ช่วงที่มีการสอบเข้ามหาวิทยาลัยแต่ละปีนั้น หารู้ไม่ว่าคณะที่ “เด็กรุ่นใหม่” เลือกเรียนมากสุดคือ คณะนิเทศศาสตร์ เพราะทุกคนหวังว่าเรียนจบสาขานี้ไปแล้ว อาจได้โอกาสมาร่วมงานวงการบันเทิง ทํางานทีวี-โฆษณา-ภาพยนตร์ และ “งานข่าว” ทั้งคนเบื้องหน้าและเบื้องหลัง อีกอย่าง “คณะนิเทศศาสตร์” นั้น จะเป็นสาขาที่เรียนไม่หนัก และมีโอกาสได้ทํากิจกรรมมากมาย

 

          ยิ่งสมัยนี้หลายสถาบันจะเปิด “คณะนิเทศศาสตร์” ขึ้นมาเกือบหมดแล้ว ทั้งมหาวิทยาลัยเอกชนและของ รัฐ แต่ที่มีชื่อเสียงมาก และได้รับความสนใจ คือ คณะนิเทศศาสตร์จุฬา และคณะวารสารศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ ส่วนมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ต่างปั้นหัวกะทิสู่วงการทีวีมากมาย

 
 

          ด้านมหาวิทยาเอกชนที่นิยมมากคือ “นิเทศฯ ม.กรุงเทพฯ” สถาบันปั้นคนเก่งสู่วงการทีวี-หนังสือพิมพ์มากมาย รวมทั้งนักแสดงชื่อดัง ส่วนมหาวิทยาลัยอื่นๆได้เปิดสอนในหลักสูตรเดียวที่มีมาตรฐานทัดเทียมกันอย่างรุ่นพี่ “ม.กรุงเทพ” ที่สร้างชื่อกระหึ่ม “สรยุทธ  สุทัศนะจินดา” พิธีกรฝีปากกล้ารายการเรื่องเล่าเช้านี้ ทางช่อง 3 ส่วนมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มี “กระเต็น-วราภรณ์ สมพงษ์” รวมทั้งรุ่นพี่อีกมากมาย

 

          จะเห็นว่านักศึกษาที่จบการศึกษามาแต่ละปีนั้นจํานวน มากมาย หากรวมกับมหาวิทยาลับราชภัฏทั่วประเทศแล้ว แต่ที่เข้าทํางานในวงการจริงๆ ปีละไม่กี่พันเท่านั้น “นักศึกษา” ที่จบแล้วว่างงานเหล่านี้ บางคนก็ไปสอบรับราชการ เป็นอาจารย์ และ ทํางานหน่วยงานอื่นๆ มากมาย

 

          น่าดีใจมาก “คนวงการข่าว” สมัยนี้มีคลื่นลูกใหม่ เข้าร่วมสร้างสรรค์สังคมมากมาย ตามแนวทางและอุดมการณ์แต่ละคน เพราะฉะนั้น “คนรุ่นใหม่ ไฟแรง” นั้น ถือว่าเป็นพลังสําคัญทางสังคม เพราะถ้า “คนข่าว”ที่ก้าวมาสู่วิชาชีพนี้ ทํางานตามสาขาที่ร่ำเรียนมา มีจรรยาบรรณที่ดีงาม น่าจะเป็นสิ่งสวยงามมาก

 

          เพราะความคิด การมีโลกทัศน์ในยุค “ดิจิตอล” นี้ ย่อมมีความหลากหลาย และมีหลักเหตุผลที่ต่างกันไป บางคนได้รับการถ่ายทอดจาก “คนข่าวรุ่นอาวุโส” มาช่วยเติมความคิด มุมมองเข้าไป ทําให้งานออกมา   มีประสิทธิภาพ ยิ่ง “คนข่าวเลือดใหม่” เกิดขึ้นมากมายในแต่ ละวงการ “นักนิเทศศาสตร์” ถือว่าเป็นอาชีพแขนงหนึ่งที่มีเกียรติทางสังคม เพราะยุคนี้กําลังมีอิทธิพลต่อสังคมสื่อยุค “นิว มีเดีย” อย่างมาก

 

          หาก “นักศึกษา” ที่กําลังเล่าเรียนอยู่ ขอให้มีความตั้งใจ มุ่งมั่น เชื่อว่า “งานกําลังรอ” พิสูจน์ฝีมือ “คนเก่ง” อยู่ ขึ้นอยู่กับ “ขอให้รักวิชาชีพที่ร่ำเรียนมาจริง” เท่านั้น อย่าเรียนเพราะเห็นว่า “เท่ โก้ หรู ตามเพื่อน” 
 

พี่ลาเต้ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจากหนังสือพิมพ์ดาราเดลี่

พี่ลาเต้
พี่ลาเต้ - Columnist นักข่าวสายการศึกษา เกาะติดทุกข่าวแทนน้องๆ ตัวถีบ ตัวดันให้ ม.6 สอบติด

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

58 ความคิดเห็น

กำลังโหลด
นิเทศ จุฬา 36 15 พ.ค. 51 23:00 น. 2
คนเก่ง ที่จบ จากนิเทศ จุฬา มีเยอะมากกกกกกกกกกก แต่ แค่คุณไม่รู้ว่าเค้า จบ จาก นิเทศ จุฬา!...
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
Kelly Rachenis Member 16 พ.ค. 51 09:37 น. 5

พี่ย้ง ผู้กำกับภ.ปิดเทอมใหญ่ฯ
พี่เต๋อ นักแสดง และก็พี่ที่แสดงเป็นแฟนเหิรอ่ะค่ะ
อาตุ่ย พุทธชาติ
ไก่ สมพล
พี่โอปอล์ ปาณิศรา

ที่กล่าวมานี่ นิเทศศาสตร์ จุฬาฯทั้งหมดเลยค่ะ

ปล.ไม่ได้ยึดติดนะ แต่เห็นคห.1สงสัยก็เลยลองยกมาให้ดูน่ะค่ะ
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
รุ่นพี่ 16 พ.ค. 51 12:21 น. 7
แต่ถ้ามองตามความจริงนะครับผมว่านิเทศจบมาจะหางานยากนะครับเพราะน้องลองคิดดูว่านิเทศตลาดบ้านเรานับว่าล้นมากจนเกินความจำเป็นที่ตลาดต้องการตั้งไม่รู้กี่เท่าเลยนะครับ ที่พี่ออกมาพูดอย่างงี้ก็เพื่อจะบอกน้องๆว่าเรียนคณะไหนที่ใจเราชอบไม่ใช้เรียนตามกระแสนิยมนะครับ
0
กำลังโหลด
ผิง 16 พ.ค. 51 12:28 น. 8
พี่กาละแมร์ พัชรศรี พี่เอส ผู้กำกับแฟนฉัน, เพื่อนสนิท, หนูหิ่น, สายลับจับบ้านเล็ก ดีเจก้อย รัชวิน พี่แอฟ- ทักษอร พี่อุ้ม-สิริยากร ก้อล้วนแต่นิเทศ จุฬา
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
chavas Member 16 พ.ค. 51 13:10 น. 11

นิเทศจุฬา

มะเดี่ยวไง ผู้กำกับ 13เกมสืสยอง รักแห่งสยาม แต่งเพลง กันและกัน

อากู๋ เจ้าของ GMM อ่า





แต่ความจริงคณะนี้ ไม่จำเป้นต้องเรียนก๋ได่หนิ

0
กำลังโหลด
คนที่เรียนไม่ตรงกับที่ชอบแล้วเสียใจที่หลัง 16 พ.ค. 51 13:22 น. 12
มันอยู๋ที่วาสนาด้วยครับ ไม่ใช่ว่าเรียนนิเทศแล้วจะจบไปหางานทำด้านการบันเทิง ต้องดูองค์ประกอบหลายๆด้านเช่น วุฒิ บุคริก ร่าเริง พูดเก่งที่สำคัญ80% ดูหน้าตาในกรณีที่เป็นดารา แต่ถ้าฝีปากฝีไม้ลายมือดีหน้าตาก็เป็นรองแต่แย่ทั้งสองอย่างก็ลำบาก ส่วนใหญ่ที่จบนิเทศต้องไปทำงานออฟฟิส หรือไม่ก็เรียนต่สาขาอื่นที่รุ่งจะดีกว่าครับ ผมมีลูกพี่ลูกน้องคนหนึ่ง ตอนนี้ยังหางานไม่ได้เลยทั้งที่จบมาแล้วปีกว่า ต้องไปขายเครื่องเกม แต่ว่าพี่เค้าก็ชอบนะครับมันตรงกับนิสัยที่ไม่ชอบการทำงานที่ต้องครุกอยู่กับความเครียด ถ้าให้ดีขอแนะนำสายการแพทย์ หรือด้านโปรแกรมเมอร์ คอมพิวเตอร์ ( ไม่ใช่เรียนมาเปิดร้านเกม กินไปวันๆ )หรือไม่ก็ทางล่าม ซึ่งตอนนี้รุ่งมากเลย ถ้าส่าม+บริหารการตลาดนี่ เจริญแน่ครับ แต่ว่าบริหารอย่างเดียวก็ๆไม่ไหว ควรจะมีปริญญาอย่างน้อยสองใบเพิ่อให้มันควบคู่กันไปได้นะครับ ป.ล. ขอบอกว่ายุคนี้ไม่เอาฉลาดนะครับยุคนี้อยู่ที่ใคร ครีเอจได้มากกว่ากัน ถึงจะอยู่รอด ใครคิดค้นเทคโนโลยีใหม่ได้ก็รวย
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
eretye 16 พ.ค. 51 19:26 น. 14
ไม่ใช่ว่าจบจากที่อื่นแล้ว ไม่มีคนรับเข้าทำงานหรือไง ถึงได้มีแต่คนจบจาก...อยู่รอดทำงานในวงการได้เต็มไปหมด แค่ความคิดเรานะ เง้อออออ -*-
0
กำลังโหลด
guyyard Member 17 พ.ค. 51 11:00 น. 15
เรายังซิ่วจากนิเทศจุฬา ไป บัญชีเลย มีแต่คนด่าว่าโง่น่ะ เพราะมันเป็นคณะยอดนิยม แต่เคยรู้สึกว่า นิเทศศาสตร์เป็นอะไรที่ถูกแย่งงานได้ง่าย เรียนอะไรมา ก็สามารถทำงานด้านนิเทศศาสตร์ได้โดยการเรียนรู้เพิ่มเติมเล็กน้อย ไม่เหมือนคณะอื่นเช่นวิศวะ หมอ ไม่มีใครแย่งงานได้ แต่ก็แล้วแต่คิดอ่ะน่ะ มันก็เรียนง่ายจริงๆและ จบมาก็ทำใจได้เลยว่ามันจะไม่ง่ายอย่างที่คิด เพราะเรื่องของความคิดสร้างสรรค์ บางครั้งสถาบันก็สร้างไม่ได้..น่ะงับ เลือกในสิ่งที่ชอบดีกว่า เพราะเราจะมีแรงใจฮึดสู้อยากเรียน ง่ายยากก็ไม่สำคัญแล้ว
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
~!!>>MaRiko< Member 17 พ.ค. 51 16:43 น. 18
เรียนกันจนเก่อ


คนเก่าก้อยังไม่ได้ตายไป


ทีวีก้อมีแค่ 6 ช่อง


แต่ ละปีจบกานมาเปนหมื่นๆ





แล้วจะหางานอะไรทำ


ทุกวันนี้ เดกเกียดนิยม ยังต้องชายประกันอะ คิดดู



0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด