สวัสดีค่ะน้องๆ ถ้าพูดถึง "ทางเลือก" สำหรับเด็ก ม.ปลาย ก็คงเครียดกับการแอดมิชชั่น สำหรับ ม.ต้น แม้จะไม่ใช่ปัญหายิ่งใหญ่เท่าแอดมิชชั่น แต่ก็ทำเอาเครียดไปได้เหมือนกัน นั่นก็คือ ปัญหาการเลือกสายการเรียน ไม่รู้ว่าจะไปทางวิทย์ หรือไปทางศิลป์ดี บ้างก็ยังไม่รู้เลยว่าเลือกไปแล้วจะเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตบ้าง
คอลัมน์ฟิตเกรดวันนี้ พี่มิ้นท์ขอใช้พื้นที่เป็นห้องแนะแนวย่อมๆ ให้น้องๆ เก็บเกี่ยวข้อคิดไปใช้ได้เลย เพราะเทอมหน้าหลายคนจะต้องเลือกสายการเรียนแล้ว ส่วนน้องๆ ที่เพิ่งอยู่แค่ ม.2-3 อ่านไว้ก็ดีนะคะ ถ้ายังเลือกสายสามัญต่อไปยังไงก็ต้องเจอปัญหานี้
ก่อนอื่น พี่มิ้นท์ ต้องขอแนะนำก่อนว่าแผนการเรียน คือ อะไร? แผนการเรียนก็คือ แผนที่กำหนดการเรียนของเราว่าจะเน้นไปทางด้านไหน หลักๆ ตามโรงเรียนมัธยมทั่วไปจะไม่แตกต่างกันมาก คือ
แผนการเรียนวิทย์-คณิต
แผนการเรียนศิลป์-คำนวณ หรือ แผนอังกฤษ-คณิต
แผนการเรียนศิลป์-ภาษา ก็จะแบ่งย่อยไปอีกว่าจะเรียนภาษาอะไร เช่น ภาษาจีน ภาษาญี่ปุ่น ภาษาฝรั่งเศส ภาษาเยอรมัน
และในบางโรงเรียนก็จะมีสายศิลป์ทั่วไป , สายศิลป์ธุรกิจ ฯลฯ ซึ่งอันนี้พี่มิ้นท์อาจจะรวบรวมมาไม่ครบนะคะ เพราะบางโรงเรียนก็เปิดแตกต่างกันไป แต่บางโรงเรียนก็สิ้นสุดแค่แผนศิลป์-คำนวณ เอาเป็นว่าใครสนใจแผนอื่นๆ ต้องลองถามโรงเรียนที่สนใจดูนะคะ
เหตุผลที่ต้องใส่ใจกับการเลือกแผนการเรียน
- เราต้องอยู่กับมันไปถึง 3 ปี ถ้าเรียนแล้วไม่ชอบ น้องๆ อาจจะกลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่ตายซากได้
- ถ้าเรียนในสิ่งที่ไม่ถนัด ก็ส่งผลต่อเกรดรวม ซึ่งเป็นผลลูกโซ่ไปถึงการเข้าเรียนในอนาคต
- บางคณะในมหาวิทยาลัยกำหนดแผนการเรียนในระดับม.ปลาย ไว้ โดยเฉพาะรับตรงที่จะกำหนดค่อนข้างเยอะ
- ถ้าจะขอย้ายสายอาจจะลำบาก บางที่ก็ย้ายไม่ได้ ต้องเข้า ม.4 ใหม่
สายวิทย์ - ศิลป์เรียนอะไร
ชื่อสายก็เป็นตัวบอกได้ดีอยู่แล้วว่าสายนั้นๆ จะเรียนอะไรบ้าง ซึ่งรายวิชาจะไม่ได้ละเอียดเท่ามหาวิทยาลัยหรอกค่ะ ดังนั้น พี่มิ้นท์จะขอพูดรวมๆ ให้พอเห็นภาพนะ สายวิทย์ ก็จะเน้นวิทยาศาสตร์ ทั้งฟิสิกส์ เคมี ชีววิทยา ซึ่ง ม.ต้น เราอาจจะยังไม่รู้หรอกว่า 3 ตัวนี้มันคืออะไร เพราะที่ผ่านมาก็เรียนแบบวิทย์รวมๆ สำหรับ 3 วิชานี้เป็นวิชาที่เราจะต้องเรียนหนักกกว่าสายศิลป์หลายเท่า ต้องมีการทำทดลอง ทำโครงงานวิทยาศาสตร์ ท่องจำสูตร การแสดงวิธีทำ เรียกว่าชีวิตครึ่งนึงอยู่กับการคำนวณ นอกจากนี้ก็ยังต้องเรียนเลขค่อนข้างหนัก ส่วนวิชาอื่นๆ เช่น สังคม ภาษาอังกฤษ ภาษาไทย ก็ยังมี แต่ถือว่าน้อยค่ะ
ส่วนทางด้านสายศิลป์-คำนวณ ก็จะเน้นคณิต ซึ่งอาจจะเรียนพอๆ กับสายวิทย์ แต่ที่จะเน้นมากกว่าสายวิทย์ คือ ภาษาอังกฤษค่ะ เรียกว่าต้องเจอภาษาอังกฤษทุกวัน ทั้งภาษาอังกฤษพื้นฐาน ภาษาอังกฤษฟัง พูด อ่าน เขียน การแปล เรียกว่าเจอทุกสกิล ส่วนวิชาวิทยาศาสตร์ก็มีเรียนนะคะ แต่ไม่ยากค่ะ จะเป็นวิทยาศาสตร์พื้นฐาน เรียกว่าเบสิคสุดๆ และจะเน้นไปที่วิทยาศาสตร์กายภาพ พวกเรื่องดวงดาว ดาราศาสตร์
สายศิลป์-ภาษา ก็จะเรียนวิทย์พื้นฐานเช่นกัน ส่วนคณิตนี่ถือว่าน้อยกว่าทั้งสองสาย แต่จะไปหนักที่ภาษาอังกฤษพอๆ กับศิลป์-คำนวณ และเพิ่มในเรื่องของภาษาที่เราเรียนด้วย พูดง่ายๆ คือ จะเรียนเน้นที่ภาษาที่ 3 ที่เราเลือกไว้ค่ะ
แล้วทำยังไงถึงจะเลือกสายถูกใจ?
พี่มิ้นท์เข้าใจค่ะ ว่าถึงเวลานั้นหลายคนคงเครียด คิดแล้วคิดอีก ไม่รู้จะเรียนสายอะไร (ทั้งๆ ที่มีอยู่ไม่กี่แบบ) เห็นเพื่อนเรียนก็เรียนตามเพื่อน แค่ขอให้ได้อยู่ด้วยกันต่อ ขอตำหนิเลยค่ะใครที่คิดแบบนี้ ถือว่าเป็นความคิดที่ผิด เพราะความถนัดและความสามารถในการเรียนรู้ของแต่ละคนไม่เหมือนกัน มีหลายเคสแล้วค่ะที่เรียนตามเพื่อน สุดท้ายเพื่อนรอด เราไม่รอดซะเอง ลองดูหลักง่ายๆ ตามนี้นะคะ
1) ลองถามตัวเองว่าอยากเรียนสายไหนมากกว่ากัน โดยตัดสิ่งรบกวนเรื่องเพื่อน เรื่องแฟน หรือความคาดหวังของพ่อแม่ออกไปให้หมด
2) ถามแล้วก็ได้คำตอบว่าชอบเหมือนกันเป๊ะ!! รอบนี้คงต้องประเมินตัวเองด้วยการดูว่า เกรดวิชาไหนเราดี และวิชาไหนเราแย่ ถ้าเกรดภาษาเราได้ 3+ ตลอด ส่วนวิชาวิทย์ๆ คณิตๆ เราได้ไม่เคยถึง 3 ก็เป็นตัวช่วยที่บอกได้ว่าเราน่าจะถนัดภาษานะ
3) ลองสำรวจตัวเองว่าชอบเรียนวิชาไหน วิทย์ คณิต ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ แต่ละวิชามีความหมายที่บ่งบอกความถนัดของเราทั้งนั้น
4) มองไปในอีก 4 ปีข้างหน้า ดูว่าเราอยากเรียนอะไร หรือ อยากทำงานเป็นอะไรในอนาคต ก็จะช่วยกำหนดเส้นทางของเราได้ เช่น อยากเป็นแอร์โฮสเตส ต้องนึกต่อไปว่าเป็นแอร์ต้องเก่งอังกฤษ เพราะฉะนั้นก็ให้เลือกสายศิลป์ค่ะ แต่ถ้าอยากเป็นหมอ อันนี้ไม่ต้องคิดอะไรแล้ว เลือกวิทย์ไปเลย
5) ปรึกษาพ่อแม่ พี่ ญาติ ที่ผ่านการเรียน ม.ปลาย มาแล้ว เค้าน่าจะให้คำปรึกษาได้
เอาล่ะ แต่ถ้า 6 วิธีนี้ยังไม่สามารถช่วยตัดสินใจได้ พี่มิ้นท์ มีอีกหนึ่งเรื่องที่เอาพิจารณาได้ คือ ข้อได้เปรียบ-เสียเปรียบ ของแต่ละสายค่ะ
เป็นยังไงกันบ้างกับห้องแนะแนวผ่านเว็บวันนี้ น้องๆ ยังมีเวลาตัดสินใจอีกหลายเดือนกว่าจะเลือกแผนการเรียน ยังไงก็อยากให้เลือกในสิ่งที่ตัวเองรักและชอบนะคะ การเรียนของเราจะได้ออกมาดีค่ะ
ส่วนพี่ๆ ที่เรียน ม.ปลายแล้ว ถ้าได้แวะมาอ่านบทความนี้ สามารถช่วยชี้แนะหรือแชร์ประสบการณ์ให้น้องๆ ที่คอมเม้นด้านล่างได้นะ เชื่อว่าทุกคอมเม้นจะเป็นประโยชน์มากๆ เลยจ้า (ทำตาวิ๊งๆ)
145 ความคิดเห็น
อยากเรียนสายศิลป์มากกว่าค่ะ เพราะชอบภาษามากกว่าการคำนวณ ^_^
แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 18 กันยายน 2555 / 06:17
อย่าตกลงใจว่า เออฉันจะเรียนสายวิทย์ กลัวไม่มีเพื่อน ไรแบบนี้
อยากจะบอกคนที่คิดจะเรียนสายวิทย์ตามเพื่อน หรือตามกระแส
หรือเข้าใจว่า ถ้าเรียนสายวิทย์แล้วจะเข้าคณะได้มากกว่า
ให้หยุด! แล้วคิด พิจารณาว่าตัวเองชอบอะไร
ตอนนี้พี่เรียนสายวิทย์นะ แต่อยากเข้า วารสารฯ มธ. (-*-)
เรียนอ่ะเรียนได้ ชอบวิทย์มากเลย แต่มีปัญหากับคณิตศาสตร์
ถึงน้อง ม.3 ให้ถามตัวเองนะว่า.... ที่ตัวเองติดสายวิทย์มา
เพราะส่วนใหญ่ลอกการบ้านคนอื่นส่งรึเปล่่า?
แล้วอยากจะบอกอะไรอีกอย่างหนึ่ง...
สายวิทย์มัยเข้าได้ทุกคณะก็จริง
แต่ถามหน่อย ถ้าน้องเรียนวิทย์แล้วน้องจะเข้าคณะนั้นได้รึเปล่า
บางคนเรียนวิทย์แต่ไม่เห็นว่าจะสอบได้หนิ
ทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับสมอง และ การกระทำของเรา!
ไม่ได้อยากจะว่า..... แต่อยากให้เราเรียนในสิ่งที่โอเคกับมันมากที่สุด
ถึงคนที่หัวสมองไม่โอเคกับสายนั้น
ระวังทุกอย่างจะลดฮวบ ทำตามหัวใจตัวเอง อย่าไปตามที่ใครสั่ง
จะไม่มีความสุขเลย
ปล. เตือนนะเตือน ไม่ได้ว่า..
แค่เรียนพิเศษ คณิต ฟิสิกส์ ชีวะ เคมี เอาก็ได้แล้ว ...
แต่ถามเรียนวิทย์มันดีใหม? ก็ดีนะ ประสบการณ์เยอะดี โดยเฉพาะทดลอง หนุกมาก 555555
การบ้านเยอะได้อีก! ถามว่าเรียนไปเพื่ออะไร...
"เพื่อให้อยู่สายวิทย์ไปงั้นๆ พอจบพ่อบังคับให้เข้าเรียนนายร้อยตำรวจ TT " ใครโดนวางเกณฑ์ไว้เหมือนเราบ้างงงงงง!
ONLY!!!!
แต่แบบเนื่องจากพ่อแม่เราเป็นคนค่อนข้างหัวโบราณเลยอยากให้เป็นหมอเป็นพยาบาลแล้วท่านบอกว่ามันเลือกได้หลายทางประกอบกับทางโรงเรียนไม่ค่อยจะสมบรูณ์เรื่องสายศิลป์ คล้ายๆๆเรื่องห้องคิงกับห้องสุดท้ายนั้นแหละประมานว่าเพื่อนที่เรียนสายศิลป์เนี่ยจะเป็นพวกไม่ค่อนเรียนไรเงี่ย ด้วยความหวังดีของท่านก็เลยทำให้เราต้องเรียนสาย วิทย์ คณิต ซึ่งเป็นวิชาที่ไม่ถนัดมากกกกกกกก เรียนที่ไรอยากกะโดดหน้าต่างหนีแต่ต้องฝืนใจเรียนและพอดีมันมีให้ลงสอบ pre-addmission เราเลยลงสายศิลป์ทั่วไปปรากฎว่าเอิ่มข้อสอบที่เราลองไปสอบมันโอมากก คือประมานว่าเราตัดสินใจไม่ผิดเลยที่เลือกลงสายศิลป์แต่เราก็เสียใจมากกกกกกกก ที่เราน่าจะเลือกทำตามใจตัวเอง ถ้าเราเลือกทำตามใจตัวเองคงจะโอไปมากกว่านี้คงจะแฮปปี้กว่านี้ไม่ต้องมานั่งบ่นว่าโอ้ยยยยย ทำไมชีวิตฉันต้องเจออะไรที่มันไม่ชั่ยตัวเองขนาดนี้เสียดายเวลามาก
เลยอยากฝากเป็นอุทาหรณ์ให้น้องๆๆที่ชอบทางภาษาสังคมแล้วไม่ชอบคำนวนแต่จะเลือกเรียนสายวิทย์ เพราะเพื่อนหรือเพราะพ่อแม่ไม่ควรจะตามกระแสและตามใจพ่อแม่เป็นอย่างยิ่งเพราะอนาคตมันเป็นของเรา คนที่เรียนก็เป็นเราถ้าเราไม่ชอบมันจะทำให้เซ็งมากตอนที่กำลังเรียนและก็จะเครียดมากกกเพราะตามเพื่อนตามครูไม่ทันงานก็เยอะเรียนก็ไม่รู้เรื่องง
ก็อยู่ม.ห้าแล้วค่ะ เรียนสองภาษาสายวิทย์-คณิต
ตอนมอต้นพี่ได้เกรดคณิตสี่ทุกเทอมนะ ชอบคณิตมากๆ ด้วย
วิทย์ก็ได้สาม สามจุดห้า สี่ประมาณนี้
แต่ในพี่อะ โคตรอยากเรียนสายศิลป์เลย แต่ป๊าม๊าพี่อยากให้เรียนสายวิทย์ เพราะตัวเลือกมันเยอะกว่าไง
แล้วเกรดพี่มันก็สูงมาก พี่ก็เออ ตามใจพ่อแม่ เพราะคิดว่าตัวเองเก่งไง เรียนได้
ตอนนั้นทะนงตัวเองมาก เก่งกว่าเพื่อนทั้งๆ ที่ไม่เรียนพิเศษ
พอมาเรียนจริงๆ พี่เรียนไม่ได้อะ เรียนวิทย์สามตัวพร้อมกันมันเป็นอะไรที่หนักมากกกก
เกรดเทอมแรกร่วงลงมาเหลือสองนิดๆ แย่มากกก 5555555
คณิตที่เคยชอบก็กลายเป็นวิชาที่เกลียดไปแล้ว
จากที่ไม่เคยเรียนพิเศษก็กลายเป็นว่าลงเรียนเป็นว่าเล่น เพราะความรู้ที่โรงเรียนมันไม่พอที่จะเข้ามหาวิทยาลัย
ชีวิตมอปลายมันไม่ง่ายเลยนะน้อง ไม่ง่ายเลยจริงๆ
กิจกรรมเยอะ เรียนหนัก เวลาว่างแทบไม่มี ไหนจะเรียนพิเศษอีก
พี่อยากให้ตัดสินใจดีๆ อะ มันไม่ใช่ว่าจะอยู่ไปแค่สามปี
บางทีนะ .. มันอาจจะต้องอยู่กับน้องไปตลอดชีวิตก็ได้
สายศิลป์สายวิทย์ ไม่ได้อยู่ที่ความเก่ง ไม่ใช่เรียนวิทย์แล้วจะเก่งกว่า ฉลาดกว่า
คนที่ฉลาด คือคนที่เลือกเรียนสิ่งที่ตัวเองชอบแล้วทำมันได้ดีต่างหาก :)
โดยความคิดเห็นส่วนตัวคิดว่ามันไม่ใช่ การแยกสายคือการคัดคนแต่ละคนที่ถนัดด้านแต่ละด้าน เพื่อให้ง่ายต่อการเรียน การสอนมากกว่า ไม่อยากให้คิดว่าถ้าอยากเก่งต้องเรียน วิทย์ - คณิต สายการเรียนแต่ละสายก็มีจุดเด่นของมันเอง แม้กระทั่งสายอาชีพ ถึงมันจะเหมือนไม่ค่อยน่าเชื่อถือ สำหรับคนส่วนใหญ่ แต่เราก็คิดว่ามันก็ เมาะสมกับคนที่ถนัดด้านนี้จริง
เพราะว่าชอบอะไรพวกนี้มากเลย โดยเฉพาะประวัติศาสตร์
.
.
แต่พอคิดไปคิดมาก็กลับมาที่เดิม คือ...จะเรียนสายไรดี! ToT
คิดช้าไป ไม่รู้จะอัพเกรดได้เเค่ไหน- -.......