หลีด การเเข่งเขียนโปรแกรม แข่งกีฬา การประกวดมากมาย และที่ได้รับความนิยมมากก็คือการแข่งเกม dota ครับ สำหรับผม กีฬา network game เป็นกิจกรรมที่น่าประทับใจที่สุดครับ เพราะทำให้เราได้พบปะเพื่อนต่างมหา'ลัย ได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์ และได้สิ่งที่เรียกว่ามิตรภาพครับ ^3^

พี่แป้ง : เพื่อนๆ ที่จบมาด้วยกันตอนนี้ทำงานอะไรกันบ้างคะ?
พี่ตั้ม : ก็มีทั้งโปรแกรมเมอร์ เว็บดีไซน์ นักวิเคราะห์ระบบ ผู้ดูแลฐานข้อมูล ไอทีซัฟพอท บางคนก็เปิดร้านอินเตอร์เน็ตเป็นของตัวเอง บางคนก็ทำงานที่ไม่ตรงสายครับ

พี่แป้ง : นอกจากความรู้ที่เรียนมาแล้ว คิดว่าได้อะไรอีกจากการเรียนมหาวิทยาลัยคะ?
พี่ตั้ม : ได้ประสบการณ์ชีวิตครับ การเข้าสังคม ภาวะผู้นำ เพื่อน ได้ความรู้ที่หาไม่ได้จากในตำรา ได้ลองใช้ชีวิต ได้ฝึกความคิด และได้การเรียนรู้ที่จะโตเป็นผู้ใหญ่ สรุปแล้วได้ประสบการณ์มากมายครับ คล้ายกับว่าการที่เราเรียนมัธยมปลายก็เหมือนปลาที่ว่ายอยู่ในตู้ พอเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัย เราก็กลายเป็นปลาที่ว่ายในสระน้ำครับ

พี่แป้ง : ตอนนี้ทำงานเกี่ยวกับอะไรอยู่คะ?
พี่ตั้ม : พี่ทำธุรกิจส่วนตัวครับ เป็นธุรกิจครอบครัว ลักษณะงานก็เป็นงานรับประมูลเศษวัสดุเหลือใช้ตามโรงงานใหญ่ แล้วนำไปรีไซเคิลเพื่อนำกลับมาใช้ใหม่ครับ

พี่แป้ง : เคยมีปัญหากับงานบ้างมั้ยคะ?
พี่ตั้ม : ปัญหามีอยู่แล้วครับ ไม่ว่าจะทำงานในหน่วยงานไหน ตำแหน่งอะไร ส่วนใหญ่ก็คงเป็นปัญหาด้านบุคคลครับ เพราะสังคมในองค์กรย่อมประกอบไปด้วยคนจากหลายถิ่น หลายสาขา ย่อมมีปัญหาที่ไม่เข้าใจกันแน่นอนครับ การจัดการก็คงเป็นการรับฟังปัญหาของทุกๆ ฝ่าย แล้วหาทางออกที่ดีที่สุดเพื่อประโยชน์ที่เท่าเทียมกันครับ

พี่แป้ง : มีแผนว่าจะเรียนต่อในระดับสูงขึ้นหรือเปล่าคะ?
พี่ตั้ม : มีแผนว่าจะศึกษาต่อปริญญาโทครับ เพราะการศึกษาสำคัญครับ แม้ประสบการณ์จากโลกภายนอกสำคัญกว่า แต่ความรู้ในตำราก็สำคัญเช่นกันครับ

พี่แป้ง : ฝากอะไรถึงน้องๆ ที่อยากเรียน สาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์ หน่อยค่ะ
พี่ตั้ม : สิ่งที่อยากฝากก็คงจะเป็น สาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์ ไม่จำเป็นที่เมื่อจบออกไปแล้วจะต้องเป็นโปรแกรมเมอร์เสมอไปครับ เรียนสาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์ นี้เราจะรู้รอบคอบคลุมเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ สามารถนำไปต่อยอดและประยุกต์ใช้ได้มากมายครับ อีกทั้ง สาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์ ยังเป็นที่ต้องการของตลาดอย่างสูง เพราะเทคโนโลยีนั้นก้าวไปข้างหน้าเสมอครับ


          พี่ๆ แต่ละคนกว่าจะเรียนจบมาได้ก็ต้องมีความพยายาม จากที่เขียนโปรแกรมไม่เป็นก็พยายามที่จะเรียนรู้ หาแรงบันดาลใจให้ตัวเอง ถ้าน้อง ๆ คนไหนสนใจอยู่ก็สามารถหาข้อมูลเพิ่มเติ่มได้จากข้างล่างนี้เลย คลิกไปที่รูปได้เลยค่ะ ขอให้ทุกคนโชคดี ^____^

      .    

วิทยาการคอมพิวเตอร์

สาขานี้เรียนอะไร

สถาบันที่เปิดสอน

จบแล้วทำงานอะไร

กว่าจะได้เรียน วิทย์คอมฯ

ชีวิตจริง...ของการเรียนวิทย์คอม


.

คณะในฝัน 4 สาขาล่าสุด!!!!
 
อักษรศาสตร์ เอกภาษาจีน

วิทยาการคอมฯประยุกต์-มัลติมีเดีย

เศรษฐศาสตร์การเงิน

รัฐศาสตร์การปกครอง








พี่แป้ง
พี่แป้ง - Columnist นักข่าวสายรับตรง พร้อมเสิร์ฟข่าวสอบเข้าทุกมหา'ลัย เติมพลังได้จากชาเย็นหวานน้อย

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

3 ความคิดเห็น

Zamadoii 26 มิ.ย. 56 10:25 น. 1
เป็นเด็ก cs (ม.รังสิต) เหมือนกันคะ ได้แข่งกีฬา network ด้วย (เป็นที่ประทับใจ)
สาขานี้ยาก แต่ก๊พยายามจนใกล้จะจบ เรียนcs เป็นสาขาที่เจอแต่ code
และเจออะไรในหลายๆส่วน ทั้งฟิสิกส์ ทั้ง calculus ท้อเป็นบางคราว
แต่ตอนนี้กำลังทำ โปรเจคจบ เร่งสุดฝีมือ :)
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
ลิงอ่อนด๋อย 29 มิ.ย. 56 22:43 น. 3
จากพี่ตั้ม !! ดีใจครับที่เป็นประโยช์ และสำหรับน้องที่กะลังทำโปรเจคอยู่สู้ ๆ นะครับ ^ 3^
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด