แบบทดสอบซึมเศร้า กับ 9 สัญญาณอันตรายโรคภัยทางจิต


 
       บางทีวัยรุ่นก็เก็บตัว บางทีวัยรุ่นก็เหวี่ยงใส่ จนผู้ปกครองไม่แน่ใจว่าลูกกำลังใกล้เป็นอะไรไหม กังวลใจไปล้านแปด แต่ก็กลัวว่าถ้าไปถามตรงๆ ก็กลัวลูกจะโกรธใส่อีก ทำอะไรไม่ถูก แต่ก็เป็นห่วงลูก กลัวลูกเป็นโรคอะไรที่เราไม่รู้ โดยเฉพาะโรคทางสุขภาพจิตอย่างโรคอย่างโรคซึมเศร้า
  
      โรคซึมเศร้าเป็นอีกโรคหนึ่งที่เกิดขึ้นได้กับวัยรุ่นค่ะ แล้วก็เป็นโรคที่ใกล้เคียงกับลักษณะตามวัยของวัยรุ่นเหลือเกิน โดยเฉพาะกรณีเก็บตัว เรียกว่าบางทีก็จับสังเกตกันจนผู้ใหญ่เหนื่อยไปเอง แต่ลูกก็ไม่ได้เป็นอะไร เพราะในที่สุดลูกก็ลูกโตพอที่จะดูแลจัดการอารมณ์ตนเองและกลายเป็นผู้ใหญ่ที่ดีนั่นแหละค่ะ จริงๆ แล้วช่วงวัยรุ่นนี้ช่วงชีวิตหนึ่งที่ผู้ใหญ่ทุกคนเคยผ่านมานะคะ บางทีเราอาจลืมเลือนไปแล้วว่า เราก็มีบางช่วงเหมือนกันที่สับสนกับตัวเอง ฝันอยากเป็นโน้นอยากเป็นนี่ ฝันถึงอาชีพมากมายที่ไม่รู้จะเลือกทำอาชีพไหน มีเพื่อนช่วยวาดฝันอย่างสนุกสนาน เราคงจะพอเข้าใจความสับสนช่วงนี้อยู่บ้าง ซึ่งเป้นเรื่องปกติที่ทำให้วัยรุ่นทุกคนดูจะต้องมีปัญหาเสมอ แต่จริงๆ นั่นอาจไม่ใช่ปัญหาเลยก็ได้ค่ะ อย่างไรก็ตามผู้เขียน ขอเสนอข้อความสังเกตเล็กๆ น้อยๆ 10 ถึงความเป็นไปได้ที่จะนำไปสู่โรคซึมเศร้า และโรคอื่นๆ ที่เราต้องสังเกต เป็นสัญญาณเฝ้าระวังโรคต่างๆ ค่ะ ซึ่งต้องบอกว่าไม่ใช่ทุกอาการจะนำไปสู่โรคภัยดังกล่าวเสมอไป และทุกคนที่ได้รับการวินิจฉัยจากหมอว่าเป็นโรคซึมเศร้าหรืออื่นๆ ก็อาจไม่ได้มีอาการตรงเป๊ะทั้ง 9 ข้อนี้ค่ะ

         1. แยกตัว วัยรุ่นทั่วไปที่พยายามห่างพ่อแม่ถือเป็นเรื่องปกติ แต่ถ้าเขาแยกตัวออกจากกลุ่มเพื่อนด้วย และพยายามจะออกจากกลุ่มสังคมด้วย ไม่อยากไปโรงเรียน ไปไม่อยากไปทำกิจกรรมที่ไหนเลย แบบนี้อาจจะเริ่มน่ากังวล ถ้าดูแล้วไม่ใช้บุคลิกส่วนตัวจริงๆ เช่น หนอนหนังสือ จึงอยู่ติดบ้านมากกว่าเข้าสังคม (แต่ก็ไม่ใช่ฝังตัว จนทำเรื่องอื่นๆ ไม่ได้เลย) เขาอาจมีปัญหาอะไรที่เราไม่เห็นก็ได้ค่ะ
 
 
         2. ระวังความปรารถนา ที่บางทีกลายเป็นเรื่องใหญ่โดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของวัยรุ่นเอง โดยเฉพาะแง่มุมเรื่องสังคมและศักดิ์ศรี เช่น วัยรุ่นหญิงอยากสวยขาวผอม จึงแอบเครียดมาก พาลหดหู่กินไม่ได้นอนไม่หลับ หรือถ้าเป็นมากเข้า จิตตกก็แอบไปกินยาลดความอ้วน โดยที่พ่อแม่ไม่รู้ ซึ่งหากเป็นกรณีหลังนี้ไม่ใช่ซึมเศร้า อาจนำไปสู่โรคอื่นๆ อย่างAnorexia (หมกมุ่นกับเรื่องน้ำหนัก กินให้น้อยและออกกำลังกายมากให้ผอมที่สุด) หรือBulimia (ควบคุมการกินไม่ได้เลย พอกินมากไปก็ล้วงคอ) ส่วนวัยรุ่นชายเป็นเรื่องอยากมีอำนาจ อาจไปต่อยตีแต่สู้ไม่ได้ หรือมีลักษณะน่าแกล้ง ถูกแกล้งจนมีปัญหาทางจิตใจก็มีค่ะ


           3. เริ่มสมาธิสั้น  เริ่มไม่มีสมาธิในการทำสิ่งต่างๆ อาจเป็นสัญญานไปสู่ภาวะซึมเศร้าหรือโรคทางสุขภาพจิต อื่นๆ ได้ กลายเป็นคนที่เริ่มรับผิดชอบงานที่ทำประจำไม่ได้ เริ่มปล่อยปละละเลยเรื่องส่วนตัวที่เคยดูแลอย่างดี การบ้านที่เคยทำเสร็จก็ลืมทำ ใจลอยไม่สนใจอะไรมากขึ้น เรียกว่าเริ่มมีปัญหาในการดูแลและจัดการตนเอง ก็ต้องเริ่มสังเกตว่าวัยรุ่นกำลังมีอะไรในใจหรือเปล่าค่ะ


           4. อารมณ์เหวี่ยงไม่เลือกที่ทาง ก็กลายเป็นจุดเริ่มต้นภาวะซึมเศร้าได้ เพราะบางครั้งวัยรุ่นก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงหงุดหงิดง่าย และเมื่อไม่สามารถหาสาเหตุหาเหตุบรรเทาอาการหงุดหงิดของตัวเองได้ จากอารมณ์เหวี่ยงก็กลายเป็นภาวะซึมเศร้าในที่สุด


         5. รู้สึกผิดและรู้สึกว่าตนเองไร้ค่าตลอดเวลา ลักษณะคือการปฏิเสธการทำสิ่งใหม่ทุกอย่าง บ่ายเบี่ยงไม่รับผิดชอบงาน ไม่ใช่เพราะเกียจคร้านแต่เพราะกลัวทำไม่สำเร็จ ก็เป็นความรู้สึกที่สังเกตยาก (เพราะไม่รู้ว่าขี้เกียจหรือกลัวนี่แหละคะ) แต่เป็นความรู้สึกที่เกี่ยวข้องกับภาวะซึมเศร้า เพราะปกติแม้ความรู้สึกนี้ก็เกิดขึ้นตลอดเมื่อโดนว่ากล่าวหรือทำอะไรไม่สำเร็จ แต่ก็เป็นความรู้สึกที่ะละทิ้งได้ (ฮึดใหม่) แต่ถ้าเป็นโรคซึมเศร้าหรือใกล้เป็นแล้ว ความรู้สึกผิดและไร้ค่านี้จะติดในใจทำให้รู้สึกไม่ดีต่อตนเองตลอดเวลาได้เลยค่ะ


         6. ร้องไห้ การร้องไห้เป็นเรื่องปกติของการปลดปล่อยความเศร้า แต่ถ้าร้องไห้บ่อยๆ  น้ำตาไหลรินอย่างไม่มีสาเหตุ ชีวิตเป็นสีเทาดำตลอดเวลา นี่ก็อาจเป็นอาการของโรคซึมเศร้าได้ แต่อย่าลืมว่าการร้องไห้ของคนเราบางครั้งก็ไม่ใช่เรื่องเศร้า เรื่องดีๆ ซาบซึ้งใจเราก็หลั่งน้ำตาได้เช่นกัน

 
  
           7. เฝ้าระวังอารมณ์โกรธ หงุดหงิด อารมณ์โกรธง่าย หงุดหงิดง่ายของวัยรุ่นเป็นเรื่องปกติของวัยรุ่นก็จริง แต่ถ้าโกรธทุกคน กับทุกเรื่องทุกเวลา แทบไม่สามารถควบคุมอารมณ์โกรธของตนเองได้ นี่อาจเป็นอาการทางสุขภาพจิด โรคอารมณ์แปรปรวนอาจมาพร้อมกับโรคโกรธไม่เลือกหน้าก็ได้
 
           
           8. ความกระวนกระวาย
ใจไม่สงบ คล้ายๆ ความหงุดหงิด เหมือนมีอะไรมารังควานใจตลอดเวลา  โกรธคนอื่นยังรู้สาเหตุว่าไม่พอใจคนอื่น แต่กระวนกระวายใจอาจไม่ได้รู้สึกต่อใครเลยก็ได้ เป็นความรู้สึกที่บอกไม่ได้ อาจเป็นต่อสถานการณ์รอบตัว บรรยากาศที่อึดอัด ทำให้ใจไม่สงบ ใจไม่มั่นคง และก็จัดการอารมณ์แบบนี้ไม่ได้เช่นกัน 
 
           
          9. วัยรุ่นส่วนใหญ่มีความคิดด้านมืด
 มืดนิดหน่อยแค่อยากไปลองทำสิ่งแปลกๆ กว่าในชีวิตประจำวัน อย่างกระโดดบันจี้จัมป์ยังพอรับได้ แต่ถ้ามืดขนาดอยากกรีดข้อมืดตัวเอง อยากตายเพราะเรื่องชีวิตต่างๆ ที่ไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่นัก(ในสายตาผู้ใหญ่) ก็ไม่ใช่เรื่องเล็กแล้ว ไม่ใช่เรื่องปล่อยปละละเลย ต้องรีบติดตามสังเกตลูกทันทีว่ามีปัญหาอะไรไหมค่ะ


 
     สัญญาณเหล่านี้อาจไม่ใช่อาการที่เราจะพบได้กับทุกคนที่มีภาวะซึมเศร้าเท่านั้น วัยรุ่นโกรธง่าย หงุดหงิดตลอดเวลาอาจเป็นโรคอื่นๆ ที่มีลักษณะร่วมหรือใกล้เคียงกัน เช่น โรคเครียดจากการปรับตัวไม่ได้(Adjustment disorder) โรควิตกกังวล(Anxiety disorder)  โรคอารมณ์แปรปรวน(Bipolar disorder) หรือจริงๆ แล้ว ไม่ได้เป็นอะไรเลย เพียงเขายังหาวิธีการจัดการกับสถานการณ์ของตนเองช่วงนั้นไม่ได้เฉยๆ หากปล่อยให้เขามีเวลาคิด ได้มีกิจกรรมปลดปล่อย และได้แก้ไขปัญหาเรียบร้อยก็จะผ่านพ้นไปได้
     
  
หลักใหญ่ๆ ที่สำคัญแล้ว คือการมองทุกพฤติกรรมของวัยรุ่นให้ชัดเจน ว่าเป็นเพียงธรรมชาติของวัย หรือเกิดความผิดพลาดในใจหรือเปล่า บางทีก็ไม่ได้เกิดจากการที่วัยรุ่นปรับตัวไม่ได้ หรือมีปัญหาใหญ่หลวงที่เรามองไม่เห็นอย่างเดียว  พันธุกรรมก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกิดโรคซึมเศร้าได้  อาจถ่ายทอดจากคนในครอบครัว แม่เป็น แม่ก็ชีวิตเศร้าหดหู่ตลอดเวลา ก็ทำให้ลูกเลียนแบบพฤติกรรมและความคิดไปโดยปริยาย ยิ่งถ้าลูกเข้าวัยรุ่นแล้ว ก็จะปรับตัวยากมากขึ้น ควบคุมตนเองยากมากขึ้น และยิ่งทำให้ตนเกิดความกังวลใจมากยิ่งขึ้นค่ะ ครอบครัวและเพื่อนสนิทต้องเข้าใจและเป็นกำลังใจที่ดีค่ะ
         อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าใครที่มีลักษณะหรือสัญญาณเสี่ยงใดๆ ก็ตาม ต้องสังเกตให้แน่ใจว่าเป็นเพียงอารมณ์ชั่วครู่ชั่วคราวตามวัยหรือเปล่า แต่หากไม่แน่ใจ สิ่งสำคัญคือพบแพทย์โดยตรงค่ะ การไปหาจิตแพทย์ไม่ได้หมายถึงการเป็นบ้า การทำให้ตนเองอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุขเป็นเรื่องสำคัญยิ่งกว่า โดยเฉพาะวัยรุ่นวัยที่กำลังเรียนรู้จากสังคมค่ะ 
แวะทำแบบทดสอบกันหน่อย คุณมีภาวะซึมเศร้าหรือไม่?
Center for Epidemiologic Studies-Depression Scale (CES-D) ฉบับภาษาไทย 
กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข
 
แหล่งข้อมูล:
    http://www.dek-d.com/board/view.php?id=2396043
    http://helpguide.org/mental/depression_teen.htm
พี่เกียรติ
พี่เกียรติ - Community Master ถนัดแฝงตัวตามกระทู้เด็กดี มีความสนใจเป็นล้านเรื่องขึ้นอยู่กับดราม่าขณะนั้น

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

Rome_Filano Member 6 มี.ค. 55 17:24 น. 17
 เป็นจังๆ ข้อเก้าอ่ะ

เคยกรีดข้อมือตัวเอง =_= พกคัตเตอร์หนีบกระเป๋าเสื้อตลอดเวลา แล้วก็หนีบใส่กระเป๋าไปโรงเรียนสองสามอัน เหมือนโรคจิต  แต่ไม่เคยกรีดข้อมือตรงเส้นเลือดใหญ่จริงๆซักที

แต่ติดกรีดตัวเอง ตรงขาบ้าง แขนบ้าง  เอะอะก็กรีด จนแบบ เสพติด  ไม่รู้เป็นอะไรจนเรื่องไปถึงหูของครูคุมหอ  ครูยึดคัตเตอร์ไปหมด แล้วก็ถามว่าเราเป็นอะไร แต่ก็บอกว่า ไม่ได้เป็นอะไร ตอบไม่ได้ ฮา เพราะตอนนั้นก็ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไรเหมือนกัน 

แม่รู้แม่ร้องไห้ เราก็เลยรู้สึก ตัวเอง บาป หลังจากนั้น หลังๆเลยเลิกกรีด จนตอนนี้หายไปแล้ว เพื่อนสนิทก็รู้ ยังเขียนในเฟรนชิพให้อยู่เลย  เราเป็นพวกอารมณ์รุนแรงมากกว่าคนปกติมั้ง ไม่ถึงขั้นเหวี่ยง แต่จะโกรธแล้วเกลียดนานจนเก็บไปแค้น ประมาณว่า ชาตินี้ มึ.งอย่าได้เจอกูอีกเลย 

จริงๆก็พอรู้ตัวแหละว่า ตัวเองเป็นโรคจิตแบบ อ่อนๆ  บางวันก็นั่งเหม่อๆ เหม่อได้ทั้งวัน นอนได้ทั้งวัน ฮา



ตอนนี้โตขึ้น เลยพอรู้เรื่องขึ้นเลยพอคิดได้มั้ง กร๊ากกกก เอาเป็นว่า พอเข้าใจคนอาการนี้ค่ะ

1
keep_on Member 18 มิ.ย. 57 15:24 น. 17-1
แล้วตอนนี้คุณเป็นยังไงบ้างคะ ได้รับการรักษารึยังคะ แล้วใช้ชีวิตอย่างปกติสุขมั้ย มีคนที่พร้อมจะคุยด้วยได้รึยัง คือคุณเหมือนกับเราเลยที่คิดว่าตัวเองเป็นโรคจิตอ่อนๆ เรามาตั้งแต่มอต้น จนตอนนี้ปีสอง ไม่คุยกับใครไม่ไว้ใจใคร ไม่กล้าไว้ใจใคร แม้แต่คนในครอบครัว เราก็มองว่าเป็นคนนอก เราวิตกจริตไปหมด ชอบพูดคนเดียวด้วย 55 คนรอบข้าง เพื่อนๆเกือบทุกคนในมหาวิทยาลัยก็มองพฤติกรรมเราแล้วก็ว่า นินทา ล้อเลียน ว่าเราเป็นบ้า เป็นคนจิตไม่ปกติ จนเราอยากจะทำร้ายร่างกายคนพวกนี้ทีเดียว เราอยากจะไปให้หมอบำบัดมาก แต่เงินไม่มี เพราะค่ารักษาต่อครั้งก็ประมาณครึ่งหมื่นเลยทีเดียว แล้วก็ไม่อยากที่จะรักษาหรือปรึกษาใครในมหาวิทยาลัย เพราะกลัวจะโดนบันทึกประวัติว่าเป็นคนโรคจิต แล้วก็จะหางานทำยาก ปล.เราเคยกรีดข้อมือตัวเอง เป็นลายนู่นนั่น ชื่อตัวเองบ้าง กรีดแขน มีแค่เลือดซึมๆบ้าง และจะทรมาณตอนอาบน้ำมาก แสบบบ แต่ก็ไม่กล้ากรีดลึก กลัว 555 แล้วก็คิดฆ่าตัวตายทุกวัน ร้องไห้เกือบทุกวัน อับอายกับอดีต พูดคนเดียว ขังตัวเองอยู่ในห้องไม่คุยกับใครเป็นเดือนๆ เราเชื่อว่าอาการที่เรากับคุณเป็นมันสามารถรักษาได้ค่ะ ถ้าเราได้พูด ได้ระบายออกไปบ้าง กับคนที่เข้าใจ ไม่ต้องเป็นพ่อแม่ก็ได้ ถ้าเรายังไม่สามารถพูดกับท่านอย่างสบายใจ อาจจะเป็นเพื่อนสนิท ตอนนี้เราก็บอกได้เลยว่าเราไม่มีเพื่อนสนิท แต่ก็พอจะรู้ว่าใครหวังดีกับเราพอตัว เราก็เล่าให้เค้าฟัง และที่สำคัญคือเราต้องหัดเชื่อใจคนอื่นเสียก่อน แค่บอกเรื่องของเราไป แล้วเค้าจะคิดอะไรก็ชั่งเค้า แต่ผลที่ได้คือ เราสบายใจขึ้นค่ะ ยังไงก็จะพยายามบำบัดนิสัยตัวเองด้วยตัวเองไปก่อน แล้วก็ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด อย่างการเรียนหนังสือ รักตัวเองให้มากๆ ยังไงคุณก็สู้ๆนะคะ (เรามาคอมเม้นแล้วเล่าให้คุณฟัง เราก็สบายใจขึ้นนิดๆเหมือนกัน แต่กลัวคุณจะรำคาญเราจัง 555)
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
karin<f>e Community 8 มี.ค. 55 16:21 น. 35
เผื่อน้องๆ จะกังวลใจหรือตกอกตกใจ โรคซึมเศร้าหรือโรคอื่นๆ นะ  โรคกลุ่มนี้ไม่ได้เป็นกันง่ายๆ เน้อ (ถึงสมัยนี้อะไรจะวุ่นวายและกดดันมากๆๆๆขึ้นก็ตาม) เพราะฉะนั้นใครรู้สึกว่าภูมิคุ้มกันตัวเองชักต่ำแล้ว ตอนนี้อาจแค่เครียดก็ได้นะคะ ต้องดูแลและสังเกตตัวเองดีๆ อย่าเพิ่งตกใจไปนะคะ เป็นห่วงน้องๆ นะ นอนพักผ่อน หากิจกรรมผ่อนคลายกันด้วยนะ แต่ถ้าใครสงสัย ชักไม่ไหวจริงๆ ต้องปรึกษาผู้ใหญ่แล้วไปพบคุณหมอนะจ๊ะ 
0
กำลังโหลด

75 ความคิดเห็น

กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
เจ้าหนูไอริน Member 6 มี.ค. 55 16:29 น. 15
เราเป็น2ข้อ เราวัดความเครียดของสวนปรุง2เดือนครั้งล่าสุด75ส่วน100  หรือเครียดรุนแรง
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
Rome_Filano Member 6 มี.ค. 55 17:24 น. 17
 เป็นจังๆ ข้อเก้าอ่ะ

เคยกรีดข้อมือตัวเอง =_= พกคัตเตอร์หนีบกระเป๋าเสื้อตลอดเวลา แล้วก็หนีบใส่กระเป๋าไปโรงเรียนสองสามอัน เหมือนโรคจิต  แต่ไม่เคยกรีดข้อมือตรงเส้นเลือดใหญ่จริงๆซักที

แต่ติดกรีดตัวเอง ตรงขาบ้าง แขนบ้าง  เอะอะก็กรีด จนแบบ เสพติด  ไม่รู้เป็นอะไรจนเรื่องไปถึงหูของครูคุมหอ  ครูยึดคัตเตอร์ไปหมด แล้วก็ถามว่าเราเป็นอะไร แต่ก็บอกว่า ไม่ได้เป็นอะไร ตอบไม่ได้ ฮา เพราะตอนนั้นก็ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไรเหมือนกัน 

แม่รู้แม่ร้องไห้ เราก็เลยรู้สึก ตัวเอง บาป หลังจากนั้น หลังๆเลยเลิกกรีด จนตอนนี้หายไปแล้ว เพื่อนสนิทก็รู้ ยังเขียนในเฟรนชิพให้อยู่เลย  เราเป็นพวกอารมณ์รุนแรงมากกว่าคนปกติมั้ง ไม่ถึงขั้นเหวี่ยง แต่จะโกรธแล้วเกลียดนานจนเก็บไปแค้น ประมาณว่า ชาตินี้ มึ.งอย่าได้เจอกูอีกเลย 

จริงๆก็พอรู้ตัวแหละว่า ตัวเองเป็นโรคจิตแบบ อ่อนๆ  บางวันก็นั่งเหม่อๆ เหม่อได้ทั้งวัน นอนได้ทั้งวัน ฮา



ตอนนี้โตขึ้น เลยพอรู้เรื่องขึ้นเลยพอคิดได้มั้ง กร๊ากกกก เอาเป็นว่า พอเข้าใจคนอาการนี้ค่ะ

1
keep_on Member 18 มิ.ย. 57 15:24 น. 17-1
แล้วตอนนี้คุณเป็นยังไงบ้างคะ ได้รับการรักษารึยังคะ แล้วใช้ชีวิตอย่างปกติสุขมั้ย มีคนที่พร้อมจะคุยด้วยได้รึยัง คือคุณเหมือนกับเราเลยที่คิดว่าตัวเองเป็นโรคจิตอ่อนๆ เรามาตั้งแต่มอต้น จนตอนนี้ปีสอง ไม่คุยกับใครไม่ไว้ใจใคร ไม่กล้าไว้ใจใคร แม้แต่คนในครอบครัว เราก็มองว่าเป็นคนนอก เราวิตกจริตไปหมด ชอบพูดคนเดียวด้วย 55 คนรอบข้าง เพื่อนๆเกือบทุกคนในมหาวิทยาลัยก็มองพฤติกรรมเราแล้วก็ว่า นินทา ล้อเลียน ว่าเราเป็นบ้า เป็นคนจิตไม่ปกติ จนเราอยากจะทำร้ายร่างกายคนพวกนี้ทีเดียว เราอยากจะไปให้หมอบำบัดมาก แต่เงินไม่มี เพราะค่ารักษาต่อครั้งก็ประมาณครึ่งหมื่นเลยทีเดียว แล้วก็ไม่อยากที่จะรักษาหรือปรึกษาใครในมหาวิทยาลัย เพราะกลัวจะโดนบันทึกประวัติว่าเป็นคนโรคจิต แล้วก็จะหางานทำยาก ปล.เราเคยกรีดข้อมือตัวเอง เป็นลายนู่นนั่น ชื่อตัวเองบ้าง กรีดแขน มีแค่เลือดซึมๆบ้าง และจะทรมาณตอนอาบน้ำมาก แสบบบ แต่ก็ไม่กล้ากรีดลึก กลัว 555 แล้วก็คิดฆ่าตัวตายทุกวัน ร้องไห้เกือบทุกวัน อับอายกับอดีต พูดคนเดียว ขังตัวเองอยู่ในห้องไม่คุยกับใครเป็นเดือนๆ เราเชื่อว่าอาการที่เรากับคุณเป็นมันสามารถรักษาได้ค่ะ ถ้าเราได้พูด ได้ระบายออกไปบ้าง กับคนที่เข้าใจ ไม่ต้องเป็นพ่อแม่ก็ได้ ถ้าเรายังไม่สามารถพูดกับท่านอย่างสบายใจ อาจจะเป็นเพื่อนสนิท ตอนนี้เราก็บอกได้เลยว่าเราไม่มีเพื่อนสนิท แต่ก็พอจะรู้ว่าใครหวังดีกับเราพอตัว เราก็เล่าให้เค้าฟัง และที่สำคัญคือเราต้องหัดเชื่อใจคนอื่นเสียก่อน แค่บอกเรื่องของเราไป แล้วเค้าจะคิดอะไรก็ชั่งเค้า แต่ผลที่ได้คือ เราสบายใจขึ้นค่ะ ยังไงก็จะพยายามบำบัดนิสัยตัวเองด้วยตัวเองไปก่อน แล้วก็ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด อย่างการเรียนหนังสือ รักตัวเองให้มากๆ ยังไงคุณก็สู้ๆนะคะ (เรามาคอมเม้นแล้วเล่าให้คุณฟัง เราก็สบายใจขึ้นนิดๆเหมือนกัน แต่กลัวคุณจะรำคาญเราจัง 555)
0
กำลังโหลด
` -1D.Directioner Member 6 มี.ค. 55 17:26 น. 18
ทุกข้อจริงๆโดยเฉพาะข้อแรกกับสุดท้าย จริงๆไม่เคยเป็นเลยแต่พอขึ้นม.1แล้วเกิดความรู้สึกนี้ T__T
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด