สวัสดีค่ะน้องๆ ชาว Dek-D.com ผู้มีหัวใจรักการช้อปปิ้งทุกคน หลายคนคงมีแบรนด์เสื้อผ้าในดวงใจกันแน่ๆ เลย พี่เป้ ก็มีเหมือนกันค่ะ แบรนด์ที่ พี่เป้ โปรดปรานมากและคิดว่าหลายๆ คนคงจะชอบเหมือนกันก็คือ H&M ล่ะ ^^ วันนี้เลยถือโอกาสพาน้องๆ ไปทำความรู้จักแบรนด์นี้ให้มากขึ้นกว่าเดิม

 


               เชื่อว่าหลายๆ คน โดยเฉพาะที่อยู่ในยุโรปจะต้องเคยชอปปิ้งสินค้าของ H&M แน่นอน เพราะหากใคร
มีโอกาสไปเที่ยวแถบยุโรป น้องๆ จะสามารถหาร้าน H&M เจอได้ง่ายมากถึงมากที่สุด บางทีถนนเส้นเดียวกัน
อาจมีร้าน H&M 3-4 ร้านก็ได้ โดยเฉพาะช่วง Sale ในฤดูร้อนของยุโรป 
การชอปปิ้งในร้าน H&M แทบจะเป็นปัจจัยที่ 5 ของสาวๆ เลยก็ว่าได้

              

              H&M ร้านแรกของโลก              

 

      H&M เป็นแบรนด์อินเตอร์สัญชาติสวีเดน โดยร้านแรกของ  H&M
 
เปิดที่เมือง Västerås ประเทศสวีเดน ในปี ค.ศ.  1947 หรือประมาณ
  กว่า 60 ปีมาแล้ว สิ่งหนึ่งที่ทำให้
H&M  มีอายุยืนยาวมากว่า 60 ปี ก็
  เป็นเพราะว่าเสื้อผ้าของ
H&M มีหลายสไตล์ ตั้งแต่แนว Casual
  (เรียบง่าย) ไปจนถึง  Luxury (หรูหราฟู่ฟ่า)
 พร้อมกับคอนเซปท์
  ที่ว่า
Fashion and Quality at the Best price 
     สินค้าของ H&M แบ่งเป็น เสื้อผ้าผู้หญิง เสื้อผ้าผู้ชาย เสื้อผ้าเด็ก
  เครื่องประดับ และเครื่องสำอาง  และจนถึงปัจจุบัน
H&M  มีสาขาใน
  34 ประเทศ รวม 1,800 ร้าน และมีพนักงานรวม 73,000 กว่าคน
  ตลาดหลักที่สำคัญที่สุดของ
H&M นอกจากสวีเดนแล้วคือ อังกฤษ
  และ เยอรมัน

              แต่เห็น H&M เติบโตขนาดนี้ รู้มั้ยคะว่า H&M ไม่มีโรงงานเป็นของตัวเอง ! การผลิตเสื้อผ้าของ H&M นั้น จะมีแฟชั่นดีไซเนอร์ของบริษัทเป็นผู้ออกแบบ จากนั้นจะส่งแบบไปให้ผู้ผลิตรายอื่นๆ เป็นผู้ผลิตและส่งกลับมาจำหน่ายในนาม H&M ซึ่งผู้ผลิตส่วนมากก็จะเป็นเจ้าในเอเชียนี่แหละค่ะ จึงไม่ต้องแปลกใจไปถ้าเห็นป้ายติดว่า Made in Combodia , India , Pakistan อะไรก็ว่ากันไป

{pic-desc}


             และถึงแม้จะเป็นองค์กรเอกชน แต่ H&M นั้นก็นับว่าเป็นองค์กรที่มี CSR (Corporate Social Responsibility) หรือความรับผิดชอบต่อสังคม ยกตัวอย่างในปี 2004 H&M ได้ร่วมมือกับโครงการ Unicef เพื่อช่วยแรงงานเด็กในประเทศอุซเบกิสถาน เสริมสร้างและพัฒนาความเข้าใจต่อทัศนคติที่มีแต่สิทธิและเสรีภาพของเด็ก โดย H&M ได้บริจาคเงินเพื่อโครงการนี้ไปมากกว่า 150,000 USD เลยล่ะค่ะ

 

 

 

 

 

 หลัก 5 ประการของแบรนด์ H&M     

 1. Idea and Design
โดยยึดหลักที่ว่าดีไซเนอร์ของ H&M จะต้องออกแบบร่วมกับผู้ซื้อหรือลูกค้า นั่นคือนำเทรนด์หรือแรงบันดาลใจที่ได้จากสิ่งที่เกิดขึ้นในโลก มาสร้างสรรค์เป็นผลงานที่มีเอกลักษณ์ที่เหมาะเจาะกับเวลาและแฟชั่น

 2. Planning the range / buying
ขอบเขตของงานดีไซน์นั้นจะต้องขยายวงกว้างมากขึ้น โดยนำความทันสมัยในหลายๆ รูปแบบมามิกซ์รวมกัน นอกจากนี้ยังหมายถึงขอบเขตของตัวร้าน ที่ต้องมีการกำหนดขนาดร้าน จำนวนสินค้าแต่ละประเภท รวมถึงโลเกชั่นของร้าน เพื่อจะสามารถกระจายสินค้าได้อย่างเต็มที่

 3. Production
ในด้านการผลิตสินค้า อย่างที่บอกไปแล้วว่า H&M ไม่มีโรงงานเป็นของตัวเอง โดยได้จ้างผู้ผลิตรายอื่นมากกว่า 700 เจ้าในการผลิตเสื้อผ้าแทน แต่ H&M ก็ใส่ใจในคุณภาพและราคาของสินค้า รวมถึงยังใช้หลัก CSR ในขั้นตอนการผลิต โดยมีการส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบโรงงานที่ผลิตอยู่เรื่อยๆ

 4. Logistics / Distribution
        The right item to the rught country and the right store คืออีกหนึ่งหลักที่ H&M ใช้ในการจำหน่ายสินค้า คือสินค้าที่วางขายในแต่ละร้านในแต่ละประเทศจะแตกต่างกัน เพราะ H&M พยายามออกแบบเสื้อผ้าให้เหมาะกับสภาพของประเทศนั้นๆ แหล่งขนส่งและกระจายสินค้าที่ใหญ่ที่สุดคือ เมืองแฮมเบิร์ก ประเทศเยอรมัน โดยวิธีขนส่งหลักนั้น H&M จะพยายามใช้การขนส่งทางบกหรือรถไฟ เพราะถือว่าหากใช้การขนส่งทางอากาศ คราบน้ำมันจากเครื่องบินอาจจะตกลงมาในทะเล ก่อให้เกิดมลพิษทั้งทางอากาศและทางน้ำก็เป็นได้

{pic-desc}

 5. Customer
       H&M พยายามขยายฐานลูกค้า โดยเปิดการสั่งซื้อสินค้าทางอินเตอร์เน็ทสำหรับบางประเทศในยุโรป ได้แก่
สวีเดน นอร์เวย์ เดนมาร์ค ฟินแลนด์ เนเธอร์แลนด์ เยอรมัน และออสเตรเลีย
รวมถึงยังเน้นในด้านการจัดบรรยากาศภายในร้าน โดยจะพยายามเปลี่ยน Display Window หุ่นโชว์หรือภาพหน้าร้านให้บ่อยที่สุด เพื่อกระตุ้นบรรยากาศให้ดูมีชีวิตชีวาและดูมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา

 

             ใครอยากชอปปิ้งกับ H&M ก็คงต้องร้องเพลงรอไปก่อน เพราะตอนนี้ที่ไทยยังไม่มีชอปของ H&M แต่ถ้าใครอดใจไม่ไหว ก็คงต้องบินไปฮ่องกงก่อน เพราะชอปที่ใกล้ที่สุดอยู่ที่ฮ่องกงนั่นเอง พี่เป้ยังจำภาพข่าวได้ว่า วันแรกที่ชอป H&M เปิดที่ฮ่องกง คนทะลักมากถึงกับต้องแบ่งกันเข้าไปเป็นรอบๆ .... ก่อนจากกันไปวันนี้  ขอปิดท้ายด้วยคอลเลคชั่นใหม่ต้อนรับฤดูใบไม้ร่วงของปี 2009 นี้ ดูเก๋ใช่ย่อยเลยล่ะค่ะ ใครชอบแบรนด์นี้หรือมีแบรนด์ในดวงใจ ก็มาแลกเปลี่ยนความเห็นกับเพื่อนๆ ได้เลย

{pic-desc}
ขอบคุณรูปและข้อมูลจาก hm.com
  

พี่เป้
พี่เป้ - Columnist มนุษย์บ้างานและบ้านวด ผู้ตกหลุมรักปลาแซลมอน การนอน และและออฟฟิศ

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

54 ความคิดเห็น

กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
† HanZes † Member 24 ก.ย. 52 15:29 น. 4

อ่า... ถึงว่า ทำไมป้าย H&M ถึงได้คุ้นๆ

เราเคยเห็นจากเดอะซิมส์นี่เอง -_-"

โอ้ แสดงว่าดังมากเลยงิ

จริงๆ แล้วเราก็รู้สึกชอบการ Design 

แต่พอดีว่า...สมองไม่เข้ากับทางนี้ ก็เลยต้องยอมรับ

-.,- เสื้อผ้าสวยจังเลย =_= อยากซื้อๆๆ

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
ใหม่ 24 ก.ย. 52 16:52 น. 6
ชอบคาร์ดิแกนของ H&M
ผ้าดีแล้วก็สบายมาก
อยากให้มีชอบในไทยไวไว
จะได้ไม่ต้องฝากคนอื่นซื้อ - - *
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
echt 24 ก.ย. 52 19:55 น. 9
H&M มีสไตล์เป็นของตัวเองดี อีกทั้งราคาก็ไม่แพงมากด้วย
เป็นแบรนด์พื้นๆ ที่สวยและก้ถูก หนูชอบบบบบบบบบบบ
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
AFS 47 24 ก.ย. 52 22:10 น. 11
ตอนแรกตกใจสุดๆ ตอนไปเจอH&Mที่เยอรมัน แบบว่า made in บังคลาเทศเงี้ย อย่างอึ้ง 55

แล้วถนนเส้นนึงก็มีตั้งหลายร้าน ตอนไปสวิสก็เจอ ที่คู่ๆกันมาเลยก็คงพวกOrsay Pimkieล่ะมั้ง

เราชอบสไตล์ของNewYorkerมากกว่า ตอนไปอยู่เยอรมันแรกๆอ่ะ แต่อยู่ไปสักพัก ไม่ชอบละ ผ้าห่วยได้ใจ = =" สรุปH&Mก็โออ่ะ
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
เบบี๋ Member 24 ก.ย. 52 23:45 น. 14
H&M ก็เทียบกับเครือๆเดียวกับ Topshop, Ms.Selfridge อะไรเทือกนี้ แต่ H&M ดูเหมือนราคาจะถูกกว่าสองร้านนั้นซักหน่อย ยิ่งตอนเซลส์นะ อยากจะเหมาให้หมดร้าน ในอังกฤษนี่ที่ Oxford Circus เปิดติดๆกันเลย เสื้อผ้าสวย หลากหลาย ราคาสมเหตุสมผล ถือเป็นแบรนด์อินเตอร์ที่ดูดีมีระดับเหมาะสมสำหรับวัยรุ่นคนทำงานระดับหนึ่ง
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
McAwesome___ ♥ Member 25 ก.ย. 52 04:12 น. 18

H&M แบรนด์โปรดเลย

แต่ก็อยากให้เมืองไทยสร้างแยรนด์ของตัวเองมั่ง

เราจะได้ไปอุดหนุน ช่วยชาติ อิอิ

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
Amale Member 25 ก.ย. 52 10:07 น. 20
H&M

เคยเจอในเดอะซิมซ์นี่หว่า
แตกแรกก็สงสัยอยู่ H&M นี่มันคืออะไร เอามาทำไม

ตอนนี้รู้แล้ว มันดังนี่เอง
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด